ฟางเหยียนมีน้ำโหขึ้นอีกครั้งแล้ว!
ทั้งห้องรองรับเต็มไปด้วยกลิ่นของไฟโทสะอันแรงกล้า!
ขณะนี้ ทั้งห้องรองรับเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยอันใด
แม้แต่โจวปินคางที่เพิ่งเดินเข้ามา ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติไป จึงได้ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ยว่า: “จอมพล อย่าได้โกรธเลย ผมผิดเองที่ต้อนรับไม่ทั่วถึง ทำให้จอมพลต้องรอนาน ตอนนี้สำรับอาหารพื้นๆ ได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว เชิญจอมพลทางนี้ เชิญ”
ชิงตี้ครุ่นคิดชั่วครู่ จึงเอ่ยขึ้น: “ที่รัก หลังทานข้าวเสร็จ แล้วฉันค่อยบอกคุณละกันนะ”
เธอก็ไม่สามารถที่จะละลาบละล้วงต่อไป ถึงอย่างไรนิสัยของฟางเหยียนเธอเองก็ไม่กล้าทำอะไรสะเพร่าได้
บอกว่าเป็นอาหารพื้นๆ ทว่าความจริงแล้วเป็นการถ่อมตนทั้งนั้น ช่างเป็นมื้ออาหารที่อุดมสมบูรณ์ ราวกับเป็นสำรับอาหารที่ตามงานเลี้ยงสุดหรูอย่างไรอย่างนั้น บนโต๊ะอาหารจัดวางอาหารชนิดต่างๆ หลากหลาย เห็นได้ถึงระดับความหรูหรา ทั้งโต๊ะอาหารวงกลมมีเพียงฟางเหยียนและโจวปินคาง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวเสริมเท่านั้น เทียนขุยและชิงตี้ถูกจัดให้อยู่ที่โต๊ะอาหารอื่น ประเภทของอาหารเหมือนกันทุกอย่าง มองแวบเดียวก็ทราบตำแหน่งทันที
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอย่างครึกครื้นแล้วนั้น โจวปินคางก็ได้เอาใจใส่อารมณ์ของฟางเหยียนอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด
และในขณะนี้เอง คนที่มีลักษณะราวกับเป็นพ่อบ้านก็เดินเข้ามา สีหน้ากระส่ายกระสับ เอ่ยว่า: “คุณท่าน ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“เสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน ไม่เข้าท่าเลย ถ้าไปรบกวนท่านจอมพลกินข้าวเข้า นายจะรับผิดชอบได้ไหม?”
พ่อบ้านเนื้อตัวสั่นเทาไปทั้งตัว จากนั้นค่อยลดเสียงเบาเอ่ยขึ้นอีกว่า: “หยางจิ่งเซียนพาคนมาเป็นกองล้อมเรือนเราอยู่!”
“หยางจิ่งเซียนช่างกล้าเสียจริงนะ!” โจวปินคางเอ่ยตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แม้ว่าจะเอาแต่ดูแลอารมณ์ของจอมพลอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด ทว่าในที่สุดเขาโจวปินคางก็เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลโจว เมื่อถูกคนมารังแกจนถึงที่เช่นนี้ พลังแรงกล้าของเขาที่มีฐานะเป็นผู้นำตระกูลก็ปรากฏออกมาให้เห็นทั้งหมด!
พลังอันแรงกล้าเผยออกมา ขณะนั้นเขาก็ระงับเอาไว้ จอมพลโผ้จวินยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย
โจวปินคางเอ่ยด้วยความกล้าๆ กลัวๆ : “จอมพล ต้องขออภัยจริงๆ ที่ต้องทำให้คุณต้องตกใจ ผมจะจัดการเรื่องนี้ในทันที”
“เชิญทั้งหมดเข้ามาเถอะ”
โจวปินคางอึ้งไป จากนั้นจึงพยักหน้า: “มัวยืนอึ้งอยู่ทำไม รีบไปสิ”
“เอ่อ อ้อๆ ”
ไม่นาน หยางจิ่งเซียนและพวกก็เข้ามา ไม่เพียงแค่เขา ยังมีทุกคนที่เจออยู่ที่เรือนตระกูลหยางในเมื่อก่อนด้วย ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่จากกิจการต่างๆ ทั้งหมดมาพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้ว
หยางจิ่งเซียนเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องตกตะลึงไป รีบเรียกสติกลับคืนมาอย่างเร็ว จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา: จอมพล พวกเรากังวลว่าตระกูลโจวจะทำอะไรไม่ดีกับคุณ ก็เลยเรียกรวมพละกำลังทั้งหมดมาช่วยเหลือ”
คนที่อยู่ด้านหลังเขาพยักหน้าตามๆ กัน
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ : “พอดีเลย พวกนายก็เข้ามาด้วยกันสิ การเข้าใจผิดบางอย่างก็ถึงเวลาที่จะต้องบอกกล่าวให้ชัดเจน”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฟางเหยียนจึงมองไปยังโจวปินคาง “เจ้าตระกูลโจว ความข้องใจและการเข้าใจผิดยิ่งอธิบายก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ขอถือโอกาสยืมสถานที่ ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นยังไง?”
ตามหลักการแล้ว โจวปินคางไม่คิดที่จะเจรจาอันใดกับพวกเขา แต่ก็จะฉีกหน้าฟางเหยียนไม่ได้ จึงต้องพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า: “จอมพลพูดอะไรกัน สามารถใช้สถานที่นี้ได้ นั่นมันเป็นเกียรติคุณสำหรับตระกูลโจวอย่างยิ่ง”
หยางจิ่งเซียนนั่งลงอย่างอึ้งๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้านั่งประจำที่เช่นกัน ฟางเหยียนได้เอ่ยปากอธิบาย ผู้ที่ได้ยินต่างก็ไม่เข้าใจกันไปตามๆ กัน ที่มากกว่านั้นก็คือไม่เชื่อ โจวปินคางไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเพลิงเสวนเช่นนั้นหรือ ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมนั้นก็คือ จอมพลเอ่ยขอโทษขอโพยด้วยปากตัวเอง นี่ช่างเป็นการกระทำของตระกูลสูงส่ง ช่างน่าเคารพนบนอบเสียจริง
อันที่จริงแล้ว มันก็เป็นเพียงการเข้าใจผิด ทุกคนมองไปยังเจ้าตระกูลโจว ภายในแววตาเต็มไปด้วยความขมขื่น นี่พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวายเสียแล้ว
ความรู้สึกก็เป็นเช่นนี้ รับการทดสอบไม่ได้ ความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าจะดีขนาดไหน แต่เมื่อเกิดรอยร้าวแล้ว ต้องการที่จะฟื้นฟูกลับเป็นเหมือนเดิม นั่นมันเปรียบเสมือนหนึ่งพันราตรีเชียว เป็นเพราะเรื่องวุ่นวายเรื่องหนึ่ง ส่งผลให้ทั้งดินแดนตะวันตกเป็นศัตรูกับตระกูลโจว ส่งผลให้คนต้องอยู่ไม่เป็นสุข มีแต่ความอันตรายเต็มไปหมด ทว่าความสัมพันธ์ที่แตกเป็นรอยร้าวในตอนนี้นั้น จะสามารถเติมเต็มกลับคืนเช่นเดิมได้อยู่หรือ?
นักธุรกิจใหญ่จากหลากหลายกิจการที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้สึกเป็นกังวล หยางจิ่งเซียนแม้จะเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งในดินแดนตะวันตกที่สุด ทว่าสามารถชี้นำทั้งตระกูลโจวได้หรือ? เขาสามารถฟื้นฟูความทุกข์ใจ เติมเต็มความเสียหายได้หรือไม่?
หยางจิ่งเซียนเป็นผู้ที่ขมขื่นที่สุด สิ่งที่คนเหล่านี้คิดในใจ เขาจะไม่ชัดเจนดีได้อย่างไร ทว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นง่ายๆ เหมือนนักธุรกิจแต่อย่างใด ความเสียหายที่ทำให้ตระกูลโจวนั้น ผู้ใดจะต้องมาชดใช้? โดยเฉพาะความเสียหายที่ทำให้เกิดขึ้นโดยทางอ้อมเช่นนี้ ผู้ใดจะสามารถเป็นผู้ชี้นำได้?
หยางจิ่งเซียนชัดเจนดีว่า เพียงแค่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป กิจการที่อยู่ภายใต้ตระกูลโจวก็ได้รับการลดทอนและกดดัน แม้จะยังไม่ถึงขั้นเสื่อมโทรมจนเป็นม้าตีนปลาย ทว่าความเสียหายที่แท้จริงนั้นก็รุนแรงอย่างยิ่ง ทุกวันต้องมีตัวเลขของเงินทุนที่หายไปเป็นจำนวนมาก ดีไม่ดีไม่เพียงแต่ไม่ได้เป็นนักธุรกิจ แถมจะยังถูกตระกูลโจวเคียดแค้นจำฝังใจเอาไว้อีก
เดิมทีเขาไม่มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าในเมื่อจอมพลทำให้เขานั่งลง และเอ่ยอธิบายแล้ว เรื่องแบบนี้จึงไม่ต้องให้เขาต้องอธิบายแล้ว
เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาคิดจบ ฟางเหยียนก็เอ่ยขึ้น
“เจ้าตระกูลโจว เรื่องนี้แม้ว่าจะผิดอยู่ที่ผม แต่สำหรับตระกูลโจวนั้น ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”
โจวปินคางยิ้มขึ้นอย่างฝืนใจ พยักหน้าเบาๆ คนแก่ที่ผ่านประสบการณ์มามากมายก็คิดวนอยู่ในใจยกใหญ่ หากคนผู้นี้ไม่ใช่จอมพลโผ้จวิน บางทีเขาคงลากออกไปสับให้แหลกแล้วเอาไปให้เป็นอาหารสุนัขตั้งนานแล้ว!
“เรื่องครั้งนี้ ดูเหมือนจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของตระกูลโจวเป็นอย่างมาก รวมถึงได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินไม่น้อย แต่ถ้าจะให้พูดในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลโจวกลับกลายเป็นแบบอย่างมาตรฐานของตระกูลนินจาใหญ่ๆ กระทั่งตระกูลสูงส่งอื่นๆ ด้วย”
“แบบอย่างมาตรฐาน?” โจวปินคางเอ่ยด้วยความฉงนใจ ทว่าต่อมาก็เข้าใจทันที เมื่อมาถึงระดับอย่างเช่นเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือว่าตำแหน่ง มันไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้แล้ว เงินทองเขามีเป็นกอบเป็นกำ ตำแหน่งก็มีคำนาจคับคั่ง เขายังต้องการอันใดอีก?
ชื่อเสียง! ถูกต้อง!
มลทินที่ถูกปรักปรำก็ได้ชำระล้างบริสุทธิ์แล้ว ชื่อเสียงเป็นสิ่งรอง นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุด ทว่าตอนนี้ก็เป็นโอกาสหนึ่งสำหรับตระกูลโจวพวกเขา นี่คือโอกาสที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับจอมพล
เพราะฉะนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสูญเสียเป็นอย่างมาก ทว่าความจริงแล้วกลับได้ผูกสัมพันธ์กับจอมพลแล้ว
“จอมพล ผมเข้าใจแล้ว” โจวปินคางฉีกยิ้มขึ้น: “การได้และสูญเสียผลประโยชน์ของส่วนตัวเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับประเทศชาติและประชาชน ผมแยกแยะออก ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด แล้วจอมพลเป็นคนอธิบายด้วยตัวเอง ความบาดหมางนี้ผมยินดีที่จะลบล้างไป”
“แล้วพวกคุณคนอื่นล่ะ?”
นักธุรกิจใหญ่แต่ละคนต่างก็ตกตะลึง คำพูดเดียวก็ลบล้างความบาดหมางทั้งหมดได้ แล้วทำให้สิ่งที่พวกเขาเกรงกลัวต่อเรื่องนี้ หายไปทั้งหมดในทันทีเช่นนั้นหรือ?
หยางจิ่งเซียนลูบหนวด เอ่ยว่า: “เจ้าตระกูลโจว เมื่อก่อนทำผิดต่อคุณไป เพราะพวกเราผลีผลามเกินไป ในเมื่อเจ้าตระกูลโจวสามารถลบล้างความคิดบาดหมางกันออกไปได้ พวกเราจะต้องเคารพตามนี้ ต้องขอบคุณความเมตตาของเจ้าตระกูลโจวด้วย”
“ไม่ต้องเกรงใจแบบนี้หรอก ตระกูลโจวเราต้องขอบคุณจอมพลอย่างสูง ทุกท่านเชิญรับประทานอาหารเถิด”
หลังจากเลี้ยงมื้อค่ำจบลง เจ้าตระกูลโจวก็ยืนส่งทุกคนกลับไปด้วยความเป็นมิตร เดิมทีอยากจะให้ฟางเหยียนและคนอื่นๆ อยู่พักค้างคืนที่นี่ ทว่าถูกหวังจิ่งเซียนขัดจังหวะเข้า ถูกพากลับไปเรือนตระกูลหยางแทน
นับแต่บัดนี้ การเข้าใจผิดของตระกูลโจวนั้นก็ได้ประจักษ์กระจ่างแจ้งแล้ว ดินแดนตะวันตกก็เริ่มฟื้นคืนความคึกคักและความรุ่งเรืองเช่นเมื่อก่อนกลับคืนเรื่อยๆ เช่นกัน
ทว่าผู้ใดก็ทราบดีว่า เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งของตระกูลโจวก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมั่นคงจนไม่อาจล้มล้างได้ ไม่มีผู้ใดไปคิดพะว้าพะวังเกาะแกะไม่เลิกกับเรื่องนี้อีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครทราบว่าทำไมจึงได้กำจัดความน่าสงสัยของตระกูลโจวไปกะทันหันเช่นนี้ แต่สิ่งที่พวกเขาทราบนั่นก็คือ ตระกูลโจวยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อก่อนแล้ว
คืนนี้ ที่เรือนตระกูลหยางบรรยากาศครึกครื้นราวกับเป็นตลาดนัด หยางจิ่งเซียนไล่เหล่านักธุรกิจใหญ่จากแต่ละกิจการไปอย่างไรก็ไม่พ้น สุดท้าย เป็นเพราะช่วงเวลากลางคืนที่เงียบสงัดทำให้พวกเขาต้องกลับไปเองอย่างตัดใจไม่ลง
ทว่าท่ามกลางการพบปะกัน ฉินเข่อกลับเอาแต่จับจ้องไปยังฟางเหยียนไม่หยุด ราวกับมีหลายหมื่นคำพูดที่ต้องการจะเอ่ยออกมา กลับถูกเขาบ่ายเบี่ยงไปราวกับตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทว่าหมอหลินกลับถือโอกาสใช้จรรยาบรรณแพทย์เจรจาแลกเปลี่ยนยกใหญ่ ยังคงมีเจตนาเดิม ต้องการที่จะเคารพนับถือเป็นอาจารย์
นี่ทำให้ฟางเหยียนต้องอึดอัดไม่น้อย เมื่อเทียบกับการพบปะสังสรรค์เช่นนี้แล้ว เขาชอบความสงบเงียบเสียมากกว่า
และในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาพักผ่อนเสียที
เขาไม่ลืมเรื่องที่ชิงตี้ต้องการจะบอกเขามาโดยตลอด
“ตอนนี้ เธอถึงเวลาบอกได้แล้วมั้ง?”
ชิงตี้ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า: “พวกเราถูกคนหลอกใช้แล้ว เหตุผลก็คือ เพลิงเสวนต้องการยืมแรงจากพวกเรา กำจัดตระกูลโจวที่มีความจงรักภักดีทิ้ง”
คำพูดนี้ทำให้ฟางเหยียนฉงนใจ ไม่เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
หรือว่าชิงตี้ไม่ใช่คนของเพลิงเสวน?
ไม่รอให้เขาคิดวิเคราะห์ต่อ ชิงตี้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง: “นี่ก็คือเหตุผลที่ฉันอยากให้คุณเข้าร่วมเพลิงเสวน จากความฉลาดของคุณ ก็น่าจะเดาออกแล้วว่าต่อไปนี้ฉันต้องการจะพูดอะไรแล้วใช่ไหม”
ฟางเหยียนนึกออกทันใด ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เอ่ยว่า: “ความหมายของเธอคือ เพลิงเสวนแบ่งเป็นสองพวก และสถานะของเธอก็คือพวกที่ดีพวกนั้น เรื่องใหญ่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกำจัดเฒ่าประหลาดตระกูลโจวหรือก่อเรื่องวุ่นวายนั้น เป็นเรื่องทางพวกฝั่งไม่ดีเป็นคนทำ?”
ชิงตี้ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ทำให้ฟางเหยียนต้องอึ้งไปทันที!
“ใช่แล้ว” ชิงตี้พยักหน้า: “อีกทั้ง ฉันยังต้องการให้คุณภักดีต่อนายน้อยที่ฉันภักดีด้วย!”