ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 302 พาหมอมาไม่ใช่นักฆ่า

บทที่ 302 พาหมอมาไม่ใช่นักฆ่า

ณ ห้องทำงานประธานบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ป โหมวยู่มองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ยากที่จะคาดเดาได้ รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยความกดดัน ผู้ช่วยที่เข้ามายังต้องตกใจจนขาสั่น

“เธอออกมาทำไม?”

“ฉัน ฉันเห็นว่าพี่ยู่กลับบ้านดึกมาหลายวัน เลยอยากมาส่งอาหารมื้อดึกให้น่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะพี่โหมว ฉันมารบกวนพี่หรือเปล่า งั้นฉันไปก่อนนะคะ”

จี้เหยากวงเอากระบอกฉนวนวางไว้บนโต๊ะทำงานของโหมวยู่ และอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

เหมือนกลัวว่าโหมวยู่จะต่อว่าที่เธอไม่เชื่อฟัง ว่าแล้วจี้เหยากวงก็น้ำตารื้นขึ้นมา ขนตายาวเป็นแพนั้นสั่นเทา ร่างกายถอยหลังไปเล็กน้อย ท่าทีที่ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูนั้น ไม่ว่าใครที่เห็นแล้วก็ต้องอดไม่ได้สงสาร

โหมวยู่เงยหน้าขึ้นมา กระตุกมุมปาก “ไม่เป็นไร นั่งก่อนเถอะ”

“ขอบคุณค่ะพี่มู่”

จี้เหยากวงนั่งอยู่บนโซฟาเงียบๆ พยายามไม่รบกวนการทำงานของโหมวยู่อย่างเชื่อฟัง

ในตอนที่ชางหลิงผลักประตูห้องทำงานของประธานเข้าไป ก็เห็นภาพแบบนี้ จี้เหยากวงนั่งอยู่บนโซฟาเงียบๆ โหมวยู่ตั้งใจอ่านเอกสารบนโต๊ะ โต๊ะทำงานยังมีกระบอกฉนวนสีขาวที่ดูสะดุดตา ทำเอาชางหลิงขอบตาแดงก่ำ

“คุณชายรองโหมว นี่น่ะเหรอที่ว่าไม่มีเวลา?”

คำพูดของเธอทำลายความสงบนี้ไป ทั้งสองสบตากันอย่างพร้อมเพรียง

ดวงตาของโหมวยู่สงบและเย็นชา ดวงตาจี้เหยากวงเต็มไปด้วยความหวาดผวา กลัวจนต้องขดตัวไปด้านหลัง รีบเอาหมอนบนโซฟามาวางไว้บนหน้าอกตัวเอง

“พี่ชางหลิง พี่……พี่มาได้ยังไง?”

ถามแบบนี้ เหมือนชางหลิงเป็นส่วนเกินเลย

ชางหลิงเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชันที่ปกปิดไว้ไม่อยู่ “ทำไม ที่นี่มีแต่เธอที่มาได้งั้นเหรอ?”

“ไม่ค่ะ……ไม่ใช่ค่ะ พี่ชางหลิงเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่ไม่เจอพี่มานานแล้ว รู้สึกตกใจน่ะค่ะ ได้ยินว่าช่วงนี้พี่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ช่วงนี้พี่พักอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ทำไมไม่กลับมาสักที พี่ยู่กับฉันคิดถึงพี่มาเลยนะคะ”

พอตอนที่จี้เหยากวงถามชางหลิงว่าพักอยู่ที่ไหน สีหน้าโหมวยู่กมืดมนลงทันที จี้เหยากวงกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างสะใจทันที

“คุณจี้เป็นห่วงสุขภาพตัวเถอะ ตอนนี้คงไม่เหมาะสำหรับการมีลูกหรอกนะ! คุณจี้คิดไว้หรือยังว่าจะจัดการยังไง? เพราะยังไงก็เป็นลูกของคุณ คุณตัดสินใจเองเถอะ พอดีเลย ฉันเอาหมอมาด้วย จะได้ช่วยตรวจร่างกายให้คุณจี้”

จี้เหยากวงรีบมองไปตรงมุมห้อง สายตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากโหมวยู่ ทันใดนั้นก็กลายเป็นเสียงสูงทันที “อย่านะ อย่าเข้ามานะ พี่ยู่ ช่วยฉันด้วย ฉันกลัว!”

“คุณจี้อย่ากลัวไปเลย คนที่ฉันพามาคือหมอ ไม่ใช่นักฆ่า ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะ หรือว่าไปทำเรื่องอะไรไม่ดีไว้หรือเปล่า?”

ชางหลิงแค่มองไป หมอที่อยู่ด้านหลังของเธอก็รีบเดินไปหาจี้เหยากวงทันที สองนิ้วรีบทาบข้อมือหล่อนเอาไว้

จี้เหยากวงรู้ตัว กำลังจะผลักผู้ชายข้างๆออกไป ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายพูดขึ้น

“ร่างกายคุณจี้ตอนนี้อ่อนแอมาก ช่วงสองปีนี้ยังไม่เหมาะสำหรับการตั้งครรภ์ เด็กในท้องของคุณจะสามเดือนแล้ว ไม่ควรยื้อเวลาต่อไปแล้ว คุณจี้รีบเอาออกจะดีที่สุด!”

“พูดไร้สาระ ฉันท้องยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ” จี้เหยากวงทั้งโกรธทั้งกังวล จนดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง มองค้อนหมอที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าที่น้อยใจ

จี้เหยากวงรีบไปหลบข้างหลังโหมวยู่ ดึงแขนเสื้อเขาไว้และพูดร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร “พี่ยู่ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันเพิ่งจะมีลูก จะมีสามเดือนแล้วได้ยังไงกัน พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน พวกเขาอยากทำร้ายลูกของฉัน ฉันกลัวจังเลย”

โหมวยู่มองจี้เหยากวงด้วยแววตาเรียบเฉย แล้วสั่งผู้ช่วยข้างๆว่า “ส่งคุณจี้กลับไปก่อน”

“ครับ”

ผู้ช่วยเดินไปข้างๆจี้เหยากวงอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “คุณจี้ เชิญทางนี้ครับ”

จี้เหยากวงเดินออกไปอย่างไม่พอใจ น่าโมโหจริงๆ! หล่อนนำคนมาจำนวนมากถึงที่นี่ กลับไม่มีโอกาสได้เห็นภาพบรรยากาศที่โหมวยู่กับชางหลิงทะเลาะกันจนคอขาดบาดตาย

“พวกนายออกไปรอฉันก่อน” ชางหลิงกระซิบบอกป๋ายจื๋อที่อยู่ข้างๆ

ป๋ายจื๋อออกไปพร้อมปิดประตูห้องทำงานด้วย ภายในห้องอันกว้างขวางเหลือเพียงแค่สองคน ทันใดนั้นชางหลิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

โหมวยู่กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอผอมลงไปมาก สีหน้าก็ดูแย่ลงมาก ไม่ได้กินข้าวดีๆแน่เลย ขอบตาดำอย่างเห็นได้ชัด คงนอนดึกมาแล้วหลายวันแน่

พอออกห่างจากเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ปล่อยตัวเลยงั้นเหรอ

เขาประเมินป๋ายจื๋อสูงเกินไป คนซื่อบื้ออย่างเขาจะดูแลคนได้ยังไง ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อีก

“กินข้าวหรือยัง?”

น้ำเสียงของโหมวยู่สงบจนเหมือนความขัดแย้งระหว่างทั้งสองไม่เคยมีอยู่ ชางหลิงตอบไปอย่างเคยชินว่า “ยัง!”

โหมวยู่สีหน้ามืดมนลง เขาอยากให้ชางหลิงผิดหวังในตัวเขา อยากให้ต่อไปเธอสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ดี แต่ไม่ใช่เพื่อทรมานและทำร้ายร่างกายตัวเอง

ร่างกายเพิ่งหายดีก็ออกมาเดินป้วนเปี้ยนแล้ว ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย

หญิงตั้งครรภ์เหมือนจะกินของที่หนักมากไม่ได้ โหมวยู่โทรศัพท์ไปฝ่ายผู้ช่วย “ส่งอาหารรสอ่อนมา”

ชางหลิงก็ถึงรู้ตัว มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!

เธอมาคิดบัญชีกับโหมวยู่ไม่ใช่เหรอ?

หรือเขาจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของจี้เหยากวงหน่อยเหรอ?

พวกเขาควรจะทะเลาะกันอย่างดุเดือดและสถานการณ์ตึงเครียดสิ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีกลิ่นอายความอบอุ่นของสามีภรรยาโชยมาอ่อนๆได้ล่ะ?

“คอกแคะ! อย่าคิดว่าข้าวมื้อเดียวแล้วเรื่องจะผ่านไปได้ เรื่องของจี้เหยากวงมันยังไงกันแน่?”

“เมื่อกี้เธอก็ให้หมอตรวจให้แล้วนี่?”

โหมวยู่แบมือออกด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ เหมือนว่าชางหลิงกำลังงี่เง่าอยู่

“ถึงแม้เด็กคนนั้นจะไม่ใช่ของนาย ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านายบริสุทธิ์”

โหมวยู่จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ดูเหมือนจะไม่อธิบายอะไรเลย

“ฉันเห็นหล่อนนอนอยู่ข้างนายโดยไม่มีเสื้อผ้าอะไรอยู่บนตัวเลย”

ในตอนที่ชางหลิงพูดคำนี้ออกมา เธอใจเย็นกว่าที่คิดไว้เยอะ อาจเป็นเพราะในใจเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์จริงๆ!

ได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โหมวยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เธอน่าจะผิดหวังถึงที่สุดแล้วสินะ!

ครั้งนี้ที่มาคงจะมาตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา

ร่างกายเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ ชางหลิงตัดขาดกับเขายิ่งเร็วยิ่งดี โหมวยู่มองดูเธอและพยักหน้า “อืม”

โหมวยู่กลับยอมรับอย่างใจเย็นแบบนี้เลยงั้นเหรอ?

ชางหลิงอึ้ง

โหมวยู่จะทำอะไรกันแน่?

เขาใจร้อนอยากไล่เธอออกไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

ในตอนนั้นเอง ทันใดนั้นชางหลิงก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เธออดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดข้างในหัวใจ ปกปิดความเจ็บปวดและเศร้าโศกของตัวเองให้ได้มากที่สุด “หย่าก็ได้ นายอธิบายเหตุผลมาให้ชัดเจน?”

ในที่สุดก็ได้ยินคำพูดที่เขาอยากได้ยินมาตลอดจากปากเธอสักที แต่โหมวยู่กับดีใจไม่ออก ใบหน้ามืดมนลงกว่าเดิม “เธอว่ายังไงนะ?”

“นี่เป็นสิ่งที่นายอยากได้ไม่ใช่เหรอ? อย่าเสแสร้งเลย ฉันปล่อยให้นายเป็นอิสระ แต่นายจะต้องบอกเหตุผลที่อยากหย่ากับฉันมาก่อน อีกอย่าง นายจะต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้กับฉันจนเติบโต”

โหมวยู่จ้องมองเธอนิ่ง ใบหน้าเธอซีดเผือดจนน่าปวดใจ หัวใจเขาเหมือนถูกทิ่มแทง อาบโชกไปด้วยเลือด แต่ใบหน้ากลับยิ่งเย็นชาจนทำให้คนรู้สึกขนลุกซู่ได้

“ไม่มีเหตุผลอะไร เธออยากได้เด็กเอง ฉันยอมรับไม่ได้ ในเมื่อพวกเราไม่ใช่คนที่สามารถยอมกันได้ งั้นก็เลิกกันเถอะ!”

ชางหลิงหัวเราะประชด โหมวยู่คิดจะหาเหตุผลลวกๆ ก็ไม่หาอันที่ดีกว่านี้มาหน่อยเหรอ?

ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้นจริงๆ!

ถึงแม้เธออยากหลอกตัวเองมากก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไม่ยอมรับข้ออ้างที่ขอไปทีแบบนี้ได้

“นายคิดดีหรือยัง ฉันให้โอกาสสุดท้ายกับนาย ไม่งั้นชาตินี้ก็อย่าคิดหย่ากันเลย”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท