ขณะพูด หญิงสาวก็ยกมือขึ้นดึงกระโปรงสีแดงของตน ใบหน้ามองไปที่ฟางเหยียนอย่างประณาม ตอนนี้ ฟางเหยียนรู้สึกไม่แน่ใจอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร
จู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที เธอยกมือชี้ไปที่ฟางเหยียนแล้วพูดว่า “เขา ผู้ชายคนนี้มองดูแล้วเป็นผู้เป็นคน แต่เมื่อกี้เขากลับแอบลูบเขาฉัน! ครั้งแรกฉันคิดว่าเขาสัมผัสโดนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่จากนั้นเขาก็สัมผัสอีกหลายครั้ง ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ดูเป็นผู้ดีอย่างเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ฉันก็เลยคิดว่าจะแกล้งทำเป็นหลับและลองดูว่าเขาจะลงมือทำอะไรหรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ฉันหลับตาลง เขาก็ลงมือทำเรื่องแบบนี้ทันที มือของเขาไม่ได้แค่สัมผัสลูบคลำเท่านั้น แต่กลับเคลื่อนขึ้นมาด้วย เขามันแทบจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน!”
ถูกผู้หญิงคนนั้นพูดใส่ขนาดนี้ ฟางเหยียนก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น เขามองหญิงสาวด้วยสายตาที่ราบเรียบและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนบ้าหรือเปล่า? หรือว่าเธอกำลังเล่นอะไรอยู่? เธอมีจินตนาการมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
สิ่งที่เธอเพิ่งพูดขึ้นมาพวกนี้ล้วนเป็นคำพูดที่ประดิษฐ์ขึ้นจากอากาศบาง ๆ กลับเป็นเธอต่างหากที่จงใจถูขาของเธอเข้ากับตนหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ฟางเหยียนไม่สนใจผู้หญิงประเภทนี้และไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
เขาคิดว่ามันไม่สำคัญ แต่คนในรถกลับไม่คิดอย่างนั้น
“แม่เจ้าเว้ย! คนหนุ่มที่ดูแล้วเป็นผู้เป็นคนแบบนี้ ถึงกับกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมา มองไม่ออก มองไม่ออกเลยจริงๆ”
“ใช่ คนหนุ่มสาวทุกวันนี้ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์มากเกินไปแล้ว คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเหมือนกับในภาพยนตร์จริงๆไปแล้ว”
“เรื่องแบบนี้ให้อภัยไม่ได้ ยกโทษให้ไม่ได้เด็ดขาด”
“หึหึ! เมื่อกี้ฉันยังคิดว่าเขาหล่อมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ ยังมีอีกอย่าง รสนิยมเขาแรงขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าในใจของเขาทั้งวันคิดอะไรอยู่บ้าง”
“…”
ทุกคนต่างพูดออกมาคำสองคำจนเปลี่ยนขาวเป็นดำไปหมดแล้ว สรุปก็คือแค่คำพูดพล่อยๆของหญิงสาวเพียงประโยคเดียว ก็สามารถทำให้ฟางเหยียนกลายเป็นพวกโรคจิตชอบลวนลามบนรถไปแล้ว
ฟางเหยียนกลับไม่ได้โกรธหรืออับอายอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ อีกทั้งยังไม่ได้พูดอะไรออกมา การแสดงออกและทัศนคติของเขามีเพียงความสุขุมเยือกเย็น
เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวไม่เข้าใจอย่างยิ่ง เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “ทุกคนเห็นไหม? เขายังคงทำตัวแบบนี้อยู่อีก เขาไม่สำนึกในความผิดพลาดของตัวเองเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับยังมีท่าทางแบบนี้ออกมา นี่มันมากเกินไปแล้ว”
“พี่สาว คุณวางใจ สิ่งที่ผมทนไม่ได้มากที่สุดก็คือเรื่องแบบนี้ คนพวกนี้ใช้ไม้อ่อนไม่ยอมสยบแน่ ต้องใช้ไม้แข็ง ผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาเอง” ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์ร่างหมีก็ลุกขึ้นยืนและจ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างดุดัน ด้านหลังเขายังมีชายที่ดูไม่เป็นโล้เป็นพายอีกหลายคน ดูเหมือนจะมีสามหรือห้าคน มีทุกแบบทุกประเภท มีทั้งผมสีเหลือง เจาะหู และสวมกางเกงขาดๆ มองดูแล้วเชยอย่างยิ่ง แค่มองก็รู้แล้วว่าล้วนเป็นพวกอันธพาล
หยางอีหันไปมองที่ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น สีหน้าของเธอกำลังแสดงท่าทางภาคภูมิใจ ราวกับกำลังบอกว่า ดูสิว่านายจะตายหรือไม่
ในพริบตา เขาก็มองออกถึงกลอุบายของคนเหล่านี้ นี่สมควรถือเป็นพวกต้มตุ๋นอีกรูปแบบหนึ่ง คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกเดียวกัน และพวกเขาอาจทำเรื่องพวกนี้บนถนนมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว
คนที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือคนที่ตอนนี้กำลังยืนหยัดเพื่อรักษาความยุติธรรมเหล่านั้น จุดประสงค์ของพวกเขาก็คือเพื่อกระตุ้นความโกรธของประชาชน เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ ถึงแม้หลายๆคนจะไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนนี้ แต่เมื่อถูกคนหลายคนกดดัน ก็เลือกที่จะให้เงินไป
หญิงสาวมองไปที่ชายที่ดูมีอำนาจและถามว่า “พี่ชาย คุณจะช่วยฉันได้อย่างไร”
ชายคนนั้นเอ่ยว่า “แน่นอนว่ากับคนไร้ยางอายแบบนี้ ก็ต้องทุบตีเขาสักยก จากนั้นก็โยนออกจากรถ! การอยู่กับคนแบบนี้ถือเป็นการดูหมิ่นพวกเราในรถทั้งหมด ฉันคิดว่าทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่คงไม่มีใครอยากจะอยู่กับเขาหรอกไม่ไหม?”
“ไม่แน่นอน!” ทุกคนเอ่ยแสดงท่าทีออกมาอย่างเอะอะ
“คนหนุ่มที่น่าขยะแขยงแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตเขายังจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาอีกรึเปล่า ทุบตีเขาและไล่เขาออกไป”
“ฉันแนะนำให้พาเขาไปที่สถานีตำรวจ ให้คนในนั้นสั่งสอนเขา”
คนเราล้วนมีความคิดแบบเป็นฝูง แต่เดิมไม่มีเรื่องอะไร แต่หลายครั้งมันก็เกิดขึ้นมาจากคำพูดแย่ๆ ของผู้คน นี่ก็เหมือนในหนัง ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ยอมให้คนชรานั่ง ก็ถูกคนถ่ายและโพสต์ลงบนออนไลน์ ต่อมาหญิงสาวคนนั้นฆ่าตัวตายเพราะเธอไม่สามารถรับได้กับความคิดเห็นของสาธารณชนในสังคม ผลคือพอความจริงปรากฏผู้คนก็ต้องตกใจ สาเหตุที่หญิงสาวไม่ให้ชายชรานั่ง ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเพิ่งได้รับผลการตรวจจากโรงพยาบาล เธอป่วยด้วยโรคมะเร็ง จิตใจตกอยู่ในความซึมเศร้า แต่เดิมคิดว่าเธอจะสามารถตายอย่างสงบสุขได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องเจอเรื่องเศร้าแบบนี้ก่อนตาย
ในความเป็นจริงมีหลายครั้งที่ความคิดเห็นของผู้คนสามารถฆ่าคนได้ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง
หญิงสาวคนนั้นครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เฮ้อ พวกเราก็ไม่อยากจะทำอะไรนายหรอก เห็นแก่ที่นายอายุยังน้อย ฉันว่าจากนี้ไปนายน่าจะรู้ถึงความผิดพลาดของตนเองและปรับปรุงตัวได้ นายให้ฉันพันหยวนเป็นค่าปลอบขวัญแล้วกัน จากนั้นก็ไสหัวไปซะ!”
หนึ่งพันหยวน ช่างโลภมากจริงๆ แสดงเขี้ยวเล็บออกมาเร็วขนาดนี้ น่าสนใจอยู่บ้าง
ฟางเหยียนหัวเราะเยาะ จากนั้นก็ส่ายหัว ไม่พูดอะไร น่าขัน ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนที่น่าหัวเราะเยาะและโง่เขลาที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา นี่มันยุคไหนกันแล้ว ทำไมยังมีการแสดงขยะๆแบบนี้อยู่อีก
เมื่อเห็นฟางเหยียนหัวเราะแบบนั้น หญิงสาวก็อับอายจนโกรธเคืองและถามขึ้น “นายหัวเราะอะไร?”
ฟางเหยียนถอนหายใจ เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ฉันหัวเราะเยาะความโง่ของเธอ! พวกเธอจะไสหัวออกไปเอง หรือว่าต้องให้ฉันโยนพวกเธอออกไป?”
ชายฉกรรจ์ที่ยืนขึ้นมาคนนั้นขมวดคิ้วและมองฟางเหยียนอย่างประเมินอีกครั้ง กระดูกผอมเหมือนท่อนไม้ มองดูแล้วราวกับคนขาดสารอาหาร แต่พูดจากลับใหญ่โตไม่น้อย เขาแค่ยเสียงและตะคอกขึ้น “นี่แกรนหานที่ตาย! แต่เดิมก็แค่เงินแล้วจบ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่จบแล้ว คนขับรถ หยุดรถ ฉันจะโยนผู้ชายคนนี้ออกไปและสั่งสอนบทเรียนให้เขา”
รถหยุดลง ชายฉกรรจ์เดินเข้ามาหาฟางเหยียนด้วยท่าทางดุร้าย เขายกมือขึ้นและคว้าแขนของฟางเหยียน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามือของตนชาไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต จากนั้นเขาก็เห็นมือของชายหนุ่มกำลังจับมือเขาไว้ วินาทีถัดมา เขายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับเลยสักนิดก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้น
ร่างของเขาถูกโยนลงจากรถทั้งอย่างนั้น กระบวนการนี้เสร็จสิ้นในครั้งเดียว
ฉากนี้ทำให้หญิงสาวคนนั้นและอันธพาลไม่กี่คนตกใจจนสะดุ้ง นี่มันเร็วเกินไป เมื่อกี้พวกเขาล้วนยังไม่ทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ ชายฉกรรจ์ก็ถูกโยนลงจากรถไปแล้ว!
ฟางเหยียนยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน สายตาจ้องไปที่อันธพาลไม่กี่คนนั้นแล้วถามว่า “พวกนายจะลงจากรถไปด้วยตัวเอง? หรือว่าให้ฉันโยนลงไป?”
“ผมผมผม!” หลายคนรีบหนีไปตามๆกันในพริบตา
“แล้วเธอล่ะ?” สายตาของฟางเหยียนจับจ้องไปที่หญิงสาว