เวลานี้ไม่เพียงหว่างคิ้วของหลิงหยุนจะกลั่นหยดเสินหยวนได้นาทีละสามหยดแต่ดูเหมือนว่าหยดเสินหยวนนี้จะมีพลังอมตะผสมอยู่ด้วย
และถึงแม้ว่าเวลานี้หลิงหยุนจะไม่สามารถใช้พู่กันจักรพรรดิได้แต่เขาก็สามารถใช้ตราหยกจักรพรรดิที่อยู่กลางหว่างคิ้วแทนได้!
หลิงหยุนเรียกหยกจักรพรรดิออกมาจากหว่างคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เด็กดี.. เจ้ามาได้ทันเวลาที่ข้าจะต้องประลองพอดี! แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าจะมีพลานุภาพที่แข็งแกร่งมากเพียงใด”
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับกลางขั้นซานเฉิงชี่แล้วอีกทั้งยังมีตราหยกจักรพรรดิด้วย ทำให้เขายิ่งมั่นใจในการประลองครั้งนี้มากยิ่งขึ้น และไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้น หลิงหยุนก็เชื่อมั่นว่าตนเองจะสามารถจัดการได้!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูเตียงมังกรอีกครั้งและพบว่าปราณมังกรกับปราณจักรพรรดิได้มลายหายไปหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เขาและพู่กันจักรพรรดิคงจะดูดซับเข้าไปหมดนั่นเอง!
หลิงหยุนได้แต่นึกขอบคุณตระกูลเกาที่ส่งเตียงมังกรนี้มาให้กับตนเอง!
หลังจากที่หลิงหยุนลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินไปหาเกาเฉินเฉินที่ตื่นนอนแล้วเช่นกันพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ว่ายังไงฮองเฮาของผมตื่นแล้วเหรอทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยล่ะ?”
“คุณนอนต่อนะ..ผมจะออกไปฝึกวิชาก่อน!”
หลิงหยุนโน้มตัวลงจุมพิตที่แก้มของเกาเฉินเฉินแล้วเดินออกจากห้องนอนไปทันที
.… หลิงหยุนเดินตรงไปยังสวนชั้นที่หกซึ่งปลูกหลิวเทวะ–วิญญาณไว้แต่เมื่อเห็นโม่วู๋เตากำลังนั่งฝึกวิชาอยู่ ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ..
“โอ้โห..ดูท่าวันนี้พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางตะวันตกสินะ! เจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมาฝึกวิชาก่อนข้าได้!”
โม่วู๋เตารีบลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ“หึ.. เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดอีกงั้นรึ เมื่อคืนพวกเจ้าส่งเสียงดังถึงเพียงนั้น ใครจะไปข่มตาหลับลงได้กันเล่า?!”
“…..”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนนี้เกาเฉินเฉินร้องครวคราญเสียงดังมาก และเขาเองก็ลืมที่จะสร้างค่ายกลสำหรับปิดกั้นเสียงไว้รอบบ้านด้วย!
เสียงร้องของเกาเฉินเฉินเมื่อคืนนี้อย่าว่าแต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจะได้ยินเลย แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ห่างราวสิบเมตร ก็ย่อมต้องได้ยินอย่างชัดเจน! “อ่อ.ขอโทษเจ้าด้วย ข้าประมาทเลินเล่อไปหน่อย!”
แม้จะสายไปเสียแล้วแต่หลิงหยุนก็หน้าหนาพอที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้!
โม่วู๋เตายกนิ้วโป้งให้หลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชมว่า“หลิงหยุน.. เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ! อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประลองอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับมีอารมณ์ที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ได้..”
“เอาล่ะ..ข้าจะฝึกวิชาต่อแล้ว เจ้าอย่ามากวนข้าล่ะ!”
พูดจบโม่วู๋เตาก็หลับตาลงไม่สนใจหลิงหยุนอีก..
……
หลังจากรรับประทานอาหารเช้าแล้วหลิงลี่ก็เรียกประชุมสมาชิกตระกูลหลิง..
เวลานี้หลิงลี่หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เหล่ากุ่ย และเหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว มีเพียงหลิงหยุนที่กำลังใกล้จะถึงแล้ว และทันทีที่หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปในห้อง..สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาทางหลิงหยุน ทุกคนต่างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาแปลกประหลาด และต่อให้หลิงหยุนจะหน้าหนาสักเพียงใด ก็ยากที่จะทานทนได้อีกต่อไป เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า..
“เอ่อ..เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าพลาดไปแล้ว! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนความสงบของทุกคนจริงๆ ข้าน้อมรับผิด!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงได้ยินเช่นนั้นต่างก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นหลิงลี่ก็กระแอมขึ้นมาสองสามครั้ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..อย่าเสียเวลาดีกว่า! เข้าเรื่องการประลองในอีกไม่กี่วันนี้เลย..!”
จากนั้นหลิงลี่ก็หันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“หลิงหยุน.. การประลองจะเริ่มขึ้นตอนสองทุ่มตรง.. เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือไม่” วันนี้เป็นวันที่29 สิงหาคมแล้ว และในเวลาสองทุ่มตรงของวันที่ 31 สิงหาคม ตระกูลหลิง ก็ต้องประลองกับตระกูลซันและตระกูลเฉินแล้ว..
หากตระกูลหลิงสามารถเอาชนะสองตระกูลได้และไม่ได้สูญเสียมากมาย ตระกูลหลิงก็มีโอกาสที่จะเหยียบสองตระกูลขึ้นมาได้สำเร็จ!
แต่หากตระกูลหลิงพ่ายแพ้ทุกอย่างก็จะจบลงทันทีเช่นกัน!
การประลองในครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญยิ่งนักตระกูลหลิงจึงไม่อาจพลาดพลั้งได้ หลิงลี่จึงต้องการสอบถามหลิงหยุนอย่างละเอียด!
และเวลานี้สายตาทุกคู่ก็กำลังจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเพียงคนเดียว..
แต่หลิงหยุนกลับมีท่าทีที่สงบนิ่งเป็นอย่างมากและดูเหมือนจะมีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้อย่างมากเช่นกัน!
“ท่านปู่ท่านพ่อ ลุงสอง.. ได้โปรดวางใจเรื่องนี้ได้!”
“การประลองครั้งนี้ตระกูลหลิงต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”
“ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะขนยอดฝีมือมามากมายเพียงใดตระกูลหลิงของเราก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว!”
“สิ่งที่ข้ากำลังครุ่นคิดในตอนนี้เป็นเรื่องของศัตรูในที่ลับต่างหากรวมทั้งท่าทีของตระกูลหลงกับตระกูลเย่ที่กำลังจับตามองพวกเราอยู่!”
“ในความเห็นของข้า..ตระกูลเย่นั้นไม่น่าจะมีอะไร!”
“เพราะตั้งแต่วันที่เฉินจิ้งเฉวียนท้าประลองกับตระกูลหลิงที่สุสานจนกระทั่งถึงวันนี้ตระกูลเย่ยังคงนิ่งเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าตระกูลเย่ไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“หลิงหยุน..ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุมีผล!”
หลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วยและพูดต่อทันทีว่า “จากที่ข้ารู้จักตระกูลเย่มาหลายปี ข้าเองก็มั่นใจว่าตระกูลเย่ไม่คิดจัดการกับตระกูลหลิงในตอนนี้แน่!”
“ตระกูลเย่อยู่โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครมานานกว่าสี่สิบปีแล้วพลังอำนาจของตระกูลเย่จึงเป็นเรื่องที่ใครๆก็คาดเดาได้ยาก แม้กระทั่งตระกูลหลงที่ดูเหมือนพลังอำนาจจะลดลงไม่น้อย แต่ตระกูลเย่ก็ไม่เคยคิดที่จะตอแย..”
“อีกทั้งการประลองระหว่างตระกูลหลิงตระกูลซัน และตระกูลเฉิน ก็ยังเป็นผลดีต่อตระกูลเย่อีกด้วย เพราะไม่ว่าผู้ใดจะชนะหรือแพ้ ต่างฝ่ายต่างก็ย่อมต้องสูญเสียความแข็งแกร่งไปไม่น้อย..”
หลิงเย่วได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้นว่า“ตระกูลเย่ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดไม่ใช่รึ พวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆของเหล่าตระกูลใหญ่เลยสักครั้ง และมักจะคอยทำตัวเป็นนักตกปลาฉกฉวยผลประโยชน์..”
“ที่สำคัญที่สุด..ตระกูลหลิงของเราเองก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเย่ด้วย!” หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แต่ครั้งนี้ตระกูลเย่คงจะต้องผิดหวัง หากคิดจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหมือนเช่นเคย!”
หลิงเย่วจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“ตระกูลเย่ไม่น่าจะมีอะไร แล้วตระกูลหลงเล่า?”
นี่เป็นความกังวลและหนักอกหนักใจของเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงนั่นเพราะหลิงหยุนเพิ่งจะตบหน้า และหักขาหลงฮ่าวเฉียงไปเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นการกระทำที่ต่อต้านตระกูลหลงอย่างออกหน้าออกตา..
จากที่เคยให้ความเคารพความเกรงใจตระกูลหลงมาโดยตลอดแต่จู่ๆ กลับอาจหาญเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหลงซึ่งหน้าเช่นนี้ คงยากที่ตระกูลหลงจะยินยอมได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของตระกูลหลง..
แต่หลิงหยุนกลับแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หระ “ตระกูลหลงงั้นรึ! ไม่เห็นจำเป็นต้องหวาดกลัว!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงถึงกับเย็นสันหลังวาบ..และได้แต่แอบคิดว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลหลงอย่างนั้นหรือ!
หลิงเสี่ยวขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับถามขึ้นทันที“หลิงหยุน.. เจ้าไม่ควรตัดบทเช่นนี้! มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้พวกเราหวาดกลัวตระกูลหลงงั้นรึ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่.. ท่านพ่อ.. ความจริงแล้วที่ข้าตบหน้า และหักขาหลงฮ่าวเฉียงนั้น ก็เพื่อจงใจทดสอบปฏิกิริยาของตระกูลหลงเท่านั้น!”
“พวกท่านทั้งสองลองคิดดูสิว่า..หากตระกูลหลงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลหลิงจริง เหตุใดยังคงนิ่งเงียบเช่นนี้! นี่ก็ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วตั้งแต่ที่ข้าหักขาหลงฮ่าวเฉียง พวกท่านพบว่าตระกูลหลงมีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาบ้างหรือไม่”
“ไม่!”หลิงลี่กับหลิงเสี่ยวตอบออกมาพร้อมกัน
ในขณะที่หลิงเย่วครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบไปว่า “หลิงหยุน.. ตระกูลหลงยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาจริงๆ!”
“นั่นไงเล่า!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นและพูดต่อว่า “นี่ย่อมเป็นการยืนยันว่า.. ตระกูลหลงกับตระกูลเย่จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการประลองในครั้งนี้อีก แต่จะนั่งรอคอยเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์..”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
หลิงเสี่ยวพูดแทรกขึ้นมาและอธิบายต่อว่า “หลิงหยุน.. การกระทำของเจ้าเมื่อวานนับว่าเกินเหตุไป หากตระกูลหลงต้องการจัดการกับเจ้า และพวกเราทุกคนจริงๆ จะทำเช่นใด”
หลิงหยุนนั้นเข้าใจในความเป็นห่วงเป็นใยของหลิงเสี่ยวดีจึงตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อ.. หากตระกูลหลงทำเช่นนั้นก็ยิ่งดี จะได้เป็นการยืนยันว่าตระกูลหลงเป็นศัตรูของตระกูลหลิงจริงๆ ไม่ใช่สหายอย่างที่พวกเราคิด! ตระกูลหลิงของเราจะได้หาทางป้องกันได้ทัน!” สำหรับหลิงหยุน..ศัตรูจะแข็งแกร่งหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่การได้รู้ว่าใครเป็นศัตรูต่างหากเล่าที่สำคัญ เพราะจะได้หาทางป้องกันได้ทัน!
ทุกคนในตระกูลหลิงนิ่งฟังและถอนหายใจพร้อมกัน แล้วหลิงลี่ก็ถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. พวกเราจะป้องกันได้อย่างไร”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่ไม่ต้องร้อนใจไป ข้าย่อมมีวิธี รออีกสองวัน หลังจากนั้น…”
หลิงหยุนจัดการบอกแผนการของตนเองให้กับทุกคนฟังผ่านทางกระแสจิตหลังจากที่ได้ล่วงรู้แผนการของหลิงหยุน สมาชิกตระกูลหลิงต่างก็นิ่งฟังด้วยความตกตะลึง..
…… ไอรีนโนเวล
เหล่าอาวุโสตระกูลหลิงยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุมส่วนหลิงหยุนกับทายาทรุ่นเล็กคนอื่นๆ ต่างก็พากันเดินออกมาที่สวนด้านนอก..
“เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้าเห็นเจ้าวิ่งวุ่นทั้งวันคิดไม่ถึงว่าจะมีเวลาไตร่ตรองวางแผนได้ละเอียดละออเช่นนี้!” ทันทีที่เดินออกมาจากห้องประชุม.. หลิงซิ่วก็วิ่งไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชื่นชม
บรรดาพี่ๆน้องๆที่ได้ฟังแผนการของหลิงหยุนต่างก็มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหลิงหย่ง หลิงเฟิง หลิงเลี่วย และคนอื่นๆ
จากนั้นหลิงเลี่วยก็พูดขึ้นมาว่า“พี่ๆทั้งสาม.. พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเย่เทียนสุ่ยแห่งตระกูลเย่ ได้เปิดเดิมพันการประลองของพวกเราสามตระกูลด้วยล่ะ!”
“งั้นรึ!”หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างสนอกสนใจ
หลิงเลี่วยพยักหน้าพร้อมกับพูดต่อด้วยความโมโห“แต่ช่างน่าโมโหนัก! เย่เทียนสุ่ยมันมั่นใจว่าตระกูลหลิงจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และเดิมพันสูงถึงหนึ่งต่อห้าเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่ตกใจและรีบพูดขึ้นทันที “มันเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะแพ้สูงขนาดนี้ หากตระกูลหลิงเกิดเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา มันไม่ต้องจ่ายหมดตัวหรอกรึ”
หลิงเลี่วยตอบกลับทันที“นั่นสิ! เย่เทียนสุ่ยมันต้องจ่ายถึงห้าเท่าเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของตนเองทันที จากนั้นจึงได้เรียกพี่ๆน้องๆมารวมกลุ่มกัน พร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา
“ทุกคน..อยากตกปลาใหญ่กันหรือไม่”
……
ตกบ่ายของวันที่29 สิงหาคม.. หลิงหยุนได้ไปสอนวรยุทธ และกำลังภายในให้กับเหล่านักรบตระกูลหลิงภายในสวนชั้นที่แปด พร้อมกับเรียกอาวุธนับร้อยออกมาจากแหวนจักรวาลให้เหล่านักรบตระกูลหลิงเลือก..
เวลานี้เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนกันหมดแล้วในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ หลิงหยุนจึงเน้นสอนวรยุทธในการต่อสู้ให้..
ตกดึก..หลิงหยุนก็ได้ไปพบจินเหยียวที่ห้อง และได้ใช้หยดเสินหยวน น้ำลายมังกร โอสถหลงหลิง และโอสถหลงหู่ ช่วยให้จินเหยียวพัฒนาขั้นจนสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งขึ้นพลังเหนือธรรมชาติได้ในทันที!
ความจริงแล้วจินเหยียวสามารถที่จะพัฒนาขั้นได้สูงกว่านี้แต่หลิงหยุนห้ามไว้ เพราะเกรงว่าขั้นกำลังของจินเหยียวจะไม่มั่นคง และเสถียรพอ
จากการที่หลิงหยุนใช้หยดเสินหยวนช่วยจินเหยียวพัฒนาขั้นในครั้งนี้ทำให้จินเหยียวได้จิตหยั่งรู้ในแบบเดียวกับหลิงหยุน
หลังจากช่วยจินเหยียวแล้วหลิงหยุนก็ไปช่วยโม่วู๋เตาต่อด้วยวิธีเดียวกัน ในที่สุดโม่วู๋เตาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-4 ได้ และด้วยอานุภาพของหยดเสินหยวน โม่วู๋เตาก็เกิดจิตหยั่งรู้ขึ้นเช่นเดียวกัน!
หลิงหยุนกำลังจะค่อยๆฝึกทุกคนในตระกูลหลิง รวมทั้งจินเหยียว เกาเฉินเฉิน และโม่วู๋เตาเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะที่แท้จริง และเป้าหมายก็คือขั้นอมตะ! ด้วยเหตุนี้..ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในเมื่อหลิงหยุนเป็นผู้ชักนำเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะที่แท้จริงแล้ว เขาจะต้องช่วยทุกคนให้สามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งให้ได้เสียก่อน!
ยิ่งมั่นคงแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น!
ไม่เช่นนั้นแล้วหากวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับเหล่าทัณฑ์สวรรค์ และถูกทัณฑ์สวรรค์สังหารเพราะแกร่งไม่พอ หลิงหยุนคงจะนึกเสียใจไม่น้อย..
……..
ในวันที่30 สิงหาคม.. หลิงหยุนพาเกาเฉินเฉินกลับไปที่บ้านตระกูลเกา และบอกกับทุกคนว่า เวลานี้เกาเฉินเฉินได้เข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะอย่างจริงจังแล้ว และจิตหยั่งรู้ภายในก็กำเนิดขึ้นแล้วเช่นกัน!
และเมื่อทุกคนได้ฟังจากหลิงหยุนว่าภายในเวลาเพียงแค่คืนเดียวเกาเฉินเฉินได้เข้าสู่ขั้นปฐมชี่แล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกมีความหวังว่าตระกูลเกาจะได้กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!
หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันแล้วหลิงหยุนก็ได้พูดคุยกับเกาจิ้นสงอย่างลับๆ และได้จัดเตรียมบางอย่างก่อนที่จะกลับไปพร้อมกับเกาเฉินเฉิน..
ตกดึกในคืนเดียวกัน..หลิงหยุนก็ได้ไปหาเสี่ยวเม่ยเม่ยที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง และให้นางจัดเตรียมทุกอย่างตามแผนที่เขาบอก..
………
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้ส่งคนของตนเองให้เดินทางไปที่คลับเฮ้าส์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง..
ภายในชั้นที่ห้าของคลับเฮ้าส์แห่งนั้นมีชายร่างอ้วนน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมกำลังนั่งสูบซิการ์ราคาแพงอยู่บนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ..
แต่แล้วจู่ๆก็มีคนผลักประตูห้องเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางเคารพนบนอบ“คุณชายสาม..”
“มีอะไรก็พูดมา!”ชายร่างอ้วนร้องสั่ง..
“คุณชายสาม..ยิ่งมีข่าวลือออกไปว่าตระกูลหลงจะจัดการกับตระกูลหลิง ยิ่งทำให้มีคนมาลงเดิมพันกับเรามากขึ้น แต่ก็ล้วนเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งนั้น และเป็นจำนวนเงินมากกว่าหนึ่งพันล้านแล้วครับ!”
ชายร่างอ้วนหรี่ตาลงพร้อมกับถามขึ้นว่า“แล้วจำนวนเงินที่แทงว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะเล่า.. มีจำนวนเท่าไหร่”
ผู้จัดการคลับตอบกลับไปทันที“ยังไม่ถึงสองแสนเลยครับ และส่วนใหญก็ดูเหมือนจะพนันสนุกๆเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไรนัก!”
และชายร่างอ้วนเจ้าของคลับเฮ้าส์นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ใหนแต่เป็นเย่เทียนสุ่ยแห่งตระกูลเย่นั่นเอง!
เย่เทียนสุ่ยพูดทันทีว่า“น้อยถึงเพียงนี้เชียวรึ! ไปจัดการเปลี่ยนเงินเดิมพันเป็นหนึ่งต่อสิบห้า!”
ผู้จัดการคลับได้ยินก็ตอบกลับไปอึกๆอักๆ“แต่.. หากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา เราจะเสียหายมากเลยนะครับ!”
เย่เทียนสุ่ยจ้องหน้าผู้จัดการด้วยสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับร้องตะโกนสั่งว่า “ข้าบอกให้เจ้าเปลี่ยน เจ้าก็เปลี่ยนสิ! จะมาพล่ามไร้สาระอะไรอยู่อีก!”
ผู้จัดการคลับไม่กล้าพูดอะไรอีกได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรบอกลูกน้องให้เปลี่ยนอัตราการเดิมพันทันที!
“เอาน่า..เจ้าเชื่อมือตระกูลซันกับตระกูลเฉินสิ! ครั้งนี้ตระกูลหลิงไม่รอดแน่!”
หลังจากผู้จัดการคลับกลับออกไปไม่ถึงสิบนาทีก็วิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง..
“คุณชายสาม..แย่แล้ว!”
เย่เทียนสุ่ยทำสีหน้าดุดันขึ้นมาทันทีเขาโยนซิการ์ในมือทิ้งลงไปบนพรมราคาแพง พร้อมกับร้องตะโกนถามขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้นมีคนเข้ามาก่อกวนงั้นรึ?”
“ไม่ใช่ครับ!”
“ทันทีที่เปลี่ยนเงินเดิมพันก็มีคนมาเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะชนะเพิ่มขึ้นทันที!”
เย่เทียนสุ่ยยิ้มพร้อมหัวเราะและตอบกลับไปว่า “เงินเดิมพันสูงถึงสิบห้าเท่า จะมีคนต้องการเสี่ยงเดิมพันข้างตระกูลหลิงก็ไม่แปลกอะไรไม่ใช่รึ”
“แต่เขาวางเงินเดิมพันสูงถึงหนึ่งพันล้านนะครับคุณชายสาม!”
“ห๊ะ!อะไรนะ?!”
ร่างใหญ่ยักษ์เจ้าเนื้อของเย่เทียนสุ่ยพุ่งพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
และถึงแม้ว่าเวลานี้หลิงหยุนจะไม่สามารถใช้พู่กันจักรพรรดิได้แต่เขาก็สามารถใช้ตราหยกจักรพรรดิที่อยู่กลางหว่างคิ้วแทนได้!
หลิงหยุนเรียกหยกจักรพรรดิออกมาจากหว่างคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เด็กดี.. เจ้ามาได้ทันเวลาที่ข้าจะต้องประลองพอดี! แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าจะมีพลานุภาพที่แข็งแกร่งมากเพียงใด”
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับกลางขั้นซานเฉิงชี่แล้วอีกทั้งยังมีตราหยกจักรพรรดิด้วย ทำให้เขายิ่งมั่นใจในการประลองครั้งนี้มากยิ่งขึ้น และไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้น หลิงหยุนก็เชื่อมั่นว่าตนเองจะสามารถจัดการได้!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูเตียงมังกรอีกครั้งและพบว่าปราณมังกรกับปราณจักรพรรดิได้มลายหายไปหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เขาและพู่กันจักรพรรดิคงจะดูดซับเข้าไปหมดนั่นเอง!
หลิงหยุนได้แต่นึกขอบคุณตระกูลเกาที่ส่งเตียงมังกรนี้มาให้กับตนเอง!
หลังจากที่หลิงหยุนลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินไปหาเกาเฉินเฉินที่ตื่นนอนแล้วเช่นกันพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ว่ายังไงฮองเฮาของผมตื่นแล้วเหรอทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยล่ะ?”
“คุณนอนต่อนะ..ผมจะออกไปฝึกวิชาก่อน!”
หลิงหยุนโน้มตัวลงจุมพิตที่แก้มของเกาเฉินเฉินแล้วเดินออกจากห้องนอนไปทันที
.… หลิงหยุนเดินตรงไปยังสวนชั้นที่หกซึ่งปลูกหลิวเทวะ–วิญญาณไว้แต่เมื่อเห็นโม่วู๋เตากำลังนั่งฝึกวิชาอยู่ ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ..
“โอ้โห..ดูท่าวันนี้พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางตะวันตกสินะ! เจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมาฝึกวิชาก่อนข้าได้!”
โม่วู๋เตารีบลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ“หึ.. เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดอีกงั้นรึ เมื่อคืนพวกเจ้าส่งเสียงดังถึงเพียงนั้น ใครจะไปข่มตาหลับลงได้กันเล่า?!”
“…..”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนนี้เกาเฉินเฉินร้องครวคราญเสียงดังมาก และเขาเองก็ลืมที่จะสร้างค่ายกลสำหรับปิดกั้นเสียงไว้รอบบ้านด้วย!
เสียงร้องของเกาเฉินเฉินเมื่อคืนนี้อย่าว่าแต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจะได้ยินเลย แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ห่างราวสิบเมตร ก็ย่อมต้องได้ยินอย่างชัดเจน! “อ่อ.ขอโทษเจ้าด้วย ข้าประมาทเลินเล่อไปหน่อย!”
แม้จะสายไปเสียแล้วแต่หลิงหยุนก็หน้าหนาพอที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้!
โม่วู๋เตายกนิ้วโป้งให้หลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชมว่า“หลิงหยุน.. เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ! อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประลองอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับมีอารมณ์ที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ได้..”
“เอาล่ะ..ข้าจะฝึกวิชาต่อแล้ว เจ้าอย่ามากวนข้าล่ะ!”
พูดจบโม่วู๋เตาก็หลับตาลงไม่สนใจหลิงหยุนอีก..
……
หลังจากรรับประทานอาหารเช้าแล้วหลิงลี่ก็เรียกประชุมสมาชิกตระกูลหลิง..
เวลานี้หลิงลี่หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เหล่ากุ่ย และเหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว มีเพียงหลิงหยุนที่กำลังใกล้จะถึงแล้ว และทันทีที่หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปในห้อง..สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาทางหลิงหยุน ทุกคนต่างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาแปลกประหลาด และต่อให้หลิงหยุนจะหน้าหนาสักเพียงใด ก็ยากที่จะทานทนได้อีกต่อไป เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า..
“เอ่อ..เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าพลาดไปแล้ว! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนความสงบของทุกคนจริงๆ ข้าน้อมรับผิด!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงได้ยินเช่นนั้นต่างก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นหลิงลี่ก็กระแอมขึ้นมาสองสามครั้ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..อย่าเสียเวลาดีกว่า! เข้าเรื่องการประลองในอีกไม่กี่วันนี้เลย..!”
จากนั้นหลิงลี่ก็หันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“หลิงหยุน.. การประลองจะเริ่มขึ้นตอนสองทุ่มตรง.. เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือไม่” วันนี้เป็นวันที่29 สิงหาคมแล้ว และในเวลาสองทุ่มตรงของวันที่ 31 สิงหาคม ตระกูลหลิง ก็ต้องประลองกับตระกูลซันและตระกูลเฉินแล้ว..
หากตระกูลหลิงสามารถเอาชนะสองตระกูลได้และไม่ได้สูญเสียมากมาย ตระกูลหลิงก็มีโอกาสที่จะเหยียบสองตระกูลขึ้นมาได้สำเร็จ!
แต่หากตระกูลหลิงพ่ายแพ้ทุกอย่างก็จะจบลงทันทีเช่นกัน!
การประลองในครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญยิ่งนักตระกูลหลิงจึงไม่อาจพลาดพลั้งได้ หลิงลี่จึงต้องการสอบถามหลิงหยุนอย่างละเอียด!
และเวลานี้สายตาทุกคู่ก็กำลังจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเพียงคนเดียว..
แต่หลิงหยุนกลับมีท่าทีที่สงบนิ่งเป็นอย่างมากและดูเหมือนจะมีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้อย่างมากเช่นกัน!
“ท่านปู่ท่านพ่อ ลุงสอง.. ได้โปรดวางใจเรื่องนี้ได้!”
“การประลองครั้งนี้ตระกูลหลิงต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”
“ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะขนยอดฝีมือมามากมายเพียงใดตระกูลหลิงของเราก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว!”
“สิ่งที่ข้ากำลังครุ่นคิดในตอนนี้เป็นเรื่องของศัตรูในที่ลับต่างหากรวมทั้งท่าทีของตระกูลหลงกับตระกูลเย่ที่กำลังจับตามองพวกเราอยู่!”
“ในความเห็นของข้า..ตระกูลเย่นั้นไม่น่าจะมีอะไร!”
“เพราะตั้งแต่วันที่เฉินจิ้งเฉวียนท้าประลองกับตระกูลหลิงที่สุสานจนกระทั่งถึงวันนี้ตระกูลเย่ยังคงนิ่งเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าตระกูลเย่ไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“หลิงหยุน..ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุมีผล!”
หลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วยและพูดต่อทันทีว่า “จากที่ข้ารู้จักตระกูลเย่มาหลายปี ข้าเองก็มั่นใจว่าตระกูลเย่ไม่คิดจัดการกับตระกูลหลิงในตอนนี้แน่!”
“ตระกูลเย่อยู่โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครมานานกว่าสี่สิบปีแล้วพลังอำนาจของตระกูลเย่จึงเป็นเรื่องที่ใครๆก็คาดเดาได้ยาก แม้กระทั่งตระกูลหลงที่ดูเหมือนพลังอำนาจจะลดลงไม่น้อย แต่ตระกูลเย่ก็ไม่เคยคิดที่จะตอแย..”
“อีกทั้งการประลองระหว่างตระกูลหลิงตระกูลซัน และตระกูลเฉิน ก็ยังเป็นผลดีต่อตระกูลเย่อีกด้วย เพราะไม่ว่าผู้ใดจะชนะหรือแพ้ ต่างฝ่ายต่างก็ย่อมต้องสูญเสียความแข็งแกร่งไปไม่น้อย..”
หลิงเย่วได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้นว่า“ตระกูลเย่ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดไม่ใช่รึ พวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆของเหล่าตระกูลใหญ่เลยสักครั้ง และมักจะคอยทำตัวเป็นนักตกปลาฉกฉวยผลประโยชน์..”
“ที่สำคัญที่สุด..ตระกูลหลิงของเราเองก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเย่ด้วย!” หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แต่ครั้งนี้ตระกูลเย่คงจะต้องผิดหวัง หากคิดจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหมือนเช่นเคย!”
หลิงเย่วจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“ตระกูลเย่ไม่น่าจะมีอะไร แล้วตระกูลหลงเล่า?”
นี่เป็นความกังวลและหนักอกหนักใจของเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงนั่นเพราะหลิงหยุนเพิ่งจะตบหน้า และหักขาหลงฮ่าวเฉียงไปเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นการกระทำที่ต่อต้านตระกูลหลงอย่างออกหน้าออกตา..
จากที่เคยให้ความเคารพความเกรงใจตระกูลหลงมาโดยตลอดแต่จู่ๆ กลับอาจหาญเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหลงซึ่งหน้าเช่นนี้ คงยากที่ตระกูลหลงจะยินยอมได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของตระกูลหลง..
แต่หลิงหยุนกลับแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หระ “ตระกูลหลงงั้นรึ! ไม่เห็นจำเป็นต้องหวาดกลัว!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงถึงกับเย็นสันหลังวาบ..และได้แต่แอบคิดว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลหลงอย่างนั้นหรือ!
หลิงเสี่ยวขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับถามขึ้นทันที“หลิงหยุน.. เจ้าไม่ควรตัดบทเช่นนี้! มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้พวกเราหวาดกลัวตระกูลหลงงั้นรึ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่.. ท่านพ่อ.. ความจริงแล้วที่ข้าตบหน้า และหักขาหลงฮ่าวเฉียงนั้น ก็เพื่อจงใจทดสอบปฏิกิริยาของตระกูลหลงเท่านั้น!”
“พวกท่านทั้งสองลองคิดดูสิว่า..หากตระกูลหลงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลหลิงจริง เหตุใดยังคงนิ่งเงียบเช่นนี้! นี่ก็ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วตั้งแต่ที่ข้าหักขาหลงฮ่าวเฉียง พวกท่านพบว่าตระกูลหลงมีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาบ้างหรือไม่”
“ไม่!”หลิงลี่กับหลิงเสี่ยวตอบออกมาพร้อมกัน
ในขณะที่หลิงเย่วครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบไปว่า “หลิงหยุน.. ตระกูลหลงยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาจริงๆ!”
“นั่นไงเล่า!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นและพูดต่อว่า “นี่ย่อมเป็นการยืนยันว่า.. ตระกูลหลงกับตระกูลเย่จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการประลองในครั้งนี้อีก แต่จะนั่งรอคอยเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์..”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
หลิงเสี่ยวพูดแทรกขึ้นมาและอธิบายต่อว่า “หลิงหยุน.. การกระทำของเจ้าเมื่อวานนับว่าเกินเหตุไป หากตระกูลหลงต้องการจัดการกับเจ้า และพวกเราทุกคนจริงๆ จะทำเช่นใด”
หลิงหยุนนั้นเข้าใจในความเป็นห่วงเป็นใยของหลิงเสี่ยวดีจึงตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อ.. หากตระกูลหลงทำเช่นนั้นก็ยิ่งดี จะได้เป็นการยืนยันว่าตระกูลหลงเป็นศัตรูของตระกูลหลิงจริงๆ ไม่ใช่สหายอย่างที่พวกเราคิด! ตระกูลหลิงของเราจะได้หาทางป้องกันได้ทัน!” สำหรับหลิงหยุน..ศัตรูจะแข็งแกร่งหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่การได้รู้ว่าใครเป็นศัตรูต่างหากเล่าที่สำคัญ เพราะจะได้หาทางป้องกันได้ทัน!
ทุกคนในตระกูลหลิงนิ่งฟังและถอนหายใจพร้อมกัน แล้วหลิงลี่ก็ถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. พวกเราจะป้องกันได้อย่างไร”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่ไม่ต้องร้อนใจไป ข้าย่อมมีวิธี รออีกสองวัน หลังจากนั้น…”
หลิงหยุนจัดการบอกแผนการของตนเองให้กับทุกคนฟังผ่านทางกระแสจิตหลังจากที่ได้ล่วงรู้แผนการของหลิงหยุน สมาชิกตระกูลหลิงต่างก็นิ่งฟังด้วยความตกตะลึง..
…… ไอรีนโนเวล
เหล่าอาวุโสตระกูลหลิงยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุมส่วนหลิงหยุนกับทายาทรุ่นเล็กคนอื่นๆ ต่างก็พากันเดินออกมาที่สวนด้านนอก..
“เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้าเห็นเจ้าวิ่งวุ่นทั้งวันคิดไม่ถึงว่าจะมีเวลาไตร่ตรองวางแผนได้ละเอียดละออเช่นนี้!” ทันทีที่เดินออกมาจากห้องประชุม.. หลิงซิ่วก็วิ่งไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชื่นชม
บรรดาพี่ๆน้องๆที่ได้ฟังแผนการของหลิงหยุนต่างก็มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหลิงหย่ง หลิงเฟิง หลิงเลี่วย และคนอื่นๆ
จากนั้นหลิงเลี่วยก็พูดขึ้นมาว่า“พี่ๆทั้งสาม.. พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเย่เทียนสุ่ยแห่งตระกูลเย่ ได้เปิดเดิมพันการประลองของพวกเราสามตระกูลด้วยล่ะ!”
“งั้นรึ!”หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างสนอกสนใจ
หลิงเลี่วยพยักหน้าพร้อมกับพูดต่อด้วยความโมโห“แต่ช่างน่าโมโหนัก! เย่เทียนสุ่ยมันมั่นใจว่าตระกูลหลิงจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และเดิมพันสูงถึงหนึ่งต่อห้าเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่ตกใจและรีบพูดขึ้นทันที “มันเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะแพ้สูงขนาดนี้ หากตระกูลหลิงเกิดเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา มันไม่ต้องจ่ายหมดตัวหรอกรึ”
หลิงเลี่วยตอบกลับทันที“นั่นสิ! เย่เทียนสุ่ยมันต้องจ่ายถึงห้าเท่าเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของตนเองทันที จากนั้นจึงได้เรียกพี่ๆน้องๆมารวมกลุ่มกัน พร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา
“ทุกคน..อยากตกปลาใหญ่กันหรือไม่”
……
ตกบ่ายของวันที่29 สิงหาคม.. หลิงหยุนได้ไปสอนวรยุทธ และกำลังภายในให้กับเหล่านักรบตระกูลหลิงภายในสวนชั้นที่แปด พร้อมกับเรียกอาวุธนับร้อยออกมาจากแหวนจักรวาลให้เหล่านักรบตระกูลหลิงเลือก..
เวลานี้เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนกันหมดแล้วในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ หลิงหยุนจึงเน้นสอนวรยุทธในการต่อสู้ให้..
ตกดึก..หลิงหยุนก็ได้ไปพบจินเหยียวที่ห้อง และได้ใช้หยดเสินหยวน น้ำลายมังกร โอสถหลงหลิง และโอสถหลงหู่ ช่วยให้จินเหยียวพัฒนาขั้นจนสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งขึ้นพลังเหนือธรรมชาติได้ในทันที!
ความจริงแล้วจินเหยียวสามารถที่จะพัฒนาขั้นได้สูงกว่านี้แต่หลิงหยุนห้ามไว้ เพราะเกรงว่าขั้นกำลังของจินเหยียวจะไม่มั่นคง และเสถียรพอ
จากการที่หลิงหยุนใช้หยดเสินหยวนช่วยจินเหยียวพัฒนาขั้นในครั้งนี้ทำให้จินเหยียวได้จิตหยั่งรู้ในแบบเดียวกับหลิงหยุน
หลังจากช่วยจินเหยียวแล้วหลิงหยุนก็ไปช่วยโม่วู๋เตาต่อด้วยวิธีเดียวกัน ในที่สุดโม่วู๋เตาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-4 ได้ และด้วยอานุภาพของหยดเสินหยวน โม่วู๋เตาก็เกิดจิตหยั่งรู้ขึ้นเช่นเดียวกัน!
หลิงหยุนกำลังจะค่อยๆฝึกทุกคนในตระกูลหลิง รวมทั้งจินเหยียว เกาเฉินเฉิน และโม่วู๋เตาเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะที่แท้จริง และเป้าหมายก็คือขั้นอมตะ! ด้วยเหตุนี้..ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในเมื่อหลิงหยุนเป็นผู้ชักนำเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะที่แท้จริงแล้ว เขาจะต้องช่วยทุกคนให้สามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งให้ได้เสียก่อน!
ยิ่งมั่นคงแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น!
ไม่เช่นนั้นแล้วหากวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับเหล่าทัณฑ์สวรรค์ และถูกทัณฑ์สวรรค์สังหารเพราะแกร่งไม่พอ หลิงหยุนคงจะนึกเสียใจไม่น้อย..
……..
ในวันที่30 สิงหาคม.. หลิงหยุนพาเกาเฉินเฉินกลับไปที่บ้านตระกูลเกา และบอกกับทุกคนว่า เวลานี้เกาเฉินเฉินได้เข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะอย่างจริงจังแล้ว และจิตหยั่งรู้ภายในก็กำเนิดขึ้นแล้วเช่นกัน!
และเมื่อทุกคนได้ฟังจากหลิงหยุนว่าภายในเวลาเพียงแค่คืนเดียวเกาเฉินเฉินได้เข้าสู่ขั้นปฐมชี่แล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกมีความหวังว่าตระกูลเกาจะได้กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!
หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันแล้วหลิงหยุนก็ได้พูดคุยกับเกาจิ้นสงอย่างลับๆ และได้จัดเตรียมบางอย่างก่อนที่จะกลับไปพร้อมกับเกาเฉินเฉิน..
ตกดึกในคืนเดียวกัน..หลิงหยุนก็ได้ไปหาเสี่ยวเม่ยเม่ยที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง และให้นางจัดเตรียมทุกอย่างตามแผนที่เขาบอก..
………
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้ส่งคนของตนเองให้เดินทางไปที่คลับเฮ้าส์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง..
ภายในชั้นที่ห้าของคลับเฮ้าส์แห่งนั้นมีชายร่างอ้วนน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมกำลังนั่งสูบซิการ์ราคาแพงอยู่บนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ..
แต่แล้วจู่ๆก็มีคนผลักประตูห้องเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางเคารพนบนอบ“คุณชายสาม..”
“มีอะไรก็พูดมา!”ชายร่างอ้วนร้องสั่ง..
“คุณชายสาม..ยิ่งมีข่าวลือออกไปว่าตระกูลหลงจะจัดการกับตระกูลหลิง ยิ่งทำให้มีคนมาลงเดิมพันกับเรามากขึ้น แต่ก็ล้วนเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งนั้น และเป็นจำนวนเงินมากกว่าหนึ่งพันล้านแล้วครับ!”
ชายร่างอ้วนหรี่ตาลงพร้อมกับถามขึ้นว่า“แล้วจำนวนเงินที่แทงว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะเล่า.. มีจำนวนเท่าไหร่”
ผู้จัดการคลับตอบกลับไปทันที“ยังไม่ถึงสองแสนเลยครับ และส่วนใหญก็ดูเหมือนจะพนันสนุกๆเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไรนัก!”
และชายร่างอ้วนเจ้าของคลับเฮ้าส์นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ใหนแต่เป็นเย่เทียนสุ่ยแห่งตระกูลเย่นั่นเอง!
เย่เทียนสุ่ยพูดทันทีว่า“น้อยถึงเพียงนี้เชียวรึ! ไปจัดการเปลี่ยนเงินเดิมพันเป็นหนึ่งต่อสิบห้า!”
ผู้จัดการคลับได้ยินก็ตอบกลับไปอึกๆอักๆ“แต่.. หากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา เราจะเสียหายมากเลยนะครับ!”
เย่เทียนสุ่ยจ้องหน้าผู้จัดการด้วยสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับร้องตะโกนสั่งว่า “ข้าบอกให้เจ้าเปลี่ยน เจ้าก็เปลี่ยนสิ! จะมาพล่ามไร้สาระอะไรอยู่อีก!”
ผู้จัดการคลับไม่กล้าพูดอะไรอีกได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรบอกลูกน้องให้เปลี่ยนอัตราการเดิมพันทันที!
“เอาน่า..เจ้าเชื่อมือตระกูลซันกับตระกูลเฉินสิ! ครั้งนี้ตระกูลหลิงไม่รอดแน่!”
หลังจากผู้จัดการคลับกลับออกไปไม่ถึงสิบนาทีก็วิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง..
“คุณชายสาม..แย่แล้ว!”
เย่เทียนสุ่ยทำสีหน้าดุดันขึ้นมาทันทีเขาโยนซิการ์ในมือทิ้งลงไปบนพรมราคาแพง พร้อมกับร้องตะโกนถามขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้นมีคนเข้ามาก่อกวนงั้นรึ?”
“ไม่ใช่ครับ!”
“ทันทีที่เปลี่ยนเงินเดิมพันก็มีคนมาเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะชนะเพิ่มขึ้นทันที!”
เย่เทียนสุ่ยยิ้มพร้อมหัวเราะและตอบกลับไปว่า “เงินเดิมพันสูงถึงสิบห้าเท่า จะมีคนต้องการเสี่ยงเดิมพันข้างตระกูลหลิงก็ไม่แปลกอะไรไม่ใช่รึ”
“แต่เขาวางเงินเดิมพันสูงถึงหนึ่งพันล้านนะครับคุณชายสาม!”
“ห๊ะ!อะไรนะ?!”
ร่างใหญ่ยักษ์เจ้าเนื้อของเย่เทียนสุ่ยพุ่งพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!