ตอนแรก ลูปรู้สึกสับสนกับคำพูดของควินน์ มีเหตุผลอยู่สองข้อที่เขาจะแสดงท่าทีแบบนี้ คือควินน์แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร หรือไม่ก็เมื่อตอนที่แบรนดอนถูกนำส่งสถานพยาบาล ณ เวลานั้นเขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งนั่นหมายความว่าควินน์คิดว่าแบรนดอนยังมีชีวิตอยู่จริงๆหลังจากที่โจมตีเขาไปแล้ว
“ฟังนะ ฉันสัญญา ฉันจะเก็บมันเป็นความลับ ฉันรู้ว่านายทำร้ายเฟยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคลังอาวุธ ต้องเป็นนายแน่ ไม่มีใครจะใช้ถุงมือเป็นอาวุธเหมือนกับนายใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้น นายถึงตัดสินใจไปหาแบรนดอนหลังจากจัดการฉันได้แล้ว” ลูปอธิบาย “ฉันแค่อยากอยู่ในโรงเรียนต่อไปเหมือนเดิม ฉันไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตมากไปกว่านี้ ฉันไม่รู้ว่านายซ่อนอะไรไว้ใต้เลเวลปลอมๆนั่น แต่ได้โปรด ฉันไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม ฉันจะไปให้พ้นๆหน้านาย”
ควินน์พยายามตั้งใจฟังรายละเอียดข้อมูลต่างๆที่บอกแก่เขา ตอนนี้มีนักเรียนตายไปหนึ่งคน บอกตามตรง ควินน์ไม่แน่ใจในกระบวนบวนการลงโทษคนเหล่านั้นให้สำหรับนักเรียนที่ตาย และในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่อยากรู้ด้วย
หากนักเรียนคนอื่นรู้ว่าเฟยกับแบรนดอนถูกทำร้าย พวกเขาอาจจะคิดว่าควินน์เป็นคนไปแก้แค้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็คงไม่แน่ใจอยู่ดีเพราะความจริงที่ว่าเขาก็เป็นแค่ผู้ใช้งานเลเวล 1
ในตอนนี้ลูปเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของควินน์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ลูปจะกลัวเขา จากข้อมูลทั้งหมดสำหรับตอนนี้ ควินน์รู้สึกว่าเขาจะต้องเล่นตามบทต่อไปอีกหน่อย
“นายไม่ต้องกังวล” ควินน์พูด “อย่างที่ฉันบอก นายก็แค่ปกป้องเพื่อนของนาย และในคาบเรียนต่อสู้ นายก็ไม่ได้ทำอะไรให้ฉันบาดเจ็บ ตราบใดที่นายไม่ขวางทางฉัน ฉันก็จะไม่ขวางทางนาย”
“ขอบคุณ” ลูปพูดพลางก้มหัวแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน
หลังจากที่ลูปเดินออกไปแล้ว มีความคิดหนึ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของควินน์ ใครกันที่เป็นคนฆ่าแบรนดอน? มีใครในโรงเรียนที่ไม่พอใจเขาหรือเปล่า? พวกเขาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารเพียงไม่กี่วัน มั่นใจได้เลยว่าไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งมาที่นี่
มันเป็นเรื่องยากสำหรับควินน์ที่จะตามหาผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับแบรนดอน ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นภายในคาบเรียนวิชาต่อสู้ ถ้าคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นสามารถวางแผนทำร้ายคนอื่นได้ บางทีเขาอาจจะสร้างศัตรูไว้มากมายอยู่แล้ว
หลังจากคุยกันเสร็จ ควินน์ก็มุ่งตรงไปที่โรงอาหารให้ทันเพื่อนร่วมห้องพักทั้งสองคน แต่เมื่อเขามาถึงโรงอาหาร แทนที่จะเห็นวอร์เด็นกับปีเตอร์นั่งด้วยอย่างเคย วอร์เด็นกลับนั่งอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีวี่แววของปีเตอร์เลย
ควินน์รีบเดินไปรับอาหารแล้วตัดสินใจไปนั่งข้างๆวอร์เด็น
“เฮ้ นายไม่กังวลว่าพวกปีสองจะทำร้ายนายหรือยังไง?” วอร์เด็นพูด
“เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นยังก่อกวนเราอยู่ เพราะงั้นเราก็ควรใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจะดีกว่า” ควินน์ตอบ ” ปีเตอร์ล่ะ นายสองคนไม่ได้มาด้วยกันงั้นเหรอ?”
“นายมองหาผิดที่แล้ว” วอร์เด็นพูดขณะที่เขาชี้ไปยังทิศทางอื่นในโรงอาหาร
ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ในพื้นที่ของเลเวลต่ำ ซึ่งเป็นที่นั่งของเลเวล 1 และทั้งคู่มักนั่งตรงนี้ตามปกติ ปีเตอร์มักจะมานั่งกับพวกเขาตรงนี้เช่นกัน แต่ทิศทางที่วอร์เด็นชี้ไป คือโต๊ะของพวกเลเวลสูงกว่า เป็นโต๊ะของเลเวล 4 เลเวล 5 และคนที่กำลังนั่งอยู่กับคนพวกนั้นก็คือ ปีเตอร์
“เขาไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น? เป้าหมายของพวกมันคือเขางั้นเหรอ?” ควินน์ถาม
“ใครจะรู้ ตอนที่ปีเตอร์มาถึงโรงอาหาร เขาก็มองมาที่ฉันแล้วพูดว่า ฉันจะไปอยู่กับเพื่อนใหม่ของฉัน ที่เจอกันในวันก่อน ฉันก็ถามเขานะ ว่าเขาต้องการให้ช่วยหรือเปล่า แต่เขาก็บอกแค่ว่าไม่ต้องกังวล”
ขณะนั้นทั้งสองคนเฝ้าสังเกตการ์ณปีเตอร์ที่ไปสนิทอยู่กับคนอื่น ดูเหมือนว่าเขาจะเข้ากันกับคนกลุ่มนั้นได้ดี เขาไม่ได้ถูกสั่งให้ไปเอาอาหาร หรือแบกสิ่งของ เช่น พวกที่มีเลเวลต่ำในกลุ่มอื่นๆ
“เอาล่ะ เราควรจะจับตาดูพวกนั้นเอาไว้ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วเราค่อยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ทีหลัง”
ทว่าในตอนนั้นเอง ควินน์กับวอร์เด็นที่กำลังง่วนอยู่กับการกินอาหารอยู่บนโต๊ะของพวกเขา ถาดอาหารจากใครสักคนก็ถูกวางลงตรงหน้า
“ฉันเชื่อว่าพวกนายคงไม่รังเกียจ แต่ฉันขอนั่งร่วมวงด้วยคนนะ” เรย์ร่ากล่าวพลางนั่งลง
ทันทีที่เรย์ร่านั่งลงในที่นั่งของตัวเอง เธอก็จ้องมองวอร์เด็นโดยไม่ละสายตา และจริงๆแล้วเขาก็เช่นกัน ควินน์อยู่กึ่งกลางระหว่างคนสองคน ซึ่งเขารู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นและความตึงเครียดภายในบรรยากาศ กับพวกเขาทั้งคู่ ควินน์ไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ว่าแต่ รอยแผลที่ขาของนายหายดีแล้วสินะ” เรย์ร่าพูด
วอร์เด็นเริ่มแสดงสีหน้าที่อึดอัดใจเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ เธอกำลังพูดเรื่องอะไรงั้นเหรอ ขอโทษด้วยนะ ฉันชื่อวอร์เด็น ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเราเคยเจอกันมาก่อน” วอร์เด็นพูดขณะที่ยื่นมือออกไปหมายจับมือทักทาย
“นายจะบ้ารึไง นายคิดว่าฉันจะจับมือกับนาย แล้วแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนนายงั้นเหรอ?” เรย์ร่าหันไปหาควินน์ “ควินน์ นายเห็นไหม ว่าผู้ชายคนนี้บ้าแค่ไหน?”
“อย่า มา เรียก ฉัน ว่า บ้า” วอร์เด็นเอ่ยคำพูดออกมาช้าๆทีละคำ
“เฮ้ๆ ฉันคิดว่าทั้งสองคนใจเย็นๆลงก่อนนะ” ควินน์พูดเพราะรู้สึกว่าไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ ทั้งคู่ต้องทะเลาะกันในโรงอาหารแน่ๆ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคน ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม?”
“เจ้าบ้านี่พุ่งเข้ามาทำร้ายฉัน ตอนที่ฉันไปที่ห้องของนายเมื่อคืน” เรย์ร่าพูดขณะที่เธอดึงเสื้อของเธอลงเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำที่คอของเธอ “ฉันบอกนายแล้วควินน์ ว่าหมอนี่น่ะอันตราย ปล่อยเขาไปเถอะ”
วอร์เด็นตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่บอกได้ยากมาก ว่าเป็นเพราะความรู้สึกอื่นหรือความโกรธ
“ฉัน บอก แล้ว นะ ว่า อย่า เรียก ฉัน ว่า บ้า” เหมือนเดิมกับรอบที่แล้ว วอร์เด็นพูดช้าๆ ให้ออกมาทีละคำ ทีละคำ