หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกชั้นปีที่สอง ควินน์ก็ตะหนักขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหนเมื่อเทียบกับตัวเองเมื่อก่อน ก็ยังมีอีกหลายคนที่เขาแข็งแกร่งไม่มากพอจะต่อกรด้วย และแม้ว่าโมโม่จะแข็งแกร่งที่สุดในนักเรียนชั้นปีที่สอง แต่หมอนั่นก็ไม่ใช่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอยู่ดี
มีพวกเลเวลสูงๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้มีทักษะโดยกำเนิดที่ไม่อาจวัดค่าความสามารถได้ หรือแม้แต่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งด้วยกันที่มีทักษะอันทรงพลัง และนั่น ก็รวมถึงเพื่อนสนิทของเขา วอร์เด็นและเอริน
หากควินน์อยากไปให้ถึงเลเวลเดียวกันกับคนพวกนั้น เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ซึ่งวิธีง่ายๆสำหรับเขาเพื่อที่แข็งแกร่งขึ้นไป คือการดื่มเลือดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาแล้ว
หลังจากการตายของแบรนดอนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชั้นปีที่สอง การรักษาความปลอดภัยรอบๆโรงเรียนก็เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม มีทหารจำนวนมากถูกสั่งให้ลาดตะเวนไว้และพวกเขาก็จับตามองนักเรียนทุกๆคน
สำหรับตอนนี้ ขณะที่ความตึงเครียดในโรงเรียนกำลังพุ่งสูง มันเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับเขาที่จะเก็บตัว เพื่อเลือกหนทางอื่นในการพัฒนาสกิลต่างๆของเขา
ควินน์ยังไม่ได้เรียนรู้สกิลใหม่ทั้งสอง แต่แค่รับรู้มันเฉยๆก็คงไม่เพียงพอ หลังจากที่เขาได้เห็นในสิ่งที่วอร์เด็นทำแล้ว เขาก็ต้องการที่จะฝึกฝนวิธีการใช้งานพวกมัน ดังนั้น เขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์เสียก่อน
“เฮ้ ฉันจะเข้าไปในเมืองแล้วหาของกินสักหน่อย นายจะไปด้วยกันไหม?” วอร์เด็นถาม
ควินน์ลังเลอยู่ชั่วครู่ เพราะแรกเริ่ม เขามีแผนจะที่ไปเจอกับเรย์ร่าเพื่อฝึกซ้อมสกิลอัดกระแทก ทว่าในเวลาเดียวกัน ตัวเขาเองก็ไม่ได้ผ่อนคลายมาสักพักแล้ว
ที่โรงเรียนเก่าของเขา ควินน์ไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคนและอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาสที่เขาจะก้าวเดินต่อไปและมีความสุขบ้าง
สักวัน คงไม่เป็นอะไรหรอก ใช่ไหม?
“เอาสิ แน่นอน ฉันจะไปด้วย” ควินน์ตอบ
“แล้วนายล่ะปีเตอร์?” วอร์เด็นถาม
ปีเตอร์หลบหน้าพวกเขาทั้งสองคนอยู่พักหนึ่ง แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมห้อง การหลบหน้าจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ปีเตอร์ยังคงรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด แต่แล้วในที่สุด เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าเขาจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว
“ไปสิ ฉันไปด้วยคนนะ”
ทั้งสามคนมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง พวกเขาหาของกินด้วยกัน ดูหนังด้วยกันและหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่ในขณะที่ทั้งสามคนอยู่ข้างนอก ปีเตอร์ก็ได้เห็นกลุ่มของพวกเลเวลสูงๆที่เขาเคยรู้จัก
คนพวกนั้นเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ปีเตอร์เคยไปสนิทสนมในโรงอาหาร ขณะที่ปีเตอร์เผลอไปสบตาด้วย พวกนั้นก็ส่งสัญญานให้เขา เพราะต้องการเรียกเขาไปพูดคุย
“เฮ้ พวก ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันสัญญากับใครบางคนเอาไว้ ว่าจะไปเจอในโรงเรียนตอนค่ำ” ปีเตอร์พูด “ฉันรู้สึกดีมากๆที่ได้อยู่กับพวกนาย แล้วเจอกันตอนที่พวกนายกลับหอพักนะ”
วอร์เด็นมองหน้าควินน์ ซึ่งทั้งคู่รับรู้ได้ทันทีว่าคำพูดของปีเตอร์นั้นฟังดูน่าสงสัย
“เฮ้ ปีเตอร์ ถ้านายรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น บอกฉันสิ ฉันจะช่วยนายเอง” วอร์เด็นพูด
“ไม่ มันไม่มีอะไรหรอกฉันสัญญา ฉันมีเพื่อนที่ดีมากจริงๆ ฉันต้องรีบแล้วล่ะ ไปก่อนนะ พวกนาย”
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขี้น ปีเตอร์ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดซ้ำอีกแล้ว เขาจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง วอร์เด็นแข็งแกร่งก็จริง แต่ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด เขาไม่ได้มีพลังมากพอที่จะจัดการกับพวกรุ่นพี่ และปีเตอร์ก็รู้ดีว่าพวกนั้นเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ในที่สุด ปีเตอร์ก็เดินแล้วเข้าไปตรอกซอย ซึ่งมีนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง 5 คนกำลังรออยู่
“กว่าจะมาได้นะ” นักเรียนคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของกลุ่มมีรอยแผลเป็นที่คาง และเขามีชื่อว่าเอิร์ล เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มชั้นปีที่หนึ่งภายใต้แก๊งของโมโม่โดยตรง
ทันใดนั้น เอิร์ลก็จับปีเตอร์เหวี่ยงใส่กำแพง
“แกคิดจะทำบ้าอะไรของแกวะ ที่แกไปฟ้องอาจารย์เมื่อวาน” เอิร์ลพูด “แกรู้ไหมตอนนี้ โมโม่และคนอื่นๆกำลังทำให้พวกฉันลำบาก เพราะเขาไว้ใจคนอย่างแก”
จากนั้นเขาก็ต่อยเข้าไปที่ท้องของปีเตอร์ ทำให้ปีเตอร์คุกเข่าลงไปที่พื้นแล้วล้มลง
“ทำไมพวกฉันจะต้องเป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษ นี่มันเป็นความผิดของแก” เอิร์ลวิ่งไปเตะที่ท้องของปีเตอร์ซ้ำอีกรอบ
การเตะนั้นรุนแรง และร่างกายของปีเตอร์เริ่มสั่น ตอนนี้ในทุกๆวินาที เขารู้สึกอยากจะอาเจียนไอศกรีมออกไป ทั้งๆที่เพิ่งกินกับเพื่อนอีกสองคน
เอิร์ลเดินเข้ามาหาปีเตอร์ใกล้ๆและก้มลงคว้ามือของเขา เอิร์ลจับนิ้วมือของเขาและหักมันสุดแรงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องของปีเตอร์ก็ดังขึ้นทันที
“เวรเอ้ย หาอะไรปิดปากมันไว้เถอะ” นักเรียนคนหนึ่งฉีกเสื้อออกมาบางส่วนแล้วยัดเข้าไปในปากของปีเตอร์
“เอาล่ะ เรามีงานอื่นให้แกทำนะปีเตอร์ และคราวนี้แต่ต้องทำมันให้ดี เข้าใจไหม? พยักหน้าด้วยถ้าแกตอบตกลง”
ปีเตอร์ส่ายหัวของตัวเอง เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ทรยศวอร์เด็นหรือควินน์อีก
“อะไรนะ แกตอบว่าไม่งั้นเหรอ?”
ปีเตอร์พยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเอิร์ล
เส้นเลือดที่อยู่ข้างขมับของเอิร์ลปูดขึ้นเมื่อความโกธรของเขาเริ่มปะทุ นักเรียนชั้นปีแรกมีความกล้าน้อยนิดที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา และเขาเป็นนักเรียนเลเวล 4 ที่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งภายใต้คนอื่น นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขาคาดหวังในโรงเรียนเตรียมทหารเลย และเขาจึงต้องการกำจัดความโกธรของเขาทิ้งไปไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
จากนั้น เอิร์ลก็จับนิ้วมือของปีเตอร์หักทันทีและเริ่มหักไล่ไปทีละนิ้ว ทุกครั้งที่เขาหักนิ้ว เขาก็จะถามปีเตอร์ว่าเต็มใจจะช่วยเขาหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะถามไปเท่าไหร่ ปีเตอร์ก็ยังส่ายหัว
จนในสุดท้าย นิ้วทั้งห้าของปีเตอร์ก็หักทั้งหมด ซึ่งปีเตอร์ก็ยังไม่ตอบตกลงกับคำขอของพวกเขา
“เฮ้ เจอร์รี่ มานี่สิ” เอิร์ลตะโกน
คนที่ถูกเรียกเป็นหนึ่งในนักเรียนชั้นปีเดียวกันที่ยืนอยู่ข้างหลัง เจอร์รี่เดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลง
“ทำสิ่งที่นายทำได้เจอร์รี่”
จากนั้นเจอร์รี่ก็วางมือของตัวเองลงบนมือของปีเตอร์ มันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาช้าๆและกระดูกนิ้วมือของปีเตอร์ก็เริ่มเป็นรูปเข้าร่าง ทุกนิ้วกลับคืนสภาพเดิมอย่างที่มันควรจะเป็นและเขาก็ได้หายเป็นปกติ
จากนั้นรอยยิ้มของเอิร์ลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาจับนิ้วมือของปีเตอร์อีกครั้งและทำเรื่องโหดร้ายเช่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในที่สุด หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป การทำร้ายและรักษาปีเตอร์วนลูปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจของปีเตอร์รับมันไม่ไหวอีกแล้ว เขาไม่รับรู้ใดๆ และไม่อยากรู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป จึงพยักหน้าตอบตกลงกับคำขอของพวกเขา
“ดี เห็นไหม ถ้าแกตอบตกลงตั้งแต่แรก เราก็ไม่จำเป็นทำเรื่องแบบนี้กันเลย” เอิร์ลพูด “เอาล่ะ คราวนี้ แกควรจะทำในสิ่งที่ควรทำและอย่าให้ใครเข้ามายุ่งโดยเด็ดขาด”