The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 220 ป่วนงานเลี้ยง~!

บทที่ 220 ป่วนงานเลี้ยง~!

จากการตัดสินตามสายตาของจี้เฟิงผู้ชายคนนี้น่าจะอายุยี่สิบต้นๆแต่ไม่น่าเกินยี่สิบห้าปีแน่นอน
อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนี้มีออร่าที่น่าเกรงขามให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นบุคคลที่ทรงพลังแต่เป็นในด้านของความชั่วร้ายเมื่อมองแวบแรกผู้คนแทบจะไม่สนใจอายุที่แท้จริงของเขาและรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาลูกใหญ่อยู่
ผู้ชายคนนี้มีแรงกดดันอย่างไม่น่าเชื่อ
คิ้วของจี้เฟิงขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติเห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดคนนี้ได้ถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพี่ชายคนที่สองของเขา เขาคือผู้ที่จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ขึ้น ‘เฉียวเจียไค!’
เนื่องจากมีเพียงผู้ที่มาจากหน่วยรบพิเศษเท่านั้นที่สามารถมีบรรยากาศรอบตัวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันและมีเพียงผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตเกี่ยวกับความเป็นความตายจริงๆเท่านั้นถึงจะมีออร่าที่ดูชั่วร้ายได้เช่นนี้
สิ่งที่จี้เฟิงอนุมานน่าจะพิสูจน์ได้จากแผลเป็นที่แก้มด้ายซ้ายของชายคนนั้นโดยเริ่มจากแถวๆหูลากยาวไปที่ลำคอจนถึงส่วนที่คอเสื้อได้ปกปิดส่วนที่เหลือไว้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีรอยแผลเป็นอีกหรือไม่ถ้าจี้เฟิงเดาไม่ผิดแผลนี้น่าจะได้รับจากมีดหรือของมีคมอื่นๆที่เป็นอาวุธ
ที่ด้านหลังของเฉียวเจียไคมีชายหนุ่มสี่คนและหญิงสาวอีกสามคนแต่ไม่มีใครกล้าเดินเคียงข้างเขาเลย พวกเขาทั้งหมดเดินตามอยู่ด้านหลังห่างจากเฉียวเจียไคหนึ่งก้าว โดยสิ่งนี้ยิ่งทำให้เฉียวเจียไคดูโดดเด่นและเน้นยำถึงสถานะอันสูงส่งของเขา
ในเวลานี้มีคนจำนวนมากอยู่ในห้องโถงและส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มกับหญิงสาวโดยเฉพาะกับผู้หญิงบางคนที่แม้การแต่งตัวของพวกเธอจะหรูหราจนดูเหมือนจะทำให้พวกเธอดูสูงส่งและสง่างามแต่ในความเป็นจริงแล้วท่าทางและสายตาที่พวกเธอแสดงออกมากลับเปิดเผยธาตุแท้และเป้าหมายที่อยู่ในใจของพวกเธอออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผู้หญิงเหล่านี้มีความต้องการที่จะไต่เต้าขึ้นไปหาเฉียวเจียไคเพื่อให้สถานะของตัวเองนั้นสูงขึ้นรอยยิ้มของพวกเธอดูเหมือนกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ความเป็นจริงของฉากหน้าที่ดูสูงส่งนี้ พวกเธอก็เป็นได้แค่เพียงดอกไม้ไว้ให้ผู้ชายที่มีฐานะเชยชม มันก็แค่สังคมที่ว่างเปล่าและกลวงโบ๋ จี้เฟิงมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
ถ้าพูดแบบดูดีหน่อยผู้หญิงเหล่านี้เป็นผู้หญิงที่ชอบเข้าสังคมแต่ถ้าจะให้พูดกันตามความเป็นจริงพวกเธอก็แค่นางบำเรอชั้นสูง!
อันที่จริงไม่ว่าจะชั้นสูงหรือชั้นต่ำเป้าหมายของผู้หญิงประเภทนี้ก็คือการใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อแลกกับความสุขสบายและอนาคตที่ดี
ในหมู่คนเหล่านี้มีเพียงไม่กี่คนที่มาจากตระกูลที่สูงส่งอย่างแท้จริงดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเองแลกเปลี่ยนกับอะไร แต่ถึงแบบนั้นพวกเธอเกือบทุกคนก็ยังคงรู้สึกกระวนกระจายใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนของตระกูลเฉียวจนต้องลุกขึ้นยืนกันทีละคน
นั่นจึงส่งผลให้ทุกคนในห้องโถงลุกขึ้นยืนและมองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสาม
ในวัยเพียงยี่สิบปีเศษเขามีภูมิหลังที่น่าทึ่งแถมยังมีความสามารถพิเศษและเต็มไปด้วยความกล้าหาญผู้ชายแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นสาวสังคมหรือหญิงสาวผู้ดีแท้ๆก็อดไม่ได้ที่จะต้องหลงเสน่ห์เขา ลองนึกดูเอาเองแล้วกันว่ามีใครบ้างที่ไม่อยากพบกับผู้ชายที่ปรารถนามาตลอดชีวิต
“นั่น..เฉียวเจียไค นายน้อยเฉียว เขาลงมาแล้ว!”
“ใช่จริงๆด้วยนายน้อยเฉียว เขาเพิ่งออกมาจากกองทัพและตอนนี้เขาก็เป็นผู้นำของตระกูลเฉียวรุ่นที่สาม!”
…………
ต้วนเผิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนรอบข้างเฉียวเจียไคผู้นี้คือคนที่เคยกดดันเขาเมื่อตอนเขาอยู่ที่หยานจิง จนเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาที่เจียงโจวเพื่อขอความช่วยเหลือจากจี้ช่าวเหลย แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเฉียวเจียไคก็ยังคงตามมาที่เจียงโจวอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเฉียวเจียไคจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้นจนกว่าจะไม่มีทางให้เขาหนีไปไหนได้อีก
ถึงแม้ว่าต้วนเผิงและจี้ช่าวเหลยจะเคยเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแต่ตอนนี้เมื่อตระกูลจี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ช่องว่างระหว่างพวกเขาในแง่ของสถานะก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน ดังนั้นความสัมพันธ์แบบนี้ก็เปรียบเหมือนกับการออมเงินในธนาคาร เมื่อคุณใช้งานแล้วความสัมพันธ์บางอย่างก็จะน้อยลงหรือในกรณีที่คุณต้องการถอนออกมาใช้ทั้งหมด คุณก็จะสามารถใช้มันได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต!
แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของคนๆหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าจี้ช่าวเหลยมีความสามารถนี้ในตอนแรกต้วนเผิงไม่คิดที่จะขอร้องให้จี้ช่าวเหลยต้องมาช่วยเหลือเขาอีกเป็นครั้งที่สอง แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันแต่ถ้ามีหนี้ก็ต้องชดใช้ เพราะถ้าจี้ช่ายเหลยช่วยกอบกู้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาในครั้งนี้แล้วเขาจะเอาอะไรไปจ่าย
ด้วยเหตุนี้เองต้วนเผิงจึงเกลียดเฉียวเจียไคมากมันเป็นการกลั่นแกล้งที่ทำให้เขาต้องใช้ความสัมพันธ์ที่สำคัญเช่นนี้มาใช้ในการแก้แค้น แล้วเมื่อเขาต้องพบปัญหามากขึ้นในครั้งต่อไปต้วนเผิงจะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากใครได้อีก
ในเวลานี้หลี่เว่ยตงได้เดินเข้ามาจากประตูคลับเฮ้าส์เขาเดินตรงเข้าไปหาเฉียวเจียไคพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวด้วยความนอบน้อม “นายน้อยเฉียว จะเปิดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการเลยหรือเปล่าครับ”
เฉียวเจียไคยิ้มเล็กน้อย“เว่ยตง คุณเป็นเจ้าบ้าน คุณตัดสินใจเรื่องนี้ได้เลย”
หลี่เว่ยตงเต็มไปด้วยความสุขทันทีใบหน้าของเขาบานจนต่อให้ยืนไกลๆก็คงจะมองเห็นหน้าเขาอย่างชัดเจน เฉียวเจียไคให้เกียรติเขาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตสถานะของเขาในเจียงโจวจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นเชิญนายน้อยเฉียวนั่งก่อน!”หลี่เว่ยตงพยักหน้าอย่างแรงและเชิญเฉียวเจียไคไปที่นั่งอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็เดินกลับมาที่บันไดอย่างรวดเร็วและขึ้นไปบนบันไดสองสามขั้นและกล่าวด้วยเสียงดัง “ทุกท่านโปรดฟังทางนี้ หลินจิงคลับเฮาส์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านในงานเลี้ยงวันนี้และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ผู้นำแห่งตระกูลเฉียวมาร่วมงานเลี้ยงของเรา ขอต้อนรับนายน้อยเฉียวเจียไค!”
“ว้าวววว~”
มีเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่หลี่เว่ยตงพูดจบการแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนแตกต่างกันไป บางคนดูกระตือรือร้นที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคนของตระกูลเฉียว บางคนแอบหัวเราะ และมีอีกหลายคนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
จี้เฟิงแทบจะไม่ได้ฟังสิ่งที่หลี่เว่ยตงพูดเขาให้ความสนใจกับการแสดงออกของผู้คนที่อยู่ในห้องโถง
“อื้อหือเลียแข้งเลียขาเก่งดีจริงๆ!” ต้วนเผิงพูดอย่างเยาะเย้ย
หลี่เว่ยตงออกตัวช่วยเฉียวเจียไคจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่แบบนี้และได้เป็นคู่หูคนสนิทของเฉียวเจียไคไปโดยปริยายนั่นก็เท่ากับว่าหลี่เว่ยตงได้เข้าร่วมอุดมการณ์เดียวกับเฉียวเจียไคเพื่อกดดันต้วนเผิง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงเป็นเรื่องแปลกหากต้วนเผิงมีความประทับใจที่ดีต่อหลี่เว่ยตง!
หลี่เว่ยตงดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเขาไม่ได้รับความนิยมมากนักหรือไม่ก็คงไม่กล้าที่จะทำตัวโดดเด่นมากเกินหน้าเกินตาของเฉียวเจียไค หลังจากที่เขาพูดต่ออีกสองสามคำเขาก็เดินลงไป
ในเวลานี้พนักงานของหลินจิงคลับเฮ้าส์ได้เริ่มเสิร์ฟไวน์ให้กับแขกในงานและบนโต๊ะยาวทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยอาหารมากมายหลากหลายชนิด
“มันยังคงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์…”จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยโต๊ะและเก้าอี้เหล่านั้นเป็นเพียงแค่ของประดับ เพราะทุกคนยังคงถือไว้แค่แก้วไวน์พลางชนแก้วและพูดคุยกันโดยไม่มีใครสนใจอาหารบนโต๊ะเลย
แน่นอนว่าเฉียวเจียไคได้กลายเป็นตัวเอกของงานเลี้ยงนี้และไม่มีใครที่จะโดดเด่นไปกว่าเขาแล้วในตอนนี้แต่เฉียวเจียไคดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจผู้คนที่มาสังสรรค์เพื่อมิตรภาพเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อมีคนเข้าหาเพื่อต้องการจะชนแก้วกับเขา เขาก็แค่ยกแก้วขึ้นตามมารยาทเท่านั้น แต่คนที่ได้รับการตอบกลับเช่นนั้นก็ยังคงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง Aileen-novel
ได้มีปฏิสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยกับผู้นำรุ่นที่สามของตระกูลเฉียวก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว
หลี่เว่ยตงคอยจัดการเรื่องต่างๆภายในงานอย่างระมัดระวังแววตาของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เมื่อใดก็ตามที่คนมาร่วมงานต้องการจะเข้าหาเฉียวเจียไค หลี่เว่ยตงจะเป็นผู้สอบถามคัดกรองสถานะของคนๆนั้นก่อนว่าสำคัญพอหรือไม่ และถ้าพบว่าไม่สำคัญพอหลี่เว่ยตงจะเป็นคนปฏิเสธแทนเฉียวเจียไคทันที
ถ้าใครไม่รู้ก็คงจะคิดว่าหลี่เว่ยตงเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของเฉียวเจียไคใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่มีท่าทีกระตือรือร้นเช่นนี้จะเป็นถึงลูกชายของนายกเทศมนตรี
ด้วยท่าทางที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าประจบประแจงของหลี่เว่ยตงจี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนจี้ช่าวเหลยก็ถึงกับหัวเราะ
“ช่าวเหลยแล้วแบบนี้นายจะยังเป็นคุณชายแห่งเจียงโจวอับดับหนึ่งได้อย่างภาคภูมิใจอยู่อีกหรือเปล่าเนี่ย ในเมื่อคุณชายอับดับสองแห่งเจียงโจวกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว” ต้วนเผิงส่ายหัวเล็กน้อยเช่นกันและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
จี้ช่าวเหลยได้ถูกเรียกว่าคุณชายอับหนึ่งของเจียงโจวและหลี่เว่ยตงเป็นคุณชายอันดับสองของเจียงโจว ทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันดีในเจียงโจว แต่เมื่อตอนนี้เห็นท่าทางที่เป็นแบบนี้ของหลี่เว่ยตงแล้วมันก็เหมือนกับจี้ช่าวเหลยโดนดูถูกไปด้วย
“ช่างมันเหอะมันก็แค่ฉายาที่คนอื่นเขาเรียกกัน ฉันไม่ต้องการมันอยู่แล้ว แค่ว่าก่อนหน้านี้มีไอ้บ้าบางตัวมันชอบให้เรียกแบบนี้ ฉันจึงพลอยได้รับฉายาแบบนี้ไปด้วยก็เท่านั้น!” จี้ช่าวเหลยพูดอย่างไม่แยแส
ชื่อเสียงแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมันอาจส่งผลกระทบกับชื่อเสียงตระกูลจี้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนจี้ช่าวเหลยค่อนข้างเสเพลแต่ตอนนี้จี้ช่าวเหลยมีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงมากขึ้น
“พี่รองคนเหล่านี้ไม่รู้จักตระกูลจี้ของเราดีนักใช่มั้ย” จู่ๆจี้เฟิงก็ถามขึ้น
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”จี้ช่าวเหลยสะดุ้งเล็กน้อย
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ก็ถ้าคนพวกนี้รู้จักตระกูลของเราดีจริงๆ พวกเขาจะยังเมินเฉยต่อพี่รองของผมแบบนี้ได้อยู่อีกเหรอ อย่างไรก็ตามพี่รองคงไม่ใช่คุณชายอับดับหนึ่งในสายตาพวกเขาอีกต่อไป เพราะดูจากการที่พวกเขาไปตามประจบสอพลอเฉียวเจียไคกันขนาดนั้น”
จี้ช่าวเหลยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าและกล่าวว่า“ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พ่อมักจะบอกให้พวกเราทำตัวต่ำต้อยติดดิน เขาต้องการให้เก็บเรื่องราวภายในของตระกูลจี้ไว้เป็นความลับด้วยซ้ำ คนที่รู้ส่วนมากก็จะเป็นคนวงในระดับสูงจริงๆเท่านั้นที่รู้ถึงพลังอำนานตระกูลจี้ของเรา ส่วนเรื่องที่คนทั่วไปรู้เกี่ยวกับฉันก็คงอย่างเช่นเรื่องที่ฉันใหญ่โตขึ้นมาได้เพราะพึ่งพาบารมีของพ่อ!”
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนมันคือสัจธรรมของโลก
ตอนนี้ตระกูลจี้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากและถ้าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างที่เขาว่ายิ่งสูงก็ยิ่งหนาว และเมื่อวันหนึ่งที่ความเจริญรุ่งเรืองนี้ผ่านพ้นไปมันก็อาจลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลจี้และพี่น้องตระกูลจี้รุ่นที่สองต่างเห็นพ้องต้องกันกับสิ่งนี้ พวกเขาจึงทำตัวธรรมดาๆติดดินมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้จี้เฟิงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ว่าไม่มีตระกูลใดอยู่ได้ตลอดไปดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการยืดอายุของตระกูลคือทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาถูกคุกคามน้อยลง
“มาแล้ว!”ต้วนเผิงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
จี้เฟิงขมวดคิ้วทันทีและเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหลี่เว่ยตงกับคนอื่นๆอีกสองสามคนรวมถึงเฉียวเจียไคกำลังเดินมาทางพวกเขา
สายตาของจี้เฟิงมองไปที่คนด้านหลังของเฉียวเจียไคและทันใดนั้นจี้เฟิงก็ตกใจ คนพวกนี้มาจากไหน
เมื่อกี้ตอนที่เฉียวเจียไคเดินลงมาจากชั้นสามคนพวกนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเขา และพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่เดินตามหลังเฉียวเจียไคมาในทีแรก ดวงตาของจี้เฟิงหรี่ลงอย่างระแวดระวัง เหตุผลที่เขาประหลาดใจมากนั้นเป็นเพราะว่าคนเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเป็นบุคคลอันตราย!
อันตรายยิ่งกว่าเฉียวเจียไคเสียอีก!
“หนึ่งสอง…”จี้เฟิงมองไปรอบๆ สี่คน.. มีทั้งหมดสี่คนและทั้งสี่คนนี้ก็ทำให้จี้เฟิงรู้สึกถึงวิกฤตจริงๆ
ทั้งสี่คนนี้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้!คิ้วของจี้เฟิงขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งสี่คนนี้ไม่มีกลิ่นอายของทหารเลยแม้แต่น้อยแถมยังไม่ได้รู้สึกถึงความชั่วร้ายอะไรเลย แต่พวกเขากลับทำให้สัญชาตญาณการป้องกันตัวของจี้เฟิงตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติ เพียงแค่นี้ก็พอจะเดาได้แล้วพวกเขาเหล่านี้ต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
ยอดฝีมือขนาดนี้..พวกเขาเป็นใครมาจากไหนกัน!
ดวงตาของจี้เฟิงกระพริบถี่บางทีอาจมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นในวันนี้!

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท