“หลิงเอ๋อ หลิงเอ๋อ รีบตื่นขึ้นมา ตื่น คุณฝันร้ายแล้ว!”
โหมวยู่โอบชางหลิงเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น ตบลงไปบนแก้มขาวของเธอไปด้วยความห่วงใย เรียกชื่อของเธอไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ชางหลิงลืมตาขึ้นมากะทันหัน มองโหมวยู่ไปอย่างนิ่งค้างอยู่หลายวิ จู่ๆยกศีรษะขึ้นมากัดลงบนริมฝีปากบางของเขา หลังจากที่รู้สึกได้ถึงความรู้สึกถึงสัมผัสที่แท้จริงที่บนริมฝีปากและกลิ่นสนิมในปากแล้ว อารมณ์ที่ตื่นตระหนกของชางหลิงมันก็ได้รับการปลอบประโลมไปบ้างเล็กน้อย
“โหมวยู่ ฉันฝันว่าคุณไปแล้ว ฉันไล่ตามคุณไปยังไงก็ไล่ตามไม่ทันคุณ ฉันเสียใจมาก เกือบจะขาดอากาศหายใจไปเลย”
โหมวยู่เอาศีรษะของเธอกดลงไปในหน้าอกอุ่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่น้ำเสียงกลับอบอุ่นและอ่อนโยนออกมาเป็นพิเศษ “เด็กโง่ นั่นมันก็แค่ความฝัน ผมก็อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่เหรอ? ยังกลัวหรือเปล่า ต้องการกัดผมเพื่อระบายอารมณ์อีกหรือเปล่า”
พูดถึงท่อนสุดท้ายโหมวยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา อกแกร่งสั่นออกมาไม่หยุด
หัวของชางหลิงหดเข้าไปข้างในอีกครั้ง น่าขายหน้ามากเลย!
หลังจากที่ปลอบประโลมชางหลิงเสร็จแล้ว โหมวยู่ก็ได้ลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อเตรียมอาหารเช้าที่อุดมสมบูรณ์มื้อนึง
นอนอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่เพียงลำพัง หลังจากที่ใจเย็นลง ชางหลิงมองดูเวลา มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเอง
โหมวยู่กินยานอนหลับไปสี่เม็ดเต็มๆ นึกไม่ถึงว่าจะตื่นตอนหกโมงเช้ากว่าๆได้?
คุณสมบัติของร่างกายนี้ มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ
วันที่อบอุ่นและมีความสุขอย่างนี้ดำเนินต่อเนื่องมาสามวัน เช้าวันที่สี่ หลังจากที่แสดงความหวานกับโหมวยู่อยู่นาน ชางหลิงได้ยินการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยมาจากครัว จะคิดยังไงก็รู้สึกว่ามันแปลกมาก
วันอย่างนี้มันผิดปกติเกินไป มันไม่ใช่วันที่โหมวยู่ควรใช้ชีวิตอยู่เลยสักนิด
อีกอย่าง ช่วงหลายวันมานี้โหมวยู่ก็ว่างมากเกินไป
ชางหลิงอยู่ด้วยกันกับโหมวยู่ตลอดเวลาในวันธรรมดาอย่างนี้ แต่กลับไม่เคยได้รับสายจากบริษัทโทรเข้ามาเลย แม้แต่ฉู่ฉือกับหลีซินต่างก็เป็นคนสนิทกันทั้งนั้นก็ไม่ได้โทรเข้ามา
โหมวยู่ยังคงตื่นเช้าขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าที่สารอาหารสมบูรณ์ให้เธอเต็มโต๊ะ หลังจากมื้ออาหารเช้าก็ได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนดอกไม้เป็นเพื่อนชางหลิง ไปซื้อผักผลไม้สดด้วยกัน
ตอนที่เธอเห็นโหมวยู่เปลี่ยนเสื้อคลุมเตรียมจะไปห้องครัวเพื่อจัดการส่วนประกอบอาหาร ในที่สุดชางหลิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกมา “งานที่บริษัทคุณไม่ต้องจัดการแล้วเหรอ?”
“ทั้งหมดจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลายวันนี้ธุระเพียงหนึ่งเดียวของผมก็คืออยู่เป็นเพื่อนคุณ”
โหมวยู่ยิ้มออกมาด้วยความผ่อนคลาย พูดจบก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วหยิบเอาผลไม้ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้นี้ออกมา
ชางหลิงไม่รู้ว่าควรจะถามต่อไปยังไง ถือโอกาสตอนที่เขายุ่งอยู่ในครัว แอบส่งข้อความไปหาฉู่ฉือ
“โหมวยู่ไม่เข้าไปบริษัทนานขนาดนี้ไม่มีปัญหาจริงๆเหรอ?”
“คุณชางวางใจได้ ทางบริษัทคุณชายรองได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
ฉู่ฉือยึดมั่นที่จะยืนอยู่กับโหมวยู่โดยตลอด การที่จะถามอะไรจากทางเขาออกมาไม่ได้เลยมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก
เพื่อให้มั่นใจ ชางหลิงรีบส่งข้อความไปหาถงเอินกับซูเสี่ยวเฉิงไปทันที ถามพวกเธอถึงสถานการณ์ในช่วงหลายวันนี้ของทางบริษัทดีหรือเปล่า
ซูเสี่ยวเฉิงตอบข้อความกลับมาทันที พูดข่าวเม้าท์มอยของทางออฟฟิศออกมาเป็นน้ำไหลไฟดับ จากนั้นก็ได้แนะนำเสื้อผ้าที่ออกมาใหม่หลายตัวด้วยความตื่นเต้นอีกที ไม่เอ่ยถึงโหมวยู่เลยสักประโยคเดียว
คุยกันมาครึ่งชั่วโมง ชางหลิงถึงจะถามออกไปอย่างไม่ชัดเจน “หลายวันมานี้โหมวยู่อยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”
ซูเสี่ยวเฉิงส่งเครื่องหมายคำถามมาให้ จากนั้นก็ส่งสติกเกอร์ตื่นตัวมาให้
“หลิงหลิง เธอค้นพบอะไรเข้าหรือเปล่า คือต้องการจะมาจับชู้หรือเปล่า? หลิงหลิง ถ้าเธอจะมาต้องบอกฉันล่วงหน้าก่อน ฉันจะช่วยเธอเป็นมือตบให้เอง”
ชางหลิงมองขึ้นฟ้าไปอย่างหมดคำพูด สมกับที่เป็นนักเขียน ความสามารถในการจินตนาการนี้มันสุดยอดจริงๆ
“ไปลองถามหลีซินของเธอดู โหมวยู่มีการมอบหมายงานอะไรบ้างหรือเปล่า”
“โอ๊ะ เธอไม่พูดเรื่องนี้ฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย โหมวยู่ของเธอเป็นอะไรไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะทิ้งงานทั้งหมดของคลับnovaเอาไว้ให้หลีซินหมด มันเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้เจอหลีซินมาหลายวันแล้ว”
“หลิงหลิง เธอต้องช่วยฉันนะ อย่างนี้ต่อไปฉันจะมีชีวิตยังไงกัน!”
“ฉันน่าสงสารเกินไปแล้ว หลิงหลิง ตอนนี้ฉันต้องพึ่งเธอทั้งหมดแล้ว เธอจะไม่สนใจฉันไม่ได้นะ”
ข้อความของซูเสี่ยวเฉิงส่งเข้ามาติดๆกันข้อความแล้วข้อความเล่า เธอใช้ความเร็วของนิ้วมือขั้นสุดยอดในชีวิตประจำวันของเธอมาใช้ สามารถทำให้เธอวิจารณ์ออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยที่ไม่สนอะไรเลยอย่างนี้ในช่วงเวลาทำงานได้ เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้เคียดแค้นมาอย่างฝังลึกเลยทีเดียว
หลังจากเห็นซูเสี่ยวเฉิงระบายความในใจออกมาจบไปเงียบๆ ชางหลิงถึงได้เอ่ยปลอบออกไป “ใจเย็นๆ ฉันจะพยายามช่วยพูดให้เธอดู”
ซูเสี่ยวเฉิงส่งสติกเกอร์ที่น่าสงสารมาให้ จากนั้นก็ไปทำงาน
รอคำตอบกลับมาของถงเอินไม่ได้ ชางหลิงตัดสินใจที่จะลองหาข้อมูลที่หลุดจากคำพูดของโหมวยู่ดูก่อน “ทุกวันคุณอยู่กับฉันที่นี่ งานที่เซิ่งซื่อไม่ต้องดูแลแล้วเหรอ?”
“จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว มันจะมีคนคอยจัดการอยู่แล้ว” โหมวยู่พิงเข้ากับโซฟาไปอย่างสบายใจ ดึงมือของชางหลิงมาจูบไปทีนึง
“คุณทำอย่างนี้ นายท่านโหมวรู้เข้าจะตรงเข้ามาฆ่าถึงคอนโดฉันหรือเปล่า”
ชางหลิงยิ้มแล้วตบไปที่มือเขาไปทีนึง แล้วเลิกคิ้วถามออกไป
“อืม มีความเสี่ยงอย่างนี้ งั้นพวกเราเปลี่ยนที่อยู่กัน ผมมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ทางวิลล่าในพื้นที่ชุ่มน้ำที่ภาคตะวันออกของเมือง นายท่านใหญ่ไม่รู้” โหมวยู่พูดออกมาเป็นจริงเป็นจังมาก
“ทรัพย์สินส่วนตัวทางวิลล่าในพื้นที่ชุ่มน้ำ? คุณซ่อนได้ดีมาเลยนะเนี่ย นายท่านใหญ่ไม่รู้ฉันเองก็ไม่รู้ คุณอยากทำอะไร ฝังหญิงงามเอาไว้ในห้อง แล้วเลี้ยงดูสาวน้อยอีกคนเอาไว้อีกทีเหรอ?”
ก็คงจะเป็นเพราะว่าหลายวันนี้ท่าทีที่โหมวยู่ปฏิบัติต่อเธอมันดีเกินไป ดีจนคำพูดที่ชางหลิงพูดออกไปโดยที่ไม่ต้องคิดเลย พูดออกไปตรงๆตามนิสัย
“อารมณ์หึงเผยออกมาหมดแล้วนะ”
โหมวยู่ใช้แรงเอาชางหลิงเข้ามาโอบอยู่ในอ้อมแขนแน่น กอดเธอเอาไว้แน่น การหายใจที่รุ่มร้อนรดลงมาบนต้นคอขาวของเธอ หัวเราะออกมาเสียงเบาแล้วกัดลงไปบนติ่งหูของชางหลิงไปเบาๆหลายที “หึงขึ้นมาแล้วใช่มั้ย”
“ฉันคร้านจะไปหึง วิลล่าของคุณ คุณอยากเลี้ยงใครเอาไว้ก็เลี้ยงไปสิ” ชางหลิงบิดร่างเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
เรื่องจี้เหยากวงมันได้ฝังอยู่ในใจมานาน ตอนนี้ได้ระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่กะทันหัน
“หลิงเอ๋อ หลิงเอ๋อ”
โหมวยู่เรียกชื่อเธอออกมาเสียงเบา มือที่โอบเธอเอาไว้ลงแรงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จูบลงมาทุกที่ สมองของชางหลิงโกลาหลไปหมด หัวมันไม่มีอะไรเลยนอกจากโหมวยู่
วันที่ได้แสดงความหวานต่อกันอย่างนี้ผ่านมาอีกสองวันแล้ว ชางหลิงเกือบจะเคยชินไปแล้ว ขนาดเมื่อเช้าวันนั้นตอนเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าโหมวยู่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติอะไรเลยสักนิดเดียว
เธอเดินเข้าห้องนอนไปล้างหน้าบ้วนปาก อ่างล้างหน้าเหมือนจะต่างไปเล็กน้อย ชางหลิงที่กำลังงัวเงียอยู่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เดินหาวไปยังห้องอาหาร เห็นอาหารเช้าที่มีอยู่เต็มโต๊ะก็ยิ้มออกมา
ชางหลิงกินเสี่ยวหลงเปาไปชิ้นนึง ดวงตามองหาไปรอบห้องรับแขกและห้องครัว ไม่พบเงาร่างของโหมวยู่อยู่เลย ใจจึงเกิดความว้าวุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ต่อสายไปยังเบอร์ของโหมวยู่
ปิดเครื่อง!
เธอไม่มีความสนใจที่จะกินข้าวเช้าอีก รีบสาวเท้าเดินเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนชุดลำลองชุดหนึ่ง จัดผมไปอย่างง่ายๆ สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป
เธอต้องไปหาโหมวยู่ บ้านที่โหมวยู่มาแล้วจากไปนี้ เธออยู่ต่อไปไม่ได้เลยสักนาทีเดียว
ตอนที่ชางหลิงเปลี่ยนรองเท้านั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียง “แกรก!” ประตูใหญ่ถูกคนเปิดเข้ามาจากด้านนอก
เธอดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ดึงประตูเกะกะขวางทางนี้ไปโดยทันที ในตอนที่เธอเตรียมจะกระโจนเข้าไปนั้นเอง ทั้งร่างก็ได้แข็งค้างไป