เฮ้อ~ในที่สุดก็ต้องกลับมา ที่หยานจิงนี่ลมแรงจัง!
ที่สนามบินนานาชาติหยานจิงจี้เสี่ยวหยูเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านเธอสัมผัสได้ถึงทรายและฝุ่นที่ปลิวไปตามลม เธอพยายามอดทนแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะบ่นและทำหน้ามุ่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่มันกลับทำให้เธอดูน่ารักไปอีกแบบ คนรอบข้างที่พบเห็นยังอดไม่ได้ที่จะหันมามอง แม้แต่ชายหนุ่มที่รู้สึกมั่นใจในตัวเองก็คิดที่จะเดินเข้ามาหา
แต่พอเห็นผู้ชายรูปร่างกำยำไม่ต่างจากกำแพงเหล็กที่อยู่ข้างๆจี้เสี่ยวหยูพวกเขาก็ปัดเป่าความคิดนี้ออกจากหัวในทันที
การจีบสาวเป็นสิ่งสำคัญแต่ชีวิตน้อยๆของพวกเขาก็สำคัญมากเช่นกัน
ถ้าได้จีบสาวแล้วต้องเอาชีวิตน้อยๆของตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นคงจะเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย
ไม่รู้ว่าพี่สามจะเป็นยังไงบ้างในหยานจิงฮึ่ม! ลูกพี่ลูกน้องพวกนั้นต้องมารังแกพี่สามแน่ๆเลย ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะช่วยพี่สามบ้างรึเปล่า…. จี้เสี่ยวหยูกัดนิ้วที่เรียวยาวราวกับต้นหอมและอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
เพราะถูกลูกพี่ลูกน้องรังแกเธอถึงต้องหนีจากหยานจิงไปหาพี่ชายคนที่สามของเธอที่เจียงโจวแต่พี่สามของเธอกลับมาที่หยานจิงเพียงลำพังเขาต้องมาอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ถ้าคนพวกนั้นไม่รังแกเขาสิถึงจะแปลก!
คิดมาถึงตรงนี้จี้เสี่ยวหยูก็พูดขึ้นมาทันที เรารีบไปกันเถอะ! พร้อมกันนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะโทรหาพี่ชายคนที่สามของเธอ
เสี่ยวหยู! จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของเธอ
เมื่อจี้เสี่ยวหยูเงยหน้าขึ้นสีหน้าก็แสดงความดีใจออกมาทันทีคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอเป็นเพื่อนสาวของเธอเอง แถมเธอยังเป็นนักร้องยอดนิยมของประเทศจีนอยู่ในขณะนี้ ‘เหวินเว่ยซิน’
ซินซินเธอมาทำอะไรที่นี่! เมื่อจี้เสี่ยวหยูเห็นว่ามีคนมารับเธอที่สนามบิน เธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เดิมทีเธอไม่ใช่คนที่มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับเว่ยซินที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอ แถมเรื่องนั้นก็ผ่านไปเกือบเดือน เธอลืมมันไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่ดีใจของจี้เสี่ยวหยูเหวินเว่ยซินก็โล่งใจขึ้นมาทันที ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เธอมีปัญหากับจี้เสี่ยวหยู เธอก็ไม่กล้าที่จะทำตัวหยิ่งผยองเหมือนแต่ก่อนอีก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอใช้การส่งข้อความเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับจี้เสี่ยวหยูทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรที่ดูมากเกินไป เธอไม่ต้องการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของจี้เสี่ยวหยูเพื่อป้องกันความผิดใจที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
และเมื่อเธอรู้ว่าจี้เสี่ยวหยูจะบินกลับมาที่หยานจิงวันนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะมารับจี้เสี่ยวหยูถึงสนามบินโดยไม่บอกเพราะต้องการจะเซอร์ไพรส์จี้เสี่ยวหยู และถ้าเธอทำตัวให้ดีขึ้น บางทีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เสี่ยวหยูอาจจะกลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อนก็ได้ นี่คือสิ่งที่เว่ยซินคิด
แล้วพอตอนนี้เธอเห็นสีหน้าแบบนี้ของจี้เสี่ยวหยูแล้วจะไม่ให้เว่ยซินรู้สึกโล่งใจได้อย่างไร
เธอรีบเดินเข้าไปหาจี้เสี่ยวหยูพร้อมกับรอยยิ้มราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งเธอสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูดูน่ารักสดใสมาก หากไม่มีใครรู้นิสัยที่มักจะอารมณ์ร้ายของเธอ คงจะคิดว่าเธอเป็นองค์หญิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ
ตลอดทางที่เดินมาเว่ยซินนั้นดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมากแต่เนื่องจากเธอสวมแว่นตากันแดดจึงมีคนจำเธอได้ไม่มากนัก แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นของเธอก็มากพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยที่ไม่ต้องรู้ว่าเธอเป็นนักร้องดัง เสี่ยวหยูฉันรู้ว่าเธอจะบินมาวันนี้ฉันเลยมารอเธอที่นี่ตั้งแต่เช้า เว่ยซินดูมีความสุขมากเธอก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วและจับมือของเสี่ยวหยูด้วยรอยยิ้มหวานๆ ในที่สุดเธอก็กลับมา เราไม่ได้เจอกันเกือบเดือนได้แล้วมั้ง!
อื้ม! จี้เสี่ยวหยูยิ้มอย่างร่าเริง ใช่เกือบเดือนแล้ว! ต้องโทษพี่สะใภ้ทั้งสองของฉันที่ทำให้เป็นแบบนี้ พวกเธอใจดีกับฉันมากฉันเลยยิ่งไม่อยากกลับหยานจิงเข้าไปใหญ่เลย!
จี้เสี่ยวหยูเป็นเด็กสาวที่รักความสงบเธอมีมารยาทและน่ารักมากเธอจึงเป็นที่รักของเซียวหยูซวนและถงเล่ย ทั้งสองปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ สิ่งนี้ทำให้จี้เสี่ยวหยูที่เป็นลูกสาวคนเดียวรู้สึกสนุกและสนิทสนมกับสองสาวเป็นอย่างมาก ทำให้เธอแทบไม่อยากกลับมาที่หยานจิงอีกเลย
พี่สะใภ้สองคน! เว่ยซินถึงกับอึ้ง
จี้เสี่ยวหยูแลบลิ้นน่ารักๆของเธอออกมาทันทีท่าทางของเธอดูเขินอายเล็กน้อย ใช่แล้วพี่สะใภ้สองคน พี่สามของฉันมีแฟนสองคนน่ะ…
แล้วพวกเธอทั้งคู่ก็รู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน เว่ยซินโพล่งออกมา แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าพี่ชายคนที่สามของจี้เสี่ยวหยูเป็นใคร เกรงว่าคงไม่มีลูกหลานตระกูลจี้คนไหนที่เธอจะจำฝังใจได้มากเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว และความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจนี้เองที่ทำให้เธอไม่สามารถเล่นคอนเสิร์ตที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ตามปกติ
ใช่พวกเธออยู่บ้านเดียวกัน และตลอดเวลาที่ฉันอยู่เจียงโจวฉันก็อยู่กับพวกพี่ๆเขานั่นแหละ! จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าเล็กน้อย
เว่ยซินรู้สึกประหลาดใจมากแม้ว่าการมีแฟนหรือคนรักที่มากกว่าหนึ่งคนอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับกันได้โดยทั่วไป แต่ในหมู่คนเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็พยายามที่จะปกปิดมันไว้ ยกตัวอย่างเช่นไม่ให้แฟนคนหนึ่งรู้ว่ามีคนรักคนอื่นอยู่อีก หรือต่อให้รู้พวกเขาก็จะพยายามไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย
แต่จี้เฟิงกลับให้พวกเธอทั้งสองคนอยู่บ้านเดียวกัน…เรื่องแบบนี้ มีแต่พวกที่ใช้ชีวิตเสเพลได้อย่างเต็มที่เท่านั้นถึงจะทำกัน!
แต่จี้เฟิงคนนั้นไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ดูไม่เหมือนคนที่ได้แต่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ
แต่… เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ หัวใจของเว่ยซินกลับเต้นรัว ถ้าจี้เฟิงเป็นคนแบบนั้นจริงๆ เธอก็มีโอกาส…
เว่ยซินรู้ดีว่าไม่มีอะไรมารับประกันความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เสี่ยวหยูได้เลยและเธอก็ไม่มั่นใจนักว่าเธอจะยังคงความสัมพันธ์แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าวันหนึ่งจี้เสี่ยวหยูแต่งงานไป ก็ยากที่จะบอกได้ว่าจี้เสี่ยวหยูจะยังคงมีอิทธิพลมากขนาดนี้อยู่หรือเปล่า
อีกอย่างเมื่อถึงเวลานั้นคนของตระกูลเหวินจะยังเห็นแก่หน้าจี้เสี่ยวหยูอยู่อีกหรือไม่แล้วสถานะของเว่ยซินในสายตาคนในตระกูลจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า? เพราะถ้าคำตอบคือ ‘ไม่!’ เว่ยซินจะไม่ได้รับการเคารพนับถือหรือการสนับสนุนจากในตระกูลอีก อย่างมากเธอก็คงจะได้แต่งงานกับลูกคุณหนูจอมเสเพลสักคนหนึ่งโดยไม่มีสิทธิเลือก
เมื่อถึงตอนนั้นชีวิตของเธอคงได้จบเห่แน่!
สุดท้ายแล้วคนแบบเธอที่เลือกเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงเป็นนักร้องนักแสดงก็คงหนีไม่พ้นการควบคุมของตระกูลได้ ความจริงแล้วขอแค่คนสำคัญในตระกูลพูดเพียงประโยคเดียว ก็ไม่มีบริษัทไหนกล้าเซ็นสัญญากับเธอ สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งก็คงจะปิดโอกาสเธอทั้งหมด
อย่างไรก็ตามถ้าเธอสามารถไต่เต้าขึ้นไปหาจี้เฟิงได้…
เรื่องรูปร่างหน้าตาเว่ยซินก็มั่นใจว่าตัวเองก็สวยไม่น้อยกว่าใครหลายๆคนอย่างแน่นอนแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะสร้างความประทับใจต่อจี้เฟิงได้ไม่ดีนัก…. แต่สำหรับผู้ชายที่มีแฟนสองคนนอกจากความประทับใจแล้วรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเว่ยซินดูแปลกไปจี้เสี่ยวหยูก็คิดว่าเว่ยซินกำลังเข้าใจผิดว่าพี่ชายของเธอเป็นคนเจ้าชู้เสเพลเธอจึงรีบอธิบายทันที ซินซินเธออย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ พี่สามของฉันรักแฟนสาวสองคนของเขามาก ส่วนแฟนทั้งสองของเขาก็รักพี่สามมากเช่นกัน!
คิกคิก~ฉันรู้หรอกหน่าไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่ยอมอยู่กับพี่สามของเธอแบบนี้หรอก ใช่มั้ย! เหวินเว่ยซินพูดพลางหัวเราะเบาๆ
จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างจริงจัง ใช่แล้ว! เธอพูดถูก!
เสี่ยวหยูเธอมีธุระอะไรต้องไปทำก่อนหรือเปล่าถ้าไม่มีเราไปช็อปปิ้งกันดีมั้ย เว่ยซินถามด้วยรอยยิ้มเธอรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่าจี้เสี่ยวหยูจะรู้ความคิดที่แท้จริงที่อยู่ในหัวของเธอ
จี้เสี่ยวหยูส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า ฉันจะไปหาพี่สาม ไม่รู้ว่าเขาจะถูกรังแกรึเปล่า!
เว่ยซินแทบจะสำลักเธอทำหน้าแปลกๆเหมือนเห็นผีอย่างจี้เฟิงเนี่ยนะจะถูกรังแก เธอยังไม่ลืมหรอกนะว่าในตอนที่เจอเขาครั้งแรกเขาโหดเหี้ยมแค่ไหน? ต้องกลัวว่าเขาจะรังแกคนอื่นรึเปล่ามากกว่า!
แน่นอนว่าประโยคพวกนี้เว่ยซินไม่ได้พูดออกมาเธอรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า งั้นก็ดีเลยฉันจะไปกับเธอด้วย คราวที่แล้วฉันกับพี่สามของเธออาจมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ก็ถือโอกาสนี้ไปแก้ไขมันเลยแล้วกัน ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์ของฉันในสายตาพี่สามของเธอคงแย่น่าดูเลย!
จี้เสี่ยวหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า งั้นฉันจะโทรถามพี่สามก่อน ดูว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน!
ทันทีที่จี้เสี่ยวหยูต่อสายหาจี้เฟิงใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุข พี่สามหนูเสี่ยวหยูนะ หนูเพิ่งมาถึงหยานจิง… ตอนนี้พี่สามอยู่ที่ไหนเหรอ หนูจะไปหา คิกคิก~! กำลังจะไปบ้านของคุณปู่เหรอคะ โอเค หนูจะไปด้วย! จี้เสี่ยวหยูยิ้มอย่างมีความสุข แต่เว่ยซินที่อยู่ข้างๆกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ปู่ของจี้เสี่ยวหยูคือใครบ้านของเขาหรือที่เรียกว่า ‘ซื่อเหอหยวน’ คือบ้านที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ใช่ว่าใครๆก็ไปได้ ถึงแม้เธอจะเป็นเพื่อนของจี้เสี่ยวหยูก็ตามแต่เธอก็ไม่เคยไปที่นั่นเลยสักครั้ง อันที่จริงแม้แต่พ่อของเธอก็อาจมีคุณสมบัติไม่พอที่จะได้ไปที่นั่นด้วยซ้ำ!
หลังจากวางสายแล้วจี้เสี่ยวหยูก็อดไม่ได้ที่จะเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย แปลกจังคุณปู่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ทำไมพี่สามถึงไปที่บ้านของคุณปู่ เอ… อ๊ะ! ใช่แล้ว! เขาคงอยากไปดูว่าคุณปู่อาศัยอยู่ที่ไหนและในขณะเดียวกันก็คงอยากจะจัดการลูกพี่ลูกน้องนิสัยไม่ดีพวกนั้นแน่ๆ!
เธอจับมือเล็กๆของเว่ยซินแล้วยิ้ม ซินซินไปกันเถอะ! ไปที่บ้านของคุณปู่ฉัน บางทีเราอาจจะไปถึงก่อนพี่สามก็ได้!
เว่ยซินไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงดีเธอได้ถามอย่างลังเล เสี่ยวหยูให้ฉันไปที่นั่น… มันจะดีเหรอ
แต่จี้เสี่ยวหยูกลับหัวเราะคิกคัก ไม่เป็นไรหรอกซินซิน! คุณปู่ของฉันยังอยู่ในโรงพยาบาล เธอแค่มากับฉันเพื่อไปหาพี่สามไม่มีใครว่าอะไรเธอหรอก!
งั้นก็ได้! เว่ยซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย
……………..
บนท้องถนนแห่งหนึ่งมีขบวนรถกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
มีรถเก๋งสีดำยี่ห้อ‘หงฉี’ อยู่ตรงกลางของขบวนรถ ด้านหน้าของรถมีธงสีแดงปักอยู่ ผู้ที่ขับคือองครักษ์คนหนึ่งที่มีสีหน้าจริงจังอยู่ตลอดเวลา แต่การขับของเขานั้นนุ่มนวลมาก
ตื๊ด! จี้เฟิงวางสาย เขาส่ายหัวและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็หันศีรษะมาด้านข้างแล้วพูดว่า คุณปู่ครับ เสี่ยวหยูกลับมาแล้ว
ข้างๆจี้เฟิงคือคุณปู่ของจี้เฟิงเขาคือผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ !
เดิมทีตามกฎระเบียบแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อาวุโสจี้จะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลด้วยกำลังคนคุ้มกันเพียงเท่านี้อีกทั้งข้างกายของผู้อาวุโสจี้จะต้องมีองครักษ์ประจำตัวนั่งอยู่ด้วย และแน่นอนว่าจะต้องเป็นองครักษ์ที่ซื่อสัตย์ที่สุด ต้องแข็งแกร่งและรวดเร็วพอที่จะป้องกันกระสุนให้ผู้อาวุโสจี้ได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางแต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน!
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสจี้ยังคงยืนกรานที่จะให้จี้เฟิงนั่งข้างๆเขาเพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะเห็นความรักของผู้อาวุโสจี้ที่มีต่อหลานชายคนนี้
แต่เถี่ยจุนไม่เห็นด้วยเขาสามารถเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสจี้ได้ทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้อาวุโสจี้มาเป็นอันดับหนึ่ง
แต่พอจี้เฟิงชกไปที่เถี่ยจุนสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
แม้ว่าจี้เฟิงจะใช้พลังเพียง20% แต่เถี่ยจุนก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก!
จี้เฟิงนั่งลงข้างๆปู่ของเขาโดยไม่มีใครขัดข้องอีกส่วนผู้อาวุโสจี้ที่เห็นฉากนี้ก็มีสีหน้าพึงพอใจ!
สาวน้อยคนนั้น… เมื่อได้ยินว่าเป็นหลานสาว ใบหน้าของผู้อาวุโสจี้ก็เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู ข้าคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้เจอเด็กเหล่านี้อีก!
จี้เฟิงยิ้มน้อยๆและกล่าวทันที ผมเกรงว่าหลังจากที่คุณปู่กลับมาแล้ว คงจะมีคนมาให้คุณปู่เจออีกเพียบเลยล่ะครับ!