“มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากที่สุด ถ้าเกิดว่าพี่อยากให้พี่ชางหลิงยอมแพ้ต่อพี่ได้ ก็ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน” จี้เหยากวงเสนอ
สีหน้าของโหมวยู่ดูคลี่คลายลงเล็กน้อย เขาพิงขอบประตู แล้วก็มองไปที่จี้เหยากวง
“คุณก็รู้นิสัยของเธอดี”โหมวยู่พูด “ เธอเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดไหน ก่อนหน้านี้คุณก็เคยเห็นแล้วนี่”
“คุณไม่กลัว ว่าต่อไปเธอจะเกลียดคุณจริงๆเหรอ? ”
จี้เหยากวงก้มหน้าลง กัดริมฝีปาก แล้วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันรู้” เสียงของเธอเบาลงเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าตอนนี้พี่ชางหลิงมีอคติต่อฉัน เธอต้องเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ยู่แน่นอน”
“แต่ว่า ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ ฉันถึงได้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดไม่ใช่เหรอ? มันจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอยอมแพ้ได้มากกว่าการถูกหักหลังอีกละ? ถ้าเกิดว่าเธอนึกว่าพวกเราทั้งสองคนคบกันจริงๆ ดูจากนิสัยที่ไม่ยอมคนของเธอแล้ว ต้องยอมปล่อยมืออย่างง่ายดายแน่นอน……”
ปล่อยมืออย่างง่ายดายงั้นเหรอ?
โหมวยู่เลิกคิ้วขึ้น
ถึงแม้ว่าเขาจะหวังว่าชางหลิงจะจากเขาไปโดยที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า ตอนที่เขานึกถึงภาพเหตุการณ์นั้น หัวใจก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“พี่ยู่” จี้เหยากวงขยับเข้าไปใกล้เขา “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าที่จริงแล้วพี่ป่วยเป็นอะไร แต่ว่าฉันก็หวังว่าพี่จะสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลอดภัยราบรื่น”
“แต่ว่า เพราะเห็นว่าพี่เจ็บปวดขนาดนี้ ฉันก็อยากช่วยแบ่งเบาให้พี่บ้าง แต่ว่าความสามารถฉันมีจำกัด ทำอะไรก็ไม่ได้ มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่ฉันจะสามารถช่วยพี่ได้บ้าง”
“ขอแค่พี่ยอม ฉันจะยอมเป็นโล่กำบังโดยที่ไม่แคร์อะไร ชางหลิงจะเกลียดฉัน จะด่าฉันก็ไม่เป็นไร ขอแค่พี่ทั้งสองคนผ่านไปด้วยดี ก็พอใจแล้ว”
โหมวยู่ไม่ได้ตอบอะไร ท่าทางของจี้เหยากวงมันดูจริงใจมาก ดูแล้วเป็นคนที่ฉลาดและมีความคิดจริงๆ
“แค่เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้นเหรอ?”โหมวยู่ถามเธอ
จี้เหยากวงอึ้งไป เธอไม่เข้าใจความหมายของคำถามนี้ของโหมวยู่
“ผมให้คุณได้มากแค่นี้แหละ เมื่อกี้ผมก็บอกคุณไปแล้วนี่” สีหน้าของโหมวยู่เรียบเฉย
“ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งอื่น” จี้เหยากวงจับชายเสื้อตัวเองแน่น “ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรไม่ได้ ถ้า……ถ้าเกิดว่าโรคของพี่ยู่ มันรักษาไม่ได้จริงๆ ……แล้วพี่จะให้ฉันอยู่เคียงข้างพี่ ฉันก็พอใจแค่นี้เหมือนกัน……”
โหมวยู่หรี่ตา แล้วก็เหลือบมองเธอ
“เรื่องที่คุณทำ ผมจะตอบแทนคุณ” โหมวยู่ลุกขึ้นยืน “แต่ว่า ผมเป็นคนชอบความสงบมาโดยตลอด ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ด้วย”
พอพูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก ร่างกายของเขาหายไปตรงทางเดิน เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
พอประตูปิด สีหน้าของจี้เหยากวงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทันที ความน่าสงสารบนใบหน้าของเธอเมื่อกี้นี้ถูกแทนที่ด้วยความอันตราย
เธอนั่งลงบนเตียง แล้วก็เอาเท้าเตะกำแพงอย่างอารมณ์เสีย
——
ป๋ายจื๋อไปรับชางหลิงกลับไปที่คอนโดแต่เช้า
โหมวฉี่พูดคำไหนคำนั้น หาห้องที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในคอนโดเดียวกัน จัดหาหมอให้ไปอยู่ในนั้น คอยรับประกันความปลอดภัยของเธอ
แถมยังเชิญแม่บ้านที่มีประสบการณ์โชกโชนมารับผิดชอบดูแลอาหารทั้ง 3 มื้อของชางหลิงอีกด้วย
ชางหลิงนอนอยู่บนเตียง ป๋ายจื๋อช่วยเปิดผ้าม่านให้กับเธอ ให้แสงแดดได้ส่องเข้ามาในห้อง
“ทำไมโหมวฉี่ได้เอาใจใส่คุณขนาดนั้น? ” จู่ๆป๋ายจื๋อก็ถามออกมา
“หืม? ” ชางหลิงที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จู่ๆ ก็โดนถามขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดี
“เขาคือพี่ชายของโหมวยู่ ดังนั้นที่เขาทำทั้งหมดนี้ มันเป็นสิ่งที่โหมวยู่บอกให้ทำหรือเปล่า? ”ป๋ายจื๋อไม่เข้าใจ
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน เกรงว่ามันจะไม่ได้ดีขนาดนั้น” ชางหลิงหัวเราะเบาๆ
จากการที่เธอรู้จักโหมวยู่ดี แค่การที่โหมวยู่ไม่ห้ามโหมวฉี่อย่างชัดเจน ว่าอย่าให้เข้าใกล้เธอก็ถือว่าเมตตาพอแล้ว ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะขอร้องให้โหมวฉี่มาดูแลเธอ
บางที มันก็อาจจะเป็นเหมือนที่โหมวฉี่พูด เขาเหมือนเห็นเธอเป็นเงาของเซิ่งเยียนหัว อยากทำอะไรเพื่อชดเชยความผิดพลาดที่เคยได้ทำลงไป ทำให้ตัวเองได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย
ชางหลิงก็ยังคงรู้สึกเกรงใจอยู่นิดหน่อย ระหว่างพวกเขา ไม่ใช่ญาติมิตรด้วยซ้ำ เธอไม่ควรจะได้รับสิ่งที่เขามอบให้เลย
แต่ว่า นิสัยของโหมวฉี่เนี่ย ดูภายนอกเหมือนจะอ่อนโยน แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถเอ่ยปากปฏิเสธได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดยังไง? ” ป๋ายจื๋อถามต่อ
เขามองท้องของชางหลิง แล้วคิ้วก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน “คุณคิดจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไหม? ”
“ทำไมท่าทางคุณดูแปลกใจจังเลยล่ะ? ” ชางหลิงสงสัย “นี่คือลูกของฉัน ไม่ว่าโหมวยู่จะเป็นยังไง เขาจะเป็นญาติทางสายเลือดเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ของฉัน แล้วฉันจะไม่เก็บเขาไว้ได้ยังไงกัน? ”
ป๋ายจื๋อเอียงศีรษะของเขา เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าเกิด ถึงวันกำหนดคลอด ท่าทางของโหมวยู่ยังคงไม่เปลี่ยนไปล่ะ? ลูกคนนี้จะทำยังไง? ”ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว “ชีวิตของเขา ก็จะเหมือนกับคุณตอนเป็นเด็ก”
“ไม่มีทาง!” ชางหลิงตอบเขาอย่างแน่วแน่
“ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เขาเป็นเหมือนฉัน” ชางหลิงลูบท้องของตัวเอง
“ฉันจะไม่เดินตามทางของแม่ฉัน ฐานะและชื่อเสียงสำหรับฉันแล้วมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นเลย ฉันคนเดียวสามารถเลี้ยงเขาให้เติบโตได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น”
หลังจากที่ได้รู้ประวัติชีวิตของตัวเองแล้ว ชางหลิงก็คิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด
ถ้าเกิดว่าตอนนั้นแม่ของเธอไม่ได้แต่งงานกับชางหวยซู บางที ชีวิตของเธอมันอาจจะไม่เป็นเหมือนตอนนี้ก็ได้ เธอยอมที่จะไม่มีพ่อ มากกว่าการที่มีพ่อที่ไม่เคยให้ความรักกับเธอเลย
“แต่ว่า……”ป๋ายจื๋อยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าโทรศัพท์ของชางหลิงที่วางอยู่ด้านข้างก็ดังขึ้น ตัดบทเธอ
ถงเอินโทรมา
ชางหลิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย แล้วก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังเข้ามาในโทรศัพท์
“ชางหลิง เกิดเรื่องแล้ว!ทางที่ดีคุณควรจะอยู่แต่กับบ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
ชางหลิงสับสน “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่โทรศัพท์ของป๋ายจื๋อ เขากดเปิด แล้วก็อ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นในหน้าจอ
ในข่าว เป็นวิดีโอของอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันนั้น แต่ว่ามันถูกตัดออกมา ดูจากมุมนี้ ก็คือพวกเขาขับรถชนหลี่กุ้ยเฟิน
สิ่งถัดมา ใบหน้าของชางหลิงก็ปรากฏขึ้นในวิดีโออย่างชัดเจน
คอมเม้นด้านล่างระเบิด เหมือนกับว่ามีคนจงใจชี้ทาง ให้ทุกคนเริ่มโจมตีเธออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมียน้อยไต่เต้า จงใจฆ่าโม่โม่ ฆ่ารักแรกของแฟนตัวเอง ขับรถหรูชนคน……
แต่ละคน ก็ล้วนเต็มไปด้วยเจตนาที่ไม่ดี บางคนถึงกับขู่ ว่าถ้าเกิดเจอชางหลิง จะจัดการเธออย่างแน่นอน
“เฮ้อ ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว ตอนนี้นักข่าวมากองกันอยู่หน้าเซิ่งซื่อเต็มไปหมด” พอพูดจบ ถงเอินก็ตัดสายไป
ชางหลิงมึนงง เธอไม่เข้าใจในสถานการณ์เลย พอเห็นใบหน้าที่มืดมนของป๋ายจื๋อ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้
โทรศัพท์เธอปิดเสียงอยู่ พอมาดูแล้ว มีแต่สายที่ไม่ได้รับเต็มไปหมด แถมยังเป็นเบอร์แปลกอีกด้วย ข้อความที่ยังไม่ได้อ่านยิ่งดูน่าพิศวงยิ่งกว่าเดิม ล้วนเต็มไปด้วยคำศัพท์ที่ชั่วร้าย แถมยังด่าถึงบรรพบุรุษของเธอ