บทที่ 80 ถูกรางวัลอีกครั้ง!!
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำรายได้มากถึงสองพันหยวนเมื่อตอนก่อนช่วงปีใหม่ แต่ความสุขของพวกเขานั้นอยู่ได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น ในตอนเย็นของวันส่งท้ายปีเก่า ถึงเซียวซูเหม่ยจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่ลึกๆ ในดวงตาของเธอนั้นยังแฝงไปด้วยความโศกเศร้าอย่างไม่สามารถปิดบังได้
จี้เฟิงรู้ดีว่าแม่ของเขาอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องเศร้าในอดีต บางทีอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อที่เขาไม่เคยเห็นหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว จี้เฟิงยังคงมีความสงสัยและอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าถามเรื่องนี้กับแม่ของเขาออกไปง่ายๆ มันคงไม่ดีถ้าเรื่องนี้มันจะยิ่งทำให้แม่ของเขาต้องเศร้าใจ
ดังนั้นจี้เฟิงจึงพยายามหัวเราะให้มากขึ้น ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความสุขให้ได้มากที่สุด เป้าหมายของจี้เฟิงในตอนนี้คือเขาจะทำอย่างไรให้แม่ของเขาได้ลืมเลือนความโศกเศร้าในอดีตไปได้บ้าง
ทันใดนั้นดวงตาของจี้เฟิงก็เบิกกว้าง เหมือนเขานึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ “หวย!”
ถ้าจะพูดให้ถูก มันต้องเป็นลอตเตอรี่แบบขูด!
เพราะจะให้พูดกันตามจริง ลอตเตอรี่ชนิดอื่นๆ ความไม่แน่นอนนั้นสูงเกินไป แถมยังไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับจี้เฟิง แต่นั่นไม่ใช่กับลอตเตอรี่แบบขูด
นั่นก็เพราะ จี้เฟิงมีความสามารถในการมองทะลุ เขาสามารถที่จะมองทะลุแผ่นสีเงินที่ปกคลุมตัวเลขบนลอตเตอรี่แบบขูดได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นแล้วการที่เขาจะถูกรางวัลจึงเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างจากการพลิกฝ่ามือ นอกจากนี้จี้เฟิงยังคงมีเงินรางวัล 60,000 หยวนอยู่ในบัญชีของเซียวหยูซวนเป็นเครื่องการันตี
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จี้เฟิงก็เพิ่งจะคิดออกว่าตอนนี้มันเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ถึงแม้ว่าข้างนอกจะมีร้านขายลอตเตอรี่ แต่ตอนนี้คงไม่มีร้านไหนเปิด พวกเขาคงจะกลับบ้านไปเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่กันหมด หากเขาต้องการจะซื้อลอตเตอรี่จริงๆ ก็คงต้องรอจนกว่าจะหมดช่วงเทศกาลปีใหม่และต้องรอจนกว่าร้านจะเปิดขึ้นอีกครั้ง
พอพูดถึงเงินรางวัลจากลอตเตอรี่แล้ว ก็พาลทำให้เขานึกถึงเรื่องของเซียวหยูซวน เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นับตั้งแต่ที่เขาเอาชนะการแข่งขันบิลเลียดจนทำให้เหอตงต้องอับอายเป็นอย่างมาก ในห้องบิลเลียดของโรงแรม เซียวหยูซวนก็ไม่เคยพูดคุยกับเขาอีกเลย อย่าว่าแต่พูดคุยเลย รอยยิ้มสักครั้งก็ไม่เคยมีให้ เธอจะหันหลังออกจากชั้นเรียนไปทันทีในทุกครั้งที่เธอสอนเสร็จ
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ หรือบางทีเขาไม่ควรทำให้เหอตงต้องอับอายมากขนาดนั้น เพียงเพราะเขาแค่ต้องการอยากเอาคืนในสิ่งที่เหอตงทำ
หรือสิ่งที่เขาไม่ควรทำมากที่สุดคือการที่ทำให้ เซียวหยูซวนตาสว่างจากการที่ได้รู้นิสัยจริงๆ ของเหอตง?
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เขาไม่กล้าคิดมากกับคำถามนี้ เพราะเขากลัวว่าคำตอบที่เขาจะตอบตัวเองนั้นจะยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
และจากในส่วนของถงเล่ย เนื่องจากเธอได้เปิดเผยความรู้สึกบางส่วนของเธอออกมาบ้างแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอไม่สามารถสารภาพมันออกมาได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ถงเล่ยได้แสดงเจตจำนงที่ต้องการ นั่นคือที่เธอบอกกับจี้เฟิงให้เข้าเรียนที่เจียงโจวให้ได้พร้อมกับเธอ เพียงเท่านี้เขาก็น่าจะพอใจได้แล้ว
อีกสาเหตุหนึ่งที่เขายังคงนิ่งเฉยต่อเรื่องของเซียวหยูซวนก็เพราะว่า ตัวเขาเองนั้นก็ยังไม่ชัดเจนในความรู้สึกของเขาที่มีต่อเซียวหยูซวน เขาจึงไม่กล้าไปไกลมากกว่านี้
ปีใหม่ปีนี้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายภายใต้ความคิดที่ยุ่งเหยิงของจี้เฟิง
ชุมชนแออัดแห่งนี้แทบไม่ต่างจากสถานที่ถูกทิ้งร้างในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะไม่ว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะดูเป็นคนจรจัดแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังคงมีบ้านให้กลับในช่วงเทศกาลปีใหม่เสมอ
บางทีจี้เฟิงและแม่ของเขาอาจเป็นเพียงคนจรจัดเพียงสองคนที่ยังคงอยู่ที่นี่ในช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้!
จี้เฟิงเหม่อมองหิมะที่กำลังตกหนักอยู่ในสนาม
“ได้เวลาคิดเรื่องอนาคตแล้ว!!” จี้เฟิงดึงสติกลับมาและพูดอย่างมุ่งมั่นในใจ “ความรักในวัยเด็ก เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าหากเขายังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ เขาก็จะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้!”
วันปีใหม่ที่เต็มไปด้วยหิมะในค่ำคืนนี้ จี้เฟิงได้ยินเสียงดังอึกทึกแว่วมาแต่ไกลจากข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงประทัดหรือเสียงเฮฮาของผู้คนที่ต่อให้ดังมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ช่วยคลายความเหงาภายในจิตใจของจี้เฟิงได้เลย
วันปีใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและแล้วก็เป็นวันที่ห้าของปีใหม่ทางจันทรคติ ภายในพริบตาผู้คนในชุมชนแออัดแห่งนี้ส่วนใหญ่ได้ทยอยเดินทางกลับมาจากบ้านเกิดแล้ว เพราะการที่พวกเขาต้องหยุดงานเพิ่มอีกหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะรายได้สามสิบหรือสี่สิบหยวนในแต่ละวันก็เรียกได้ว่าเป็นค่ายังชีพที่สำคัญมากแล้วสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดแห่งนี้
……
ในเวลานี้ร้านค้าต่างๆ บนถนน เริ่มทยอยเปิดขึ้นทีละร้านๆ
“แม่! เราอย่ามัวแต่อยู่บ้านกันอย่างเดียวเลย เราไปเดินเล่นตามร้านค้าที่เปิดตรงถนนกันเถอะ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่สองสามวันมาวันนี้ แม่ของเขาแทบจะไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเลย เห็นได้ชัดว่าแม่ของเขากำลังคิดถึงเรื่องเศร้าๆอีกแล้ว
เซียวซูเหม่ย พยักหน้าและยิ้มตอบ “ก็ได้ๆ พอดีเลย ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว แม่จะได้หาซื้อเสื้อผ้าให้ลูกใส่ไปเรียนด้วยสักตัวสองตัว!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะปฏิเสธโดยทันที หากแม่ของเขาจะซื้อเสื้อผ้าให้ เพราะเขารู้ดีว่าครอบครัวเขามีรายได้น้อยแค่ไหน
แต่ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นแล้ว เพราะเหตุผลที่เขาอยากออกไปข้างนอกกับแม่ในวันนี้จริงๆ แล้วคือการที่เขาจะหาโอกาสให้แม่ของเขาได้เห็น เขาหาเงินด้วยตาของเธอเอง ด้วยวิธีนี้แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าเทอมของเขาอีก
จี้เฟิงได้ยินเสียงแม่ของเขาแอบถอนหายใจทุกคืน หลังจากที่มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของเขา ดังนั้นจี้เฟิงจึงรู้ได้ทันทีเลยว่า แม่ของเขานั้นเป็นกังวลมากเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนเมื่อเขาต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย
…….
แม้ว่าเขตหมางซือแห่งนี้จะมีประชากรจำนวนมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในที่ราบของภาคกลาง แต่เศรษฐกิจในเขตนี้เรียกได้ว่ายังไม่พัฒนามากนัก แม้ว่าจะมีร้านค้ามากมายทั้งสองข้างทางที่ขายสินค้าแบรนด์ดัง แต่ก็มีเพียงไม่กี่ร้านหากนับจากร้านทั้งหมดในเขต และนอกเขตเมืองนั้นถึงจะมีร้านค้ามากมายแต่แทบจะไม่มีร้านค้าส่งและแทบจะไม่มีร้านที่ขายสินค้าแบรนด์เนมเลย
จี้เฟิงที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเดินอยู่ข้างๆ แม่ของเขาด้วยท่าทีสบายๆ แต่แท้จริงแล้วสายตาของเขากำลังมองไปตามร้านจากสองข้างถนนเพื่อมองหาร้านลอตเตอรี่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้จี้เฟิงถึงกับเกาหัวก็คือ ถนนที่พลุกพล่านด้วยผู้คนและร้านค้ามากมายกลับมีร้านลอตเตอรี่น้อยมาก
อันที่จริงร้านลอตเตอรี่ก็ไม่ได้จะดีไปกว่าร้านอื่นเท่าไหร่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเปิดเฉพาะย่านที่เจริญที่สุดเสียหน่อย
และในที่สุดจี้เฟิงก็เห็นป้ายร้านเขียนว่า ‘ลอตเตอรี่สวัสดิการ’ ที่ตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง เขาแอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาทันที
“แม่ มีร้านขายลอตเตอรี่อยู่ตรงนั้น เราไปลองเสี่ยงโชคกันเถอะ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “การซื้อลอตเตอรี่ในช่วงตรุษจีนเขาว่าจะทำให้เรามีโชคเพิ่มขึ้นนะ!”
การถูกรางวัลจากลอตเตอรี่นั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากจริงๆ โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อยอย่างเธอ จะมีเงินซื้อได้สักกี่ใบ ยิ่งซื้อน้อยโอกาสที่ถูกก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เมื่อคิดได้แบบนี้ เซียวซูเหม่ยที่กำลังจะพูดปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจและเต็มไปด้วยความคาดหวังของลูกชาย เธอก็ต้องกลืนคำปฏิเสธนั้นลงไปก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นการพยักหน้าตกลงแทน
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ชอบจริงๆ เรื่องเสี่ยงโชคเนี่ย!” เซียวซูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มและส่ายหัวให้กับลูกชายของเธอ และเดินตามเขาไปยังร้านขายลอตเตอรี่
จี้เฟิงแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ “สำเร็จแล้ว!”
ตราบใดที่แม่ของเขาเต็มใจที่จะเข้าไปในร้านลอตเตอรี่ ก็เท่ากับว่าเป้าหมายของเขาสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว จี้เฟิงมีแผนที่จะทำให้แม่ของเขาได้เห็นว่าเขาได้รับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่จริงๆ นั่นจะทำให้เขาไม่ต้องมาคอยโกหกแม่เรื่องเกี่ยวกับทุนการศึกษาของโรงเรียนที่มีให้กับนักเรียนที่ต้องการจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเรื่องที่จี้เฟิงรู้สึกอึดอัดและลำบากใจมาก
ในตอนนี้ ยังคงไม่มีลูกค้าคนอื่นๆ อยู่ภายในร้านขายลอตเตอรี่ นั่นอาจะเป็นเพราะตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาสิบโมงเช้าและร้านขายลอตเตอรี่ก็เพิ่งจะเริ่มเปิดได้ไม่นาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สะดวกและดีมากๆ สำหรับจี้เฟิง
“สวัสดีครับเถ้าแก่ ผมอยากจะเล่นลอตเตอรี่แบบขูดสักหน่อย!” จี้เฟิงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
เจ้าของร้านเป็นผู้ชายวัยสามสิบ จี้เฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของร้านที่อายุเพิ่งจะสามสิบแต่มีบางส่วนบนศีรษะของเขานั้นเกลี้ยงเกลาไปพอสมควร ซึ่งทำให้จี้เฟิงนึกถึงคำว่า “หัวหมอ” ขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มที่มุมปาก
เมื่อเจ้าของร้านเห็นการมาของจี้เฟิงและเซียวซูเหม่ย ดวงตาของเขาก็หยุดอยู่ที่เซียวซูเหม่ยแทบจะในทันที เขาจับจ้องไปที่เรือนร่างของเธอ ด้วยสายตาหื่นกามอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นท่าทางของจี้เฟิงก็ดูตึงเครียดขึ้นทันที มีแสงเย็นวาบฉายออกมาจากดวงตาของเขา
ด้วยความสัตย์จริง จี้เฟิงยอมรับว่า ถึงแม้แม่ของเขาจะสวมใส่เพียงเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อโค้ทธรรมดา แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ก็ไม่สามารถปกปิดความงามของเธอได้ แถมยังมีบรรยากาศของผู้หญิงชั้นสูงคล้ายๆ กับเหมือนมีออร่าอยู่รอบๆ ตัวแม่ของเขาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้แม่ของเขามีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ ที่ดึงดูดใจผู้ชายมาก
ด้วยออร่าบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ที่เปล่งรัศมีออกมารอบๆตัวของเซียวซูเหม่ย ถ้าไม่นับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็ไม่เคยมีใครในระแวกแออัดที่เธออาศัยอยู่ ต้องการที่จะทำร้ายเธอเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงได้เติบโตขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าคิดอะไรในทางชู้สาวกับเซียวซูเหม่ยอีก เพราะการที่มีผู้ชายที่เรียกได้ว่าโตพอสักคนในครอบครัว มันสร้างความแตกต่างอย่างมากหากเทียบกับเมื่อตอนที่เขายังเป็นเพียงเด็กน้อย
จี้เฟิงไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าของร้านลอตเตอรี่หัวโล้นคนนี้จะเป็นคนหื่นกามออกนอกหน้าขนาดนี้ เพราะเขากล้าจ้องมองเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาด้วยสายตาหื่นกระหาย ทั้งๆ ที่มีลูกชายอย่างเขายืนอยู่ข้างๆ
“ปัง!!”
จี้เฟิงตบโต๊ะอย่างแรง จนทำให้เจ้าของร้านตกใจจนสะดุ้งโหยง “เถ้าแก่ คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ?!”
“ห๊ะ! อะไรนะ?” เจ้าของร้านหัวโล้นที่ยังตกใจไม่หาย เขารีบถามด้วยอาการเลิกลั่ก
“ผมต้องการลอตเตอรี่แบบขูดสักเล็กน้อย!” ท่าทางของจี้เฟิงนั้นดูเย็นชา และเปล่งรัศมีที่ดูน่าเกรงขามออกมา เขาพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “หูของเถ้าแก่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถึงไม่ได้ยินที่ผมพูด?!”
“ได้ยินแล้วๆ” เจ้าของร้านหัวโล้นรีบพยักหน้าและพูดตอบจี้เฟิง จากนั้นเขาก็ก้มลงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อหาลอตเตอรี่แบบขูด
เซียวซูเหม่ยกระพริบตาปริบๆ มองไปที่ลูกชายของเธอ เธอทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้งๆ เซียวซูเหม่ยรู้ดีว่าลูกชายของเธอกำลังระบายความโกรธโดยการพูดใส่อารมณ์กับเจ้าของร้านลอตเตอรี่ เมื่อเห็นกิริยาที่ไม่น่ารักของลูกชาย เธอก็อดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกพอใจ เพราะเธอรู้ดีว่าลูกชายทำเพราะต้องการจะปกป้องเธอ
ท้ายที่สุดแล้วคนเป็นแม่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ลูกตัวเองแสดงกิริยาที่ไม่ดีกับคนอื่นจนมากเกินไป
จี้เฟิงยิ้มและหันมาพูดกับเซียวซูเหม่ยว่า “แม่ เรามาลองเสี่ยงโชคกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ เขาหันหน้าไปทางเจ้าของร้านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆว่า “เถ้าแก่! มัวทำอะไรอยู่ ได้หรือยัง?!”
“ได้แล้วๆ นี่ไง!” เจ้าของร้านหัวโล้ยวัย 30 รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาก็ถือว่ายังอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม เมื่อโดนเด็กวัยรุ่นทำเสียงดุใส่ เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
“นี่… น้องชาย กล่องนี้ราคาใบละ 10 หยวน ส่วนกล่องนี้ใบละ 5 หยวน และกล่องทางด้านขวาสุด คือใบละ 2 หยวน!” เจ้าของร้านวางกล่องที่บรรจุลอตเตอรี่แบบขูดเอาไว้สามกล่อง บนเคาน์เตอร์และอธิบายให้จี้เฟิงฟังด้วยรอยยิ้ม “น้องชายต้องการเล่นแบบไหน เลือกได้ตามสบายเลย!”
“โอเค งั้นเถ้าแก่ก็คอยนับจำนวนและคิดเงินอยู่ตรงนี้นี่แหละ!” จี้เฟิงพูดและเหลือบมองไปที่เจ้าของร้านหัวโล้น เมื่อเห็นว่าเขาไม่กล้าที่จะจ้องมองไปทางแม่ของเขาอีก เขาจึงใจเย็นลงเล็กน้อย
“แม่ลองเล่นดูสิ!” จี้เฟิงหัวเราะและหยิบลอตเตอรี่แบบขูดขึ้นมาห้าใบจากกล่องราคาสิบหยวนและส่งให้เซียวซูเหม่ย
“เฟิงเอ๋อ แม่เป็นคนไม่ค่อยมีโชค ลูกเล่นเถอะ!” เซียวซูเหม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เซียวซูเหม่ย เพราะรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเธอดึงดูดสายตาของเขาจนยากที่จะห้ามใจ เขาแอบมองไปที่เธออีกสองสามครั้ง แต่เมื่อเขาหันกลับมาเห็นสายตาที่ดุดันของจี้เฟิง เขาก็รีบหลบสายตาของจี้เฟิงและหันไปมองทางอื่นทันทีโดยไม่รู้ตัว
“หึ!” จี้เฟิงส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชา
หลังจากนั้นเขาหันกลับไปหาแม่ของเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส “แม่ลองดูเถอะ ไม่ว่าผมหรือแม่เล่น เราก็ต้องจ่ายลอตเตอรี่ราคาแค่สิบหยวนนี่อยู่ดี!”
เซียวซูเหม่ยลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเห็นลูกชายของเธอมีความตั้งใจสูงขนาดนี้ เธอจึงจำใจต้องพยักหน้าตกลง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “แม่ลองขูดดูเลย ไม่แน่นะ เราอาจได้รางวัลตั้งแต่ใบแรกเลยก็ได้!”
แน่นอนว่าจี้เฟิงได้เห็นตัวเลขที่อยู่ใต้แผ่นปกคลุมสีเงินทั้งหมดผ่านความสามารถในการมองทะลุของเขาแล้วว่าในลอตเตอรี่ใบนั้นมีเงินรางวัลอยู่ 100 หยวน และถ้ามันสามารถทำให้แม่ของเขาเลิกสงสัยและในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอมีความสุขได้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จี้เฟิงจะไม่ทำมันล่ะ?!
“เจ้าเด็กโง่ ถ้าการถูกลอตเตอรี่มันง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ! คิกคิก” ถ้าเป็นเวลาปกติ เซียวซูเหม่ยคงจะไม่ยอมเสียเงิน 10 หยวนไปกับการเสี่ยงดวงเล่นลอตเตอรี่แน่นอน เพราะปกติแล้วเธอที่มีรายได้วันละสามสิบสี่สิบหยวน เธอจะกล้าใช้เงินกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเซียวซูเหม่ยเห็นว่าลูกชายของเธอมีความสุขมากแค่ไหนในเวลานี้ เธอจึงยอมเสียเงินจำนวนสิบหยวนที่ดูน้อยนิดไปเลยเมื่อเทียบกับความสุขของลูกชายเธอ
เซียวซูเหม่ยค่อยๆ ขูดแผ่นสีเงินบางๆที่ปกคลุมตัวเลขอยู่บนลอตเตอรี่ และเมื่อเห็นตัวเลขที่ตรงกันพร้อมกับจำนวนเงินรางวัลที่ปรากฏขึ้น เธอก็ถึงกับตกตะลึง
“นี่นี่มัน…?” เซียวซูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ไม่น่าเชื่อ ฉันถูกลอตเตอรี่จริงๆ!”
เธอไม่แปลกใจมากนักที่เธอถูกรางวัลจำนวน 100 หยวน เพราะเธอเชื่อจริงๆ ว่าในตอนนี้โชคคงเข้าข้างเธอบ้างแล้ว เพราะตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นจากไปคำว่าโชคดีก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธออีกเลย
เซียวซูเหม่ยหยิบลอตเตอรี่ใบที่ได้รางวัลขึ้นมาและมองมันด้วยรอยยิ้ม
“แม่ แม่ถูกลอตเตอรี่จริงๆ เหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ “ผมบอกแล้วว่าเราต้องโชคดีในวันตรุษจีน! เรายังเหลืออีกตั้งหลายใบ เรามาเล่นกันต่อเลยเถอะ!”
เซียวซูเหม่ยยิ้ม “มันจะดีกว่าถ้าลูกเป็นคนขูดใบที่เหลือ เพราะใช่ว่าแม่จะโชคดีแบบนี้ได้เสมอไป!”
“งั้นผมจะลองเล่นดู เพื่อจะโชคดีแบบแม่บ้าง!” จี้เฟิงยิ้มอย่างร่าเริง และเริ่มลงมือขูดลอตเตอรี่ที่อยู่ในมือของเขา
…….
“หนึ่งพันหยวน!” เซียวซูเหม่ยตกใจเมื่อมองไปที่ลอตเตอรี่ใบที่ลูกชายของเธอเพิ่งขูดเสร็จ มันเป็นรางเงินรางวัลหนึ่งพันหยวนจริงๆ
“มันไม่มีทางเป็นไปได้!” เซียวซูเหม่ยอุทานในใจ ถึงเธอจะเป็นเพียงแค่แม่ค้าขายผักแต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย
เธอรู้ดีว่าโดยปกติแล้วการที่จะได้เงินมาง่ายๆแบบนี้ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ โดยเฉพาะวันนี้ที่เธอและลูกชายของเธอถูกรางวัลจากลอตเตอรี่ถึงสองใบติดต่อกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้เซียวซูเหม่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สำหรับเงินรางวัล เมื่อดูจากสีหน้าของเซียวซูเหม่ยแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจกับมันมากนัก
“โชคดีจริงๆ!” จี้เฟิงยิ้มกว้าง จากนั้นเขาก็หยิบลอตเตอรี่สองสามใบออกมาจากกล่องราคาสิบหยวนแล้วลงมือขูดต่อไป
“เฮ้ย! ผมได้รางวัลอีก 100 หยวน!”
……
“แม่ ใบนี้ผมได้ 2,000!”
…….
“เอ๊ะ ใบนี้ห้าพันแฮะ..”
……..
ในขณะที่เสียงของจี้เฟิง ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ เซียวซูเหม่ยและเจ้าของร้านก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าของร้านลอตเตอรี่ เขามองไปที่จี้เฟิงที่กำลังขูดตั๋วลอตเตอรี่แล้วรางวัลก็โผล่ออกมาเรื่อยๆ เกือบจะทุกใบ มีความตกใจและอิจฉาอยู่ในแววตาของเขา
เจ้าของร้านลอตเตอรี่หัวโล้นนั้นรู้ดีว่า ลอตเตอรี่แบบขูดราคาสิบหยวน มีรางวัลมากมายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน และโอกาสที่จะถูกรางวัลนั้นมีน้อยมาก แต่เด็กวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกรางวัลไม่กี่สิบหยวน แต่เขานั้นถูกรางวัลเป็นหลักร้อยและหลักพัน แถมยังไม่ใช่ถูกแค่ใบสองใบ แต่มันคือเกือบทุกใบที่เขาขูด ทั้งหมดนี้มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องของปาฎิหาริย์!
เซียวซูเหม่ยมองไปที่ลูกชายของเธอด้วยความประหลาดใจ เธอคิดในใจ “เป็นไปได้ไหมว่า ที่เราโชคดีเพราะเป็นช่วงของวันตรุษจีนจริงๆ?!”
ในขณะที่จี้เฟิงขูดตั๋วลอตเตอรี่ทีละใบๆ จำนวนเงินรางวัลที่เขาได้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งจี้เฟิงไม่สามารถหาตั๋วลอตเตอรี่ที่มีเงินรางวัลมากกว่าหนึ่งร้อยหยวนจากในกล่องได้อีกจากนั้นเขาจึงเลิกขูด
“เถ้าแก่ ลองคำนวณให้หน่อยว่าเราได้เงินรางวัลทั้งหมดเท่าไหร่!” จี้เฟิงดันลอตเตอรี่กองโตทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขาไปทางเจ้าของร้าน ระหว่างนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่กล่องลอตเตอรี่อีกสามกล่องและอดไม่ได้ที่แอบส่ายหัวเล็กๆ กล่องทั้งสามใบนี้มีลอตเตอรี่อย่างน้อยก็ 10,000 ใบ แต่มีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้นที่มีเงินรางวัล และบางส่วนก็จะมีเพียงแค่เงินรางวัลเล็กๆ น้อยๆ อย่างเงินรางวัลจำนวน 35 หยวนเท่านั้น ซึ่งเมื่อคิดเป็นเปอเซ็นต์แล้ว โอกาสที่จะได้เงินรางวัลให้คุ้มกับการเสียเงินซื้อมันน้อยมากจริงๆ
เมื่อเจ้าของร้านหายจากการอาการตกตะลึง เขาจึงรีบหยิบกองลอตเตอรี่ทั้งหมดและใช้เครื่องคิดเลขคำนวณเงินรางวัลที่จี้เฟิงขูดออกมาได้
“นี่น้องชายโบนัสเงินรางวัลทั้งหมดนี้คือจำนวน… 73,500 หยวน!” เสียงของเจ้าของร้านหัวโล้นถึงกับสั่นสะท้าน มีลอตเตอรี่หลากหลายแบบและเขาก็เห็นผู้คนมากมายเล่นลอตเตอรี่เหล่านั้นมามากกว่าหนึ่งแสนใบ อย่างมากเขาก็แค่อิจฉาบางคนที่ดวงดีถูกรางวัล แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนชนะและได้เงินรางวัลรวมกว่าหลายหมื่นหยวนด้วยการเล่นเพียงแค่ลอตเตอรี่แบบขูดเท่านั้น
“น้องชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา!” เจ้าของร้านหัวโล้นพูดกับตัวเองในใจ เมื่อนึกถึงแววตาดุดันของจี้เฟิงเมื่อตอนนั้น เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยและแอบเสียใจอยู่ลึกๆ เขาไม่น่าแอบมองแม่ของน้องชายคนนี้เลย…
………จบบทที่ 80~