อาและหลานทั้งสองคนต่างตื่นเต้นมากที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งโดยเฉพาะจี้เจิ้นผิงความตื่นเต้นของเขาไม่ต่างจากตอนที่จี้เจิ้นหัวเจอลูกชายของตัวเองครั้งแรก
เด็กผู้ชายคนนี้เติบโตมาจากชั้นรากหญ้าแต่กลับมีอารมณ์ที่เด็ดเดี่ยวดุดัน ฝีมือของเขาก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะชีวิตของเขาในเจียงโจว เขาแทบไม่ใช้อิทธิพลของตระกูลเลย แต่เขาสามารถทำให้เฉียวหรงและพรรคพวกต้องออกมาจากเจียงโจวด้วยสภาพที่น่าสมเพชจนถึงขนาดส่งเฉียวเจียไคลูกชายของเฉียวหรงเข้าคุกได้!
จนถึงตอนนี้เฉียวหรงเทียนกั๋วถงและศิษย์น้องของเขายังคงต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารหยานจิง พวกเขาสามารถทำได้เพียงกิจกรรมประจำวันพื้นฐานในชีวิตได้เท่านั้น นอกจากนี้แพทย์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ว่ากันว่าเทียนกั๋วถงได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังศิษย์คนอื่นๆของสำนักหวังว่าจะให้ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักมาช่วย
อย่างไรก็ตามตระกูลเฉียวดูเหมือนจะยังหวาดกลัวอยู่เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย ตระกูลเฉียวไม่เคยสงบนิ่งมากขนาดนี้มาก่อนแม้กระทั่งตอนที่มีข่าวว่าผู้อาวุโสล้มป่วยลง แต่วิธีการที่รุนแรงของจี้เฟิงกลับยับยั้งความเคลื่อนไหวของตระกูลจี้ได้อย่างสมบูรณ์
และทั้งหมดนี้จี้เฟิงเป็นผู้ที่ลงมือทำด้วยตัวคนเดียว!
จี้เจิ้นผิงจำได้ว่าในตอนที่เขาพบจี้เฟิงครั้งแรกเด็กคนนี้เกือบจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงตรงนี้เขากลับรู้สึกปลื้มปีติอย่างมาก
มีลูกแบบนี้ไม่ใช่แค่พี่ใหญ่เท่านั้นที่จะภาคภูมิใจแม้แต่จี้เจิ้นผิงผู้เป็นอาก็รู้สึกภาคภูมิใจไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของจี้เจิ้นผิงจี้เฟิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจเขารู้สึกคัดจมูกขึ้นมาเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปกอดอาสามของเขา
จี้เจิ้นผิงผงะไปเล็กน้อยแต่แล้วรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาหลานชายสนิทสนมกับเขาขนาดนี้ จะไม่ให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร
“เจ้าเด็กเหลือขออายุเท่าไหร่แล้วทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆไปได้!” จี้เจิ้นผิงหัวเราะและตบไหล่ของจี้เฟิง “มาเถอะ เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า!”
ทั้งสองแยกจากกันจี้เฟิงพยักหน้า “ครับอาสาม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“ฉันถึงได้บอกให้นายมาเรียนที่หยานจิงยังไงเล่า!แต่นายกลับเลือกไปเรียนที่เจียงโจว จะไปมาหาสู่กันก็ลำบาก” จี้เจิ้นผิงพูดพลางหัวเราะ จากนั้นก็หันไปพูดกับฮุ่ยอี้ที่อยู่ข้างๆว่า “เสี่ยวฮุ่ย ไปเตรียมห้องพักให้จี้เฟิง”
“ครับ!หัวหน้า!” ฮุ่ยอี้ตอบเสียงดังฟังชัด “ป่ะเสี่ยวเฟิงเราขึ้นไปกันเถอะไปดูว่าที่ทำงานของอาเป็นยังไง ไว้ว่างๆเราจะได้มาช่วยชี้แนะเด็กๆในทีม ให้พวกเขารู้ว่ายอดฝีมือที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง!” จี้เจิ้นผิงยิ้ม
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นอาคารไปพร้อมกับจี้เจิ้นผิง
อันที่จริงแล้วเมื่อกี้นี้จี้เฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่ทันได้สังเกตสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นเขาก็ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ อาคารสำนักงานของอาสามเป็นเพียงตึกสี่ชั้นธรรมดาๆ และดูเหมือนว่าข้างในจะมีพนักงานและเจ้าหน้าที่อยู่ไม่น้อย
นี่ไม่เหมือนกับที่จี้เฟิงคิดไว้เลยพูดกันตามหลักด้วยตำแหน่งอย่างเป็นทางการของอาสามกับตำแหน่งผู้นำกองทหารเรดแอร์โรว์ในเขตทหาร ไม่ใช่ว่ามันควรจะหรูหรากว่านี้เหรอ
เหมือนจี้เจิ้นผิงจะมองเห็นความสงสัยในแววตาของจี้เฟิงเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าเด็กตัวแสบ นายคิดว่าที่ทำงานของอามันธรรมดาไปรึเปล่า”
“นิดหน่อยครับ”จี้เฟิงพูดตามตรง
“เป็นทหารมันก็ต้องเรียบง่ายเข้าไว้สิ” จี้เจิ้นผิงยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีศัตรูต้องการจะซุ่มยิงเราจากตึกสูง แค่ปืนไรเฟิลกระบอกเดียวก็อาจทำให้เราต้องสูญเสียมากกว่าที่คิด”
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันทีอันที่จริงเขาไม่ทันคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลยจริงๆ แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนในระบบฝึกสุดยอดสายลับจากสมองหมายเลข 1 มาแล้วก็ตาม เพราะในยุคของกาแล็กซีแกมมานั้นเต็มไปด้วยตึกสูงและที่สำคัญพวกเขาไม่กลัวอาวุธปืนธรรมดาเลยแม้แต่น้อย หรือต่อให้เป็นปืนเลเซอร์ก็ไม่สามารถทำลายกระจกของอาคารได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้ไม่หวังดีจะใช้อาวุธหนักประเภทเครื่องจักรกล (Mecha)
กาแล็กซีแกมมากับโลกยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมากในหลายๆด้านโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลแต่จี้เฟิงก็สามารถใช้ความรู้ของกาแล็กซีแกมมามาประยุกต์ใช้บนโลกได้
อาคารสำนักงานว่าเรียบง่ายแล้วแต่ห้องทำงานของจี้เจิ้นผิงเรียบง่ายกว่านั้นมาก เพราะนอกจากโต๊ะเก้าอี้และโซฟาสำหรับแขกแล้ว เครื่องตกแต่งอื่นๆก็มีเพียงแค่ภาพเหมือนของผู้นำคนปัจจุบันและจักรพรรดิหลายๆคนที่ติดอยู่บนฝาผนังเท่านั้น และมีแผนที่ขนาดใหญ่ที่มีร่องรอยขีดเขียนด้วยลายมืออยู่รางๆ
ห้องทำงานแบบนี้มันเรียบง่ายเกินไปหรือเปล่าแม้แต่จี้เฟิงยังรู้ว่าสำนักงานของผู้นำเขตเล็กๆอย่างหมางซือยังหรูหรากว่านี้มาก
แม้แต่อาคารในเขตเทศบาลบางแห่งก็มีความสูงมากกว่าสิบชั้นแถมการก่อสร้างและตกแต่งก็งดงามมาก
เมื่อเปรียบเทียบกันแบบนี้จี้เฟิงก็ได้รู้ว่าชีวิตของคนใหญ่คนโตก็ไม่จำเป็นต้องหรูหราเหมือนอย่างที่เคยคิดไว้แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ จี้เฟิงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
พอจี้เฟิงนั่งลงจี้เจิ้นผิงก็ไปรินน้ำชาให้จี้เฟิงทำให้เขาตกใจจนรีบลุกขึ้น “อาสาม! มาครับผมจัดการเอง!”
จะบ้าเหรอ!ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาสามจะดีมาก แต่ยังไงอาสามก็เป็นผู้อาวุโส จะปล่อยให้เขามาเทน้ำให้ตัวเองได้ยังไง
จี้เจิ้นผิงก็ไม่ได้ยืนกรานที่จะทำต่อเขายิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็หยิบบุหรี่จากกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะมาจุดสูบอย่างสบายๆ
“บุหรี่พิเศษ!”จี้เฟิงชะงัก ไม่! บุหรี่นี้ไม่เหมือนบุหรี่ที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้
“เป็นบุหรี่ชนิดพิเศษสำหรับกองทัพน่ะ!”จี้เจิ้นผิงยิ้มเล็กน้อย “ลองมั้ย”
จี้เฟิงไม่เกรงใจเขายิ้มพร้อมกับหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเคาะอย่างชำนาญ จากนั้นก็จุดไฟและสูดควันเพื่อลิ้มรส “อืม… รสชาติมันก็งั้นๆ”
“ไอ้เด็กนี่…!”จี้เจิ้นผิงหัวเราะอย่างเซ่อๆ มีคนนับไม่ถ้วนที่อยากสูบบุหรี่พิเศษนี่ บุหรี่ที่มีเงินอย่างเดียวก็หาซื้อไม่ได้ แต่เจ้าเด็กนี่กลับให้ความเห็นแบบไม่ใส่ใจเช่นนี้!
อย่างไรก็ตามการประเมินนี้ก็ไม่ถือว่าผิดบุหรี่แม้ว่าจะแพงแค่ไหนก็มีควันเหมือนกัน โดยปกติแล้วรสชาติจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แน่นอนว่ายังมีบุหรี่บางชนิดที่เติมรสชาติลงไป อย่างรสเมนทอลเป็นต้น แต่รสชาติเหล่านั้นไม่เป็นที่นิยมในหมู่ทหาร พวกเขาชื่นชอบอะไรที่เข้มๆหรือรุนแรงไปเลยมากกว่า!
“ไอ้หนูบอกฉันมาได้แล้วว่าจุดประสงค์ของนายในการมาหยานจิงครั้งนี้คืออะไร!”หลังจากที่ทั้งสองคนสูบบุหรี่ไปพักหนึ่ง จี้เจิ้นผิงก็พูดเข้าประเด็นทันที
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“อาสามที่จริงแล้วที่ผมมาหยานจิงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่นำยาพิเศษมาด้วย และมันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ผมบอกอาว่าทำไมผมถึงไม่สามารถอธิบายให้อาสามเข้าใจได้อย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ เพราะผมยังนำสิ่งที่สำคัญกว่ามาด้วย!” “สิ่งสำคัญ”จี้เจิ้นผิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขารู้ว่าจี้เฟิงไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาเหลวไหล ในเมื่อเขากล้าพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาต้องมีของดีจริงๆอย่างแน่นอน
จี้เฟิงยิ้ม“ผมสามารถรักษาคุณปู่ได้!”
“ห๊ะ!”จี้เจิ้นผิงตกใจ “นายว่าไงนะ?!”
“ก็ตามนั้นล่ะครับผมสามารถรักษาคุณปู่ให้หายได้!” จี้เฟิงกล่าวว่า “อืม.. ผมจะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าผมมีทักษะทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาคุณปู่ให้หายได้!”
“นาย…มันเป็นไปไม่ได้หรอก!” จี้เจิ้นผิงส่ายหัวทันที “ร่างกายคุณปู่ของนายเสื่อมสภาพไปมากแล้ว พูดอีกอย่างก็คือเขาแก่แล้ว เรื่องอาการป่วยเป็นเพียงเรื่องรอง เกรงว่าถ้าไม่ใช่พระเจ้ามารักษายังไงก็ไม่มีทางหายขาด ในตอนนี้แค่แพทย์สามารถให้อาหารเสริมเพื่อรักษาสภาพร่างกายคุณปู่ของนายให้ทรงตัวได้ก็เต็มกลืนมากแล้ว”
ในกรณีนี้ที่จี้เฟิงเป็นคนนอกจี้เจิ้นผิงคงจะไม่พูดอะไรสักคำไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คอยติดตามข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของผู้อาวุโสตระกูล สุขภาพของเขามีผลต่อทัศนคติของเหล่าผู้มีอิทธิพล คนจากทางการ รวมถึงบรรดาผู้นำระดับสูงด้วย!
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า“อาสามขอให้เชื่อเถอะว่าผมเข้าใจที่อาสามพูด แต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อย่างเรื่องทักษะการต่อสู้ของผม อาสามก็เคยคิดไม่ถึงมาก่อนไม่ใช่เหรอ”
จี้เฟิงพูดอย่างไม่เกรงใจ
จี้เจิ้นผิงอึ้งไปทันทีจี้เฟิงพูดถูก ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเขา แม้แต่เทียนกั๋วถงและศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ ก็ยังต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อต้องต่อสู้กับจี้เฟิง เห็นได้ชัดว่ามันน่าทึ่งและน่าประหลาดใจมากขนาดไหน เด็กธรรมดาไม่มีทางที่จะมีทักษะการต่อสู้แบบนี้ เขาไปฝึกมันมาจากที่ไหนกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้างหรือเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าจี้เฟิงทำสิ่งนี้ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่อยู่รอบตัวจี้เฟิงรู้สึกสนใจและสงสัยมากที่สุด
“อาสามครับผมกล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมสามารถทำให้คุณปู่หายป่วยได้ แต่ไม่ใช่แค่การใช้ยาเท่านั้น ผมต้องเข้าถึงตัวคุณปู่และทำการรักษาด้วยตัวเอง แต่นอกจากอาสามแล้ว คงไม่มีใครเชื่อ!” จี้เฟิงพูดอย่างจริงจัง “ผมเลยต้องมาหาอาเพื่อให้อาพาผมเข้าไปพบคุณปู่!”
“แล้วพ่อของนาย…”จี้เจิ้นผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พ่อจะต้องเชื่อผมอย่างแน่นอนแต่เขาจะไม่มีทางพาผมไปพบคุณปู่ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้อาสามก็น่าจะรู้ด้วยสถานการณ์ของเขาในตอนนี้แตกต่างจากอาสาม!” จี้เฟิงเลือกที่จะพูดตรงๆ เข้าเชื่อว่าอาสามจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าเขา ทุกการเคลื่อนไหวของพ่อล้วนส่งผลกับฝ่ายใหญ่หลายๆฝ่ายและไม่รู้ว่ามีฝ่ายไหนอีกบ้างที่คอยจับจ้องการกระทำของพ่อเขา ดังนั้นแม้ว่าพ่อของเขาจะเชื่อในตัวเขา แต่พ่อจะไม่มีทางพาเขาไปพบกับผู้อาวุโสอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาด มันจะทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งฝ่าย
และแน่นอนว่าจี้เจิ้นผิงเข้าใจเรื่องนี้ดีเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! เจ้าเด็กตัวเหม็น นายอยากให้ฉันเป็นหนังหน้าไฟให้สินะ!”
ในกรณีที่สมมติว่าเขาพาจี้เฟิงเข้าไปได้จริงๆแล้วจี้เฟิงไม่สามารถรักษาปู่ของเขาได้ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จี้เจิ้นผิงจะกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเมื่อถึงตอนนั้นจุดจบของเขาคงจะไม่สวยแน่
จี้เฟิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยการกระทำของเขาในตอนนี้ทำให้อาสามต้องรู้สึกลำบากใจ และคำพูดก็ดูเห็นแก่ตัวมากจริงๆ เรื่องแบบนี้มักจะมีเส้นบางๆกั้นที่ทำให้คนสองคนสนิทสนมกันมากขึ้นหรือไม่ก็ห่างเหินกันไปเลย
พ่อเชื่อในตัวคุณแต่คุณกลับไม่ไปหาเขาแต่คุณดันมาหาอาแล้วถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้อาเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบหรอกเหรอ! ถ้าคนที่ไม่เข้าใจจะต้องคิดอย่างนั้นแน่นอน
จี้เจิ้นผิงไม่ได้กลัวการที่จะต้องเป็นแพะรับบาปแต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เขาเชื่อยากเหลือเกินว่าจี้เฟิงจะรักษาพ่อของเขาได้ เพราะถ้าหากมีวิธีที่รักษาได้จริงๆ แพทย์ทั่วทั้งประเทศจะชักช้าอยู่ทำไม ด้วยอิทธิพลของตระกูลจี้มีใครบ้างที่ไม่อยากจะได้ผลงานในเรื่องนี้
การเกิดแก่เจ็บตายเป็นกฎของธรรมชาติไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนได้!
จี้เฟิงดูเหมือนจะอ่านความคิดความสงสัยของจี้เจิ้นผิงออกหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบขวดที่บรรจุยากระแสไฟฟ้าแบบพิเศษออกมา เขาเทออกมาเม็ดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาสามนี่คือยาพิเศษที่ผมพัฒนาขึ้น หากกินเข้าไปหนึ่งเม็ด มันจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังได้ในทันที แต่ถ้าไม่มีวิธีเสริมจากภายนอก ยาเม็ดนี้จะส่งผลข้างเคียงบางอย่าง แต่อาสามมีร่างกายที่แข็งแรง ผลข้างเคียงจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก!” จี้เฟิงยิ้มแล้วยื่นให้จี้เจิ้นผิง
“ให้ฉันลอง”จี้เจิ้นผิงหัวเราะออกมาอย่างว่างเปล่า
เด็กผู้ชายคนนี้เติบโตมาจากชั้นรากหญ้าแต่กลับมีอารมณ์ที่เด็ดเดี่ยวดุดัน ฝีมือของเขาก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะชีวิตของเขาในเจียงโจว เขาแทบไม่ใช้อิทธิพลของตระกูลเลย แต่เขาสามารถทำให้เฉียวหรงและพรรคพวกต้องออกมาจากเจียงโจวด้วยสภาพที่น่าสมเพชจนถึงขนาดส่งเฉียวเจียไคลูกชายของเฉียวหรงเข้าคุกได้!
จนถึงตอนนี้เฉียวหรงเทียนกั๋วถงและศิษย์น้องของเขายังคงต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารหยานจิง พวกเขาสามารถทำได้เพียงกิจกรรมประจำวันพื้นฐานในชีวิตได้เท่านั้น นอกจากนี้แพทย์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ว่ากันว่าเทียนกั๋วถงได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังศิษย์คนอื่นๆของสำนักหวังว่าจะให้ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักมาช่วย
อย่างไรก็ตามตระกูลเฉียวดูเหมือนจะยังหวาดกลัวอยู่เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย ตระกูลเฉียวไม่เคยสงบนิ่งมากขนาดนี้มาก่อนแม้กระทั่งตอนที่มีข่าวว่าผู้อาวุโสล้มป่วยลง แต่วิธีการที่รุนแรงของจี้เฟิงกลับยับยั้งความเคลื่อนไหวของตระกูลจี้ได้อย่างสมบูรณ์
และทั้งหมดนี้จี้เฟิงเป็นผู้ที่ลงมือทำด้วยตัวคนเดียว!
จี้เจิ้นผิงจำได้ว่าในตอนที่เขาพบจี้เฟิงครั้งแรกเด็กคนนี้เกือบจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงตรงนี้เขากลับรู้สึกปลื้มปีติอย่างมาก
มีลูกแบบนี้ไม่ใช่แค่พี่ใหญ่เท่านั้นที่จะภาคภูมิใจแม้แต่จี้เจิ้นผิงผู้เป็นอาก็รู้สึกภาคภูมิใจไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของจี้เจิ้นผิงจี้เฟิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจเขารู้สึกคัดจมูกขึ้นมาเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปกอดอาสามของเขา
จี้เจิ้นผิงผงะไปเล็กน้อยแต่แล้วรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาหลานชายสนิทสนมกับเขาขนาดนี้ จะไม่ให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร
“เจ้าเด็กเหลือขออายุเท่าไหร่แล้วทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆไปได้!” จี้เจิ้นผิงหัวเราะและตบไหล่ของจี้เฟิง “มาเถอะ เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า!”
ทั้งสองแยกจากกันจี้เฟิงพยักหน้า “ครับอาสาม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“ฉันถึงได้บอกให้นายมาเรียนที่หยานจิงยังไงเล่า!แต่นายกลับเลือกไปเรียนที่เจียงโจว จะไปมาหาสู่กันก็ลำบาก” จี้เจิ้นผิงพูดพลางหัวเราะ จากนั้นก็หันไปพูดกับฮุ่ยอี้ที่อยู่ข้างๆว่า “เสี่ยวฮุ่ย ไปเตรียมห้องพักให้จี้เฟิง”
“ครับ!หัวหน้า!” ฮุ่ยอี้ตอบเสียงดังฟังชัด “ป่ะเสี่ยวเฟิงเราขึ้นไปกันเถอะไปดูว่าที่ทำงานของอาเป็นยังไง ไว้ว่างๆเราจะได้มาช่วยชี้แนะเด็กๆในทีม ให้พวกเขารู้ว่ายอดฝีมือที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง!” จี้เจิ้นผิงยิ้ม
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นอาคารไปพร้อมกับจี้เจิ้นผิง
อันที่จริงแล้วเมื่อกี้นี้จี้เฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่ทันได้สังเกตสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นเขาก็ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ อาคารสำนักงานของอาสามเป็นเพียงตึกสี่ชั้นธรรมดาๆ และดูเหมือนว่าข้างในจะมีพนักงานและเจ้าหน้าที่อยู่ไม่น้อย
นี่ไม่เหมือนกับที่จี้เฟิงคิดไว้เลยพูดกันตามหลักด้วยตำแหน่งอย่างเป็นทางการของอาสามกับตำแหน่งผู้นำกองทหารเรดแอร์โรว์ในเขตทหาร ไม่ใช่ว่ามันควรจะหรูหรากว่านี้เหรอ
เหมือนจี้เจิ้นผิงจะมองเห็นความสงสัยในแววตาของจี้เฟิงเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าเด็กตัวแสบ นายคิดว่าที่ทำงานของอามันธรรมดาไปรึเปล่า”
“นิดหน่อยครับ”จี้เฟิงพูดตามตรง
“เป็นทหารมันก็ต้องเรียบง่ายเข้าไว้สิ” จี้เจิ้นผิงยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีศัตรูต้องการจะซุ่มยิงเราจากตึกสูง แค่ปืนไรเฟิลกระบอกเดียวก็อาจทำให้เราต้องสูญเสียมากกว่าที่คิด”
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันทีอันที่จริงเขาไม่ทันคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลยจริงๆ แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนในระบบฝึกสุดยอดสายลับจากสมองหมายเลข 1 มาแล้วก็ตาม เพราะในยุคของกาแล็กซีแกมมานั้นเต็มไปด้วยตึกสูงและที่สำคัญพวกเขาไม่กลัวอาวุธปืนธรรมดาเลยแม้แต่น้อย หรือต่อให้เป็นปืนเลเซอร์ก็ไม่สามารถทำลายกระจกของอาคารได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้ไม่หวังดีจะใช้อาวุธหนักประเภทเครื่องจักรกล (Mecha)
กาแล็กซีแกมมากับโลกยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมากในหลายๆด้านโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลแต่จี้เฟิงก็สามารถใช้ความรู้ของกาแล็กซีแกมมามาประยุกต์ใช้บนโลกได้
อาคารสำนักงานว่าเรียบง่ายแล้วแต่ห้องทำงานของจี้เจิ้นผิงเรียบง่ายกว่านั้นมาก เพราะนอกจากโต๊ะเก้าอี้และโซฟาสำหรับแขกแล้ว เครื่องตกแต่งอื่นๆก็มีเพียงแค่ภาพเหมือนของผู้นำคนปัจจุบันและจักรพรรดิหลายๆคนที่ติดอยู่บนฝาผนังเท่านั้น และมีแผนที่ขนาดใหญ่ที่มีร่องรอยขีดเขียนด้วยลายมืออยู่รางๆ
ห้องทำงานแบบนี้มันเรียบง่ายเกินไปหรือเปล่าแม้แต่จี้เฟิงยังรู้ว่าสำนักงานของผู้นำเขตเล็กๆอย่างหมางซือยังหรูหรากว่านี้มาก
แม้แต่อาคารในเขตเทศบาลบางแห่งก็มีความสูงมากกว่าสิบชั้นแถมการก่อสร้างและตกแต่งก็งดงามมาก
เมื่อเปรียบเทียบกันแบบนี้จี้เฟิงก็ได้รู้ว่าชีวิตของคนใหญ่คนโตก็ไม่จำเป็นต้องหรูหราเหมือนอย่างที่เคยคิดไว้แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ จี้เฟิงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
พอจี้เฟิงนั่งลงจี้เจิ้นผิงก็ไปรินน้ำชาให้จี้เฟิงทำให้เขาตกใจจนรีบลุกขึ้น “อาสาม! มาครับผมจัดการเอง!”
จะบ้าเหรอ!ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาสามจะดีมาก แต่ยังไงอาสามก็เป็นผู้อาวุโส จะปล่อยให้เขามาเทน้ำให้ตัวเองได้ยังไง
จี้เจิ้นผิงก็ไม่ได้ยืนกรานที่จะทำต่อเขายิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็หยิบบุหรี่จากกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะมาจุดสูบอย่างสบายๆ
“บุหรี่พิเศษ!”จี้เฟิงชะงัก ไม่! บุหรี่นี้ไม่เหมือนบุหรี่ที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้
“เป็นบุหรี่ชนิดพิเศษสำหรับกองทัพน่ะ!”จี้เจิ้นผิงยิ้มเล็กน้อย “ลองมั้ย”
จี้เฟิงไม่เกรงใจเขายิ้มพร้อมกับหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเคาะอย่างชำนาญ จากนั้นก็จุดไฟและสูดควันเพื่อลิ้มรส “อืม… รสชาติมันก็งั้นๆ”
“ไอ้เด็กนี่…!”จี้เจิ้นผิงหัวเราะอย่างเซ่อๆ มีคนนับไม่ถ้วนที่อยากสูบบุหรี่พิเศษนี่ บุหรี่ที่มีเงินอย่างเดียวก็หาซื้อไม่ได้ แต่เจ้าเด็กนี่กลับให้ความเห็นแบบไม่ใส่ใจเช่นนี้!
อย่างไรก็ตามการประเมินนี้ก็ไม่ถือว่าผิดบุหรี่แม้ว่าจะแพงแค่ไหนก็มีควันเหมือนกัน โดยปกติแล้วรสชาติจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แน่นอนว่ายังมีบุหรี่บางชนิดที่เติมรสชาติลงไป อย่างรสเมนทอลเป็นต้น แต่รสชาติเหล่านั้นไม่เป็นที่นิยมในหมู่ทหาร พวกเขาชื่นชอบอะไรที่เข้มๆหรือรุนแรงไปเลยมากกว่า!
“ไอ้หนูบอกฉันมาได้แล้วว่าจุดประสงค์ของนายในการมาหยานจิงครั้งนี้คืออะไร!”หลังจากที่ทั้งสองคนสูบบุหรี่ไปพักหนึ่ง จี้เจิ้นผิงก็พูดเข้าประเด็นทันที
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“อาสามที่จริงแล้วที่ผมมาหยานจิงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่นำยาพิเศษมาด้วย และมันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ผมบอกอาว่าทำไมผมถึงไม่สามารถอธิบายให้อาสามเข้าใจได้อย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ เพราะผมยังนำสิ่งที่สำคัญกว่ามาด้วย!” “สิ่งสำคัญ”จี้เจิ้นผิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขารู้ว่าจี้เฟิงไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาเหลวไหล ในเมื่อเขากล้าพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาต้องมีของดีจริงๆอย่างแน่นอน
จี้เฟิงยิ้ม“ผมสามารถรักษาคุณปู่ได้!”
“ห๊ะ!”จี้เจิ้นผิงตกใจ “นายว่าไงนะ?!”
“ก็ตามนั้นล่ะครับผมสามารถรักษาคุณปู่ให้หายได้!” จี้เฟิงกล่าวว่า “อืม.. ผมจะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าผมมีทักษะทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาคุณปู่ให้หายได้!”
“นาย…มันเป็นไปไม่ได้หรอก!” จี้เจิ้นผิงส่ายหัวทันที “ร่างกายคุณปู่ของนายเสื่อมสภาพไปมากแล้ว พูดอีกอย่างก็คือเขาแก่แล้ว เรื่องอาการป่วยเป็นเพียงเรื่องรอง เกรงว่าถ้าไม่ใช่พระเจ้ามารักษายังไงก็ไม่มีทางหายขาด ในตอนนี้แค่แพทย์สามารถให้อาหารเสริมเพื่อรักษาสภาพร่างกายคุณปู่ของนายให้ทรงตัวได้ก็เต็มกลืนมากแล้ว”
ในกรณีนี้ที่จี้เฟิงเป็นคนนอกจี้เจิ้นผิงคงจะไม่พูดอะไรสักคำไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คอยติดตามข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของผู้อาวุโสตระกูล สุขภาพของเขามีผลต่อทัศนคติของเหล่าผู้มีอิทธิพล คนจากทางการ รวมถึงบรรดาผู้นำระดับสูงด้วย!
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า“อาสามขอให้เชื่อเถอะว่าผมเข้าใจที่อาสามพูด แต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อย่างเรื่องทักษะการต่อสู้ของผม อาสามก็เคยคิดไม่ถึงมาก่อนไม่ใช่เหรอ”
จี้เฟิงพูดอย่างไม่เกรงใจ
จี้เจิ้นผิงอึ้งไปทันทีจี้เฟิงพูดถูก ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเขา แม้แต่เทียนกั๋วถงและศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ ก็ยังต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อต้องต่อสู้กับจี้เฟิง เห็นได้ชัดว่ามันน่าทึ่งและน่าประหลาดใจมากขนาดไหน เด็กธรรมดาไม่มีทางที่จะมีทักษะการต่อสู้แบบนี้ เขาไปฝึกมันมาจากที่ไหนกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้างหรือเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าจี้เฟิงทำสิ่งนี้ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่อยู่รอบตัวจี้เฟิงรู้สึกสนใจและสงสัยมากที่สุด
“อาสามครับผมกล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมสามารถทำให้คุณปู่หายป่วยได้ แต่ไม่ใช่แค่การใช้ยาเท่านั้น ผมต้องเข้าถึงตัวคุณปู่และทำการรักษาด้วยตัวเอง แต่นอกจากอาสามแล้ว คงไม่มีใครเชื่อ!” จี้เฟิงพูดอย่างจริงจัง “ผมเลยต้องมาหาอาเพื่อให้อาพาผมเข้าไปพบคุณปู่!”
“แล้วพ่อของนาย…”จี้เจิ้นผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พ่อจะต้องเชื่อผมอย่างแน่นอนแต่เขาจะไม่มีทางพาผมไปพบคุณปู่ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้อาสามก็น่าจะรู้ด้วยสถานการณ์ของเขาในตอนนี้แตกต่างจากอาสาม!” จี้เฟิงเลือกที่จะพูดตรงๆ เข้าเชื่อว่าอาสามจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าเขา ทุกการเคลื่อนไหวของพ่อล้วนส่งผลกับฝ่ายใหญ่หลายๆฝ่ายและไม่รู้ว่ามีฝ่ายไหนอีกบ้างที่คอยจับจ้องการกระทำของพ่อเขา ดังนั้นแม้ว่าพ่อของเขาจะเชื่อในตัวเขา แต่พ่อจะไม่มีทางพาเขาไปพบกับผู้อาวุโสอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาด มันจะทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งฝ่าย
และแน่นอนว่าจี้เจิ้นผิงเข้าใจเรื่องนี้ดีเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! เจ้าเด็กตัวเหม็น นายอยากให้ฉันเป็นหนังหน้าไฟให้สินะ!”
ในกรณีที่สมมติว่าเขาพาจี้เฟิงเข้าไปได้จริงๆแล้วจี้เฟิงไม่สามารถรักษาปู่ของเขาได้ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จี้เจิ้นผิงจะกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเมื่อถึงตอนนั้นจุดจบของเขาคงจะไม่สวยแน่
จี้เฟิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยการกระทำของเขาในตอนนี้ทำให้อาสามต้องรู้สึกลำบากใจ และคำพูดก็ดูเห็นแก่ตัวมากจริงๆ เรื่องแบบนี้มักจะมีเส้นบางๆกั้นที่ทำให้คนสองคนสนิทสนมกันมากขึ้นหรือไม่ก็ห่างเหินกันไปเลย
พ่อเชื่อในตัวคุณแต่คุณกลับไม่ไปหาเขาแต่คุณดันมาหาอาแล้วถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้อาเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบหรอกเหรอ! ถ้าคนที่ไม่เข้าใจจะต้องคิดอย่างนั้นแน่นอน
จี้เจิ้นผิงไม่ได้กลัวการที่จะต้องเป็นแพะรับบาปแต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เขาเชื่อยากเหลือเกินว่าจี้เฟิงจะรักษาพ่อของเขาได้ เพราะถ้าหากมีวิธีที่รักษาได้จริงๆ แพทย์ทั่วทั้งประเทศจะชักช้าอยู่ทำไม ด้วยอิทธิพลของตระกูลจี้มีใครบ้างที่ไม่อยากจะได้ผลงานในเรื่องนี้
การเกิดแก่เจ็บตายเป็นกฎของธรรมชาติไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนได้!
จี้เฟิงดูเหมือนจะอ่านความคิดความสงสัยของจี้เจิ้นผิงออกหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบขวดที่บรรจุยากระแสไฟฟ้าแบบพิเศษออกมา เขาเทออกมาเม็ดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาสามนี่คือยาพิเศษที่ผมพัฒนาขึ้น หากกินเข้าไปหนึ่งเม็ด มันจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังได้ในทันที แต่ถ้าไม่มีวิธีเสริมจากภายนอก ยาเม็ดนี้จะส่งผลข้างเคียงบางอย่าง แต่อาสามมีร่างกายที่แข็งแรง ผลข้างเคียงจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก!” จี้เฟิงยิ้มแล้วยื่นให้จี้เจิ้นผิง
“ให้ฉันลอง”จี้เจิ้นผิงหัวเราะออกมาอย่างว่างเปล่า