The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 185 บทเรียนของหวู่หลิงเอ๋อ

บทที่ 185 บทเรียนของหวู่หลิงเอ๋อ

“จี้เฟิงระวังตัวด้วยนะอย่าไล่จี้ตามติดมากเกินไป พวกนักแข่งรถพวกนี้มักชอบความตื่นเต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้านายไล่ต้อนเขามากเกินไป เขาอาจจะบ้าคลั่งทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิดก็เป็นได้!” เซียวหยูซวนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับเตือนด้วยความเป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวลถ้าเขาอยากจะตายก็ปล่อยเขาไป แต่ถ้าเขาคิดที่จะลากพวกเราไปตายด้วยก็ยากหน่อย เพราะเขาคงจะไม่มีวันทำได้ด้วยความสามารถแค่นี้!” จี้เฟิงยิ้มอย่างมั่นใจและยังคงเร่งความเร็วต่อไป
รถสปอร์ตสองคันภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดต่างขับไล่กันอย่างเมามันไปบนถนนปันซานที่คดเคี้ยว
หลังจากนั้นไม่นานรถที่ซุนจื่อซวงขับก็ปรากฏขึ้นในสายตาของจี้เฟิงเขายิ้มที่มุมปาก “มีปัญญาหนีมาได้แค่นี้เองงั้นเหรอ”
เซียวหยูซวนกำมือของเธอไว้แน่นบนที่วางแขนด้วยท่าทางสงบนิ่งแต่หัวใจของเธอนั้นกลับเต้นอย่างแรง การนั่งอยู่ภายในรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเช่นนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจ
รถสปอร์ตสีน้ำเงินยังคงเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนี้กลุ่มคนบนเนินเขาต่างพากันมองบนหน้าจอของแล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่แสดงสัญลักษณ์ของรถทั้งสามคันอยู่ตลอดเวลามันทำให้แต่ละคนอ้าปากค้างใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไงที่จะเร่งความเร็วตรงทางโค้งแบบนี้”คนคนหนึ่งอุทานขึ้น
บนหน้าจอของแล็ปท๊อปจุดสว่างของสีม่วงกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในขณะที่ข้างหน้านั้นเป็นทางโค้ง และเมื่อถึงทางโค้งแทนที่จุดสีม่วงนั้นจะลดความเร็วลงแต่มันกลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้นเมื่อถึงทางโค้งและจุดสีม่วงก็ผ่านพ้นทางโค้งไปอย่างง่ายดาย และเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก  นี่มันเป็นการละเมิดทุกความเป็นไปได้และกฎข้อบังคับพื้นฐานของการขับรถ!
ตอนนี้ผู้ที่ขับรถคันนี้กลายเป็นเทพเจ้าในสายตาของผู้คนที่กำลังรับชมอยู่ผ่านหน้าจอแล็ปท๊อปมันเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริงๆ
ไม่ว่าเป็นทีมที่เชียร์ซุนจื่อซวงหรือพรรคพวกของหวู่หลิงเอ๋อตอนนี้พวกเขาต่างตกตะลึงไปกับสิ่งที่เห็นอยู่บนหน้าจอ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมฝีมือของจี้เฟิงอยู่ในใจ
“ดูสิมันเร็วขึ้นอีกแล้วมีทางโค้งข้างหน้าแต่เขากลับเร่งความเร็วขึ้นอีกแล้ว!” มีคนชี้ไปที่หน้าจอแล้วอุทานเสียงดัง
“นี่มันบ้าไปแล้วมันเป็นเรื่องผิดปกติ เขาจะเร่งความเร็วแบบนี้ไม่ได้ ตรงจุดนั้นถ้าฉันจำไม่ผิดนอกจากจะเป็นทางโค้งแล้วสภาพของถนนมันยังแย่มากอีกด้วย นี่เขาอยากตายงั้นเหรอ” อีกคนตะโกนขึ้นเช่นกัน
“ทักษะการขับรถระดับนี้…มันมากพอที่จะครองเจียงโจวได้เลย!”   ทุกคนพากันเงียบกริบและจ้องมองไปที่หน้าจอใหญ่ของแล็ปท๊อปด้วยความตื่นเต้นทุกคนต่างหวังว่าเขาจะได้เป็นคนที่นั่งอยู่ในรถของจี้เฟิงในตอนนี้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นพวกเขาถึงจะสามารถดูเทคนิคการขับรถระดับเทพของจี้เฟิงขณะขับรถได้ ทักษะและฝีมือการขับรถแบบนี้ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ซักสามชาติก็ใช่ว่าจะมีโอกาสได้เห็น มันน่าอัศจรรย์มาก!
เร่งสปีด!เร็วขึ้น! เร็วขึ้น!
ความเร็วของรถสปอร์ตสีน้ำเงินที่มีจี้เฟิงเป็นผู้ขับขี่เร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“โอ้พระเจ้าเขาดริฟท์รถงั้นเหรอ!”
คนคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นในสภาพถนนเช่นนี้เขาคิดยังไงถึงดริฟท์เขาจะไม่ตายใช่มั้ย
อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนเห็นว่าจุดแสงสีม่วงดริฟท์ผ่านโค้งไปอย่างสวยงามและรถยังคงอยู่ตรงกลางถนนและสุดท้ายก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยพวกเขาก็ต่างพากันอุทานในใจ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!”   ไม่ได้มีใครมาถ่ายหนังหรืออะไรใช่มั้ยทักษะการขับรถแบบนี้มันไม่ใช่คนปกติแล้ว!
ในเวลานี้มีเหงื่อไหล่เย็นๆไหลเต็มหน้าของซุนจื่อซวงเขาเริ่มรู้สึกถึงความหวาดกลัว
เขาเห็นแล้วว่าจี้เฟิงกำลังขับรถไล่ล่าเขาอย่างรวดเร็วจากทางด้านหลังและจี้เฟิงก็กำลังจะแซงเขาไปในไม่ช้า
“เขาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง!”ซุนจื่อซวงตกใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้จี้เฟิงจะสามารถหยุดการแข่งรถของพวกเขาสำเร็จ แต่นั่นเป็นเพราะเขาตั้งใจจะใช้รถของตัวเองและหวู่หลิงเอ๋อในการกีดขวางจี้เฟิงในทีแรก จึงไม่ได้ทำความเร็วเต็มที่นัก จนสุดท้ายเขาก็ถูกแซงและถูกหยุดโดยจี้เฟิง
แต่ตอนนี้เขาได้ขับรถด้วยความสามารถทั้งหมดที่เขามีเขาใช้ความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว แต่กลับถูกจี้เฟิงไล่จี้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว มันทำให้ซุนจื่อซวงยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง
“ตูม!”   ในขณะที่ซุนจื่อซวงยังคงตกตะลึงกับความเร็วของจี้เฟิงไม่หายรถสปอร์ตสีน้ำเงินที่ขับขี่โดยจี้เฟิงก็ชนท้ายรถของเขาอีกครั้ง
“เอี๊ยดดดดดดดดด!”
ยางล้อเสียดสีกับพื้นถนนอย่างรุนแรงทำให้ซุนจื่อซวงเสียการควบคุมรถในทันทีและวินาทีต่อมารถของซุนจื่อซวงก็เสียหลักพุ่งชนข้างทางที่เป็นก้อนหินของภูเขาขนาดใหญ่ทันที
“เอี๊ยดด!”จี้เฟิงเบรกและหยุดรถทันที เซียวหยูซวนหันไปถามจี้เฟิงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว “จี้เฟิง เขาจะเป็นอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไรมากหรอก!”จี้เฟิงยังคงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลงมาจากรถพร้อมกับเซียวหยูซวนและพูดว่า “รถระดับนี้มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยขั้นสูง แม้ว่าจะเกิดการชนแต่มันก็จะช่วยเซฟชีวิตเขาได้เป็นอย่างดี และมันจะช่วยลดทอนความรุนแรงของการกระแทกได้มาก”
แน่นอนว่าเมื่อทั้งสองมาถึงรถของซุนจื่อซวงพวกเขาก็พบว่าถุงลมนิรภัยทั้งสี่ในรถสปอร์ตถูกปล่อยออกมาโดยอัตโนมัติจากการที่รถโดนกระแทกอย่างแรง ทำให้ซุนจื่อซวงที่ถูกบีบอัดอยู่ตรงกลางเขากำลังดิ้นรนอย่างสุดแรง
ปึง!
จี้เฟิงเปิดประตูรถและดึงซุนจื่อซวงออกมา“แกจะทำอะไร!” ซุนจื่อซวงถามด้วยความตกใจ
ตุบ!
จี้เฟิงโยนซุนจื่อซวงลงกับพื้น
“เด็กน้อยแกเป็นใคร!” ใบหน้าของซุนจื่อซวงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆและแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดแม้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มันก็รุนแรงมากจนทำให้ขาของเขาติดอยู่ในรถและดันมาถูกจี้เฟิงลากออกจากรถอย่างกะทันหันจากตอนนี้ขาของเขาถูกขูดเป็นแนวยาว
“ฉันเป็นใครไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะสนใจ สิ่งที่คุณควรจะสนใจคือชะตากรรมของคุณ!”จี้เฟิงยิ้มเยาะ “ยินดีด้วยนะ อย่างน้อยต่อจากนี้คุณก็คงจะได้พักผ่อนยาวๆแล้วล่ะ แต่เป็นในคุกนะ!”
“หือเด็กน้อยอย่างแกเนี่ยนะจะจับฉันเขาคุก ฮ่าฮ่า!” ซุนจื่อซวงหัวเราะ “นายจะมีปัญญาทำได้เหรอ?”
“จะทำได้หรือไม่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องตัดสินใจ!”จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็เคาะเบาๆไปที่คอของซุนจื่อซวงอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าของซุนจื่อซวงค่อยๆมืดลงและเขาก็สลบไป
เมื่อหวู่หลิงเอ๋อมาถึงเธอก็เห็นจี้เฟิงโยนซุนจื่อซวงเข้าไปในรถและขับรถขึ้นไปบนเนินเขา
ฝีมือการขับรถระดับเขาซ้อมให้ตายทั้งชีวิตนี้ฉันก็ทำไม่ได้ หวู่หลิงเอ๋อถอนหายใจพลางมองรถที่สปอร์ตที่ถูกชน อย่างน้อยฉันก็หวังว่าจี้เฟิงจะสามารถจัดการพ่อกับแม่ของฉันได้จริงๆ
เมื่อจี้เฟิงกลับไปถึงเนินเขาพร้อมกันกับซุนจื่อซวงที่เวลานี้ไม่ต่างจากซากหมาที่ตายแล้วสายตาที่ทุกคนมองไปที่จี้เฟิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายมีทั้งรู้สึกทึ่ง เคารพบูชา และก็มีร่องรอยของความโกรธแค้นในหมู่ของพวกเขาจำนวนมาก
จี้เฟิงไม่สนใจสายตาของคนเหล่านี้เขาคว้าตัวซุนจื่อซวงออกมาจากรถและโยนลงไปบนพื้นอย่างไม่ปราณีจนเกิดการกระแทกอย่างแรง
ซุนจื่อซวงซึ่งยังหมดสติถูกโยนลงไปที่พื้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กรีดร้อง
“จี้เฟิงเราจะทำยังไงกันต่อไปดี” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นผู้คนมากมายบนเนินเขาต่างจ้องมองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว แม้ว่าปกติเธอจะไม่เกรงกลัวพวกอันธพาลตัวจิ๊บตัวจ้อยเหล่านี้ เพราะเธอรู้ดีว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนแปลกๆอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เธอกังวลนั่นเป็นเพราะว่าในกลุ่มแข่งรถใต้ดินเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลกันพอตัว  เพราะถ้าพวกเขาเป็นคนทำมาหากินทั่วไปพวกเขาคงไม่มีเวลามาทำอะไรแบบนี้และที่สำคัญเงินที่ใช้ในการจัดการแข่งขันรถใต้ดินแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่น้อยๆ
สิ่งที่เซียวหยูซวนกลัวจริงๆก็คือคนเหล่านี้จะโกรธจนตัดสินใจที่จะรุมทำร้ายเธอและจี้เฟิงเพราะการที่จี้เฟิงจับตัวซุนจื่อซวงโยนอย่างไม่ใยดี อาจยั่วยุจนทำให้พวกเขาโกรธแค้นและสุดท้ายอาจเป็นชนวนทำให้เกิดปัญหาใหญ่
คุณรู้หรือไม่ว่าจำนวนคนที่อยู่ที่นี่มีมากถึงสามสิบสี่สิบคนเลยทีเดียวและพวกเขาต่างก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยพวกเขาเหล่านี้ต่างมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและแน่นอนว่าเดิมทีพวกเขานั้นชอบแสวงหาความตื่นเต้นอยู่แล้ว และถ้าพวกเขาโกรธพวกเขาอาจจะลงมือทำอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาก็ได้
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม“ก็ไม่ต้องทำอะไร เราแค่ยืนเฉยๆอยู่ที่นี่และรอให้ตำรวจมา”   ระหว่างทางกลับมาบนเนินเขาจี้เฟิงได้โทรหาจี้ช่าวเหลยและเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่และในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเขตที่อยู่ใกล้เคียง
จี้เฟิงมองดูเวลาตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งถ้านับตั้งแต่ที่เขาโทรศัพท์ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะมาถึงภายใน 20 นาที
เซียวหยูซวนเหมือนจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็หยุดไป
จี้เฟิงแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขากลับไปที่รถและดึงกุญแจออกมาจากรถสปอร์ตสีน้ำเงินและโยนมันไปที่ผู้ชายผมสีเหลือง “อ่ะ คืนให้ ขอบใจที่ให้ยืม ประสิทธิภาพรถของคุณก็ไม่เลว!”
ผู้ชายผมสีเหลืองรับกุญแจคืนมาด้วยสีหน้าดีใจในตอนนี้ทุกคนได้เห็นทักษะการขับรถของจี้เฟิงกับตาของพวกเขาเองแล้ว ด้วยฝีมือระดับนี้มันก็เพียงพอที่จะยกย่องเขาให้เป็นสุดยอดปรมาจารย์แห่งวงการขับรถแข่ง
เห็นได้ชัดว่าด้วยเทคนิคและฝีมือของจี้เฟิงการที่เขาจะถูกมองว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์แห่งการขับรถแข่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่มากเกินไปเลย
เมื่อผู้ชายผมสีเหลืองที่ชื่อหวงกังเห็นซุนจื่อซวงนอนอยู่บนพื้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายเดียวกันกับซุนจื่อซวง แล้วเมื่อเห็นว่าซุนจื่อซวงถูกจี้เฟิงโยนลงกับพื้นไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่า เขาก็มีความกังวลว่าในอนาคตเขาจะไม่มีโอกาสได้มาทำเรื่องสนุกตื่นเต้นอีก
แม้ว่าตัวหวงกังเองจะเกิดมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ก็ยังแตกต่างกับซุนจื่อซวงอย่างไรก็ตามพวกเขาล้วนเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถใต้ดิน พวกเขาชอบเรื่องที่ตื่นเต้น ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ซุนจื่อซวงสอนพวกเขาเรื่องการขับรถแข่งเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ได้รู้จักกับความสนุกและความตื่นเต้นอย่างในตอนนี้  ดังนั้นแม้ว่าต้นกำเนิดของพวกเขาจะแตกต่างกันแต่เมื่อมีความชอบเหมือนกันพวกเขาก็สามารถทำสิ่งเหล่านั้นร่วมกันได้
ตอนนี้ซุนจื่อซวงถูกจัดการโดยจี้เฟิงพวกเขาจึงกลัวว่าความสนุกสนานกับการแข่งรถใต้ดินในอนาคตจะหายไป
หวงกังสามารถรับประกันได้เลยว่าหากคนที่จับซุนจื่อซวงในเวลานี้ไม่ใช่จี้เฟิงแต่เป็นคนนอกที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงขับรถใต้ดิน เกรงว่าผู้คนที่อยู่บนเนินเขาแห่งนี้จะต้องเข้าไปรุมกระทืบจี้เฟิงอย่างแน่นอน คงไม่ปล่อยให้เขามายืนกร่างอวดดีทำพรรคพวกของตัวเองอยู่แบบนี้
แต่ยังไงซะคนคนนี้ก็คือจี้เฟิงชายผู้ที่มีทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยม มันทำให้ผู้คนที่หลงใหลความตื่นเต้นของการแข่งรถใต้ดินนั้นรู้สึกเคารพและชื่นชม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีใครคิดที่จะทำอะไรจี้เฟิงเลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับชื่นชมเขามากยิ่งขึ้น
จี้เฟิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ผู้คนเหล่านี้มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับตัวเขาหรือต่อให้รู้เขาก็ไม่สนใจอยู่ดีเขาจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนไปนั่งบนกระโปรงหน้ารถวอลโว่สีแดงของเซียวหยูซวนรอการมาถึงของตำรวจอย่างเงียบๆ
“บรึ้ม—!”
เวลาผ่านไปไม่นานเสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ค่อยๆดังขึ้น จากนั้นก็เห็นรถสปอร์ตของหวู่หลิงเอ๋อขับขึ้นมาบนเนินเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ใบหน้าที่สวยงามและดื้อรั้นของหวู่หลิงเอ๋อซีดลงเล็กน้อยและท่าทีของเธอก็ดูสงบเสงี่ยมมากขึ้น
เมื่อหวู่หลิงเอ๋อลงมาจากรถเธอมองเห็นเซียวหยูซวนที่ตอนนี้นั่งอยู่บนฝากระโปรงรถกับจี้เฟิงเธอก็อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็กลืนสิ่งที่อยากจะพูดลงไปและทำได้เพียงหันหน้าหนีอย่างเศร้าๆ
“จี้เฟิง..”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร เธอใช้เมือเล็กๆจับไปที่แขนของจี้เฟิงและเขย่าเล็กน้อย “นายลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปไม่ได้เหรอ”
“ลืมเรื่องอะไรเหรอ”จี้เฟิงถามยิ้มๆราวกับว่าเขาไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่วันนี้เสี่ยวหลิงแอบออกมาแข่งรถกับซุนจื่อซวงแล้วสุดท้ายนายก็จับตัวซุนจื่อซวงได้ยังไงล่ะ!”เซียวหยูซวนพูดเบาๆ “ถ้าตำรวจมาแล้ว พวกเขาก็จะมาจับตัวซุนจื่อซวงไป และพวกเขาก็จะไม่มีหัวเรือในการจัดการแข่งขันรถใต้ดินต่อไปได้อีกใช่มั้ย”
“อ่าหะถูกต้อง!” จี้เฟิงพยักหน้า “เรื่องนี้สามารถจบลงได้ที่นี่ในวันนี้ส่วนคนที่เหลือก็คงไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้มาก ก็คงทำได้แค่แจ้งเรื่องให้ครอบครัวของพวกเขาทราบ แต่ยังไงก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการ”
“จริงเหรอเยี่ยมไปเลย!” เซียวหยูซวนกล่าวด้วยความดีใจ “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลิงก็จะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง!”จี้เฟิงยิ้ม“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะหยูซวน”
เซียวหยูซวนถามด้วยความไม่เข้าใจ“จี้เฟิง นายเพิ่งจะบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องนี้จะจบลงที่นี่ในวันนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นเสี่ยวหลิงก็จะไม่ได้แข่งรถใต้ดินอีก เธอก็จะไม่ต้องถูกจับเข้าคุก”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม“ที่ผมพูดว่าเรื่องจะจบลงที่นี่วันนี้ หมายถึงเรื่องที่จับตัวซุนจื่อซวงได้ และก็เป็นเรื่องของการแข่งขันในวันนี้เท่านั้น!”
“แล้ว..มีอะไรมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ” เซียวหยูซวนถามอย่างตะกุกตะกัก
จี้เฟิงมองเธอด้วยรอยยิ้ม“แน่นอน ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าหวู่หลิงเอ๋อกล้าที่จะแข่งรถใต้ดินอีกครั้ง ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่เธอต้องยอมรับไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องของเธอมันจะไม่จบลงง่ายๆโดยที่เธอไม่ได้รับบทเรียนอะไรเลย และที่สำคัญไปกว่านั้น หวู่หลิงเอ๋อจงใจทิ้งโน้ตไว้ให้คุณเพื่อใช้คุณเป็นเครื่องมือเพื่อให้ผมทำตามความต้องการของเธอ การกระทำแบบนี้ของเธอ คุณยังจะให้มันจบลงอย่างง่ายดายโดยที่เธอไม่ต้องรับบทเรียนใดๆเลยได้อีกอย่างนั้นเหรอ”
สุดท้ายแล้วเซียวหยูซวนได้แต่ปิดปากเงียบเธอรู้แล้วว่าจี้เฟิงไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยเสี่ยวหลิงตั้งแต่แรกแล้ว เธอจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาดังๆ เธออยากจะขอร้องอ้อนวอนจี้เฟิงเพื่อช่วยเสี่ยวหลิง แต่หลังจากที่คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ยังไม่พูดออกไป
เธอรู้ดีว่าหากตอนนี้เธอยังคงขอร้องจี้เฟิงในเรื่องนี้ซ้ำๆมันอาจจะยิ่งทำให้จี้เฟิงรำคาญและไปกระตุ้นความโกรธของจี้เฟิงเพิ่มมากขึ้น เพราะตอนนี้แม้แต่คนตาบอดก็รับรู้ได้ว่าจี้เฟิงกำลังโกรธมากและคงจะไม่สงบลงง่ายๆอย่างแน่นอน และคงจะดีกว่าถ้ารอให้ตำรวจมาและนำตัวซุนจื่อซวงออกไป เผื่อมันจะช่วยให้ความโกรธของจี้เฟิงลดลงบ้างและเมื่อถึงเวลานั้นเธอค่อยลองพูดขอร้องเขาอีกครั้งคงจะดีกว่าพูดในตอนนี้
“คุณอยากจะพูดอะไรหรือเปล่า”จี้เฟิงสังเกตเห็นการแสดงออกของเซียวหยูซวน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ “คุณอยากขอร้องผมเรื่องหวู่หลิงเอ๋อใช่หรือเปล่า?”
เซียวหยูซวนรู้สึกตกใจแต่ในขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูด จี้เฟิงก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ตอนนี้หวู่หลิงเอ๋อกล้าใช้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผมเพื่อประโยชน์ของเธอเอง เพียงแต่คราวนี้มันเป็นแค่เรื่องของการแข่งขันเดิมพันกับคนอื่นซึ่งมันอาจจะไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนและมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่คุณจะสามารถมั่นใจได้อย่างไรว่าหวู่หลิงเอ๋อจะไม่ทำเรื่องทำนองนี้อีกในอนาคต และมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คุณคิด!”
เซียวหยูซวนเปิดปากของเธอเพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป
“คุณอาจจะคิดว่าผมเป็นกังวลมากเกินไปแต่สิ่งที่ผมพูดนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินไปเลย” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจ “การกระทำของหวู่หลิงเอ๋อในครั้งนี้อาจจะทำให้คุณโกรธเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าคุณยังไม่ใส่ใจมันและให้บทเรียนกับเธอบ้าง เธออาจจะทำสิ่งที่ทำให้คุณโกรธมากกว่านี้ในอนาคต!”
“ตะ..แต่ฉันก็ไม่สามารถมองดูเธอเข้าคุกไปทั้งแบบนี้ได้ นายก็รู้!” สุดท้ายเซียวหยูซวนก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม“บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ไปจบที่คุกก็ได้.. ฮ่าฮ่า~ ผมพูดมากเกินไปแล้ว เอาเป็นว่าเธอคงไม่ได้รับโทษที่รุนแรงอะไรมากนักหรอก แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องถูกลงโทษทางกฎหมายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอจะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากความตั้งใจกระทำผิดของเธอในวันนี้อย่างแน่นอน!”
“ชดใช้ชดใช้ด้วยอะไรเหรอ?” เซียวหยูซวนรีบถามอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า“เนื่องจากหวู่หลิงเอ๋อชอบแข่งรถมาก ผมหวังว่าเธอจะไม่ยึดติดกับมันมากนะ!”
หลังจากนั้นไม่ว่าเซียวหยูซวนจะถามอะไรจี้เฟิงก็ทำเพียงแค่ส่ายหัวและยิ้ม

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท