บทที่ 26 เหตุผลคือเธอ 3
“ฉันไม่ใช่เด็กขี้ฟ้อง ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกหน่า” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “นอกเสียจากว่าถงเล่ยจะบังเอิญได้ยินที่เราคุยกันและเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อของพวกนาย…”
“นายนี่มัน…ร้ายกาจ!” จางเล่ยจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิง “เจ้าบ้าฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ไม่ว่าอาจารย์ที่มาใหม่จะสวยแค่ไหนแต่เธอก็เป็นอาจารย์ และแม้ว่าถงเล่ยอาจจะสวยสู้ไม่ได้ แต่นายก็ห้ามคิดอะไรเกินเลย เพราะคนที่เหมาะสมกับนายมากที่สุดก็คือ ถงเล่ย!”
จี้เฟิงมองเขาด้วยอาการอึ้งๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
จี้เฟิงชัดเจนมากเกี่ยวกับความตั้งใจของเขา เขารู้ดีว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับถงเล่ยแค่ไหน กว่าที่เขาจะแข็งแกร่งเพียงพอ เขาก็ไม่คิดที่จะคบหากับใคร!
ทั้งสองคนคุยและหัวเราะกันจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงเวลาเข้าเรียน
จี้เฟิงเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้งโดยหมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเอง ในไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปสองคาบเรียนจนมาถึงคาบเรียนที่สามคือคลาสวิชาภาษาอังกฤษ!
“อีกไม่นานอาจารย์คนสวยก็จะมาแล้ววว~!” จางเล่ยเอนตัวไปเบียดจี้เฟิงและพูดด้วยความตื่นเต้น “เจ้าบ้าฉันได้ยินมาว่าอาจารย์คนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง ถ้านายเห็นเธอนายอย่าตื่นเต้นเกินไปล่ะ!
“ไปตายซะ!” จี้เฟิงสบถด้วยรอยยิ้ม “นายคิดว่าฉันเป็นเหมือนนายรึไง?!”
“ก็ดีแล้ว” จางเล่ยยิ้ม
ในขณะนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าที่คมชัดค่อยๆดังเข้ามา นักเรียนทุกคนในชั้น ต่างรีบกลับเข้าที่นั่งอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะพวกเด็กนักเรียนชายที่ดูเหมือนต้องการที่จะสร้างความประทับใจให้กับครูสาวสวยคนใหม่!
ในไม่ช้าร่างขาวเนียนในชุดสีชมพูก็เดินเข้ามาในห้องเรียนมันเหมือนกับทิวทัศน์ที่สวยงามชวนหลงใหล
แต่จี้เฟิงตกตะลึง!!
อาจารย์สาวสวยคนนี้มีรูปร่างที่สูงอวบอั๋น ร่างกายของเธอนูนเว้าได้รูปชัดเจน และใบหน้าที่สวยสมบูรณ์แบบของเธอนั้นเหมือนผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้าสร้างขึ้นโดยตั้งใจ ในขณะที่ดวงตาแวววาวเปล่งประกายเคลื่อนไหวเหมือนฤดูใบไม้ร่วงทำให้ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ร่างกายท่อนบนของอาจารย์คนสวยสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีชมพู เผยให้เห็นแขนขาวทั้งสองข้างอันบอบบางเรียบเนียน ส่วนร่างกายท่อนล่างเธอสวมกางเกงยีนส์รัดรูปสีฟ้าขาวทำให้มองเห็นขาที่เรียวยาว ซึ่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมอง
ชุดดังกล่าวทำให้อาจารย์สาวคนนี้ดูดีจนมองแวบแรกใครๆก็คิดว่าเป็นดาราสาวสวยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดี ๆ เธอนั้นสวยกว่าพวกดาราดังทั้งหลายเหล่านั้นเสียอีก
“ทำไมถึงเป็นเธอได้…?!!” จี้เฟิงอ้าปากค้าง จ้องมองอาจารย์สาวสวยที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนอย่างตกตะลึง
ความงามที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้ มันเป็นความงามของเซียวหยูซวนที่จี้เฟิงเพิ่งได้พบเมื่อคืนนี้เท่านั้น!
ในเวลานี้ใบหน้าที่สวยงามของเธอมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนดูใจดีและดวงตาที่สวยงามของเธอได้มองกวาดไปที่ใบหน้าของนักเรียนทั่วทั้งห้อง เธอได้หยุดมองอยู่ที่จี้เฟิงครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่จี้เฟิงก็ยังรู้สึกได้ เมื่อเซียวหยูซวนมองเขา เธอมีรอยยิ้มที่ออกมาจากแววตาของเธอ
“สวัสดีนักเรียนที่รักทุกคน ฉันเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่ ขอแนะนำตัวเองก่อนนะ ฉันชื่อ เซียวหยูซวน …” เสียงที่คมชัดและอ่อนหวานของเซียวหยูซวนดังขึ้นในหูของนักเรียนทุกคน มันนุ่มนวลไพเราะน่าฟัง ทำให้รู้สึกสบายหูมาก
“เธอ..เธอจะเป็นอาจารย์ได้ยังไง!?” จี้เฟิงยังไม่สามารถยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้ เขารู้สึกประหลาดใจมาก แม้ว่าเซียวหยูซวนจะดูแก่กว่าเขาเล็กน้อย แต่ในสายตาของจี้เฟิง เธอเป็นนักเรียนซ้ำ ไม่มีทางที่เธอจะจบมหาวิทยาลัยแล้วกลายมาเป็นอาจารย์ได้!
เมื่อเห็นความตกใจของจี้เฟิง เซียวหยูซวนกระพริบตาคู่งามของเธอและมองไปที่จี้เฟิง
เห็นได้ชัดว่า ท่าทางตกใจของจี้เฟิง ทำให้เซียวหยูซวนมีความสุขมาก
“นักเรียนที่รัก วันนี้เป็นชั้นเรียนแรกของครู ดังนั้นชั่วโมงนี้เราจะยังไม่เรียนหนังสือกัน แต่ขอเป็นการแนะนำตัวและพูดคุยกันในเวลาที่เหลือของคาบนี้ แล้วเราจะเริ่มเรียนกันอย่างจริงจังในคาบถัดไป!” เสียงของเซียวหยูซวนที่ไพเราะน่าฟังดังขึ้นอีกครั้ง มันทำให้นักเรียนที่ได้ฟังรู้สึกสบายและเคลิบเคลิ้มสุดๆ
“เอาล่ะ เริ่มได้เลย!” เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นนักเรียนแต่ละคนก็เริ่มแนะนำตัวเอง เพราะเซียวหยูซวนเป็นความงามที่หาได้ยากดั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นนักเรียนชายหรือนักเรียนหญิง ทุกคนต่างก็ชื่นชอบเธอและก็ดูตื่นเต้นมากที่ได้พูดคุยกับเธอ ทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนตอนนี้คึกคักเป็นอย่างมาก
“อืม… ช่างดีอะไรอย่างนี้ สุดยอดจริงๆ” จางเล่ยมองไปที่เซียวหยูซวนที่ยืนบนแท่นบรรยาย และพยักหน้าด้วยความชื่นชม
“คุณเพื่อนมันน่าเสียดาย ที่นายเป็นคนดี คงไม่คิดจะทำเรื่องที่ผิด!” จี้เฟิงแอบแซวจางเล่ยพร้อมกับยิ้มยียวน
“จี้เฟิง ถึงตานายแล้ว!” ในขณะนี้นักเรียนที่เพิ่งแนะนำตัวเสร็จแตะแขนของจี้เฟิงและกระซิบ
จี้เฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่ทันได้ฟังจึงไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เซียวหยูซวนพูดว่าอะไร เขาลุกขึ้นยืนแบบงงๆโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ทันใดนั้นนักเรียนคนอื่นๆ ก็หัวเราะเยาะในท่าทางเงอะงะของเขา โดยเฉพาะนักเรียนบางคนที่สนิทกับซูหม่า
“ไอ้เด็กยากจน นอกจากจะจนแล้วยังเป็นใบ้ด้วยเหรอ ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมฮูซู่ฮุ่ยถึงทิ้ง!
“กร๊ากกก…กกก!”
“ใช่ๆ ไอ้เด็กยากจนที่ทำตัวเป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ เขาคงสะกดคำว่าอับอายไม่เป็นด้วยซ้ำ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงไม่มีหน้ามาเรียนหรอก!”
“ฮ่าฮ่า~~!”
………
คำวิจารณ์ด่าทอเหล่านี้ ส่งผ่านมาถึงหูของจี้เฟิงอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาระคายเคืองแม้แต่น้อย เขากลับยิ้มและพูดอย่างใจเย็น: “ขอโทษครับอาจารย์ผมไม่ได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ รบกวนพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหม”
“อุ๊บส์!! ฮ่าฮ่าฮ่า~..!”
ทันทีที่จี้เฟิงพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นหลายคนหัวเราะเยาะเย้ยคำแนะนำตัวของจี้เฟิง
เซียวหยูซวนได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเหล่านั้น เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ในฐานะครู เธอไม่สามารถพูดอะไรได้
“นักเรียน เธอสามารถแนะนำตัวให้ฉันฟัง บอกข้อมูลพื้นฐานต่างๆของเธอ หรือพูดคุยเกี่ยวกับงานอดิเรกแค่นั้นเอง” เซียวหยูซวนพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับให้กำลังใจในดวงตาที่สวยงามของเธอ “พูดมาได้เลยไม่ต้องกลัว”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย เขาพูดในใจของเขา “พี่สาวแสนสวย แม้ว่าผมจะไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของคนอื่น แต่ผมจะไม่ทำให้พี่ต้องผิดหวังที่พี่ให้กำลังใจผม!”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จี้เฟิงก็เลิกคิ้วและถามว่า “อาจารย์ครับ ผมพูดภาษาอังกฤษได้ไหม”
ฮ่าฮ่าฮ่า ~~!!
เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่านักเรียนมัธยมปลายจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาบ้าง แต่โรงเรียนมัธยมในเขตเล็กๆแบบนี้ นักเรียนหลายคนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นผลการเรียนของจี้เฟิง ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก เมื่อเขาเสนอที่จะพูดด้วยภาษาอังกฤษ จึงทำให้คนอื่นๆมองเป็นเรื่องตลกที่ไร้สาระ!
……จบบทที่ 26~