บทที่ 76 หมอใจดำ
ก่อนหน้านี้เย่ชิงหยู่มักจะเผชิญความโหดร้ายในชีวิตเพียงลำพัง ผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมามากมาย วันนี้เขากลับมาแล้ว จึงไม่สามารถให้เธอต้องแบกรับความทุกข์อีก ฟางเหยียนรับรู้ถึงความรู้สึกไร้ที่พึ่งพาของเย่ชิงหยู่ บางทีอาจจะมีเพียงเขา ที่ทำให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกปลอบประโลมในจิตใจบ้าง
“คุณชาย คุณจะไปไหนเหรอคะ” หวังชิงชิงรีบถามขึ้น
ฟางเหยียนตอบว่า “ฉันมีเรื่องด่วน เรื่องในที่ประชุมคุณจัดการก็แล้วกัน ให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดในบริษัท”
พูดจบ เขาก็รีบเดินออกจากบริษัท
หวังชิงชิงมองแผ่นหลังของฟางเหยียน เธอส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ คุณชายคนนี้เก่งอย่างที่คุณท่านพูดไว้จริงเหรอ ทิ้งบริษัทอันใหญ่โตโดยไม่ไถ่ถามอะไรสักคำ โผล่หน้ามาแล้วก็ไป ไม่เอาการเอางานเลยจริงๆ
หลังจากผ่านไปสิบนาที ฟางเหยียนมาถึงโรงพยาบาล
ฟางเหยียนไม่ชอบเสียงร้องไห้ของเย่ชิงหยู่ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทุกข์ใจ หรือมีเรื่องลำบากใจ เขาแทบอยากจะมาปกป้องเธอทันที
แม้ระยะทางจะไกล ฟางเหยียนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
เย่ชิงหยู่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด เมื่อเห็นฟางเหยียนเธอก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เธอใช้สองมือจับแขนฟางเหยียนเอาไว้แน่น “ในที่สุดนายก็มาสักที”
ฟางเหยียนเห็นเย่ชิงหยู่ร้อนใจ และน้ำตานองหน้า เขาถามอย่างปวดใจว่า “เป็นยังไงบ้าง”
เย่ชิงหยู่สะอื้นเบาๆ “กำลังผ่าตัดอยู่”
ฟางเหยียนพูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่ผ่าตัดเล็กเท่านั้น”
เย่ชิงหยู่พยักหน้า “ขอโทษนะฟางเหยียน ฉันเป็นห่วงแม่ฉันเกินไป จริงๆ การผ่าตัดไส้ติ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องร้อนใจ แต่แม่เป็นคนที่ฉันสนิทที่สุด ตั้งแต่พ่อจากไป ฉันก็ไม่อยากเห็นแม่เจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว เมื่อกี้ฉันทำอะไรไม่ถูก เลยโทรหานาย”
“ยัยบื้อ!” ฟางเหยียนจับมือของเย่ชิงหยู่ขึ้นมา จากนั้นจึงพูดว่า “หลังจากที่ลุงเย่จากไป คุณกับคุณน้าจางก็เป็นคนที่ผมสนิทที่สุด พวกคุณเป็นคนสำคัญสำหรับผมเสมอ”
เย่ชิงหยู่มองตาฟางเหยียน น้ำตาของเธอหยุดไหล ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงพูดออกมาว่า “ขอบใจนะ”
ฟางเหยียนยิ้มแบบฝืนๆ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
“อื้ม” เย่ชิงหยู่พยักหน้า จากนั้นเหมือนเธอนึกอะไรได้ เธอมีสีหน้ารู้สึกผิด จากนั้นจึงพูดว่า “ขอโทษนะฟางเหยียน ที่ฉันรบกวนเวลาสัมภาษณ์งานของนาย”
ฟางเหยียนโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมได้งานทำแล้ว”
“หา!” สีหน้าของเย่ชิงหยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นจึงถามขึ้น “จริงเหรอ”
ฟางเหยียนพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เย่ชิงหยู่อึ้งไป “คุณอาโจวเก่งจริงๆ”
ฟางเหยียนยังคงไม่พูดอะไรออกมา
“งั้นนายรีบกลับไปทำงานเถอะ ในเมื่อได้งานแล้ว ก็ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด ฟางซื่อกรุ๊ปเป็นที่ที่ไม่ใช่ใครจะเข้าไปทำงานได้นะ”
“ไม่เป็นไร ผมลางานแล้ว” ฟางเหยียนพูดเนิบๆ
“หา!” เย่ชิงหยู่ย่นปากยู่เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ทั้งสองนั่งรอฟังผลอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ขณะนั้นเกิดอะไรบางอย่างขึ้นที่หน้าประตูห้องผู้ป่วยข้างห้องผ่าตัด
เด็กผู้หญิงแต่งกายธรรมดาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณหมอ เธอพูดอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ขอร้องล่ะคุณหมอ ช่วยพ่อฉันด้วยนะคะ คุณวางใจเถอะ ฉันจะหาเงินมาจ่ายอย่างแน่นอน คุณผ่าตัดให้พ่อฉันก่อนได้ไหม”
เด็กผู้หญิงดูเหมือนจะอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี ดูจากการแต่งตัว น่าจะเป็นชาวชนบท
สีหน้าของหมอเหมือนจะหงุดหงิด เขาอุทานออกมาแล้วพูดว่า “เธอคิดว่าที่นี่คือที่ไหนเหรอ ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ไม่จ่ายเงินแล้วจะผ่าตัดให้พ่อเธอได้ยังไง เธอขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ โรงพยาบาลนี้ไม่ใช่ของผม ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไร เธอเอาเวลาที่มาขอร้องไปหาเงินดีกว่า อีกอย่าง ผมจะบอกให้นะเงินค่าผ่าตัดจำนวนห้าแสน วันนี้จำเป็นต้องผ่าตัด ไม่งั้นพ่อเธอจะไม่รอด”
พูดจบ คุณหมอก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ฟางเหยียนอึ้งไปโดยอัตโนมัติ จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไป
เย่ชิงหยู่ตกใจ และรีบถามขึ้น “จะทำอะไรน่ะฟางเหยียน”
“รอดูก็แล้วกัน” พูดจบฟางเหยียนก็ยิ้มออกมา
ขณะที่ฟางเหยียนจะเดินเข้าไปใกล้ เขาจึงได้เห็นเด็กสาวคนนั้นชัดขึ้น เด็กสาวร้องห่มร้องไห้ แต่มันก็ไม่สามารถบดบังใบหน้าอันสะสวยของเธอได้
แต่น่าเสียดายที่มีปานสีแดงอยู่บนใบหน้าของเด็กสาว มันจึงทำให้ดูไม่งามเท่าไรนัก บวกกับการที่เธอแต่งกายธรรมดา ทำให้หมอรู้สึกรังเกียจเธอ
ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นสาวสวย ถึงจะไม่มีเงิน ท่าทีของหมอคนนี้คงไม่เป็นแบบนี้หรอก
ฟางเหยียนไม่ใช่พวกที่หลงใหลในสาวงาม แต่ตอนที่เขาเห็นเด็กสาวคนนี้ เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ แต่พิเศษยังไงเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่เขารู้สึกสดชื่นเมื่อมองเด็กผู้หญิงคนนี้
ขณะนั้น คุณหมอสวมแว่นสวมเสื้อกาวน์เดินเข้ามา ฟางเหยียนจำหมอคนนี้ได้ เขาคือหัวหน้าเจียงที่เจอในโรงแรมนานาชาติฟู่คาง คนที่จบจากต่างประเทศ แถมยังถูกเรียกว่าศาสตราจารย์เจียงแพทย์อันดับหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าเจียงเดินเข้ามาและถามขึ้นด้วยเสียงดัง
หมอใจดำคนนั้นพูดว่า “หัวหน้าเจียง คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ ญาติคนไข้ไม่มีเงิน ยังจะให้ผ่าตัดให้พ่อของเธอ เนื้องอกในร่างกายของพ่อเธอกำลังเลวร้ายลง ถ้าไม่ผ่าตัดวันนี้ ยากที่จะมีชีวิตรอดครับ”
เมื่อได้ยินหมอพูดอย่างนั้น เด็กสาวก็ร้องไห้โฮออกมา
ท่าทีของหมอคนนี้ไม่มีอะไรมาบรรยายได้ คำพูดแบบนี้เป็นคำต้องห้ามสำหรับญาติผู้ป่วย แต่เขากลับไม่มีจริยธรรมทางการแพทย์เลยแม้แต่นิดเดียว
มีเสียงไอดังออกมาจากห้องผู้ป่วย จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงที่อ่อนแอ “เยียนเอ๋อร์ เราไม่รักษาแล้ว! พ่ออายุขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องรักษาแล้ว”
ชายที่อยู่ในห้องผู้ป่วยอายุค่อนข้างเยอะแล้ว เขาหน้าตาธรรมดาจนค่อนไปทางขี้เหร่ ไม่เหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด
“ไม่” เด็กสาวส่ายหน้าอย่างรุนแรง “พ่ออย่าพูดอย่างนี้สิคะ พ่ออย่ากังวลไปเลย หนูจะรักษาพ่อให้หาย”
พูดจบ เธอจึงหันหน้าไปหาหัวหน้าเจียง จากนั้นจึงพูดอ้อนวอนว่า “หัวหน้าคะ ขอร้องล่ะค่ะ พ่อฉันทุกข์ทรมานมาทั้งชีวิต เขาทำงานอยู่ในไซต์งานก่อสร้างมาทั้งชีวิต เพื่อเลี้ยงฉันให้โตมา เมื่อหลายปีก่อน ถ้าไม่มีพ่อของฉัน ฉันคงตายไปนานแล้ว เขาไม่เคยใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเลย เขาจะจากไปแบบนี้ไม่ได้ ค่าผ่าตัดห้าแสนเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับฉัน แต่ฉันจะหาวิธีหามาให้ได้ ไม่งั้นฉันต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ขอร้องล่ะคุณหมอ คุณผ่าตัดก่อนได้ไหมคะ ฉันจะหาเงินมาหาคุณอย่างแน่นอน”
เธอพูดพลางเอาหัวคำนับลงกับพื้น ความจริงใจของเธอเป็นที่ซาบซึ้งอย่างมาก
ฟังจากคำพูดของเด็กผู้หญิงคนนี้ เธอคงเป็นเด็กที่ผู้ชายคนนี้รับเป็นลูกบุญธรรม ชีวิตของเธอเหมือนกับฟางเหยียนไม่มีผิด แต่ทว่าเธอมีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แต่ตัวเขากลับไม่มีโอกาสนั้นแล้ว