บทที่ 72 ได้เวลาเอาคืน!!!
เซียวหยูซวนนั่งลงอย่างโกรธๆ โดยไม่ได้โต้เถียง เธอคิดในใจว่า เหอตงคงจะรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ในเกมนี้เหอตงควรที่จะแพ้และคืนเงินทั้งหมดที่เขาได้รับให้กับจางเล่ยไป การทำแบบนี้จะส่งผลดีกับทั้งสองฝ่าย
และที่สำคัญสองคนนี้ยังเป็นแค่นักเรียน จำนวนเงินที่มากกว่าหนึ่งพันหยวนนี้ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าหากว่าเหอตงไม่คิดที่จะจ่ายเงินคืน เซียวหยูซวนก็ตัดสินใจที่จะเป็นคนจ่ายเงินหนึ่งพันหยวนคืนให้แก่พวกเขาเอง ส่วนเธอจะต้องทำสงครามเย็นกับเหอตงไปสักพักจนกว่าเขาจะสำนึกผิดในเรื่องนี้
เซียวหยูซวนไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงิน แล้วนับประสาอะไรกับเงินของลูกศิษย์ตัวเอง ถ้าเขายังจะชนะเกมนี้แล้วเอาเงินของเด็กนักเรียนของเธออีก มันก็เรียกได้ว่าเกินไปจริงๆ
ในเวลานี้ผู้คนที่มุงดูอยู่โดยรอบ กำลังกระซิบและเริ่มคุยกันอีกครั้ง
“มีเด็กใจกล้าไม่กลัวตายมาอีกคนหนึ่งแล้ว เขาก็เห็นว่าเพื่อนของเขาเพิ่งจะเสียเงินไปกว่าหนึ่งพันหยวน สำหรับหลายเกมที่ผ่านมา แล้วเด็กคนนี้มันเก่งมาจากไหน ถึงขนาดกล้าลงเงินเดิมพันมากถึงเกมละหนึ่งพันหยวน ให้ตายเถอะ! เด็กสมัยนี้นี่มันรวยกันจังวะ ใช้เงินกันแบบไม่คิดเลยแฮะ!!”
“นั่นดิ ฝีมือของผู้ชายคนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพเลยนะนั่น เห็นๆกันอยู่ว่าเพื่อนเขาก็แพ้ติดๆกันเป็นสิบเกม ยังจะกล้ามาวัดฝีมือกับคนระดับนี้ เด็กคนนี้คือถ้าไม่เก่งจริงๆ ก็คงเป็นแค่เด็กโง่ๆ คนนึงที่อยากจะพลาญเงินเล่นซะมากกว่า สิ้นคิดชะมัด!”
“จะว่าไปแล้ว เด็กพวกนี้อยากจะเล่นหรืออยากจะลงเงินเดิมพันเท่าไหร่ มันก็เป็นสิทธิของพวกเขาล่ะนะ แต่ก็อย่างที่พวกคุณว่า พ่อแม่เขาอาจจะรวยมาก ถึงกล้าใช้เงินกันขนาดนี้!”
……..
การถกเถียงกันอย่างดุเดือดจากผู้คนที่กำลังมุงดูอยู่โดยรอบ ทำให้เหอตงรู้สึกกังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตัวเขาเองไม่ได้กังวลในสิ่งที่คนอื่นบอกว่าจี้เฟิงอาจจะเก่ง แต่เพราะเขากลัวว่า เมื่อจี้เฟิงได้ยินที่คนพวกนั้นคุยกันแล้วเกิดคิดได้ อยากจะเปลี่ยนใจ ไม่กล้าลงเงินพนันเกมละหนึ่งพันหยวนขึ้นมา มันจะส่งผลให้เขาได้รับเงินน้อยลงเป็นอย่างมาก
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป “ทุกๆ ท่าน หากการเงียบคือมารยาทที่ดีในการดูแข่งขันหมากรุก การดูการแข่งขันอื่นๆที่ผู้เล่นต้องใช้สมาธิก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะ พลู สนุกเกอร์หรือบิลเลียดอย่างในตอนนี้ มันอาจจำให้ผู้เล่นเกิดความกดดัน เพราะฉะนั้นทำไมพวกคุณไม่ดูกันอย่างเงียบๆล่ะ โอเค๊?”
ทันทีที่เหอตงพูดจบ ผู้คนโดยรอบก็หยุดเสียงทุกอย่างลงทันที พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าอึดอัด เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็ล้วนเป็นคนที่ชอบเล่นบิลเลียดหรือพูลกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อโดนคนที่พวกเขาคิดว่าอาจเป็นถึงมืออาชีพในเกมกีฬานี้ว่ากล่าวตักเตือน จึงอดไม่ได้ที่จะให้ความเคารพเกรงใจโดยอัตโนมัติ เพราะโดยการเคารพกันตามลำดับขั้นฝีมือก็ถือว่าเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้เล่นที่ดี
“จี้เฟิงถ้าเธอกลัวหรือกดดัน เราก็เล่นกันสนุกๆ โดยไม่ต้องวางเงินเดิมพันมากถึงหนึ่งพันหยวนก็ได้นะ แล้วแต่เธอเลย!” เหอตงเสนออย่างมีน้ำใจ
จี้เฟิงไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาทำเพียงแค่ยิ้มและเดินไปหยิบไม้คิวขึ้นมา สำหรับคนแบบเหอตง จี้เฟิงรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปเสวนาด้วยให้มากความ สิ่งที่เขาต้องทำเพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือแสดงความสามารถการเล่นบิลเลียดที่แท้จริงของเขาให้ผู้ชายคนนี้ได้เห็นเป็นบุญตา!
“หึหึ” เมื่อเห็นท่าทางของจี้เฟิงแล้วเหอตงก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ “สงสัยไอ้เด็กจี้เฟิงนี่มันจะโง่จริงๆแฮะ ทั้งๆ ที่ก็เห็นว่าฉันเพิ่งแสดงทักษะการเล่นบิลเลียดที่สุดยอดตบเพื่อนมันจนต้องหนีไปเข้าห้องน้ำ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าไอ้เด็กคนนี้มันแค่มีความกล้าหรือก็แค่เด็กที่มีความมั่นใจแบบโง่ๆเท่านั้น! หวานหมูจริงๆ! เงินของฉัน~!”
จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงอย่างเป็นกังวล เขารู้ว่าเพื่อนของเขานั้นเป็นคนจิตใจอ่อนไหวกว่าเขาเล็กน้อย แล้วถ้าเกิดเขาแพ้จนโดนหัวเราะเยาะขึ้นมา เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจี้เฟิงจะสามารถทนความอับอายได้ไหม
“ใครจะเริ่มก่อนดี?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเริ่มก่อนเลยแล้วกัน!” เหอตงยิ้มตอบ
เมื่อพูดจบเขาก็เดินมาที่ท้ายโต๊ะ เล็งไปที่ลูกคิวบอล “ป๊อก!” การแทงด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ลูกคิวบอลกลิ้งไปกระแทกกลุ่มลูกบอลอื่นๆอย่างสวยงาม
“ป๊อก! ป๊อก! ป๊อก!” เหอตงยิ่งลูกถัดไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะไม่ปล่อยโอกาสให้จี้เฟิงได้มีสิทธิชนะเลย เขาทำลูกลายลงหลุมได้อีกสามลูก จนถึงตอนนี้เหอตงทำแต้มไปแล้วห้าแต้ม เหลืออีกเพียงสองแต้มของเขาเท่านั้นในเกมนี้ และก็จะเหลืออีกเจ็ดลูกของฝ่ายจี้เฟิงเท่านั้นที่เขายังไม่ได้มีโอกาสในการทำแต้มเลยแม้แต่แต้มเดียว
และในตอนนี้มีลูกดำหมายเลข 8 ซึ่งถือว่าเป็นบอลของทั้งสองฝ่าย อยู่ตรงหน้าลูกลายของฝ่ายเหอตง ตามกฎแล้วหากเขาแทงลูกดำลงหลุมก่อนที่จะเก็บแต้มได้ทั้งหมด เขาจะถูกปรับแพ้ทันที
“ป๊อก!”
เหอตงเลือกที่จะป้องกัน เขาแทงลูกคิวไปอีกด้านหนึ่งและมันกลิ้งไปหยุดที่ด้านข้างของโต๊ะอย่างแนบชิด ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้จี้เฟิงไม่สามารถเล่นต่อได้โดยง่าย
หลังจากที่เขาคิดอยู่พักหนึ่งสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจใช้วิธีนี้ เพราะต่อให้จี้เฟิงจะไม่ได้มีทักษะในการเล่นที่ดีมาก แต่เขาก็เลือกที่จะเอาความแน่นอนไว้ก่อน แถมถ้าเขายิ่งชนะเร็วขึ้นเท่าไหร่ จำนวนเกมก็มากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่ารวมถึงเงินเดิมพันเกมละหนึ่งพันหยวนของเขาด้วย เมื่อนึกถึงเงินหนึ่งพันหยวนเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เหล่าคนที่ดูอยู่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบาทันที “ลูกคิวไปตกอยู่ในลักษณะนี้ ผมเกรงว่าแม้แต่ผู้เล่นมืออาชีพก็คงยากที่จะชนะคุณว่าไหม? เด็กนักเรียนคนนี้ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเอาซะเลย!”
จางเล่ยเริ่มรู้สึกเครียด เขาก็คิดไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ดูการแข่งขันอยู่สักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยจี้เฟิงก็ไม่ควรพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เขาอดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ เมื่อนึกถึงเกมมูลค่า 1,000 หยวน ไม่ใช่ว่าเขาจะเสียดายเงินหรือแพ้ไม่ได้ เพราะต่อให้จี้เฟิงพูดว่าเกมละ 10,000 หยวน ก็คงไม่ต่างกัน เพราะสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ เขาไม่ได้มีเงินติดตัวมามากขนาดนั้น!
จี้เฟิงที่ตอนนี้กำลังยิ้มอยู่หน้าโต๊ะบิลเลียด เขาทำหน้าเหมือนกับไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลใจ
เขาหยิบไม้คิวขึ้นมาและไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของลูกคิว เขาก้มตัวหมอบ วางมือและเล็ง การเคลื่อนไหวทั้งสามนี้ในคราวเดียวทำให้ทุกคนถึงกับตาลุกวาว
“เหอะ! อาศัยแค่ทำท่าเท่ๆ แต่ฝีมือไม่มีมันก็เท่านั้นแหละ ผลสุดท้ายนายก็ต้องแพ้ฉันอยู่ดี!” เหอตงแอบยิ้มอย่างเย้ยหยันในขณะที่เขาเห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของจี้เฟิง
แต่แล้วการแสดงของจี้เฟิงก็ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง
เมื่อเห็นว่าไม้คิวที่อยู่ในมือของจี้เฟิงราวกับมันมีชีวิตขึ้นมา มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ป๊อก!”
ด้วยการเคลื่อนไหวเบาๆ ของไม้คิวที่อยู่ในมือจี้เฟิง ลูกคิวกลิ้งไปด้วยความเร็วคงที่และกระแทกลูกเกลี้ยงทันที หลังจากนั้นบอลลูกนั้นก็ตกลงไปในหลุมราวกับมันถูกผลักลงไป
“โชคดีชะมัด!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่เป็นเพียงแค่โชคดีของจี้เฟิงเท่านั้น เพราะมันไม่มีคำอธิบายใดๆ เกี่ยวกับท่าที่คล่องแคล่วกระชับและความเร็วที่สม่ำเสมอของลูกบอลแบบนี้ ยกเว้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องของความโชคดีเท่านั้น และการที่จะทำให้ลูกคิวบอลได้ผลดีที่สุดในช่วงเริ่มต้นต้องออกแรงให้มากที่สุดให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตามลูกคิวที่ถูกแทงโดยจี้เฟิงนั้นกลิ้งไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่โดยกระทบกับลูกเกลี้ยงของเขาจนลงหลุมไปได้อย่างพอดีโดยไม่กระทบลูกอื่นๆ เลยได้อย่างไร?
ทุกคนต่างมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
เหอตงกำลังงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ เขาดูแปลกใจมากจึงอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาแล้วเผลอพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “มันเป็นไปได้ยังไง!”
จี้เฟิงดูเหมือนจะไม่ได้ตกใจกับความเหลือเชื่อที่คนอื่นแสดงออกมา เขายิ้มและเดินไปหาลูกคิวบอลพร้อมไม้คิว
ในกรณีคนอย่างเหอตง ที่ใช้วิธีการเห็นแก่ตัว รวมถึงเป็นคนที่มีความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุด!
ดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องการที่จะสอนบทเรียนให้แก่เหอตงด้วยตัวของเขาเอง!
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่นในห้องบิลเลียดของจริงมาก่อน แต่ด้วยการฝึกฝนของระบบการฝึกอบรมสุดยอดสายลับของจี้เฟิง มันก็เป็นระดับที่สูงเกินกว่าที่คนอย่างเหอตงจะสามารถทำความเข้าใจได้ ถ้าหากจี้เฟิงต้องการจะจัดการกับเหอตงมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ!
……จบบทที่ 72~