บทที่ 78 ฮูซู่ฮุ่ย หญิงสาวที่หยิ่งยโส 3
จี้เฟิงไม่มีเวลาได้ใส่ใจกับท่าทางของแม่เขาในตอนนี้ เพราะมีลูกค้าอีกคนกำลังซื้อผักอยู่ ในขณะที่เขาก็กำลังยุ่งวุ่นวายกับการชั่งน้ำหนักให้ลูกค้าอีกคนหนึ่ง
หลังจากยุ่งกับการทำงานมาตลอดช่วงเช้า ด้วยความกระตือรือร้นของจี้เฟิงที่ตะโกนขายผักแทบจะตลอดเวลา ทำให้ผักที่อยู่ในรถของพวกเขาที่มากกว่าสองสามร้อยกิโลกรัมในตอนนี้ขายออกไปได้มากกว่าครึ่ง นั่นทำให้เซียวซูเหม่ยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
คุณรู้ไหมหากเป็นช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ในตามปกติแล้ว ผู้คนในเขตเล็กๆ อย่างหมางซือ น้อยคนนักที่จะตื่นแต่เช้า ยกเว้นเสียแต่ว่าบางคนที่ต้องตื่นเพื่อไปทำงาน หรือคนบางกลุ่มที่จำเป็นต้องตื่นเช้าเพื่อไปธุระ พวกเขาต่างก็เร่งรีบจัดการธุระต่างๆ ของพวกเขาให้เสร็จโดยไว เมื่อพวกเขาเดินผ่านร้านขายของ อย่างมากพวกเขาอาจจะแค่แวะถามราคาเท่านั้น มีคนที่ซื้อจริงๆน้อยมาก
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ถึงเรียกได้ว่ามหัศจรรย์มาก ที่ผักในร้านของพวกเขาขายออกไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่เซียวซูเหม่ยก็ทราบถึงสาเหตุนั้นในไม่ช้า นั่นเป็นเพราะความกระตือรือร้นของจี้เฟิง ลูกชายของเธอที่ตะโกนเรียกลูกค้าด้วยรอยยิ้มอันสดใส คนที่เดินผ่านไปมาจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดแวะซื้อผักของพวกเขา
เซียวซูเหม่ยรู้สึกปลื้มใจมาก ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องที่เธอขายผักได้ แต่นั่นเป็นเพราะลูกชายของเธอได้เติบโตมาเป็นอย่างดี เป็นเด็กที่มีความกตัญญู อดทนและขยันขันแข็งมาก
แต่ในใจลึกๆ ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ การที่ต้องมาเห็นลูกชายของเธอใช้วันหยุดอันแสนมีค่าทำงานขายผักท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้ เธอรู้สึกโทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้ลูกชายของเธอได้สุขสบายเหมือนเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน หากเป็นเด็กทั่วไปในวันหยุดฤดูหนาวที่หายากแบบนี้ พวกเขาส่วนมากจะได้นอนอยู่บนเตียงอุ่นๆ ที่บ้าน อ่านหนังสือหรือดูทีวีและเพลิดเพลินไปกับวันหยุดฤดูหนาว
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เซียวซูเหม่ยที่กำลังจ้องมองไปที่ลูกชายของเธอที่ตอนนี้กำลังอดทนกับความหนาวเพื่อช่วยเธอขายผักอย่างกระตือรือร้น จู่ๆ ก็เกิดมีหยดน้ำใสๆ เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเธอ เธอรีบแสร้งทำเป็นหันหน้าไปมองทางอื่นแล้วรีบปาดน้ำตาออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเกรงว่าหากลูกชายของเธอเห็นเข้าจะอดเป็นห่วงเธอไม่ได้
แต่เมื่อเซียวซูเหม่ยหันกลับมา เธอก็พบกับรถโตโยต้าสีดำที่กำลังแล่นผ่านหน้าร้านของเธอไปบนถนน
แล้วจู่ๆ รถโตโยต้าสีดำที่ได้ขับเลยร้านเธอไปไม่ไกล ได้ถอยกลับมาจอดยังหน้าร้านของเธอ หลังจากนั้นรถโตโยต้าสีดำก็ได้ลดหน้าต่างลง เผยให้เห็นใบหน้าที่จะทำให้จี้เฟิงรู้สึกคุ้นเคย
“พี่สาวคุณต้องการซื้อผักสดๆ ไหม มาดูขึ้นฉ่ายสดๆ พวกนี้…” จี้เฟิงที่กำลังเชิญชวนลูกค้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เห็นสายตาแห่งความดูถูกฉายออกมาจากแววตาของผู้หญิงที่ค่อนข้างคุ้นเคยที่นั่งอยู่ในรถ
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งหันไปแล้วพูดว่า “ซู่ฮุ่ยนี่ใช่เด็กยากจนที่เธอเล่าให้ฟัง ว่าไล่ตามตอแยเธออย่างไม่ยอมเลิกราคนนั้นรึเปล่า?” ผู้หญิงที่เป็นคนขับรถหันหน้าไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารและถามด้วยประโยคที่ดูถูกเหยียดหยาม
จี้เฟิงเห็นแล้วว่า คนที่นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารคู่กับคนขับนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นและอดีตคนรักของเขาเอง ‘ฮูซู่ฮุ่ย’
ใบหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนไปในทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับฮูซู่ฮุ่ยในสถานการณ์เช่นนี้ และเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่เป็นคนขับรถคนนี้พยายามที่จะพูดดูถูกเขาอย่างมาก
หากตัวเขาเองจะเดือดร้อนเพราะคำพูดดูถูกเหล่านั้น เขาก็ไม่สนใจแต่เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับแม่ของเขา เพราะถ้าหากแม่ของเขาต้องทุกข์ใจเพราะคำพูดดูถูกเหล่านั้น เขาจะยอมให้เกิดเรื่องอย่างนั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ใช่แล้วพี่ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่ยากจนมากแค่ไหน แม้แต่จะขายผักยังไม่มีเงินพอที่จะเช่าแผงร้านขายของราคาถูกๆ แต่ยังมีหน้าที่อยากจะมาเป็นแฟนฉัน ฝันเฟื่องสุดๆ!” น้ำเสียงเยาะเย้ยของฮูซู่ฮุ่ยดังขึ้น น้ำเสียงของเธอไม่ได้ปกปิดความรังเกียจและดูถูกในตัวจี้เฟิงเลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงที่เป็นคนขับรถยิ้มอย่างเย้ยหยันเธอหันหน้าไปมองจี้เฟิงและพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “นั่นเธอ.. จี้เฟิงใช่ไหม? ฉันเป็นพี่สาวของฮูซู่ฮุ่ย ถ้าเธอยังกล้าที่จะตามตอแยน้องสาวของฉันอีก ฉันจะจัดการกับนายให้ถึงที่สุด! อ้อ..แล้วก็หัดดูตัวเองเสียบ้างนะ เป็นแค่เด็กบ้านนอกถีบรถสามล้อเร่ขายผัก ทำไมถึงกล้าที่จะมาตามจีบน้องสาวของฉันได้ เจียมกะลาหัวไว้บ้างก็ดีนะ อย่าทำตัวน่าสมเพช!”
จี้เฟิงขมวดคิ้วโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่สงสัยและอยากรู้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะกลายเป็นคนร้ายกาจได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว ฮูซู่ฮุ่ยกับเขาที่เคยสาบานรักด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น แต่ตอนนี้เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและง่ายดายขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงสงสัยทัศนคติของฮูซู่ฮุ่ยอยู่ดี ว่าอะไรถึงทำให้เธอเปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่จี้เฟิงจะเข้าใจได้จริงๆ
แต่สิ่งที่จี้เฟิงสงสัย ก็เป็นเพียงมุมมองจากคนแปลกหน้าเท่านั้นในเวลานี้ เพราะตั้งแต่ที่คำดูถูกที่รุนแรงเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากของฮูซู่ฮุ่ย ในวันแรกของการเปิดภาคเรียนเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ชื่อของเธอก็ถูกติดอยู่ในบัญชีดำในใจของจี้เฟิงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และพวกเขาก็ได้กลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ กันอีกเลย
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ย ได้ออกมาตักเตือนตัวเขาเองอีกครั้ง… จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซียวซูเหม่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเธอก็จมลงในทันที เธอหันไปมองที่ฮูซู่ฮุ่ยกับพี่สาวของเธอในรถด้วยความเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ “พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงมาพูดจาดูถูกลูกชายของฉันโดยไม่มีเหตุผล?!”
“ห๊ะ? ดูถูก?!”
พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ยย้อนถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ฉันว่าคุณควรถามลูกชายคุณดีกว่า ว่าเขาทำอะไร เขาตามตอแยน้องสาวของฉันจนไม่เป็นอันเรียนด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังมีสมองคิด คุณควรรู้ว่าจะสั่งสอนลูกชายของคุณยังไง!”
สีหน้าของเซียวซูเหม่ยสงบเยือกเย็น เธอจ้องมองไปที่พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ยอย่างเงียบๆ
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว แต่บรรยากาศเย็นยะเยือกที่อยู่รอบตัวของเซียวซูเหม่ยในเวลานี้นั้นดูหนาวเสียยิ่งกว่าอากาศหนาวในฤดูหนาวจริงๆ เสียอีก เธอมีออร่าที่ไม่อาจอธิบายได้บางอย่างทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะมองหน้าของเธอตรงๆ
“คุณผู้หญิงฉันรู้ดีว่าลูกชายของฉันเป็นคนอย่างไร และฉันก็รู้ดีกว่าคนอื่นๆ อย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่เขาจะไปรบกวนใครอย่างดื้อรั้น ฉันคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง” เซียวซูเหม่ยพูดออกมาเบาๆ “แต่.. คุณไม่คิดว่ามันหยาบคายเกินไปหน่อยเหรอ ที่เมื่อครู่คุณพูดใส่ร้ายและดูถูกคนอื่นแบบนี้?”
เซียวซูเหม่ยในตอนนี้เธอแต่งตัวอย่างเรียบง่ายแถมยังเป็นเพียงแค่แม่ค้าขายผัก แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้มีออร่าของหญิงสาวผู้สูงส่งที่อธิบายไม่ได้อยู่รอบร่างกายของเธอไม่ต่างจากสตรีผู้สูงศักดิ์ในตระกูลใหญ่ที่มีความสง่างามและออร่าของชนชั้นสูงโดยธรรมชาติ ทำให้พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ยถึงกับไม่กล้ามองหน้าเธอ
“ยังไง… คุณก็ดูแลลูกชายของคุณให้ดีแล้วกัน!” พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ยพูดพึมพำด้วยความหวั่นเกรงอยู่ภายในใจ
“ปึง!!!”
และในตอนนั้นเอง ประตูรถได้เปิดออกอย่างกะทันหัน มันได้ถูกปิดอย่างแรงจากผู้ชายร่างอ้วนคนหนึ่ง ที่ออกมาจากรถ ชายคนนี้มีอายุประมาณสี่สิบปี สีหน้าของเขาดูเย่อหยิ่งราวกับว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในรั้วในวัง
“คุณผู้หญิงคุณกล้าพูดกับภรรยาของผมแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?!” ชายคนนั้นชี้ไปที่พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ย “ขอโทษภรรยาของผมเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของจี้เฟิงดำทะมึนขึ้นมาทันที “พวกคุณต่างหากที่ควรขอโทษแม่ของผม!”
“ไอ้เด็กเวรปากดีนักฉันจะสั่งสอนแกให้รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ทันทีที่สิ้นเสียง ชายอ้วนก็ต่อยไปที่กกหูของจี้เฟิง
“ผัวะ..!!”
วินาทีต่อมาหมัดของผู้ชายอ้วนก็ถูกจี้เฟิงจับไว้ได้ ไม่ว่าชายคนนั้นจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถสะบัดแขนของเขาออกจากการจับของจี้เฟิงได้
จี้เฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “ขอโทษแม่ของผมเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกันนะว่าคุณจะได้มือของคุณกลับไปในสภาพที่ใช้งานได้เหมือนเดิมหรือเปล่า!”
หลังจากพูดจบเขาก็ค่อยๆ เพิ่มแรงบีบไปที่มือของเขา
ดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้างทันที หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ แขนของเขาสั่นไปด้วยความเจ็บปวดจนทำให้แทบจะพูดออกมาไม่ได้
“ตกลงๆ..ฉันขอโทษ!” ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างยากลำบาก
เซียวซูเหม่ยไม่แม้แต่จะชายตามอง เธอเพียงพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “เฟิงเอ๋อ ปล่อยเขาไป การที่เราทำอะไรกับคนแบบนี้ มีแต่ตัวเราเองที่จะอับอาย”
จี้เฟิงพยักหน้าและปล่อยแขนของชายคนนั้น
หลังจากนั้นจี้เฟิงก็มองไปที่ฮูซู่ฮุ่ยที่กำลังทำหน้าประหลาดใจอยู่ในรถ เขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฮูซู่ฮุ่ย เธอน่าจะรู้ดีกว่าใครเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเราสองคน เธอเป็นคนที่ต้องรู้ดีที่สุดว่าฉันได้ตามตอแยเธอจริงหรือเปล่า แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม วันนี้เธอไม่ควรพูดแบบนี้ โดยปกติถ้าเธออยากจะพูดดูถูกฉันแค่ไหน มันก็แล้วแต่เธอ เพราะฉันไม่เคยให้ค่ากับมันเลย และที่สำคัญมันเป็นความผิดของฉันเองที่ตามืดบอดไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอตั้งแต่แรก แต่ในวันนี้เธอไม่ควรให้พี่สาวของเธอมาพูดดูถูกแม่ของฉัน! เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันจะลืมมันซะ แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็… หึ!!”
ชายคนนั้นชี้ไปที่จี้เฟิงอย่างโกรธแค้น “ไอ้เด็กเวร ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจี้เฟิงจะทำร้ายเขาอีก
อย่างไรก็ตามสีหน้าของฮูซู่ฮุ่ย ดูสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจี้เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่
“ไป!!” จี้เฟิงตะคอกอย่างเย็นชา
พี่สาวของฮูซู่ฮุ่ยตกใจ และรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงหันหน้าไปหาแม่ของเขาและกล่าวขอโทษ “แม่ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้แม่ต้องมาฟังคำดูถูกจากคนพวกนั้น!”
เซียวซูเหม่ยยิ้มและส่ายหัว เธอตบไหล่ของลูกชายเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “เฟิงเอ๋อ อย่าโทษตัวเองในเรื่องนี้ จำไว้อย่างนึงว่าแม่ภูมิใจในตัวลูกชายของแม่ที่สุด!” เขารู้สึกเย็นที่ใบหน้าเมื่อลมหนาวพัดมา แล้วเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีหยดน้ำไหลออกมาจากตา เขารีบเช็ดมันออกไปอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงมองไปยังทิศทางที่ฮูซู่ฮุ่ยและพวกของเธอเพิ่งขับรถจากไป จี้เฟิงยืนกัดฟันแน่นอย่างเงียบๆ
ฮูซู่ฮุ่ย เธอสามารถดูถูกฉันได้ทุกอย่างตามที่เธอต้องการ แต่ถ้าเธอกล้ามาดูถูกแม่ของฉัน ฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้อย่างสาสม!!!
………จบบทที่ 78~