บนดาวเคราะห์ไพโลเล็ต ข้างนอกนั้นยังคงเป็นเวลากลางคืน ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหกเดือน ดวงจันทร์ทั้งสองกำลังส่องสว่างบนน่านฟ้าเหนือที่อยู่อาศัยที่พังทลายมากมาย เป็นสัญญานบ่งบอกถึงการต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้
จากนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นควินน์กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด สิ่งมีชีวิตที่เข้าจู่โจมเขาคือควินน์จริงๆ แม้ว่าเขาจะดูไม่เหมือนเจ้าตัวประหลาดนั่นอีกต่อไปแล้ว มันก็เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนขาดๆที่เขาสวมใส่ หรือศพคนตายที่กองอยู่บนพื้น
“บางทีฉันอาจจะช่วยนายได้….?”
“ฉันบอกว่าให้ถอยไป!” เสียงของควินน์ดูทุ้มต่ำและเย็นยะเยือก ซึ่งในขณะที่เขาลืมตาขึ้นมา วอร์เด็นก็ได้เห็นว่าดวงตาทั้งสองข้างของควินน์ เรืองแสงเป็นสีแดง
‘เฮ้ วอร์เด็น ฉันคิดว่าฟังเจ้าเด็กนั่นพูดจะดีกว่านะ เขาอาจจะกลายเป็นเจ้าตัวนั้นอีกครั้งก็ได้’ ราเทนเอ่ยขึ้น
ทว่ามันสายไปแล้ว วอร์เด็นเข้าใกล้ควินน์มากเกินไป ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในระยะที่ถูกโจมตีได้ และควินน์ก็ทำการเหวี่ยงแขนของเขาเข้าหาวอร์เด็น อย่างไรก็ตาม วอร์เด็นยกเก้าอี้“เฮ้…ควินน์ นายไม่เป็นไรใช่ไหม? มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ นาย..อยากได้อะไรหรือเปล่า?” วอร์เด็นเอ่ยถาม
“ถอยไป!” ควินน์ตวาดเขาเมื่อความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสยังคงแล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
เหล็กขึ้นมาป้องกันได้ทันพอดี เพื่อสกัดกั้นการโจมตีของควินน์ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่
เก้าอี้เหล็กถูกกรงเล็บของควินน์ฉีกกระชากออกทันที และการโจมตีก็ฟาดไปที่หน้าอกของวอร์เด็นจนต้องถอยร่น
“เลือด!” ควินน์คำราม “ขอเลือดมาให้ฉัน!” กลิ่นเลือดที่ฟุ้งออกมาจากหน้าอกของวอร์เด็นนั้นช่างหอมหวาน
‘ฉันจะบอกอะไรแกให้ เก้าอี้ตัวนั้นมันไร้ประโยชน์!’ ราเทนบ่น ‘ปิดประตูไว้เร็วเข้า!’
วอร์เด็นไม่มีความลังเลใดๆ พร้อมกับใช้ทักษะพิเศษที่เขามีอยู่ ควบคุมประตูที่พังทลายกลับเข้าที่ของมัน และใช้พลังทั้งหมดปิดหนึกไว้อย่างรวดเร็ว
ควินน์ไม่ได้ไล่ตามวอร์เด็นต่อไป แต่กลับคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน วอร์เด็นอยู่ตรงนั้นและใช้มือยันประตูเอาไว้ เพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน หรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับควินน์จะออกมาอีกครั้งแล้วทำร้ายเขา
เสียงกรีดร้องอย่างทุรนทุราย ดังต่อเนื่องเป็นเวลา 15 นาที จนกระทั่งในที่สุด ทั้งคู่ก็อยู่ในความเงียบเมื่อเสียงหยุดลง
“ควินน์?” วอร์เด็นส่งเสียงเรียกเบาๆ โดยหวังว่าจะไม่ทำให้เขาตกใจ “ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม..?”
“ดีขึ้นแล้ว” ควินน์ตอบ “ขอเวลาฉันสักพัก ฉันจะบอกให้นายรู้เองเมื่อฉันไม่เป็นไร”
ในที่สุด ความเจ็บปวดทั้งหมดก็หยุดลง และควินน์ต้องใช้เวลาสองสามนาทีเพื่อสงบสติอารมณ์ไว้ เนื่องจากระบบได้เปิดเผยข้อมูลใหม่มากมายให้เขาได้ทราบภายในครั้งเดียว
[ ขอแสดงความยินดี คุณวิวัฒนาการสำเร็จแล้ว ตอนนี้คุณคือ แวมไพร์ ]
[ เลเวล 10 ]
[ เผ่าพันธุ์ : แวมไพร์ (Vampire)]
[ Exp : 0/100 ]
[ HP : 60/60 ]
[ ค่าความแข็งแกร่ง : 15 ]
[ ค่าความเร็ว : 15 ]
[ ค่าพลังงาน : 15 ]
[ ค่าเสน่ห์ (Charm) : 5 ]
[ โบนัสทางสายเลือด (Blood Family bonus) : 0 ]
แค่มองไปที่ค่าสถานะทั้งหมดบนหน้าจอเพียงอย่างเดียว มันก็ต่างไปจากเดิมมากๆ ควินน์ยังไม่ได้อัพแต้มคุณสมบัติพิเศษด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนจะมีหัวข้อเพิ่มมาอีกสองในหน้าจอค่าสถานะของเขา หัวข้อแรกเป็นค่าเสน่ห์ และหัวข้อที่สองคือโบนัสทางสายเลือด ไม่มีเลยแม้แต่คำอธิบายใดๆและควินน์ไม่รู้จริงๆว่าสองอย่างนี้ทำอะไรได้บ้าง
แต่อย่างเดียวที่เขาเข้าใจดี ณ ปัจจุบัน เขาเปลี่ยนจากครึ่งมนุษย์ เป็นแวมไพร์อย่างเต็มตัว ควินน์คาดเอาไว้แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในขณะที่เขาอัพเลเวลต่อไปเรื่อยๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
มีความกังวลที่เกิดขึ้นกับเขามากๆในตอนนี้ เขากลายเป็นแวมไพรไม่ใช่ครึ่งมนุษย์แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาก้าวเข้าไปยืนภายใต้แสงของดวงอาทิตย์?
อย่างไรก็ตาม มีข้อความอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาจากระบบ
[ สกิล : พิธีกรรมโลหิต ถูกปลดล็อคแล้ว ]
[ 0/2 สมาชิก ]
[ สกิลใหม่ : สะกดจิต ]
[ สกิลนี้จะไม่เสียค่าสถานะใดๆ และสามารถใช้กับศัตรูได้เพื่อทำให้อีกฝ่ายมึนงง ประมาณ 0.2 วินาทีถึง 0.5 วินาทีต่อครั้ง ต้องมีการสบตากับคู่ต่อสู้โดยตรง ทั้งนี้ทั้งนั้นมีโอกาสล้มเหลวได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของศัตรูและค่าเสน่ห์หาของผู้ใช้พลัง ยิ่งใช้สกิลนี้กับศัตรูมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะต้านทานได้ก็สูงขึ้นเท่านั้น ]
สกิลใหม่ได้ปลดล็อคแล้วสองสกิลด้วยกัน แม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายอะไรเลยสำหรับสกิลแรก ซึ่งทำให้ควินน์ค่อนข้างสับสนพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามีการใช้ ค่าเสน่ห์เพิ่มขึ้นมา
แต่ข้อความจากระบบยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น
[ ร้านค้าถูกปลดล็อคแล้ว ]
[ หลักสูตรใหม่ถูกปลดล็อคแล้ว ]
[ เปิดใช้งาน ระบบเป็นเลเวลสอง ]
ในตอนนั้นเอง หน้าจอระบบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของควินน์และเป็นอีกครั้งที่ชายผมบลอนด์รูปงามอยู่เบื้องหน้าหลังจากครั้งล่าสุด ที่เขาสอนการใช้สกิลอัดกระแทกและสกิลก้าวพริบตา
[ “ยินดีด้วย!”] ชายคนนั้นกล่าว [ “ตอนนี้เธอได้เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวของเราอย่างเป็นทางการแล้ว ฉันคิดว่ามนุษย์ธรรมดาๆ คงมาได้ไม่ไกลขนาดนี้แน่ๆ แต่ดูเหมือนการทดลองเล็กๆของฉันจะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ปัจจุบันระบบอัพเกรดเป็นเลเวลสองแล้ว และเพื่อนที่แสนดีของฉันได้ติดตั้งระบบ AI ด้วยเสียงของฉันเอาไว้ด้วยนะ มันวิเศษมากเลยล่ะ ทีนี้เธอก็ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ซึ่งถ้าเธอมีคำถามเกี่ยวกับระบบอะไรก็แค่ถามมา” ]
‘เดี๋ยวสิ!’ ควินน์คิดในใจ ‘ทำไมระบบถึงไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก’
[ “เอาล่ะ เธออาจจะคิดว่าทำไมฉันถึงไม่ออกแบบให้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ความจริงก็คือ เพราะอยากให้เธอพัฒนามันไปด้วยตัวเอง ความผิดพลาดของเธอในระหว่างฝึกฝนมัน จะทำให้เธอแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” ]
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ควินน์อยากจะชกผู้ชายคนนี้เข้าสักเปรี้ยง ถ้าหากเจอเขาในชีวิตจริงล่ะก็
[ “แล้วก่อนที่ฉันจะจากเธอไป แม้ว่าระบบจะตอบคำถามเกี่ยวกับระบบของมันได้ แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถที่ไปไกลได้มากกว่านั้น เพราะงั้น นี่จะเป็นบันทึกสุดท้ายที่ฉันบันทึกเอาไว้ ขอโทษด้วย แต่ตอนนี้เธอเป็นแวมไพร์แล้ว คนอื่นๆจะต้องจับตามองเธออยู่แน่ๆ พวกเขาเหล่านั้นกลมกลืนไปกับสังคมอย่างแนบเนียน เพราะงั้นจึงบอกแทบไม่ได้เลยว่าใครเป็นใครและคนๆใช่แวมไพร์หรือเปล่า? ถ้าหากเธออยากมีอิสระเหมือนกับฉัน เธอจะต้องเข้มแข็งขึ้นและสร้างพรรคพวกของตัวเอง เพื่อตอบโต้ศัตรูกลับไปให้ได้ โชคดีนะ สหายของฉัน” ]
จากนั้น ข้อความที่บันทักไว้ก็สิ้นสุดลงและหน้าจอแสดงผลก็หายไป ควินน์มีคำถามที่อยากจะถามชายคนนั้น แต่เขารู้แล้วว่ามันคงเป็นไปไม่ได้อีก
“ฉันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?”
ควินน์อยากจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองและคนอื่นๆ จากการข่มเหงรังแกของคนที่อยู่เหนือกว่า แต่ตอนนี้ เขากลับพลั้งมือฆ่าผู้ชายคนหนึ่งไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะในความเป็นจริง มันคือสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
ก่อนที่ควินน์จะตรวจสอบสิ่งใหม่ๆในระบบทั้งหมดที่กล่าวมา มีปัญหาหนึ่งที่เขาต้องพบเจอมัน และเพื่อนของเขาก็กำลังอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูบานนี้
ได้เวลาเผชิญหน้ากับวอร์เด็นแล้ว
****