The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 270 ความอบอุ่นของคำว่าบ้าน

บทที่ 270 ความอบอุ่นของคำว่าบ้าน

  เมื่อเห็นเสื้อแจ็คเก็ตของจี้เฟิงที่เต็มไปด้วยรูพรุนสีหน้าของเซียวหยูซวนและถงเล่ยก็ซีดเผือดและน้ำตาก็ไหลออกมาทันที โดยเฉพาะถงเล่ยที่ปิดปากของตัวเองแน่นเพราะกลัวว่าเมื่อเธอปล่อยมือออกมาเธอจะอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงสะอึกสะอื้น

  เซียวหยูซวนกัดริมฝีปากสีแดงของเธอเอาไว้แน่นดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำตาและมองไปทั่วร่างกายของจี้เฟิงเพื่อดูว่ามีส่วนไหนที่ได้รับบาดเจ็บหรือผิดแผกแปลกไป

  เมื่อเห็นสถานการณ์นี้จี้เฟิงก็ตื่นตระหนกทันที เขารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน  หยูซวนคุณเป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? 

  เซียวหยูซวนสูดลมหายใจและถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นายยังจะมาถามฉันอีกเหรอว่าเป็นอะไร นายนั่นแหละเป็นอะไร ทำไมเสื้อของนายถึงเต็มไปด้วยรูกระสุนแบบนี้ วันนี้นายไปทำอะไรมากันแน่?! 

  ในหัวของจี้เฟิงคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็วแต่ใบหน้าของเขายังคงปรากฏรอยยิ้ม เป็นยังไงบ้าง ดูดีไม่ใช่เล่นเลยใช่มั้ยล่ะ! นี่มันไม่ใช่รอยกระสุนจริงๆหรอก เป็นแค่รอยของเสื้อที่ทำให้ดูเหมือนถูกกระสุนจริงยิงเฉยๆ 

  ใครจะไปรู้หญิงสาวทั้งสองไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของเขาเลยและในขณะเดียวกันพวกเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและโผเข้าสู่อ้อมแขนของจี้เฟิงพร้อมกันและร้องไห้ออกมา

   ทำไมนายต้องโกหกเราด้วยกลิ่นแปลกๆบนเสื้อของนายมันชัดเจนซะขนาดนี้ ดูยังไงมันก็คือรอยที่ถูกปืนยิง!  มือเล็กๆของถงเล่ยทุบไปที่ไหล่ของจี้เฟิงพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจ

  เซียวหยูซวนยังคงพิงไหล่อีกข้างของจี้เฟิงเธอปาดน้ำตาเบาๆ การที่จี้เฟิงสวมเสื้อแจ็คเก็ตที่เต็มไปด้วยรูพรุนของกระสุนปืนทำให้เธอรู้สึกกลัวมากจริงๆ แม้ว่าตอนนี้เธอจะเห็นแล้วว่าจี้เฟิงน่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เมื่อเห็นสภาพเสื้อแจ็คเก็ตของเขาเธอก็พอที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่จี้เฟิงไปเจอมาว่ามันอันตรายมากแค่ไหน

  เพราะถ้ามันไม่ได้มีอันตรายอย่างที่เธอคิดแล้วเสื้อของจี้เฟิงจะถูกยิงจนเป็นรูพรุนขนาดนี้ได้ยังไง

   นั่นมัน…พวกเธอเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีเรื่องอันตราย…  ก่อนที่จี้เฟิงจะพูดจบ ถงเล่ยก็ขัดจังหวะเขาด้วยคำพูดที่โกรธเคืองปนกับเสียงสะอื้นเบาๆ

   นายยังคิดที่จะโกหกอยู่อีกเหรอฉันเคยยิงเป้าตอนฝึกทหาร กลิ่นจากปืนที่ฉันยิงมันเหมือนกับกลิ่นที่อยู่บนตัวนายตอนนี้ไม่มีผิด เลิกโกหกได้แล้ว! 

  เมื่อได้ยินคำพูดของถงเล่ยที่แทบจะเป็นคำอ้อนวอนจี้เฟิงก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบคั้นอย่างแรง มีคำแก้ตัวมากมายในหัวของเขาตอนนี้ แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออกเขาทำได้แค่เพียงพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มที่รู้สึกผิด  โอเค ฉันจะไม่โกหกเธออีกแล้ว ฉันสัญญา! 

  จี้เฟิงรู้ดีว่าคำแก้ตัวต่างๆในเวลานี้ไม่อาจช่วยเขาได้มากนักนอกจากนี้เขาลืมไปว่าเมื่อตอนที่นักศึกษาทำการฝึกทหาร พวกเขาจะมีการฝึกยิงปืนจริงในช่วงท้าย เพราะตัวเขาเองได้รับการฝึกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น เขาเลยลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทและที่เขารู้เรื่องนี้เพราะจางเล่ยมาเล่าให้เขาฟังในภายหลังเท่านั้น

  ตอนนี้เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าถงเล่ยเป็นผู้หญิงฉลาดเธอสามารถจำกลิ่นของดินปืนได้แม้ว่าเธอจะเคยฝึกยิงปืนเพียงครั้งเดียวก็ตาม

   ความลับไม่มีในโลกสินะ! จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ เขารีบพูดปลอบโยนทั้งสองสาวซึ่งช่วยให้พวกเธอค่อยๆหยุดร้องไห้

  ในเวลานี้จู่ๆเซียวหยูซวนก็สะดุ้งตกใจเธอที่เป็นห่วงเป็นใยจี้เฟิงแถมตอนนี้เธอยังเอนกายซบไหล่อยู่ในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ฟูมฟายอีก และเหมือนเธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าถงเล่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย!

  เซียวหยูซวนรีบผละออกจากอ้อมแขนของจี้เฟิงเธอมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและพูดเสียงเบาๆว่า  นาย… นายคงเหนื่อยมากแล้วใช่มั้ย ฉันจะไปเตรียมน้ำให้นายอาบ.. 

  เมื่อพูดยังไม่ทันจบคำดีเธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอทำเรื่องที่ผิดพลาดอีกแล้ว การเตรียมน้ำให้จี้เฟิงอาบมันควรเป็นหน้าที่ของแฟนไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาเพื่อหลีกเลี่ยงความน่าสงสัยจี้เฟิงจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หรืออาจจะมีบางครั้งที่ถงเล่ยเป็นฝ่ายทำ แต่ที่แน่ๆเธอไม่เคยทำเช่นนั้น!

  แต่ตอนนี้ด้วยความตื่นตระหนกเธอจึงพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป…เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงและถงเล่ยทันที แต่ก็พบว่าจี้เฟิงเพียงแค่ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ส่วนถงเล่ยดูเหมือนจะไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะใบหน้าที่น่ารักสวยงามของเธอไม่มีอะไรแปลกไป

  เซียวหยูซวนใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยและเธอก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว เธอยิ้มและพูดว่า  ฉันเหม็นเหงื่อตาบ้านี่จะแย่แล้ว เล่ยเล่ยไปจับเขาอาบน้ำกัน เขาทำให้เธอเป็นห่วงมากขนาดนี้สงสัยต้องใช้น้ำเย็นๆให้แข็งตายไปเลย! 

  ถงเล่ยยิ้มหวานและพูดว่า พี่หยูซวน ไปจัดการได้เลย ตอนนี้พวกเราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ใครทำก็เหมือนกันแหละ! 

  เมื่อเธอพูดประโยคดังกล่าวออกมามันดูเหมือนเป็นธรรมชาติแต่ก็ดูเหมือนจะตั้งใจเน้นคำว่า‘ครอบครัวเดียวกัน’ กว่าคำอื่นๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่เห็นสีหน้าหรืออะไรที่ผิดปกติบนใบหน้าของเธอเลย

  เซียวหยูซวนและจี้เฟิงเหลือบมองกันและกันทันทีและทั้งคู่ต่างก็เห็นความสงสัยอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าวันนี้ถงเล่ยจะดูผิดปกติมาก!   แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมากหลังจากที่เซียวหยูซวนเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็พยักหน้าและพูดว่า  โอเค วันนี้ฉันจะเป็นคนไปเปิดน้ำเอง 

  เมื่อเห็นเรือนร่างที่บิดไปมาของเซียวหยูซวนกำลังเดินขึ้นไปชั้นบนจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อมองตามไป

   นี่!ดึงวิญญาณกลับร่างได้แล้ว!  ถงเล่ยบิดเอวของจี้เฟิงทันที  ดูลูกตาสิ จะถลนออกนอกเบ้าอยู่แล้วเนี่ย! 

  จี้เฟิงยิ้มแห้งๆและถงเล่ยก็ปล่อยมือออก เธอทำเสียงดุ  นั่งลง! แล้วบอกมาตามตรงว่าวันนี้นายไปที่ไหนมา ไปทำอะไร แล้วทำไมถึงได้กลับมาสภาพนี้! 

  จี้เฟิงมองถงเล่ยอย่างงุนงงถงเล่ยที่เขาจำได้ไม่เหมือนกับตอนนี้เลย เมื่อก่อนเธอเป็นเด็กสาวที่สวยงามอย่างไร้ที่ติและสงบนิ่ง แต่วันนี้เธอเหมือนกับแม่มดที่มีอารมณ์อันหลากหลาย ไม่เพียงแต่เธอจะเรียนรู้ที่จะบิดเอวเขาเท่านั้น แต่เธอยังร้องไห้สะอึกสะอื้นและหัวเราะอย่างเปิดเผย ไหนจะคำพูดแปลกๆสองสามคำที่เธอพูดอีก…

  เหมือนกับจี้เฟิงจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้หัวใจของเขาดิ่งวูบ หรือว่าเล่ยเล่ยจะรู้เรื่องของเขากับเซียวหยูซวนแล้ว

  หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งจี้เฟิงก็อยากจะถามให้ชัดเจน เพราะถ้าถงเล่ยตั้งใจที่จะเก็บมันไว้แบบนี้ เธอคงจะรู้สึกผิดกับหยูซวนมากจริงๆถึงไม่กล้าเปิดเผยมันออกมา เธอคงจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างแน่นอน

  ใครจะไปรู้ทันทีที่จี้เฟิงต้องการจะพูด เสียงของเซียวหยูซวนก็ดังมาจากชั้นบน  น้ำพร้อมแล้ว! 

  ความกล้าหาญที่จี้เฟิงเพิ่งรวบรวมได้นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแทบจะในทันที เขาเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีห่อเหี่ยว แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง

  นัยน์ตาอันงดงามของถงเล่ยสะท้อนท่าทีที่น่าขบขันของจี้เฟิงที่เหมือนคนอับจนหนทางจนทำอะไรไม่ถูกเธอผลักจี้เฟิงเบาๆและพูดว่า จี้เฟิงนายไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาคุยกันต่อหลังจากที่นายอาบน้ำเสร็จ! 

   …โอเค!  จี้เฟิงรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและเดินขึ้นไปชั้นบน

  แต่เขาไม่ทันได้สังเกตว่าเมื่อเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นบนดวงตาที่สวยงามของถงเล่ยแสดงท่าทีที่ทั้งโกรธทั้งตลก

  เธอยืนมองจี้เฟิงที่กำเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบๆเมื่อจี้เฟิงเดินพ้นสายตาไปแล้วเธอจึงเปิดปากเล็กๆของเธอและพูดพึมพำออกมาเบาๆว่า  ฉันจะคอยดูว่า ตัวแสบอย่างนายจะปิดบังฉันไปได้อีกซักกี่น้ำ! 

  ห๊ะ! ไอลีนโนเวล

  จี้เฟิงซึ่งเดินไปถึงชั้นบนแล้วจู่ๆที่แผ่นหลังและหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

   ปรากฏว่าเล่ยเล่ยรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ! ถ้าหูของจี้เฟิงไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น เขาคงจะเชื่อไปแล้วว่าสิ่งที่เขาได้ยินอาจจะเป็นเพราะเขาหูฝาดไปเอง แม้จะเป็นแค่เสียงพึมพำของถงเล่ยแต่เขาก็แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิด

  แม้ว่าถงเล่ยจะไม่ได้พูดออกมาว่าเป็นเรื่องอะไรแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเป็นเรื่องของเขากับเซียวหยูซวนอย่างแน่นอน..

  เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมถึงรู้ว่าฉันรู้สึกดีกับเซียวหยูซวนมากกว่าพี่สาวกับน้องชาย? (¬_¬)

  จิตใจของจี้เฟิงยุ่งเหยิงและเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจปัญหาเหล่านี้ได้จริงๆอย่างน้อยด้วยไอคิวของเขา เขาอาจไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันได้ในตอนนี้

  อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่จี้เฟิงมั่นใจนั่นก็คือถงเล่ยกำลังรอให้เขาสารภาพเรื่องนี้กับเธอ

  แต่หลังจากสารภาพไปแล้วเล่ยเล่ยจะตัดสินใจอย่างไร  จี้เฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะออกมาเลยบางทีที่เล่ยเล่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ปรับปรุงตัว เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เธอพูดมันออกมาแล้ว เขาอาจจะไม่มีวันได้เห็นเล่ยเล่ยอีกเลย หรือ…

  จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยเขาสูดลมหายใจเขาลึกๆ และตัดสินใจที่จะวางเรื่องนี้ไว้และไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อน

  ในขณะนั้นเองเซียวหยูซวนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเธอก็พบกับจี้เฟิงที่กำลังอยู่ในอาการงุนงง เธออดสงสัยไม่ได้จึงถามขึ้นทันทีว่า  จี้เฟิง นายมายืนงงอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปอาบน้ำ! 

  เมื่อจี้เฟิงเห็นเซียวหยูซวนเขาก็เปิดปากทันทีและพูดขึ้นว่า หยูซวน คือ… 

  เมื่อเห็นการแสดงออกของจี้เฟิงที่ค่อนข้างลังเลเซียวหยูซวนก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และดวงตาที่ยังคงแวววาวจากรอยน้ำตาก็เหลือบมองไปที่จี้เฟิง  จิ๊กโก๋น้อย คิดเรื่องไม่ดีอีกแล้วเหรอ 

   หือ จี้เฟิงผงะ แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าเซียวหยูซวนหมายถึงอะไร แม้เขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่เมื่อฟังน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเซียวหยูซวนที่ดังก้องอยู่ในหูของเขามันก็ทำให้เขาปฏิเสธได้ไม่เต็มปากเต็มคำ

   จิ๊กโก๋น้อยถ้านายคิดจะทำเรื่องนี้จริงๆ… คืนนี้ฉันจะไปที่ห้องของนาย!  เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับเป่าลมกลิ่นกล้วยไม้ไปที่หูของจี้เฟิง

   ห๊ะ! ดวงตาของจี้เฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีโอกาสเช่นนี้หายาก เมื่อนึกถึงฉากที่วาบหวามที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งกับเซียวหยูซวนก่อนหน้านี้ ไฟชั่วร้ายในใจของจี้เฟิงก็ลุกพรึบ ไม่เพียงแค่ไฟในร่างกายของเขาเท่านั้นที่ลุกขึ้นแต่ร่างกายของเขาก็มีบางอย่างลุกขึ้นเช่นกัน

   ฉันล้อเล่นหรอกหน่า! เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปของจี้เฟิง เซียวหยูซวนก็หัวเราะคิกคัก ร่างอันอวบอัดและใบหน้าที่สวยงามของเธอช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่หลากหลาย  จิ๊กโก๋น้อย ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไรดีๆอยู่ในหัวแน่ แต่พี่สาวคนนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะจ๊ะ! 

  หลังจากพูดจบและจี้เฟิงไม่ทันที่จะตอบเธอก็เดินลงบันไดไปพร้อมกับรอยยิ้ม ราวกับผีเสื้อที่โบยบินทั้งสวยและสง่างาม

  จี้เฟิงได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากค้าง และในที่สุดเขาก็พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า  ปีศาจสาวคนนี้! 

  อย่างไรก็ตามเมื่อถูกเซียวหยูซวนขัดจังหวะเช่นนี้ความเปลี่ยนแปลงของภายในและภายนอกร่างกายที่เกิดขึ้นก็หายไป อย่างน้อยก็รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่คืนนี้อย่างแน่นอน

  เมื่อจี้เฟิงออกมาจากห้องน้ำเขาก็พบว่าหยูซวนกับเล่ยเล่ยเข้านอนแล้ว และไฟกับทีวีในห้องนั่งเล่นก็ถูกปิดไว้แล้วเรียบร้อย เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวใจของเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

  เขารู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวทั้งสองคนต้องการมากที่สุดไม่ใช่คำอธิบายของเขาแต่เป็นการกลับมาอย่าปลอดภัยของเขาต่างหาก

  บางทีที่ถงเล่ยบอกเขาในคืนนี้ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันมันเหมือนกับการบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขายังคงมีหยูซวนและเล่ยเล่ยอยู่เคียงข้างเสมอ

  ความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นจากคำว่าครอบครัวและบ้านเช่นนี้มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกมีความสุขมาก

  อย่างน้อยหากในอนาคตไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนเขาจะต้องจำไว้เสมอว่ายังมีผู้หญิงสองคนในครอบครัวรอเขาอยู่ ด้วยความหวังว่าเขาจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย…

  จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปเมื่อกลับมาถึงห้องก็มีบางเรื่องผุดขึ้นมาในใจของเขาทันที พลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดที่หวังเหวินเหลียงพูดก่อนหน้านี้มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขามากจริงๆ

 

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท