ในเจียงโจวมีสถานที่แห่งหนึ่งที่พิเศษมากที่บอกว่าพิเศษนี่ไม่ได้หมายความว่าสถานที่แห่งนี้จะสูงส่งหรือมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดีเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่คำว่าพิเศษที่ว่านี่ก็คือมันมีบรรยากาศที่พิเศษและแตกต่างออกไปจากที่อื่น
สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าชุมชนหวังเยว่
มันเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่แม้ถ้าดูแต่ภายนอกมันก็เหมือนย่านที่อยู่อาศัยธรรมดาทั่วไปแต่จริงๆแล้วชุมชนแห่งนี้เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัยที่เรียกว่าคฤหาสน์หรือวิลล่าสุดหรูหรา มากกว่าครึ่งหนึ่งของชุมชนแห่งนี้เป็นคฤหาสน์และมันยังเป็นคฤหาสน์ที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก และบางคฤหาสน์ก็มีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ในชุมชนขนาดย่อมๆบางแห่งเสียอีก!
นอกจากนั้นยังมีวิลล่าสุดหรูหราและทั้งหมดเป็นวิลล่าหลังเดี่ยวที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่แต่ก็แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับคฤหาสน์แล้ววิลล่านั้นมีขนาดที่เล็กกว่ามาก
ในเมืองใหญ่อย่างเจียงโจวคฤหาสน์และวิลล่าที่มีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ใครๆก็น่าจะพอจินตนาการได้ว่ามูลค่าของมันจะสูงมากแค่ไหน เพราะแค่วิลล่าปกติก็มีมูลค่ามากกว่าหลายสิบล้านโดยไม่ต้องพูดถึงคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตามความพิเศษของชุมชนนี้ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าอันมหาศาลของมันจริงๆแล้วหลายคนในเจียงโจวต่างรู้ดีว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ต่างร่ำรวยและมีอำนาจที่ไม่อาจบอกถึงที่มาที่ไปได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนไม่กล้าเปิดเผยตัวตนหรืออธิบายแหล่งที่มาของเงินว่าพวกเขาได้เงินมาจากไหน!
คนแบบนี้มีไม่กี่คนและทุกคนก็รู้ดี
นี่คือสิ่งที่พิเศษสำหรับชุมชนนี้
ตัวอย่างเช่นหยุนเฟยหยางที่อาศัยอยู่ในวิลล่าแห่งหนึ่งในชุมชนนี้ถ้าคุณอยากจะถามเขาว่าเงินสำหรับวิลล่ามาจากไหนเขาอาจจะไม่ตอบเพราะถ้าจะให้เขาจริงจังกับการระบุแหล่งที่มาของเงินทุนเขาจะไม่มีวันเปิดเผย!
คนอย่างหยุนเฟยหยางมีมากมายในชุมชนหวังเยว่แห่งนี้!
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีตัวตนเหมือนหยุนเฟยหยางแต่ส่วนมากพวกเขาต่างก็ไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตน
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนหวังเยว่นี้แทบจะไม่ติดต่อกันและจะไม่มีใครโทรแจ้งตำรวจแม้ว่าจะมีเสียงหรือสถานการณ์แปลกๆเกิดขึ้นในบ้านของคนอื่นไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีน้ำใจ แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะจัดการเรื่องยุ่งยากที่มีตำรวจมาเกี่ยวข้องและที่สำคัญพวกเขาต่างรู้กันดีว่าแหล่งที่มาของความร่ำรวยของพวกเขานั้นไม่ได้มาแบบใสสะอาดดังนั้นถ้าจะเกิดการต่อสู้หรือมีเสียงดังอะไรขึ้นมาบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืนและในตอนเช้าร่องรอยทั้งหมดจะถูกจัดการสะสางเหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นผู้คนที่อยู่อาศัยในชุมชนแห่งนี้ต่างรู้กันดี พวกเขาจึงไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นและจะไม่ก่อกวนหรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นหากมีใครนำตำรวจเข้ามาเกรงว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่คงจะไม่มีใครสบายใจเพราะถ้าหากมีการตรวจสอบเกิดขึ้นเกรงว่าจะหาคนที่ใสสะอาดในชุมชนแห่งนี้ได้ยาก
เมื่อเวลาผ่านไปก็เป็นเรื่องปกติที่ชุมชนหวังเยว่กลายเป็นชุมชนที่ไม่เคยเรียกใช้บริการจากตำรวจอีกเลยแต่ที่นี่นั้นกลับเต็มไปด้วยความปลอดภัยอย่างน่าประหลาด
เพราะถ้าลองคิดดูดีๆคุณจะรู้ได้เลยว่าเพราะอะไรในเมื่อที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ทำงานด้านมืดและชั่วร้ายที่สุดในเจียงโจว แล้วจะมีใครกล้ามาจี้ปล้นหรือทำชั่วอะไรในชุมชนแห่งนี้
เนื่องจากจี้เฟิงรู้ที่อยู่บ้านพักของหยุนเฟยหยางเขาจึงตั้งใจทำการตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบข้อมูลเท่าไหร่นัก เพราะจี้ช่าวเหลยเป็นคนเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมด
เพราะเหตุนี้เองการกระทำของจี้เฟิงในคืนนี้จึงค่อนข้างสะดวกเพราะชุมชนแห่งนี้ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วใครมันจะมาเจอเขา
BMWx6เข้าสู่เขตของชุมชนหวังเยว่อย่างช้าๆ เพียงแค่เข้ามาถึงประตูของชุมชนก็พบได้กับบ้านพักตากอากาศสุดหรู
จี้เฟิงไม่รีบร้อนเขาขับรถอย่างช้าๆและไปหยุดบนถนนสายเล็กๆในชุมชนก่อนหน้านี้จี้เฟิงได้ทำการปิดบังป้ายทะเบียนไว้แล้วรวมถึงกระจกทุกด้านรอบๆรถก็ถูกติดฟิล์มดำดังนั้นคนข้างนอกจะไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้เลย
เมื่อลงจากรถสิ่งแรกที่จี้เฟิงทำคือปิดโทรศัพท์มือถือของเขา
เมื่อจะทำภารกิจที่ต้องอาศัยความเงียบการตรวจสอบและปกปิดสิ่งที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเป็นหนึ่งในกฎขั้นพื้นฐานของสายลับ
จี้เฟิงเป็นเหมือนผีในคืนที่มืดมิดเขาเดินอย่างเงียบๆไปบนถนนโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยของลมราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด ไอลีนโนเวล
หากใครที่เดินผ่านมาแล้วจี้เฟิงปรากฏตัวให้เห็นพวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน
ในค่ำคืนที่มืดมิดจี้เฟิงเดินไปบนที่กว้างในพื้นที่ของวิลล่าเขารักษาความเร็วได้อย่างสม่ำเสมอไม่เร็วหรือช้าเกินไปทุกย่างก้าวนั้นแม่นยำมาก เมื่อเจอทางที่ต้องหลบเลี่ยงเขาก็เดินอ้อมได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าสภาพพื้นถนนจะเป็นอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ทักษะการลอบเร้นกายของจี้เฟิงที่ได้เรียนรู้จากระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงนั้นแทบจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่แม้แต่สายลับชั้นนำของโลกก็ยังต้องตกใจจนพูดไม่ออกถ้าเขาได้มาเห็นสิ่งที่จี้เฟิงทำอยู่ในตอนนี้ มันช่างเป็นวิธีและเทคนิคการลอบเร้นกายที่แปลกจริงๆ
จริงๆแล้ววิธีการลอบเร้นกายที่จี้เฟิงทำอยู่นี้เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครในโลกนอกจากจี้เฟิงที่จะสามารถทำได้ในการกระทำแบบนี้จำเป็นต้องกระตุ้นพลังงานชีวภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ในการกระตุ้นกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้ใช้ความแข็งแรงได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด
และในระหว่างนั้นเองจี้เฟิงก็ได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อทำการกระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพมันทำให้การมองเห็นของเขาดีขึ้นกว่าปกติมากก่อนหน้านี้ในค่ำคืนอันมืดมิดมันก็แทบจะไม่ส่งผลอะไรกับเขามากแต่ตอนนี้มันไม่มีผลอะไรกับเขาเลย
……………..
ที่ชุมชนหวังเยว่ในวิลล่าหลังเดี่ยวสุดหรูหลังหนึ่งมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่สายตาของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับภาพที่ฉายอยู่ในทีวีตรงหน้า ใบหน้าที่น่ารักของเธอเคร่งเครียดและขมวดคิ้วเป็นบางครั้งราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังของเธอจากนั้นผู้ชายรูปร่างกำยำแข็งแกร่งก็เดินลงมาจากบันไดของชั้นสองใบหน้าของผู้ชายคนนี้มีบาดแผลพาดยาวตั้งแต่หน้าผากจนถึงใบหู แม้จะสวมชุดนอนที่ดูสบายๆแต่ก็ไม่อาจกลบออร่าของกลุ่มโจรที่ดุร้ายไปได้เลย
เมื่อเห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาทำหน้ามุ่ยชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและน้ำเสียงที่หยาบกร้านแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเขาก็ดังขึ้น “เสี่ยวปิงเอ๋อ ทำไมนั่งทำหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะ ใครมาทำให้อะไรให้ลูกไม่พอใจงั้นเหรอ”
เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เธอคือหยุนปิงที่เคยมีปัญหากับถงเล่ยและปะทะกับจี้เฟิงเมื่อก่อนหน้านี้ หลังจากที่เธอลาหยุดพักร้อนที่มหาวิทยาลัยเธอก็กลับมาอยู่บ้าน เธอรู้สึกโกรธมากและในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะส่งคนไปเตือนถงเล่ย แต่ข่าวที่ได้รับจากเพื่อนสาวร่วมหอพักของเธอ ดูเหมือนว่าถงเล่ยจะไม่สนใจคำเตือนของเธอเลย
เมื่อหยุนปิงทราบข่าวนี้ความโกรธของเธอก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นจนทำให้ใบหน้าที่น่ารักของเธอบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ
เด็กสาวจากเขตเล็กๆในชนบทไม่เพียงแต่จะกล้าเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเธออย่างเปิดเผยแต่เด็กบ้านนอกคนนั้นยังไม่สนใจคำเตือนของเธอด้วยซ้ำ เด็กสาวบ้านนอกนั่นไม่รู้จักความตายหรืออย่างไร เธอคิดว่าเจียงโจวที่เป็นมหานครอันยิ่งใหญ่แห่งนี้นั้นเหมือนกับบ้านเกิดที่ห่างไกลของเธอ
เด็กสาวบ้านนอกนั่นไม่รู้หรือไงว่าการฆ่าคนเพียงไม่กี่คนที่นี่มันทำง่ายพอๆกับการหาข้าวกินและไปชอปปิ้งเสียอีก
“เสี่ยวปิงเอ๋อถ้าลูกมีปัญหาอะไรต้องบอกพอเลยนะ มีใครมากลั่นแกล้งหรือทำอะไรให้ลูกไม่พอใจใช่มั้ย!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมบนโซฟา
ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าชายคนนี้คือพ่อของหยุนปิงและเขาก็คือคนดังบนถนนแห่งเจียงโจวหยุนเฟยหยาง!
หยุนปิงแสยะยิ้มอย่างเย็นชาเธอกัดฟันและพูดว่า“มันเป็นแค่สัตว์ตัวน้อยๆที่มหาวิทยาลัยที่อิจฉาฉันแถมมันยังทำร้ายฉันด้วย..”
ทันทีที่เธอพูดจบเธอรู้สึกได้ถึงอากาศที่ผ่านออกมาจากช่องปากของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้ไปทำฟันที่หลุดออก…
จู่ๆสีหน้าของหยุนเฟยหยางก็เปลี่ยนไปมีแสงวับฉายชัดจากดวงตาของเขาและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“ปิงเอ๋อ ฟันของลูก…ทำไมเป็นแบบนี้”
“ผู้หญิงบ้านนอกคนนั้น…”หยุนปิงเล่าเรื่องที่เธอและถงเล่ยโต้เถียงกันเรื่องการจัดอันดับดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยและพวกเธอก็ปะทะกันในเวลาต่อมาและจนถึงครั้งล่าสุดที่เธอส่งคนไปเตือนถงเล่ยและถงเล่ยไม่แยแส
เมื่อหยุนเฟยหยางได้ฟังสีหน้าของเขาก็มืดมนลงและแววตาของเขาก็เปล่งประกายฉายแววอย่างน่ากลัว ในฐานะมาเฟียแห่งถนนในเจียงโจว เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามือของเขาได้ผ่านเลือดของผู้คนมามากแค่ไหน และในเวลานี้เขาได้ยินว่าลูกสาวของเขานั้นเจ็บปวดมากและแม้แต่ชื่อเสียงของเธอในมหาวิทยาลัยก็น่าอดสูจนไม่มีหน้าที่จะไปที่มหาวิทยาลัยอีก
ทันใดนั้นจิตสังหารที่รุนแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ก็พุ่งเข้าในหัวใจของหยุนเฟยหยาง!
หลังจากฟังสิ่งที่ลูกสาวของเขาเล่ามาทั้งหมดหยุนเฟยหยางก็ไม่คิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไป มีเพียงความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา เขาจะฆ่ามันไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันบังอาจมาทำกับลูกสาวที่เป็นดั่งดวงใจของเขา คนคนนั้นมันจะต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตกนรก!
สำหรับหยุนเฟยหยางผู้ซึ่งผ่านชีวิตมามากมายโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาได้เห็นการฆ่าเป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ปิงเอ๋อไม่ต้องห่วงพ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง!” หยุนเฟยหยางกัดฟัน “พ่อจะไปจับตัวพวกมันมา และให้ลูกได้ระบายความโกรธกับพวกมันให้เต็มที่… พ่อจะทำให้พวกมันได้รู้ว่า กับลูกสาวของเฟยหยางไม่เพียงแต่พวกมันจะทำร้ายไม่ได้แต่พวกมันไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองได้!”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนังถงเล่ยผู้หญิงแพศยานั่น!”หยุนปิงกัดฟัน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด.. พ่อ! ยกยัยนั่นให้เสี่ยวหัวกับคนอื่นๆจัดการดีมั้ย ฉันอยากจะเห็นว่านังนั่นจะยังทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์ได้อยู่อีกหรือเปล่า!”
พ่อและลูกสาวพูดคุยกันด้วยความโกรธที่รุนแรงและในขณะเดียวกันพวกเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่าตอนนี้พวกเขาจับตัวถงเล่ยมาได้แล้ว
ในขณะที่สองพ่อลูกพูดคุยกันเรื่องที่จะจัดการถงเล่ยอย่างไรพวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่าในขณะนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมองพวกเขาอยู่บนบันไดชั้นสอง
จี้เฟิงที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดมองสองพ่อลูกที่กำลังจะตายในไม่ช้านี้อย่างเย็นชาพวกเขายังคงเพ้อฝันอยู่กับเรื่องที่จะได้จัดการถงเล่ยและคนอื่นๆ จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวด้วยความเวทนาเขาได้กลิ่นความชั่วร้ายของมือที่เปื้อนเลือดของหยุนเฟยหยางโดยที่จี้เฟิงก็ไม่อาจบอกได้ว่าเขานั่นได้คร่ามาแล้วไม่รู้กี่ชีวิต
คนแบบนี้ไม่มีอะไรน่าเสียดายหากจะต้องตายไป!
“พ่อ!ฉันไม่อยากอดทนรออีกแล้ว พ่อบอกให้พี่หูกับเสี่ยวหัวส่งคนไปจับตัวนังตัวดีนั่นในวันนี้เลยได้มั้ย พอฉันนึกถึงหนังหน้ามันแล้วมันทำให้ฉันอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้จริงๆ!” หยุนปิงอดรนทนไม่ไหวที่จะได้จัดการกับถงเล่ย “ส่วนคนอื่นๆค่อยจัดการในวันพรุ่งนี้ก็ไม่สายเกินไป!”
หยุนเฟยหยางครุ่นคิดในเรื่องนี้อยู่เล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้า“โอเคพ่อจะส่งคนไปจับผู้หญิงคนนั้นทันทีและให้ลูกจัดการตามที่ลูกต้องการ!”
หยุนเฟยหยางและหยุนปิงพูดคุยกันอย่างมีความสุขเรื่องที่จะจัดการกับถงเล่ยด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานเต็มที่ก่อนที่จะได้ยินเสียงที่เย็นยะเยือก
“ฉันคิดว่าคุณคงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น!”