“ไม่อยู่ที่โรงเรียนเหรอ”
เมื่อพวกเขามาถึงประตูโรงเรียนมัธยมที่13 ทั้งสามคนก็บอกให้ยามของโรงเรียนโทรหาจี้ช่าวหยิน หลังจากนั้นไม่นานยามก็วางสายโทรศัพท์ และบอกกับพวกเขาว่าจี้ช่าวหยินไม่ได้อยู่ในโรงเรียนและไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปอยู่ที่ไหน
ใบหน้าของจี้ช่าวตงจมลงทันทีเดิมทีเขาคิดว่าน้องชายคนเล็กของเขายังเด็กและอาจจะยังติดเล่นอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เป็นเวลาเรียนเขากลับไม่อยู่ในโรงเรียนด้วยซ้ำ จะทำตัวอุกอาจมากเกินไปแล้ว!
“พวกคุณสามคน..ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนของจี้ช่าวหยินใช่มั้ย” ยามของโรงเรียนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเมื่อมองพวกเขาทั้งสามคน
จี้เฟิงยิ้มและถามว่า“พี่ชายรู้ได้ยังไง”
ยามตอบด้วยรอยยิ้ม“จี้ช่าวหยินเขามีชื่อเสียงโด่งดังในย่านนี้พอสมควร เพราะตั้งแต่เขามาเรียนที่นี่เขาแทบจะไม่ได้มาเข้าเรียนเลย แต่นักเรียนในโรงเรียนทุกคนต่างก็เกรงกลัวเขา แต่ก็มีหลายคนที่เข้าหาเขาอย่างประจบประแจง แล้วอีกอย่างโดยปกติแล้วในเวลานี้เขาก็น่าจะเที่ยวเล่นอยู่ในสถานบันเทิงใกล้ๆนี่แหละ และถ้าพวกคุณเป็นเพื่อนของเขาจริงคุณจะต้องรู้นิสัยของเขาอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่ยามกำลังพูดถึงจี้ช่าวหยินอย่าเมามันใบหน้าของจี้ช่าวตงก็ยิ่งดำมืดขึ้นทุกที จนเมื่อยามพูดจบดวงตาของจี้ช่าวตงก็เบิกกว้างและการหายใจของเขาก็เร็วขึ้น ดูเหมือนเขาพยายามที่จะระงับความโกรธของเขาอย่างมาก
“แล้วสถานบันเทิงใกล้ๆที่ว่านี่อยู่ที่ไหนล่ะ”จี้ช่าวเหลยถามอย่างใจเย็น
ยามของโรงเรียนเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “เอ่อ.. พวกคุณคือคนในครอบครัวของจี้ช่าวหยินงั้นเหรอ อันที่จริงฉันก็แค่ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา น่าจะเป็นเพียงข่าวลือ ฉันไม่ค่อยรู้อะไรหรอก อย่าถามฉันอีกเลย”
“หืม!ทำไมพูดไม่เหมือนเมื่อกี้นี้เลยล่ะ” จี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เฮ้อ..”ยามได้แต่ถอนหายใจและยิ้มอย่างขมขื่น “พวกคุณเป็นคนในครอบครัวของจี้ช่าวหยิน พวกคุณก็น่าจะรู้จักเขาดี อันธพาลตัวเล็กตัวน้อยแถวนี้ต่างเชื่อฟังคำสั่งของเขากันทั้งนั้น แล้วถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันเป็นคนพูดเรื่องของเขาขึ้นมา อย่าว่าแต่ฉันจะตกงานเลย เกรงว่าแม้แต่ครอบครัวของฉันก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุข!”
“เขาจะกล้าทำเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างนั้นเหรอ!”
จี้ช่าวตงคำรามเขาเตะไปที่ล้อรถอย่างดุเดือด ตอนนี้เขาเหมือนกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว มันทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆแทบอยากจะวิ่งหนี
“พี่ชายอย่าเป็นกังวลไปเลย ผมขอรับรองว่าจี้ช่าวหยินจะไม่สามารถแตะต้องพี่กับครอบครัวของพี่ชายได้อย่างแน่นอน ขอแค่บอกกับพวกเรามาว่าสถานบันเทิงที่ว่านี่อยู่ที่ไหน และยังมีที่ไหนอีกบ้างที่จี้ช่าวหยินชอบไปบ่อยๆ” จี้เฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มใสซื่อ
“จริงเหรอ..”ยามยังคงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจสักเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้วการเป็นยามรักษาการณ์ประจำโรงเรียนนอกจากจะเป็นงานที่ไม่ค่อยเหนื่อยแล้วเงินเดือนก็ยังดีอีกด้วย เขาจึงไม่อยากตกงานเพียงเพราะความปากพล่อยของเขา
“จริงแท้แน่นอน!”จี้เฟิงยิ้มที่มุมปากและกล่าวว่า “แต่จะว่าไปพี่ชายก็พูดเรื่องแย่ๆของจี้ช่าวหยินออกมาตั้งเยอะแยะแล้วอ่ะเนอะ ถ้าพวกเราเปลี่ยนใจแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกจี้ช่าวหยิน พี่ชายต้องเจอกับอะไรบ้างก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันนะ ทางเลือกที่ผมเสนอให้นี่ดีที่สุดแล้ว”
“น้องชาย…ทำไมถึงได้ใจร้ายกับยามตัวเล็กๆอย่างฉันนัก!” ยามถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาเกลียดตัวเองที่ทำตัวไร้มารยาทพูดเรื่องคนอื่นโดยไม่คิด และมันก็กำลังจะทำให้เขาเสียงานไปจริงๆแล้วตอนนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ชายตราบใดที่บอกพวกเรามาตามตรงว่าตอนนี้จี้ช่าวหยินอยู่ที่ไหน พวกเราจะไม่บอกให้จี้ช่าวหยินรู้อย่างแน่นอนว่าพวกเรารู้มาจากพี่ชาย!” จี้เฟิงยิ้มกว้างอีกครั้ง
การข่มขู่และการล่อลวงก็เป็นหนึ่งในวิธีสอบสวนขั้นพื้นฐานที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจากระบบฝึกจนนำมาใช้ได้อย่างชำนาญ
แน่นอนว่ายามของโรงเรียนไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากจะต้องเชื่อใจจี้เฟิงเขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด “น้องชายนี่เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ… ฉันจะบอกเท่าที่ฉันรู้ก็แล้วกัน ปกติแล้วจี้ช่าวหยินจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่โรงเรียนสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไปเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก ฉันได้ยินมาว่าล่าสุดเขาเข้ากันได้ดีกับคนที่ชื่อหลงอะไรนี่แหละ พวกเขามักจะพากันไปสถานบันเทิงที่ชื่อบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสองช่วงถนน ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่กันที่นั่น!”
“บลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์..โอเค! ขอบคุณมากพี่ชาย!” เมื่อเห็นยามโรงเรียนยังคงทำหน้าเศร้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มให้ “ไม่ต้องห่วงเราจะไม่บอกจี้ช่าวหยินว่าพี่ชายพูดอะไรบ้าง เพราะพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อต้องการที่จะมาสั่งสอนเขานี่แหละ!”
ยามถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วทำไมไม่บอกกันก่อน ทำเอาฉันกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กไปหมด ไหนๆก็ไหนๆ ฉันขอพูดอะไรหน่อย อย่าโกรธเคืองกันเลยนะ ฉันสงสัยมานานแล้วว่าทำไมจี้ช่าวหยินถึงได้เอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก เขาเรียนไม่เก่งเหรอ เขาเอาแต่ออกไปเที่ยวเล่นกับพวกอันธพาลน้อยใหญ่ตลอดทั้งวัน แถมยังไม่เห็นจะมีใครกล้าห้ามปรามเขาซักคน ฉันก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเสียคนและอาจจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ!”
จี้เฟิงมองไปที่พี่ชายทั้งสองจี้ช่าวตงทำหน้าบึ้งตึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มอย่างฝืนๆและกล่าวว่า “ก็..ตามนั้น ขอบคุณสำหรับข้อมูล..”
หลังจากที่พวกเขากลับเข้าไปในรถจี้เฟิงก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่ยังคัดค้านข้อเสนอของผมอยู่หรือเปล่า”
“เสี่ยวเล่ยออกรถ!” เสียงของจี้ช่าวตงเย็นลง “ฉันอยากจะเห็นกับตาว่าไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันจะทำตัวโง่เง่าได้ถึงขนาดไหน!”
ทุกคำพูดที่ได้ฟังจากยามของโรงเรียนทำให้จี้ช่าวตงรู้สึกเหมือนกับถูกมีดอันแหลมคมทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอย่างรุนแรงเขากล้าใช้อำนาจของตระกูลในทางที่ผิดแถมยังคบกับพวกอันธพาล นี่หรือคือน้องชายแสนดีของเขา!
จี้ช่าวเหลยก็รู้สึกโกรธไม่แพ้กัน“พี่ใหญ่ฉันคิดว่าเสี่ยวเฟิงพูดถูก พี่ควรส่งเจ้าเด็กโง่เสี่ยวหยินให้กองทัพช่วยฝึกฝนเขา และถ้าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็ให้เขาอยู่ในนั้นไปยาวๆ ตระกูลจี้ของเราจะมีคนนิสัยแบบนี้ไม่ได้!”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศหากจะมีแกะดำปะปนอยู่บ้างซัก 1 หรือ 2 ตัวก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าจะตระกูลไหนต่างก็ต้องมีคนที่ผิดแผกแตกแถวอยู่บ้างเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามตระกูลจี้นั้นแตกต่างออกไปชายชราผู้นำตระกูลได้กล่าวไว้ว่า ไม่ควรหาประโยชน์จากอำนาจโดยมิชอบ แม้ป้าหรืออาของพวกเขาบางคนจะไม่ใช่คนเก่งแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ทำความชั่ว!
แต่จี้ช่าวหยินลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลจี้กลับมาทำลายชื่อเสียงที่รุ่นปู่รุ่นพ่อได้สร้างสมไว้จนเกือบหมดแล้วถ้าพ่อของเขารู้เข้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!
มีคำกล่าวที่ว่าถ้าเก็บกวาดบ้านยังไม่สะอาดก็อย่าริอาจจะไปกวาดล้างแผ่นดิน!
ขนาดลูกชายของเขาเขายังไม่สามารถจัดการให้เป็นคนดีได้ แล้วเขาจะสามารถโน้มน้าวคนอื่นๆในปกครองได้อย่างไร
จี้ช่าวเหลยรู้ว่าสมัยเด็กๆตัวเขาเองก็เคยออกนอกลู่นอกทางมาบ้างดังนั้นการที่น้องเล็กของเขาจะมีพฤติกรรมเช่นนี้คงจะเป็นเรื่องปกติ แต่การคบเพื่อนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ในเมื่อคบกับคนที่เป็นอันธพาลและชวนกันไปมั่วสุมกันทุกวันเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเขาจะเติบโตมากลายเป็นคนอย่างไร
เขานึกไปถึงสมัยก่อนที่ตัวเขาเองก็คบกับเพื่อนหลากหลายประเภทแม้แต่เพื่อนที่เป็นอันธพาลก็มีไม่น้อย แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องมาแปดเปื้อนฉาวโฉ่ขนาดนี้มาก่อน!
จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็เหยียบคันเร่งเต็มฝ่าเท้าตอนนี้เขารู้สึกโกรธมาก และ BMW x6 ก็ออกจากโรงเรียนอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยัง สถานบันเทิงที่มีชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์
น่าจะเพราะมันเป็นเวลาบ่ายสองกว่าแล้วและมันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน บนท้องถนนจึงไม่มียานพาหนะมากมายนัก ภายในระยะเวลาไม่นานจี้ช่าวเหลยที่ขับรถด้วยความเร็วก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์
แหล่งรวมความบันเทิงที่ชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเป็นห้องโถงที่ค่อนข้างใหญ่เต็มไปเครื่องเล่นวิดีโอเกมต่างๆ มีทั้งเกมเต้นและตู้เกมยิงปืน ฯลฯ และเด็กผู้หญิงบางคนกำลังเล่นเกมตีตัวตุ่น
หลังจากจอดรถพวกเขาทั้งสามคนก็รีบเดินเข้าไปในในห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกดังมาจากลำโพงของเครื่องเล่นเกมต่างๆเสียงของมันดังมากจนทำให้พวกเขารู้สึกชาที่หนังศีรษะ
อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นจำนวนมากเกือบจะเรียกได้ว่าอยู่กันอย่างแออัดเด็กวัยรุ่นหญิงชายส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างแต่งกายแปลกๆและทำสีผมเป็นสีสันต่างๆทั้งแดงและเหลือง พวกเขากำลังเล่นเกมคอนโซลที่มีอยู่เกือบทุกชนิดอย่างบ้าคลั่ง เด็กๆเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุ 16หรือ 17ปี และบางคนก็มีอายุเพียง 13 หรือ 14 ปีเท่านั้น
ที่แย่ไปกว่านั้นเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างมีบุหรี่อยู่ในปาก พวกเขาต่างสูบและพ่นออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ ส่วนเด็กบางคนก็เล่นเกมไปและตะโกนเสียงดังไปเป็นระยะๆ พวกเขาดูบ้าคลั่งมาก
ส่วนเด็กผู้หญิงยิ่งทำให้รู้สึกอึ้งได้มากกว่าทุกครั้งที่พวกเธอเล่นเกมผ่านด่านพวกเธอจะกอดกับผู้ชายที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆหรือแม้กระทั่งจูบปากกันอย่างเปิดเผย
แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเครื่องเล่นเกมและมีเด็กผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างๆเธอและทุกครั้งที่เธอเล่นเกมชนะเธอจะกอดและจูบกับเด็กผู้ชายทั้งสองคน เธอช่างดู..เท่ในสายตาของเธอและคนที่อยู่ที่นี่ แต่สำหรับจี้เฟิงแล้วเขาเกรงว่าผู้หญิงขายตัวข้างถนนมาเห็นก็คงจะต้องยอมแพ้
จี้เฟิงรู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามจี้ช่าวตงและจี้ช่าวเหลยไม่มีเวลาว่างเพื่อมาสังเกตพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นชายหญิงเหล่านี้โดยเฉพาะจี้ช่าวตง ในฐานะผู้นำเขารู้สึกไม่สบายใจกับพฤติกรรมเหล่านี้ของเยาวชนแถมสิ่งแวดล้อมในนี้นั้นแย่มาก อากาศเต็มไปด้วยมลพิษและมีเสียงดังวุ่นวายตลอดเวลา เขาไม่โอเคกับแหล่งมั่วสุมเช่นนี้จริงๆ
“ฉันว่าพวกเราควรแยกกันตามหาเสี่ยวหยินเอ้อ เสี่ยวเฟิงเธอยังไม่เคยเจอกับเสี่ยวหยินดังนั้นเธอไปกับเสี่ยวเหลยเถอะ” จี้ช่าวตงกล่าวอย่างใจเย็น
จี้เฟิงพยักหน้าและทั้งสามคนก็แบ่งกันเป็นสองกลุ่มและแยกย้ายกันไปตามหาจี้ช่าวหยิน
เมื่อมองไปยังสถานที่ที่วุ่นวายแห่งนี้มันทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าต้องฝ่าฝูงชนที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นบุหรี่และกลิ่นของน้ำหอมด้อยคุณภาพ ซึ่งมันทำให้จี้เฟิงถึงกับรู้สึกมึนหัว
“เด็กสาวเหล่านี้แทบจะเกินเยียวยา..อายุยังน้อยแท้ๆ” จี้ช่าวเหลยแทบจะอาเจียนหลังจากได้กลิ่นเหม็นฉุนของน้ำหอมเกรดต่ำ
ส่วนจี้เฟิงได้แค่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวตอนเขาอายุเท่านี้เขายังคงช่วยแม่ขายผักทุกวันแล้วจะมี “เวลาพักผ่อน” เช่นนี้ได้อย่างไร ความจริงแล้วตั้งแต่เขาเติบโตมา เขาเคยเข้าร้านเกมเล็กๆที่หมางซือแทบจะนับครั้งได้ แล้วนับประสาอะไรกับสถานที่แบบนี้
จี้เฟิงตั้งสมาธิพยายามที่จะไม่มองไปยังสิ่งที่ทำให้เขาจะต้องขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งเขาพยายามเพ่งความสนใจไปที่วัยรุ่นชายรอบตัวเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับจี้ช่าวหยินมาก่อน แต่เขาก็แน่ใจว่าถ้าได้มองอย่างใกล้ชิดเขาจะต้องเห็นความคล้ายคลึงระหว่างจี้ช่าวหยินกับตัวเขาเองอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเขาได้มองอย่างละเอียดเขาจะต้องสามารถรู้ถึงความแตกต่างนี้ได้
สายตาของจี้เฟิงนั้นดีกว่าจี้ช่าวเหลยอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เขาแทบจะสแกนวัยรุ่นในสถานบันเทิงแห่งนี้ทีละคนจนจะครบหมดแล้วแต่เขาก็ยังไม่พบใครที่ดูคล้ายคลึงกันกับเขา
“ไม่อยู่ที่นี่”จี้ช่าวเหลยขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงยิ้มแห้งๆ“ผมคิดว่าเราน่าจะกำลังทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก มันมีวิธีที่ง่ายกว่าการแยกการตามหาแบบนี้ เราก็แค่ต้องไปสอบถามกับเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้โดยตรง”
ในความเป็นจริงถ้าแม้แต่ยามของโรงเรียนยังรู้จักจี้ช่าวหยินเป็นอย่างดีด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของเขามันทำให้เห็นได้ชัดว่าจี้ช่าวหยินเป็นที่รู้จักกันดีแค่ไหน และตราบใดที่จี้ช่าวหยินมาที่นี่เป็นประจำ เจ้าของที่นี่ก็จะต้องรู้จักกับจี้ช่าวหยินและมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อประจบประแจงจี้ช่าวหยิน และในเขตบริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยสถานบันเทิงอีกมากมาย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาขับรถเข้าไปตามหาในทุกๆที่
ดังนั้นการถามเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้จึงเป็นวิธีที่ดีและรวดเร็วที่สุด
เหตุผลที่จี้เฟิงไม่ได้ฉุกใจคิดในเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกนั่นเป็นเพราะในตอนที่เขาเข้ามาที่นี่เขามัวแต่ตื่นตะลึงและรู้สึกประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้คิดถึงวิธีนี้
ทันใดนั้นดวงตาของจี้ช่าวเหลยก็สว่างวาบขึ้นเขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “เออใช่! ถามเจ้าของที่นี่ก็จบ!”
ทั้งสองคนเดินย้อนกลับและพบกับเถ้าแก่เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้กำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ประตูทางเข้าใบหน้าของจี้ช่าวเหลยดูคันไม้คันมือแปลกๆ เขาพร้อมและกำลังจะอ้าปากถาม แต่จี้เฟิงได้ถามขึ้นก่อน “ลูกพี่ พอจะเห็นจี้ช่าวหยินมาที่นี่วันนี้บ้างหรือเปล่า ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา พอดีมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา ฉันเลยถูกส่งเพื่อมาตามเขากลับไปที่บ้านอย่างเร่งด่วน!”
เจ้าของสถานบันเทิงเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ40 ปี เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูด จี้ช่าวหยิน.. เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นถึงลูกชายคนเล็กของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาล แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา นั่นหมายความว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อของเขาที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคของเทศบาลใช่หรือไม่
แม้เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้อยากจะประจบประแจงจี้ช่าวหยินมากก็ตามแต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าสถานที่ที่จี้ช่าวหยินอยู่ในตอนนี้เป็นที่ไหน..เจ้าของสถานบันเทิงก็อดไม่ได้ที่จะลังเล เขากำลังคิดไตร่ตรองอยู่ว่าเขาควรจะพาจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยไปหาจี้ช่าวหยินตอนนี้ดีหรือไม่
แต่ถึงเขาจะลังเลแต่การตอบสนองของเขาก็รวดเร็วมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะเขามักจะเจอกับสถานการณ์และต้องคอยจัดการกับเรื่องแบบนี้อยู่เป็นประจำ.ไอรีนโนเวล.
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“ฉันไม่รู้ว่าจี้ช่าวหยินที่พวกคุณพูดถึงคือใคร เพราะปกติฉันไม่ได้อยู่ร้านนี้ ฉันแค่มาช่วยดูร้านนี้เป็นบางครั้งบางคราว แต่ยังไงพวกคุณทั้งสองโปรดรอสักครู่ ฉันจะลองไปถามคนอื่นๆดูว่าคนที่คุณกำลังตามหาอยู่ที่นี่หรือไม่ แล้วเดี๋ยวฉันจะให้คนไปบอกกับพวกคุณทีหลัง”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“ขอบคุณมากลูกพี่”
เจ้าของร้านพยักหน้าและรีบเบียดตัวเข้าไปในฝูงชนแม้ร่างของเขาจะอวบอ้วนแต่มันก็ยืดหยุ่นมากเขาจมหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเฟิงดูเหมือนว่าเสี่ยวหยินจะอยู่ที่นี่จริงๆ” ตอนนี้สีหน้าของจี้ช่าวเหลยดูน่ากลัวมาก การพูดจาโกหกบ่ายเบี่ยงของเจ้าของสถานบันเทิงจะหลอกลวงเขาได้อย่างไร ในฐานะประธานของบริษัทเจียนอันกรุ๊ปเขาต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย คิดหรือว่าในบรรดานักธุรกิจรายใหญ่ๆจะไม่มีใครที่ฉลาดไปกว่าเถ้าแก่เจ้าของสถานบันเทิง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจัดการและผดุงความยุติธรรม เอาเป็นว่าตอนนี้เราต้องหาจี้ช่าวหยินให้พบก่อน”
จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเขามองไปยังสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นชายหญิงที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะที่กำลังทำตัวเหลวเหลกทั้งสูบบุหรี่และเล่นเกมอย่างบ้าคลั่ง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ดูเหมือนว่าที่นี่จะต้องถูกสะสางได้แล้ว”
ในขณะนั้นจี้ช่าวตงมองเห็นจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าเขาจึงเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและพูดขึ้นว่า “ฉันหาจนทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ”
“น่าจะอยู่ในนั้น!”จี้ช่าวเหลยชี้ไปที่ด้านในสุดของห้องโถง และพูดว่า “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าในนั้นมันมีอะไร แต่ต้องไม่มีสรวงสวรรค์อยู่ในนั้นแน่!”
จี้ช่าวตงได้แต่ถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในสถานที่เช่นนี้มักจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าภายในนั้นเป็นอย่างที่เขาคิดจริง แล้วพบว่าจี้ช่าวหยินอยู่ข้างใน เขาก็ไม่อยากทำให้น้องอีกสองคนต้องรู้สึกไม่สบายใจ หรือแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากเห็นว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตามหัวใจของจี้ช่าวตงรู้สึกถึงความโกรธได้มากกว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้แม่ของเขาจะไม่เห็นด้วยที่จะส่งจี้ช่าวหยินไปที่กองทัพและให้ฝึกฝนอยู่ที่นั่นอย่างต่ำเป็นเวลาหนึ่งปี และถ้าเขายังไม่ปรับปรุงตัวเอง จี้ช่าวหยินจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในกองทัพ และอย่าหวังว่าจะได้ออกมา!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นจี้ช่าวหยินวิ่งออกมาและเมื่อเขามองเห็นจี้ช่าวตงและอีกสองคนที่ยืนอยู่ เขาก็มีสีหน้าและท่าทางที่ตื่นตระหนกทันที สีหน้าของทั้งสามคนยิ่งทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาวิ่งมาถึงเขาจึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ”
จี้เฟิงเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นลูกพี่ลูกน้องที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงคนนี้อย่างใกล้ชิดแม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีแต่เขาก็ไม่ได้เตี้ย เขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร แต่ใบหน้าของเขานั้นบงบอกอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้อย่างชัดเจน
จี้ช่าวตงตะคอกอย่างเย็นชา“ยังห่วงคนที่บ้านเป็นอยู่เหรอ”
จี้ช่าวหยินรู้สึกผิดทันที“พี่ใหญ่…”
“นายกำลังทำอะไรอยู่ในนั้น”จี้ช่าวเหลยถามอย่างใจเย็น
จี้ช่าวหยินได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าตอบ
“หึ!”จี้ช่าวตงไม่รอคำตอบเขาถามอย่างเย็นชา “มันเป็นคาสิโนใช่มั้ย”
“ครับมันเป็นคาสิโน..” จี้ช่าวหยินตอบเสียงอ่อย
จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยมองหน้ากันและกันทันทีและก็มีคำว่า “ว่าแล้ว” ปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั้งคู่
“ตามมาแล้วกลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของจี้ช่าวตงดูแย่มาก แต่ตอนนี้เขาไม่คิดที่จะตำหนิจี้ช่าวหยินเลย เขารู้สึกผิดหวังเกินไปที่จะดุด่าจี้ช่าวหยินในเวลานี้ และที่สำคัญเขารู้ดีว่าดุด่าไปก็คงจะไม่ได้ผล มันถึงเวลาที่เขาจะต้องใช้ไม้แข็งจริงๆแล้ว สำหรับความเหลวไหลของน้องเล็กของเขาในตอนนี้เหลือเพียงทางเดียวที่จะทำให้เขากลับตัวกลับใจได้ จี้ช่าวหยินจะต้องถูกส่งไปฝึกฝนในกองทัพอย่างเข้มงวดเท่านั้น!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าการพนันก็ไม่ต่างจากยาเสพติดมันเป็นสิ่งเสพติดอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยอายุของจี้ช่าวหยินเขายังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีนัก มันคงแปลกถ้าเขาสามารถกลับตัวกลับใจได้ด้วยคำบ่นด่าเพียงไม่กี่คำ
“พี่ใหญ่ยังไม่กลับตอนนี้ไม่ได้เหรอ” จี้ช่าวหยินพูดอย่างลนลาน
“ได้สิตามใจนายเลยก็แล้วกัน ตราบใดที่นายประกาศว่าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลจี้อีกต่อไป และหลังจากนั้นต่อให้นายอยากกลับไป ก็จะไม่มีแม้แต่โอกาส!” จี้ช่าวตงกล่าวเบาๆ
จี้ช่าวหยินไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปเขารู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาโกรธมากเขาจึงทำได้แต่ทำถามที่พี่ใหญ่บอกอย่างเชื่อฟัง “ผมจะกลับไปกับพี่”
ทั้งสี่คนขึ้นรถBMW x6 อีกครั้ง และจี้ช่าวตงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกไปที่หมายเลขของจี้เจิ้นกั๋ว “พ่อ คือผม…”
เมื่อจี้ช่าวตงโทรหาพ่อของเขาจี้ช่าวหยินก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือพ่อของเขา เขามองไปที่จี้ช่าวเหลยด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ก็พบว่าพี่ชายคนที่สองของเขาก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธไม่ต่างจากพี่ใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้นจี้ช่าวหยินก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
“พี่รองผมผิดไปแล้ว”จี้ช่าวหยินพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“หึ!”จี้ช่าวเหลยส่งเสียงอย่างเย็นชาโดนไม่สนใจคำวิงวอนของจี้ช่าวหยินและหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างโดยไม่หันไปมองที่จี้ช่าวหยินอีก
“อาสามผมช่าวตง ตอนนี้ผมอยู่แถวแหล่งรวมความบันเทิงชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ใกล้กับโรงเรียนมัธยมที่ 13 มีการเปิดบ่อนการพนันอยู่ข้างใน อาสามส่งคนมาที่นี่ได้เลยทันที.. ถ้าเป็นไปได้รบกวนอาสามอย่าให้เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป…” จี้ช่าวตงวางสายหลังจากพูดคุยเสร็จ
จี้ช่าวหยินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเขาคิดไม่ถึงว่าพี่ชายคนโตของเขาจะถึงขนาดส่งคนมาจัดการกับบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์แบบนี้ ดูท่าว่าเขาจะต้องพบกับปัญหาใหญ่แล้วคราวนี้..!
The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 152 วุ่นวาย
บทที่ 152 วุ่นวาย
Posted by ? Views, Released on กรกฎาคม 2, 2022
, The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
Status: Ongoing
Action ดราม่า ต่อสู้ นิยายจีน นิยายแปล ฝึกฝน พลัง ระบบ รักวัยเรียน อัจฉริยะ ฮาเร็ม เทคโนโลยี แฟนตาซี โรแมนซ์