ภายในห้องประชุมห้องหนึ่งในอาคารของนักเรียนชั้นปีแรก ได้มีกลุ่มคนถูกเรียกมารวมตัวกัน ซึ่งปัจจุบัน นาธานกำลังนั่งอยู่หัวโต๊ะและข้างๆเขาคือเฟย์ ผู้รับผิดชอบตามหาเบาะแสของนักเรียนที่หายไป
ขณะที่พวกเขากำลังรอคอย อาจารย์ท่านอื่นๆก็เดินเข้ามาให้ห้อง เดล ผู้เป็นอาจารย์ประจำชั้นของวอร์เด็นและควินน์ ลีโอ ผู้เป็นอาจารย์ฝึกสอนคาบวิชาสัตว์อสูร และสุดท้ายคือเฮย์ลี่ย์ ผู้เป็นหมอหญิงประจำโรงเรียน
นาธานไม่ต้องการให้ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเพราะภายในชั้นปีที่หนึ่งคือความรับผิดชอบของเขาทั้งหมด ดังนั้น เขาจึงเรียกจ่าทหารที่ไว้ใจมากที่สุดมารับฟังปัญหาและแจ้งให้เหล่าอาจารย์ทราบแผนการของเขาคืออะไร
“เฟย์ ช่วยแจ้งให้คนอื่นทราบด้วย ว่าทำไมวันนี้ถึงถูกเรียกตัวมาที่นี่” นาธานเอ่ย
เฟย์จึงยืนขึ้นพร้อมกับเอกสารรายงานในมือของเธอ
“อย่างที่พวกเขาคุณทราบแล้ว ว่ามีนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งสองคนได้หายตัวไป
ด้วยเหตุนั้น เราจึงขอให้เลื่อนการสำรวจนอกประตูมิติของนักเรียนชั้นปีแรกออกไปเสียก่อน อย่างไรก็ตาม หากนี่เป็นกรณีบุคคลสูญหายธรรมดา เราคงไม่เรียกพวกคุณทั้งหมดมาที่นี่ในวันนี้
เฟย์จึงกดปุ่มรีโมทคอลโทรลและเครื่องโฮโลแกรมก็ฉายภาพขึ้นมา ซึ่งเผยให้เห็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีดวงจันทร์อยู่สองดวงล้อมรอบ
“นักเรียนสองคนที่หายไป ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าไปในประตูมิติค่ะ แต่ไม่ใช่ประตูมิติทั่วๆไป เป็นประตูมิติสีแดงค่ะ”
ใบหน้าของอาจารย์คนอื่นๆเริ่มซีดลงเมื่อได้ทราบข่าวที่แจ้ง
“ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ยังไง หรือ ทำไมถึงเกิดขึ้น แต่หนึ่งในนักเรียนคนนั้นคือ วอร์เด็น เบรด ผู้มีทักษะโดยกำเนิดจากตระกูลผู้มีอำนาจค่ะ ภารกิจไม่ใช่แค่นำเขากลับมาแบบมีชีวิต แต่อย่างน้อย ถ้าพบศพเขาก็ควรจะพาเขากลับมา เป็นวิธีที่ทำให้ครอบครัวของเขาสามารถกล่าวอำลาลูกชายได้และทำให้ความโกรธของพวกเขาลดลง”
“แล้วนักเรียนอีกคนล่ะ?” ลีโอเอ่ยถาม
“นักเรียนอีกคนไม่ใช่คนสำคัญค่ะ เขาชื่อว่า ควินน์ ทาเลนน์ เป็นผู้ใช้พลังเลเวลต่ำ ไม่มีครอบครัว เป็นเด็กกำพร้า ไม่จำเป็นต้องกังวล”
“คุณรู้หรือเปล่า ว่าประตูมิติตั้งอยู่ที่ไหน?” เฮย์ลี่ย์ถาม
“ดังที่เห็นในภาพค่ะ ประตูมิติสีแดงนี้นำไปสู่ดาวเคราะห์ที่ถูกทอดทิ้ง ชื่อว่า ไพโอเล็ต มันเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ดวงแรกที่มนุษย์เคยสร้างที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่นั้นปลอดภัย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยพวกสัตว์อสูรอ่อนแอมาก แต่เมื่อหนึ่งปีผ่านไป ช่วงเวลากลางคืนมาถึง สัตว์อสูรที่แข็งกว่าที่เคยเห็นได้เข้ามารุกรานที่อยู่อาศัยทั้งหมด พวกเราเลยไม่มีทางเลือกนอกจากสละที่นั่นทิ้งไปค่ะ” เฟย์อธิบาย
“และนี่คือเหตุผลว่าทำถึงต้องเรียกพวกนายมาพบ” นาธานกล่าวก่อนจะยืนขึ้น “พวกนายทั้งสี่คนจะต้องมุ่งหน้าไปที่ประตูมิติสีแดงในทันที ไม่ต้องห่วง รายงานล่าสุดเราได้แจ้งว่า สัตว์อสูรที่โจมตีที่อยู่อาศัยทั้งหมดได้ย้ายถิ่นฐานไปแล้ว พื้นที่ส่วนมากจึงเต็มไปด้วยพวกหนูยักษ์และสัตว์อสูรระดับกลางแปลกๆค่อนข้างกระจัดกระจาย”
ทันใดนั้น เดลก็ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ
“ทำไมเราต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อนักเรียนสองคนที่กระโดดเข้าไปในประตูมิติเองด้วย”
“นายอยากเป็นคนที่ไปพบกับตระกูลเบรดแล้วอธิบายให้เขาฟังเองไหม? ว่าทำไมลูกชายของเขาถึงตายและหายสาบสูญ แม้ว่าเราจะยืนยันว่ามีเครื่องติดตามอยู่ในนาฬิกาของเขา เราก็ยังไม่สามารถจับตาดูเขาได้เลย” นาธานกล่าว “นี่เป็นคำสั่งไม่ใช่คำขอ”
****
ในขณะเดียวกันเดียวกัน เรย์ร่ายังคงกังวลเรื่องของควินน์ ตอนนี้ เธอรู้แล้ว ว่าเขาน่าจะเข้าไปในประตูมิตินั่น ทำให้ความกังวลของเธอเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
“ไม่ต้องกังวลหรอก” เอรินพูด “ถ้าวอร์เด็นอยู่กับเขา เขาจะต้องปกป้องเพื่อนของเขาแน่นอน เว้นเสียแต่ถ้าเป็นประตูมิติสีแดงน่ะนะ”
ทว่าที่เรย์ร่าที่เป็นห่วง เธอกลัวว่าวอร์เด็นจะกลายเป็นอาหารฉุกเฉินระหว่างทางเสียมากกว่า หากไม่มีอาหารหรือน้ำติดไปกับพวกเขาเลย บางทีควินน์อาจจะดูดเพื่อนเขาจนแห้งเลยก็ได้
ขณะที่สองสาวเดินไปตามโถงทางเดิน ทั้งคู่สังเกตเห็นว่ามีนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบกันใหญ่และเมื่อทั้งสองคนกำลังจะเดินผ่านไป ก็ได้ยินชื่อของ วอร์เด็น อยู่ในบทสนทนาพวกนั้น
“เธอพูดว่าอะไรนะ?” เอรินเอ่ยถามขึ้น “เธอช่วยพูดซ้ำอีกทีได้ไหม?”
เด็กสาวประหม่าเล็กน้อยเมื่อเอรินเดินมาประจันหน้ากับเธอ
“เราแค่พูดถึงนักเรียนที่หายตัวไป ดัมโบ คนนี้ มีทักษะพิเศษในการได้ยินขั้นสูง และเคยได้ยินในที่ประชุมคุยกันว่า วอร์เด็นติดอยู่บนดาวเคราะห์ผ่านประตูมิติสีแดง”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เรย์ร่ารู้สึกความดันโลหิตของเธอพุ่งสูงปรี๊ดอย่างกะทันหัน
“บ้าจริง บางทีฉันไม่ควรพูดอะไรเป็นลาง” เอรินเอ่ย
“จำอะไรได้อีกหรือเปล่า? เช่น ชื่อดาวเคราะห์ที่นักเรียนสองคนนั้นเข้าไป?” เอรินเอ่ยถามอีกครั้ง และตอนนี้เธอเขย่าไหลของดัมโบที่ยืนอยู่ข้างๆนักเรียนหญิงไปด้วย
“อ้อ ใช่ พวกเขาเอ่ยถึงดาวเคราะห์ที่ชื่อ ไพโอเล็ต และพวกเขาก็พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับควินน์ที่อยู่ที่นั่นด้วย”
เรย์ร่าจึงค่อยๆถอยห่างเมื่อได้ยินคำพูดของดัมโบและเริ่มวิ่งไปที่ห้องของเธอในทันที
“โทษทีนะเอริน ฉันต้องรีบไปที่ไหนสักแห่งเดี๋ยวนี้เลย ขอบคุณสำหรับทั้งหมดที่ช่วยนะ”
“ฉันสังสัยจริงๆว่าทั้งหมดนี้มันกำลังยุ่งเกี่ยวกับอะไร” เอรินพึมพำ เมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนกำลังติดอยู่อีกโลกและไม่มีอะไรให้เอรินทำในตอนนี้ เธอตัดสินใจที่จะฝึกฝนต่อในขณะที่เฝ้ารอพวกเขากลับมา
เรย์ร่ารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องพักของเธอให้เร็วที่สุด หลังจากที่ได้ยินว่าพวกเขาติดอยู่บนดาวเคราะห์ดวงไหน เมื่อเธอเข้าไปในห้อง เธอล็อคประตูด้านหลังและนำเก้าอี้ไปดันไว้
โชคดีที่เพื่อนร่วมห้องของเธอไม่อยู่ในตอนนี้ ซึ่งหมายความว่าเธอมีอิสระกับแผนที่จะทำได้ จากนั้นเธอก็ก้มลงใต้เตียงและดึงกล่องเล็กๆออกมา เมื่อเธอเปิดกล่อง ลูกบอลทรงกลมสีดำก็อยู่ข้างใน
“ฉันตรวจดูแล้วว่าห้องมีไมค์ติดตั้งไว้หรือเปล่า ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีเลย” เรย์ร่าพูด “ฉันคิดว่าตระกูลใหญ่ๆอื่นๆคงกดดันไม่ให้พวกทหารบุกรุกความเป็นส่วนตัวมากนัก”
เธอจึงเคาะด้านบนของลูกบอลทรงกลม จนเกิดเสียง ‘คลิก’ วงแหวนสีขาวเริ่มส่องแสงและหมุนไปมา เป็นเวลาสองสามวินาทีจนกระทั่งสว่างจ้าถึงขีดสุด
[ “สายลับ 83 พูด ดูเหมือนจะมีปัญหาอะไรขึ้นใช่ไหม?” ] มีเสียงพูดออกจากลูกบอลสีดำ [ “จะมอบภารกิจให้ทำเลยหรือเปล่า?” ]
“ฉันเจอใครบางคนที่ช่วยเราได้มากเลยค่ะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะติดอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณตรวจสอบให้ได้ไหมคะ ว่ามีสายลับคนไหนอยู่บนดาวเคราะห์ ไพโอเล็ตบ้าง?” เรย์ร่าถาม
[ “ขอเวลาสักครู่นะ….ฉันเกรงว่าสายลับของเราได้ออกจากดาวเคราะห์ดวงนั้นไปสักพักแล้ว มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหม?” ]
“ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
[ “ถ้าอย่างนั้น ขอให้เธอโชคดีกับภารกิจของเธอด้วย ขอให้พลังจงสถิตอยู่กับท่าน” ]
“ขอให้พลังจงสถิตอยู่กับท่าน..” เรย์ร่าตอบ