The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 261 จะได้เห็นในสิ่งที่ต้องการให้เห็น!

บทที่ 261 จะได้เห็นในสิ่งที่ต้องการให้เห็น!

   นายเทียนคุณช่วยพูดให้ฉันเข้าใจง่ายๆหน่อยสิ คุณจะบอกว่าไอ้เด็กนี่แม้มันจะดูเก่งมาก แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณใช่หรือเปล่า  เฉียวหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในใจเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างเทียนกั๋วถงและคนอื่นๆ เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจี้เฟิงจะเก่งกาจด้านการต่อสู้มากขนาดนี้

  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นว่าจี้เฟิงสามารถเอาชนะกลุ่มอันธพาลที่ดุร้ายราวกับหมาป่าได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เขาไม่แม้แต่จะสั่นกลัวหรือวิ่งหนี แต่เขากลับจัดการพวกอันธพาลนั้นได้ด้วยมือเปล่า

  การเคลื่อนไหวของจี้เฟิงนั้นรวดเร็วจึงทำให้เฉียวหรงไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงได้ทั้งหมดแต่ตอนนี้สิ่งที่เธอสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือมีจี้เฟิงเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในขณะที่คนอื่นๆนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตาย!

  ยิ่งไปกว่านั้นทุกๆอย่างก้าวที่จี้เฟิงเดินผ่านและจัดการอันธพาลเหล่านั้นจนกระเด็นเขาไม่เคยหันกลับมามองอีกเลยเห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในวิธีการของตัวเอง เขาเชื่อว่าใครก็ตามที่โดนมือเท้าเข่าศอกของเขาเข้าไปแล้วจะไม่มีทางกลับขึ้นมายืนได้อีกอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาถึงได้กล้าเมินคนเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง

  ถ้าเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยนี้เป็นปัญหามากกว่าที่คิดเธอจะได้รีบจัดการกับมัน….

  เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้เฉียวหรงก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะถามเทียนกั๋วถงโดยหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ทำให้เธอพอใจ

  ก่อนที่เทียนกั๋วถงจะทันได้ตอบชายหนุ่มที่ชื่อเหวินเหลียงก็ยิ้มและกล่าวว่า  นายหญิงได้โปรดอย่าเป็นกังวล เด็กคนนี้มีฝีมือที่น่าทึ่งมากจริงๆ ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา แต่ในสายตาของพวกเรา เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่น่าหวั่นวิตกเลย 

   ดี..ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ  เมื่อได้รับคำยืนยัน เฉียวหรงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  แต่อย่างไรก็ตามทักษะที่น่ากลัวและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของจี้เฟิงทำให้เฉียวหรงยังคงรู้สึกตงิดๆอยู่ในใจและเสียดายที่การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่สามารถกำจัดเขาไปได้

  จี้เฟิงในเวลานี้ไม่ได้สนใจสายตาหรือความคิดของคนอื่นเขาเดินทีละก้าวไปยังถนนที่มีรถบูอิคสีดำจอดเรียงกันอยู่ แสงเย็นวาบฉายออกมาจากดวงตาของเขา

  เมื่อมองไปที่ร่างกำยำของชายหนุ่มที่กำลังก้าวเดินตรงไปข้างหน้าท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบจนน่าอึดอัดไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เพียงแค่มองก็ถึงกับหายใจไม่สะดวกและรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

  ในบรรดาคนเหล่านั้นคนที่น่าจะต้องรู้สึกกลัวมากที่สุดก็คือจางหย่งเฉียงที่นั่งอยู่ในรถบูอิคและหวังอี้ฉวนที่ซ่อนตัวแอบมองเหตุการณ์อยู่บนชั้นสองของร้านเฟอร์นิเจอร์ชายทั้งสองต่างหน้าซีดตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว

  เมื่อจางหย่งเฉียงเห็นจี้เฟิงผู้ที่จัดการอันธพาลกว่ายี่สิบคนที่เขานำมาด้วยวิธีที่ดุดันโหดเหี้ยมจนทั้งหมดล้มลงไปกองกับพื้นและไม่มีใครลุกขึ้นมาได้อีกเลยกำลังเดินมาทางเขา หัวใจของเขาก็เต้นแรงรู้สึกได้ว่าคอของเขาแห้งผาก!

  เป็นไปได้ยังไง!เป็นไปได้ยังไง! เป็นไปได้ยังไง! … ในความหัวสมองของจางหย่งเฉียงมีเพียงประโยคนี้วนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวจะสามารถเอาชนะกลุ่มอันธพาลที่ดุร้ายกว่ายี่สิบคนด้วยมือเปล่าได้ยังไง แถมยังเกลี้ยงเกลาอีกต่างหาก!

  เขาเป็นมนุษย์จริงๆใช่มั้ย

  จางหย่งเฉียงรู้สึกหวาดกลัวจนฉี่แทบแตกดวงตาของเขาเบิกกว้างและจ้องไปที่จี้เฟิงที่กำลังเดินมาหาเข้าอย่างช้าๆ เขาอ้าปากอยากจะตะโกน แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ มีเพียงแค่คำร้องโวยวายที่ไร้ความหมายติดอยู่ในลำคอที่แห้งผากของเขาเท่านั้น

  เมื่อเห็นจี้เฟิงเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆความกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของจางหย่งเฉียง

  เหมือนว่าสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดทำให้เสียงของเขากลับมาเขาตะโกนว่า  ออกรถ! เร็ว! 

  แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

  จางหย่งเฉียงตกใจทันทีเมื่อเขาหันหน้าไปมองและพบว่าไม่มีคนขับอยู่ตรงนั้นแถมประตูรถทางฝั่งคนขับก็ถูกเปิดทิ้งไว้จางหย่งเฉียงไม่รู้ตัวเลยว่าคนขับนั้นแอบหนีไปด้วยความหวาดกลัวโดยทิ้งเขาไว้ให้อยู่คนเดียวในรถตั้งนานแล้ว

  ครืนน~!

  เหมือนกับมีเสียงฟ้าถล่มดินทลายดังก้องอยู่ในหัวของเขาเมื่อเห็นว่าความหวังสุดท้ายในการหลบหนีถูกทำลายลงจางหย่งเฉียงก็แทบล้มทั้งยืน(ผู้แปล : โอเค.. ฉันรู้ว่าเขานั่งอยู่ แต่แค่เปรียบเทียบน่ะพวกกก เปรียบเทียบเท่านั้น!) เขามองซ้ายมองขวาเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนอื่น ไม่มีแม้แต่เครื่องมือในการป้องกันตัว

  จางหย่งเฉียงอยากจะร้องไห้เขาสั่นเทาไปทั้งตัว เขารู้ดีว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะขับรถออกไปด้วยตัวเอง เพราะถ้าเขาต้องการจะไปยังตำแหน่งคนขับเขาจะต้องลงจากประตูหลังก่อนแล้วรีบเข้าไปในที่นั่งคนขับซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเขาไม่ได้เห็นความเร็วอันน่าขนพองสยองเกล้าของจี้เฟิงในการต่อสู้เมื่อครู่นี้

  ตั้งแต่ได้เห็นความเร็วและฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจของจี้เฟิงจางหย่งเฉียงก็ไม่กล้าดูถูกเขาอีกต่อไปเพราะเขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้เหนือกว่าเขามากแค่ไหนช่างน่ากลัวอะไรขนาดนี้!   อะไรก็ได้!อะไรก็ได้!

  จางหย่งเฉียงตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิงมันเป็นการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น! ความหวาดกลัวของเขาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนตกอยู่ในสายตาของผู้คนที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่โดยรอบ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะทำตามด้วยความกลัวและถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวว่าจู่ๆจี้เฟิงอาจจะเปลี่ยนทิศทางและพุ่งเข้ามาหาพวกเขาก็เป็นได้

  จางหย่งเฉียงมองหาอาวุธสำหรับป้องกันตัวเองตาแทบแตกแต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้เลย ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกจนแทบจะหมดเรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิง แต่ทันใดนั้นจางหย่งเฉียงก็ผงะ หัวใจของเขาเต้นรัวและแรงขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่ามือของเขาไปสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะแข็ง ทันใดนั้นเองใบหน้าของเขาก็แสดงความดีใจออกมา

  ปืนพก!มันคือปืนพก!   จางหย่งเฉียงจำได้ทันทีว่าเขาโกรธที่พ่อของเขาไม่ให้เขาใช้อำนาจของตำรวจในครั้งนี้ เขาจึงขโมยปืนของพ่อตัวเองก่อนที่จะหลบออกมาแต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการกระทำเพราะความโมโหในตอนนั้นจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากในตอนนี้

  กำปั้นของมึงแข็งแกร่งมากนักเหรอเอาชนะนักเลงกากๆได้ยี่สิบคนงั้นเหรอ?

  มาลองวัดกันหน่อยดีกว่าว่าอันไหนจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างกำปั้นกับกระสุนปืน!

  ด้วยความดีใจจางหย่งเฉียงไม่แม้แต่จะตรวจสอบด้วยซ้ำว่าปืนมีกระสุนอยู่หรือไม่ เขาชี้ปากกระบอกปืนไปที่จี้เฟิงและเหนี่ยวไกปืนทันที ไอลีนโนเวล

  แต่ในขณะนั้นเองจี้เฟิงก็ก้มลงและใช้หมัดกระแทกไปที่บันไดหินอ่อน เพียงหมัดเดียวเท่านั้นบันไดหินอ่อนก็แตก

  จี้เฟิงคว้าหินอ่อนที่แตกออกมาจากบันไดและเขวี้ยงไปที่รถบูอิคสีดำ  เปรี้ยง!

  หินอ่อนพุ่งไปกระแทกกับกระจกรถอย่างแม่นยำจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่แต่แรงพุ่งของหินอ่อนยังไม่หมดลงแม้ว่าความเร็วและความแรงจะถูกชะลอจากการกระแทกกับกระจกรถไปบ้างก็ตาม หินอ่อนยังคงพุ่งไปกระแทกเข้ากับหัวของจางหย่งเฉียงภายในพริบตา

  ปึ้ก!

  จางหย่งเฉียงรู้สึกเพียงว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขามืดสนิทก่อนที่ร่างกายของเขาจะอ่อนยวบและปืนก็ตกลงไปที่พื้น

  จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและมองไปที่จางหย่งเฉียงที่หมดสติไปจากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางร้านเฟอร์นิเจอร์และเดินไปที่นั่น แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับเขาเหลือบมองไปที่ชั้นสองของร้านน้ำชาตรงข้ามถนนและรอยยิ้มที่มีเลศนัยก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

  เมื่อมองไปที่ด้านหลังของจี้เฟิงที่กำลังเดินจากไปเทียนกั๋วถงที่อยู่บนชั้นสองของร้านน้ำชาก็ถึงกับขมวดคิ้ว เขารู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้งั้นหรือ

  แม้ว่าอีกสามคนจะไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาที่มองมาของจี้เฟิงแต่เขาเห็น ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเขาสัมผัสได้ ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นสัญชาตญาณระหว่างผู้ที่เป็นยอดฝีมือ

  เทียนกั๋วถงรู้สึกได้ว่าจี้เฟิงต้องรู้ว่าพวกเขาแอบมองจากตรงนี้อย่างแน่นอน

  ระยะทางจากตรงนี้จนถึงจุดที่เกิดการต่อสู้กันระหว่างจี้เฟิงและกลุ่มอันธพาลหากคุณไม่รู้มาก่อนจะไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่ามีใครบางคนกำลังเฝ้าดูคุณอยู่จากตรงนี้ แล้วจี้เฟิงรู้ได้อย่างไร

  เทียนกั๋วถงต้องการจะพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนศิษย์น้องของเขาแต่ปากที่กำลังจะอ้าก็ต้องหุบลงทันทีเมื่อเห็นแววตาของศิษย์น้องทั้งสองยังคงดูเคร่งขรึมแม้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย เทียนกั๋วถงส่ายหัวเล็กน้อย เขาคงต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้ทักษะการต่อสู้ที่จี้เฟิงเพิ่งแสดงออกมาก็ดึงดูดความสนใจมากพอแล้วยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระทางจิตใจให้พวกเขาอีก

  จี้เฟิงรู้ว่ามีใครบางคนจากร้านน้ำชาในฝั่งตรงข้ามกำลังเฝ้าดูเขาอยู่เขาไม่ใช่คนที่บ้าพลังจนขาดสติ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนที่มากกว่าและการที่เขากล้าที่จะออกมาเช่นนี้เขาจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้ทำการสื่อสารกับสมองหมายเลข 1 ไว้ตั้งแต่ตอนที่เขาก้าวออกมาจากร้านเฟอร์นิเจอร์แล้ว กระแสไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายถูกกระตุ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ที่ดวงตาของจี้เฟิง

  ภายในระยะ30 เมตรไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอะไรเขาก็สามารถมองมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ส่วนระยะทางที่ไกลกว่านั้นแม้ว่าสายตาของเขาจะไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้แต่เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงรูปลักษณ์ของสิ่งต่างๆ

  เพราะถ้าหากมีใครบางคนซุ่มโจมตีด้วยปืนอยู่ที่ไหนสักแห่งในบริเวณใกล้เคียงจี้เฟิงจะรู้สึกได้อย่างแน่นอน อันที่จริงไม่ใช่แค่เพราะสัญชาตญาณที่ได้จากการฝึกฝนโดยเหล่าบรรดาปรมาจารย์สุดโหดเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาสามารถมองเห็นในระยะไกลๆได้แม้จะเป็นเพียงภาพสลัวๆก็ตาม

  เป็นเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้จี้เฟิงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะออกมาจากร้านเฟอร์นิเจอร์เพียงลำพังในแง่หนึ่งเขาต้องการแสดงแสนยานุภาพให้คนอื่นๆได้เห็นและรู้สึกเสียใจที่เลือกทางผิดและในทางกลับกันเขาต้องการหลอกลวงสายตาของใครบางคนและทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเขาเองมีความสามารถเพียงแค่นี้

  เห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงสามารถทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยมไม่เพียงแต่เขาจะประสบความสำเร็จในการทำให้หลายๆคนหวาดกลัวแต่ยังทำให้คนอื่นๆได้เห็นความแข็งแกร่งของเขาในอย่างที่เขาต้องการ

  ในตอนนี้ยังมีอีกคนหนึ่งที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวจนอยากจะร้องไห้

  คนคนนี้คือผู้จัดการแห่งเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้หวังอี้ฉวน!

  เมื่อเห็นจี้เฟิงล้มพวกอันธพาลทั้งหมดด้วยมือเปล่าและกำลังจะเดินกลับเข้ามาในร้านเฟอร์นิเจอร์หวังอี้ฉวนก็หน้าซีดและสั่นสะท้านไปทั้งตัว

  จะทำยังไงดีก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนที่หลอกจี้เฟิงให้ออกไปข้างนอก ถ้าพูดกันตามจริงฉันก็ถือได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!

  จี้เฟิงจะต้องค้นพบความจริงในเรื่องนี้แล้วมาแก้แค้นอย่างแน่นอนเขาแข็งแกร่งมาก เพราะแม้แต่กลุ่มอันธพาลที่ดุร้ายอย่างกับหมาป่ายังถูกเขาจัดการด้วยมือเปล่าจนนอนสลบเหมือดกันเป็นกอง

  ขนาดคนพวกนั้นยังไม่อาจทนหมัดของเขาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถ้าจี้เฟิงใช้หมัดของเขาต่อยมาที่หวังอี้ฉวนด้วยความโกรธ เขาจะทนรับมันไหวได้อย่างไร

  ความกลัวแผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจของหวังอี้ฉวนมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งเขานึกถึงเรื่องนี้เขาก็แทบจะไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป เขาได้แต่ยืนพิงที่ขอบหน้าต่าง เหงื่อเม็ดใหญ่ที่หน้าผากและเหงื่อเย็นๆที่แผ่นหลังผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

   แกยังไม่คิดที่จะไปเปิดประตูอีกเหรอ เสียงอันเยือกเย็นของจางเล่ยดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดก้องอยู่ในหูของหวังอี้ฉวน

   อ่า..! หวังอี้ฉวนอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัวและรีบอ้อนวอนด้วยท่าทีลนลาน  น้องชาย ฉันก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง เพื่อหน้าที่ในการปกป้องเฟอร์นิเจอร์และลูกค้าภายในร้าน ฉันจึงจำใจต้องหลอกให้น้องชายคนนั้นออกไป ดะ.. ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! 

  แม้ว่าหวังอี้ฉวนจะรู้สึกหวาดกลัวแต่เขาก็ยังเป็นคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน เขารู้ดีว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด ถ้าเขาพูดว่าเขาตั้งใจหลอกจี้เฟิงให้ออกไปภายใต้คำสั่งของจางหย่งเฉียงและเจ้านายของเขา วันนี้เขาจะสามารถเดินออกจากเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้โดยที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้!

   พ่องเหอะ!หน้าด้านชิบหาย!  จางเล่ยโมโหทันทีเมื่อได้ยินคำแก้ตัวของหวังอี้ฉวน  ไม่มีใครซักคนในนี้ที่รู้ว่ามีพวกอันธพาลอยู่ข้างนอก! แล้วแกรู้ได้ยังไงในเมื่อแกก็อยู่ข้างในนี้เหมือนกัน ไอ้สัตว์นี่แกยังจะมีหน้ามาตอแหลอีกเหรอวะ?! 

  หวังอี้ฉวนตกใจมากเขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มคนนี้พูดถูก! ไม่มีใครรู้แล้วฉันรู้ได้ยังไง มันช่างเป็นคำโกหกที่เต็มไปด้วยช่องโหว่จริงๆ!

   แล้วพวกแกยังต้องการหยุดฉันไม่ให้ลากคอไอ้อ้วนนี่ไปเปิดประตูอยู่อีกหรือเปล่า จางเล่ยกวาดตามองลูกค้าและพนักงานของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้อย่างเย็นชา เขาตะคอกเสียงดัง  พวกแกทำอะไรไว้บ้าง ฉันจำมันไว้หมดแล้วและฉันจะให้พวกแกได้ชำระบัญชีที่ติดค้างฉันไว้ในภายหลัง! 

  จางเล่ยชี้หน้าไปยังคนเหล่านั้นจนพวกเขาถึงกับหน้าถอดสีจากนั้นก็คว้าคอเสื้อของหวังอี้ฉวน  ไปกับฉัน! 

  หลี่ลู่หนานรีบเข้าไปห้าม คุณ! ใจเย็นๆก่อน อย่าใช้ความรุนแรง! 

  จางเล่ยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากและกล่าวอย่างเย็นชา คุณตำรวจไม่ต้องเป็นห่วง ฉันแค่จะลากมันไปเปิดประตูให้น้องชายฉันกลับมาหลังจากที่เอาชนะไอ้พวกกากเดนนั่น แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับน้องชายของฉันว่าจะจัดการยังไงกับมัน! 

  ใบหน้าของหวังอี้ฉวนซีดเผือดเขาได้แต่กรีดร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ

 

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท