บทที่ 75 ทักษะที่ห่างชั้น
คำว่า “แม็กซิมั่มเบรก” ส่วนมากจะใช้ในเกมบิลเลียดเพื่ออธิบายว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะจากฝ่ายตรงข้ามโดยที่ลูกบอลของผู้ชนะทั้งหมดได้ลงไปในหลุม แต่ลูกของอีกฝ่ายนั้นไร้ประโยชน์ เพราะเหลือครบทั้ง 7 ลูกอยู่บนโต๊ะ
และสิ่งนี้ก็คือสถานการณ์ตรงหน้าพวกของพวกเขาจี้เฟิงสามารถแทงลูกลงหลุมได้ถึง 7 ลูกในการเล่นเพียงเทิร์นเดียวโดยแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ ด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าล่องลอยราวกับก้อนเมฆของเขา ทำให้ดูเหมือนกับว่าการที่ลูกบอลทุกลูกลงหลุมไปแบบนั้น มันเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ด้วยทักษะและความแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาสามารถแทงลูกบอลทั้งหมดและจบเกมไปได้อย่างเพอร์เฟกต์
แต่สถานการณ์ทางด้านเหอตงนั้นเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้าอย่างที่สุด
ลูกบอลที่เหลืออยู่ครบทั้งเจ็ดลูกที่มีลวดลายเดียวกันช่างดูเงียบเหงาอยู่บนโต๊ะบิลเลียด
ตั้งแต่เริ่มต้นเซตนี้จนถึงปัจจุบันเหอตงยังไม่ได้สัมผัสลูกคิวเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาทำได้มีแค่เพียงยืนดูจี้เฟิงเล่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเหอตงยังรู้สึกรับไม่ได้กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้
เพราะแม้แต่ประธานสมาคมบิลเลียดในมหาวิทยาลัยของเขาที่เป็นนักเล่นมืออาชีพอย่างแท้จริงในตอนนี้ ยังไม่สามารถที่จะทำแม็กซีมั่มเบรกได้ในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้!
เหตุผลหลักๆ นั่นเป็นเพราะว่าเกมกีฬาอย่างบิลเลียดนั้น เป็นเกมที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก เช่นตอนแทงเปิดเกมอาจเกิดความผิดพลาด อย่างเช่นตอนที่ลูกบอลลูกหนึ่งของจี้เฟิง ถูกล้อมรอบด้วยบอลอีกสามลูกอย่างแน่นหนา และไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสามารถทำลูกให้ลงหลุมได้จากลักษณะดังกล่าว
ในช่วงเริ่มต้นของเกม ลูกบอลทั้งสิบห้าลูกจะถูกตั้งด้วยสามเหลี่ยมที่เรียกว่าแร็คทำให้บอลถูกรวมกันอย่างแน่นหนา แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับสูงที่ทำการแทงเปิด โอกาสที่จะสามารถควบคุมทิศทางของลูกทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์นั้นเรียกได้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้!
แต่ถึงอย่างนั้น จี้เฟิงกลับสามารถทำมันได้
บางทีในตอนที่จี้เฟิงเล่นอยู่ ทุกคนอาจจะกำลังตื่นตาตื่นใจไปกับทักษะหรือความดวงดีของเขา จนไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็นว่ามุมมองโดยรวมของจี้เฟิงนั้นดีกว่าทักษะของเขาที่แสดงออกมาจนถึงขีดสุด
เพราะตอนที่จี้เฟิงเริ่มเกม เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดให้อยู่ในกำมือของเขาได้ ภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นปรากฏชัดอยู่ในความคิดของเขา และเขาก็รู้ว่าบอลแต่ละลูกจะกระทบหรือกลิ้งไปด้วยความแรงแค่ไหนและทิศทางใด ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการที่เขาเข้ารับการฝึกอบรมจากระบบฝึกสุดยอดสายลับ แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะสามารถทำทั้งหมดที่ว่ามานี้ได้
อย่างไรก็ตามหากคุณอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ให้คนอื่นๆฟัง ก็จะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน คุณรู้ไหมว่ามีลูกบอลสิบห้าลูกบนโต๊ะรวมกับลูกคิวบอลสีขาวเพิ่มไปอีกลูกก็จะมีทั้งหมดสิบหกลูก ในการที่จะควบคุมทิศทางและตำแหน่งของลูกบอลทั้งหมดนี้ มันยากยิ่งกว่าเอื้อมมือไปคว้าดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับบิลเลียดนั่นก็คือ ตัวแปรต่างๆที่จะเกิดผลลัพธ์ในระหว่างเล่น ไม่ใช่แค่เพียงความแรงในการกระแทกกันของไม้คิวและการกระทบกันของลูกบอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมถึง การอ่านเกมและมุมมองของผู้เล่น และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือสภาพแวดล้อมภายนอกนั้นก็มีอิทธิพลต่อผู้เล่นอย่างยิ่ง
มิฉะนั้นผู้ที่เล่นในการแข่งขับระดับนานาชาติ ที่ล้วนเป็นผู้เล่นอับดันต้นๆ แต่ทำไมพวกเขาถึงเล่นได้ดีและไม่ดีในทุกครั้งที่เล่น? นี่คือผลของความแตกต่างในสภาพแวดล้อมของแต่ละครั้งที่ส่งผลต่อการเล่นของผู้เล่นในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่คนอื่นๆไม่รู้เกี่ยวกับจี้เฟิง นั่นก็คือเวลาที่เขากำลังแข่งขันบิลเลียด เขาจะทำเหมือนกับว่าตัวเขาเองได้เข้าสู่ระบบฝึกฝนสุดยอดสายลับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยรอบจึงไม่สามารถทำลายสมาธิของเขาได้ และถึงแม้จะมีคนมาพูดอยู่ข้างๆหู เขาก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
จี้เฟิงในตอนนี้สามารถควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของตัวเขาเองได้อย่างแม่นยำแม้กระทั่งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทุกส่วน ในกรณีนี้ถ้าเขายังไม่สามารถควบคุมลูกบอลได้ทั้งหมด ก็ถือว่าเขาได้เสียเวลาฝึกไปอย่างเปล่าประโยชน์
“แก..” เหอตงมองไปที่ใบหน้าของจี้เฟิงที่ในเวลานี้ปรากฏรอยยิ้มบางๆให้เขาอย่างจริงใจ และในขณะเดียวกันจี้เฟิงก็ยื่นมือของเขาออกมา เมื่อเหอตงเห็นดังนั้นเขารู้สึกโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จากนั้นเขาก็คิดได้ทันทีว่าทักษะการเล่นบิลเลียดที่เขาภาคภูมิใจนักหนานั้นไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาของจี้เฟิงเลย
“ผมขอโทษด้วยจริงๆ ที่ชนะเกมที่สอง .. ขอ 1,000 หยวนด้วยครับ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มอันแสนใสซื่อ “จ่ายเงินมาให้เรียบร้อยแล้วเรารีบมาเล่นเกมที่สามกันต่อเลยเถอะ เราเหลืออีกตั้งหลายเกมกว่าจะครบสิบเกมตามที่ตกลงกันไว้!”
“เหอะ!!”
เหอตงตะคอกอย่างเย็นชาตอนนี้เขาพยายามข่มความโกรธไว้ในใจของเขา เขาหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกจากกระเป๋าสตางค์และยื่นให้กับจี้เฟิง “รีบอะไรขนาดนั้น ไม่เคยเห็นเงินมากกว่าพันหยวนสินะ คิดว่าฉันจะไม่จ่ายกับไอ้เงินแค่นี้งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ผมไม่กล้าสงสัยในตัวคุณหรอกครับคุณเหอ แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ นิสัยผมมันก็แย่แบบนี้แหละ ตราบใดที่ผมยังไม่ได้รับเงินในส่วนที่เป็นของผม ผมจะไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่น่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า~!” จี้เฟิงตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง “ผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะ!”
“ไม่หรอก ฉันรู้ว่าคนชนบทแบบเธอเป็นยังไง!” เหอตงไม่พูดอ้อมค้อมอย่างสุภาพอีกต่อไป เมื่อเขาถูกจี้เฟิงสั่งสอนบทเรียนด้วยทักษะการเล่นบิลเลียดที่เรียกว่าแม็กซีมั่มเบรกให้กับเขา มันจึงทำให้เขาหมดความอดทนแล้วจึงพูดออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
จี้เฟิงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดดูถูกพวกนั้น เขาเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันจะดีมากถ้าเรามาเริ่มเกมที่สามกันเลย!”
ใจของเหอตงในตอนนี้นั้นอยากปฎิเสธที่จะเล่นต่อ แต่เมื่อมองไปที่ฝูงชนโดยรอบที่กำลังมองมา พวกเขาทั้งหมดต่างได้ยินข้อตกลง 10 เกมระหว่างเขาและจี้เฟิงอย่างชัดเจน เขาไม่อาจกลั้นสีหน้าของเขาในเวลานี้ได้เลย เขาจำต้องกัดฟันและจำใจหยิบไม้คิวขึ้นมาเพื่อที่จะเล่นต่อในเกมที่สาม
ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรอาจเป็นเพราะอารมณ์โกรธหรือเพราะจี้เฟิงพูดกดดันเขามากเกินไป ทันทีที่เกมที่สามเริ่ม เหอตงไม่สามารถทำให้ลูกบอลลงหลุมได้เลยแม้แต่ลูกเดียว
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและหยิบไม้คิวขึ้นมา
“ป๊อก!”
ลูกที่มีลวดลายกลิ้งลงหลุมในทันที
“ป๊อก! ป๊อก! ป๊อก…….!”
ในลูกต่อๆไป จี้เฟิงไม่เปิดโอกาสให้เหอตงเลยจนกระทั่งถึงลูกแปดดำ แน่นอนว่าจี้เฟิงก็แทงลงไปอย่างรวดเร็ว ในเกมนี้จีเฟิงแทงทั้งหมด 6 ครั้ง โดยมีสองครั้งเขาสามารถทำลูกลงหลุมได้ครั้งละสองลูก!
“แม็กซีมั่มเบรกอีกแล้ว!”
ในขณะนี้ใบหน้าของเหอตงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว
แต่จี้เฟิงดูเหมือนจะไม่ทันได้สังเกตเห็น เขายื่นมือออกไปตรงหน้าเหอตงอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษที ผมขอเงินอีก 1,000 หยวนด้วย!” มือของเหอตงสั่นทันทีอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อเห็นทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้แค่กัดฟันและหยิบเงินออกมาอีกหนึ่งพันหยวน
ตามกฎต้องมีการสลับกันเป็นผู้เริ่มเกม ดังนั้นจี้เฟิงจึงเป็นผู้เริ่มแทงเปิดในเกมที่สี่ เขาไม่ได้ถามเหอตงว่าต้องการเล่นต่อหรือไม่ แต่เขาได้ทำการแทงเปิดเกมโดยทันทีที่พนักงานจัดลูกคิวเสร็จ
“ป๊อก! ป๊อก! ป๊อก…!”
แม็กซีมั่มเบรกในเกมที่สี่!
จี้เฟิงเป็นผู้ชนะ!
จากนั้นในเกมที่ห้าเกมและหก จี้เฟิงก็ยังไม่ปล่อยโอกาสให้เหอตงแม้แต่น้อย ยกเว้นก็แต่เหอตงได้ทำคะแนนบ้างในเกมที่ห้า แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถทำลูกลงหลุมได้อีกเลย พอถึงเกมที่หก เกมก็จบลงด้วยแม็กซีมั่มเบรกอีกครั้ง!
ในขณะที่จี้เฟิงรับเงินจากเหอตงในเกมที่หก จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “คุณเหอ เกมต่อไปเกมที่เจ็ดคุณต้องการเล่นต่อหรือไม่?”
“จี้เฟิง!!”
เหอตงยังไม่ทันได้ตอบอะไร เขายังคงเงียบ แต่เสียงที่เรียกจี้เฟิงนั่นก็คือเซียวหยูซวน
เธอมองไปที่จี้เฟิงด้วยสีหน้าแสดงอารมณ์ออกมาอย่างซับซ้อนเธอพูดกับจี้เฟิงเบาๆว่า “พอได้แล้ว คิดว่าเห็นแก่ฉันแล้วกันนะ โอเคไหม?”
“หุบปาก!!!”
เหอตงตะคอกขึ้นมาทันทีราวกับว่ามีคนเผลอไปเหยียบหางของเขาอย่างแรง เขาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉันไม่ต้องการให้ผู้หญิงมาขอร้องปกป้องฉัน ฮึ่ม..ม!!”
หลังจากพูดจบเขาก็โยนไม้คิวทิ้งลงกับพื้นและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
สีหน้าของเซียวหยูซวนซีดเผือดทันที หลังจากนั้นเขามองไปที่จี้เฟิง ด้วยสีหน้าและอารมณ์ที่สื่ออกมาอย่างซับซ้อน หลังจากนั้นเธอก็หันหลังและเดินตามเหอตงออกไป
“เหอตง!!”
เหล่าผู้คนโดยรอบบริเวณที่ดูการแข่งขันตั้งแต่แรกอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้ พวกเขาเห็นการแข่งขันที่ยากจะลืมเลือนในวันนี้ หรือจะพูดให้ชัดก็คือเป็นการแสดงทักษะอันยอดเยี่ยมของจี้เฟิง ความสามารถที่แทบจะเรียกได้ว่าสุดยอดของสุดยอดนั้นเป็นที่ประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน!
“เฮ้ยเจ้าบ้า นายเก่งโคตรเลยว่ะ!” จางเล่ยหน้าแดงด้วยความตื่นเต้นเขาตบไหล่จี้เฟิงอย่างแรงและกล่าวชื่นชม “ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยว่า ทักษะการเล่นบิลเลียดของนายดีขนาดนี้ เก่งซะยิ่งกว่ามืออาชีพบางคนด้วยซ้ำ!”
“มันเป็นเรื่องสบายๆ!” จี้เฟิงพูดความจริง นั่นเป็นเพราะทักษะของเขาในการเล่นบิลเลียดหรือพูลเกมของระบบฝึกฝนสุดยอดสายลับ เขาใช้ความสามารถไปเพียง 50% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามคำพูดนี้ของจี้เฟิง นอกจากจางเล่ยที่จะได้ยินแล้ว ผู้คนโดยรอบก็ได้ยินไปด้วยเช่นกัน พวกเขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ถ้าทักษะที่แสดงออกมาอย่างยอดเยี่ยมแบบนี้เรียกว่าเล่นอย่างสบายๆ ตกลงคนคนนี้เขาเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย?
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จี้เฟิงก็ไม่ได้สนใจ สิ่งเดียวที่เขาสนใจในเวลานี้คือ สีหน้าที่เซียวหยูซวนมองเขาก่อนที่จะเดินจากไป นั่นมันหมายความว่าอย่างไร?
……จบบทที่ 75~