มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปในห้องพยาบาลพิเศษของผู้อาวุโสเฒ่าตระกูลจี้เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้อาวุโสจี้ลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ร่างกายของเขายังไม่พร้อม แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีแผนชั่วร้ายอะไรถึงได้ทำให้ผู้อาวุโสจี้ปฏิเสธไม่รับการรักษาจากแพทย์อีกต่อไป แพทย์มีหน้าที่แค่คอยให้สารอาหารอย่างครบถ้วนในแต่ละวันเพียงแค่นั้น!
และที่สำคัญกว่านั้นคือเด็กหนุ่มคนนี้ได้อาศัยอยู่ในห้องพยาบาลพิเศษของผู้อาวุโสจี้ดูจากสถานการณ์แล้วคาดว่าเขาคงวางแผนที่จะอยู่กับผู้อาวุโสจี้ตลอดเวลา!
นอกจากนี้ห้องพยาบาลพิเศษของผู้อาวุโสจี้กลายเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษบริเวณโดยรอบทั้งหมดถูกปิดกั้นไว้โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผู้อาวุโสจี้เพื่อไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด!
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วหยานจิงภายในพริบตา!
แน่นอนว่าสำหรับคำว่าแพร่กระจายในที่นี้แท้จริงแล้วเป็นการแพร่กระจายแค่ภายในกลุ่มคนระดับสูงและตระกูลใหญ่ๆเท่านั้น มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะรู้เรื่องนี้
แต่ถึงอย่างไรมันก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่!
เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ทำไมเขาถึงเข้ามาอยู่ในห้องพยาบาลพิเศษของผู้อาวุโสจี้?!
ทำไมผู้อาวุโสจี้ถึงปฏิเสธที่จะให้หมอรักษาต่อหรือเขาต้องการความสงบเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจที่จะจากไปแล้ว? หรือมีแผนการที่จะทำอย่างอื่น?
แล้วทำไมผู้อาวุโสจี้ต้องถึงขนาดสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปิดกั้นบริเวณโดยรอบและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม
ทั้งหมดนี้คือปริศนาที่ผู้คนคาใจสงสัยและยิ่งทำให้เกิดความสนใจพวกเขาต่างคาดเดากันไปต่างๆนาๆ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ตระกูลใหญ่และบุคคลระดับสูงมากมายก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
สภาพร่างกายของผู้อาวุโสจี้จะเป็นอย่างไรล้วนมีผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์ในปัจจุบันและแน่นอนว่าตระกูลจี้คือผู้ที่ได้ผลกระทบมากที่สุด
หลายคนไม่สามารถอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้จึงตั้งใจเดินทางไปที่โรงพยาบาลทหารเพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้อาวุโสจี้ แต่คำตอบที่พวกเขาได้รับมีเพียงใบหน้าที่เย็นชาของเถี่ยจุนเท่านั้น
ท่านหัวหน้ามีคำสั่ง!ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้พื้นที่คุ้มครองพิเศษโดยเด็ดขาด! ประโยคคำพูดง่ายๆ แต่เมื่อคนที่พูดเป็นเถี่ยจุนที่มีใบหน้าเย็นชาและแววตาอันเย็นยะเยือก บวกกับออร่าพร้อมสังหารของทหารรักษาการณ์นับโหลที่อยู่รอบตัวเขา ทำให้ทุกคนที่ตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสจี้ ได้แต่หัวหดกลับไป พร้อมกับตระหนักได้ว่าคราวนี้ผู้อาวุโสจี้น่าจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่!
อันที่จริงแค่บอกว่าไม่ให้เข้าเยี่ยมก็คงไม่มีใครกล้าพอจะบุกเข้าไปอยู่ดี… เว้นเสียแต่ว่าคนคนนั้นไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แค่เพียงว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่และสำคัญมากเกิดขึ้นแน่นอนผู้อาวุโสจี้ถึงได้มีคำสั่งออกมาแบบนี้แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นเรื่องอะไร ก็ยังไม่มีใครรู้เพราะขนาดลูกชายคนโตอย่างจี้เจิ้นหัว ก็ยังสงสัยในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ว่ากันว่ามีเพียงแต่จี้เจิ้นผิง ลูกชายคนสุดท้ายของผู้อาวุโสจี้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้แต่เขากลับซ่อนตัวอยู่แต่ในค่ายทหารและยุ่งวุ่นวายอยู่กับกิจการทางการทหาร จนไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาด้วยซ้ำ
ในสถานการณ์เช่นนี้เริ่มมีบางคนไม่พอใจส่วนบางคนที่ฉลาดมากพอก็พอจะมองออกว่านี่เป็นมาตรการป้องกันตัวเองของผู้อาวุโสจี้หรืออีกนัยหนึ่งคือเขากำลังปกป้องใครบางคนอยู่! ถ้าบอกว่าเขาปกป้องตัวเองแล้วทำไมเขาจะต้องปกป้องตัวเองด้วย แล้วปกป้องจากใคร?
แม้เรื่องนี้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนแต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แน่ใจได้ นั่นก็คือเมื่อผู้อาวุโสจี้ต้องการปกป้องตัวเอง นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องรู้ว่ามีคนต้องการทำร้ายเขา!
งั้นเร็วๆนี้คงมีเรื่องให้แผ่นดินต้องสะเทือนกันบ้างล่ะ!
ล้อเล่นรึเปล่า!ผู้อาวุโสจี้คือใคร ใครที่คิดจะต่อต้านหรือทำร้ายเขา ก็ไม่ต่างจากการทำผิดกฎหมายขั้นร้ายแรง!
ในโรงพยาบาลทหารทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเฒ่าหลังจากที่เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้จะต้องถูกสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล
ในโรงพยาบาลเขตทหารทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสจี้ หลังจากที่เขาเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลในครั้งนี้จะถูกสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล เนื่องจากคนอื่นๆที่อยากรู้เรื่องนี้นั้นไม่สามารถสืบหาคำตอบจากผู้อาวุโสจี้ได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาก็จะต้องสืบหาข่าวจากบุคลากรเหล่านี้อย่างแน่นอน!
เพราะถ้าพวกเขาได้รู้ได้เห็นอะไรที่เป็นเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับผู้อาวุโสจี้ในเวลานั้นจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
ในที่สุดรองคณบดีก็ยอมรับสารภาพเขารับเงินใต้โต๊ะจากคนคนหนึ่ง และเมื่อใดที่ผู้อาวุโสจี้เสียชีวิต เขาจะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบโดยเร็วที่สุด!
แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
น้อยคนนักที่จะสนใจชะตากรรมของรองคณบดีแต่ทุกคนในโรงพยาบาลต่างรู้ดีว่าตั้งแต่ที่เขาถูกพาตัวไป รองคณบดีก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย!
และในตอนนั้นเองการเคลื่อนไหวทั้งหมดก็สงบลงมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครมาเยี่ยมหรือเข้าใกล้พื้นที่คุ้มครองพิเศษอีกต่อไปรวมถึงไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกด้วยเช่นกัน ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อน
มาถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไป10 วัน
เถี่ยจุนยืนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเฒ่าและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสิบวันที่ผ่านมาแต่ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่เถี่ยจุนจะขวางทางคนอื่นที่มาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโส เถี่ยจุนจะมารายงานและขอคำแนะนำจากจี้เฟิงหรือผู้อาวุโสเฒ่าก่อนทุกครั้ง เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีบุคคลไหนที่ผู้อาวุโสเฒ่ายินยอมให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ และด้วยฐานะของบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะหยุดยั้งได้ง่ายๆ
หลังจากฟังรายงานของเถี่ยจุนแล้วผู้อาวุโสเฒ่าที่กำลังถือแก้วน้ำอยู่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ดูท่าว่าจี้เจิ้นผิงจะถ่ายทอดความหมายของข้าไปแล้ว
ครับหัวหน้าเจิ้นผิงโทรมาเมื่อเช้านี้ เขาบอกว่าได้ทำตามคำสั่งของท่านแล้ว เถี่ยจุนพยักหน้าทันที
เขามองไปที่ผู้อาวุโสเฒ่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาได้ง่ายๆเลยเพราะปกติแล้วเถี่ยจุนจะเป็นคนที่มีสีหน้าและแววตาที่เย็นชาอยู่เสมอ! เกรงว่าถ้าตอนนี้จี้เจิ้นผิงมาเห็นเขาคงจะประหลาดใจมาก เพราะเถี่ยจุนไม่เคยแสดงสีหน้าที่มีความสุขขนาดนี้มาก่อน!
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เถี่ยจุนจะดูมีความสุขขนาดนี้จริงๆแล้วหลังจากที่ผู้อาวุโสเฒ่าได้รับการรักษามาเกือบ 10 วัน เขาดูแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากขาทั้งสองข้างที่ยังอ่อนแรงจนไม่สามารถลุกจากเตียงและเดินได้ ส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็เหมือนกับคนปกติ
นอกจากนี้ร่างกายของผู้อาวุโสเฒ่าดูเหมือนจะมีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิมใบหน้าของเขาแดงก่ำและดูสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่เหมือนชายชราอายุ 90 ปีเลย!
ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของจี้เฟิง!
ดังนั้นท่าทีของเถี่ยจุนที่มีต่อจี้เฟิงแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกนับถือจี้เฟิงมากขึ้น จี้เฟิงรับแก้วน้ำมาจากมือของผู้อาวุโสเฒ่าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า คุณปู่ครับผมคาดว่าอีกสามวันเราคงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้แล้วละครับ การฟื้นฟูร่างกายของคุณปู่มีพัฒนาการที่ดีมาก ทีนี้ถ้าใครอยากมาเยี่ยมก็ไม่มีอะไรที่เราต้องกังวลแล้วครับ!
แน่นอนว่าจี้เฟิงรู้ว่าทำไมคุณปู่ถึงออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมนั่นเป็นเพราะคุณปู่รู้ดีกว่าใครๆ ว่าการที่เขารักษาชายแก่ที่ใกล้จะตายได้มันหมายความว่ายังไง!
อย่างแรกเลยคือยาพิเศษของจี้เฟิงมาจากที่ไหน
อย่างที่สองคือต่อให้กินยาพิเศษเข้าไปแต่ความเร็วในการฟื้นตัวของผู้อาวุโสเฒ่าก็เร็วเกินไปอยู่ดี แล้วถ้าเกิดมีคนรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาของจี้เฟิงล่ะ ผู้อาวุโสเฒ่าจึงกลัวว่าอนาคตของหลานชายคนโปรดจะไม่ได้เป็นอิสระอีกต่อไป
ไม่ต้องพูดถึงที่อื่นเอาแค่ในหยานจิงมีบุคคลสำคัญกี่คนที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย
หากพวกเขารู้ว่าจี้เฟิงมีความสามารถนี้คิดหรือว่าพวกเขาจะไม่ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะจับตัวจี้เฟิงไป
นอกจากนี้พวกเขาจะต้องเกิดคำถามความสามารถของจี้เฟิงมาจากไหน
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหา
แม้ว่าผู้อาวุโสเฒ่าจะอายุมากแล้วแต่สมองและจิตใจของเขาไม่ได้เสื่อมถอยตามไปด้วย ในทางกลับกันเขายิ่งรู้ดีกว่าใคร
ดังนั้นถ้าเขาปกปิดวิธีการรักษาจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาได้ออกไปพร้อมกับสุขภาพที่ฟื้นตัวดีแล้วจะมีใครบ้างที่กล้ามาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้กลับมาแข็งแรง? คิดว่าคงไม่มีใครกล้าบ้าบิ่นมากขนาดนั้น!
ผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อปกป้องจี้เฟิงแล้วจี้เฟิงจะไม่รู้ได้อย่างไร
ตามความคิดของจี้เฟิงการรักษาของเขาควรทำไปพร้อมๆกันกับการรักษาของโรงพยาบาลเพราะเมื่อคุณปู่ของเขาหายดีแล้วก็สามารถใช้ข้ออ้างแล้วบอกว่าเป็นเครดิตของโรงพยาบาลได้ มันง่ายกว่าที่อธิบายเหตุผลแบบนี้และมันก็ง่ายต่อการเก็บเรื่องการรักษาของเขาไว้เป็นความลับ
แต่สิ่งที่จี้เฟิงคิดไม่ถึงคือผลการทดสอบจากสมองหมายเลข1 บอกว่ายาที่จ่ายให้กับคุณปู่ของเขาถึงแม้จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่มันก็มีผลข้างเคียงบางอย่าง ซึ่งส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของร่างกายคุณปู่ของเขาอย่างมาก!
ยาพิษสามส่วน!(วลีโบราณ สรุปง่ายๆว่า ในตัวยา 10 ส่วน ถ้ามีดี 7 ส่วน ก็จะมีพิษอีก 3 ส่วนอยู่ดี)
คุณปู่ของเขาอายุมากแล้วผลข้างเคียงของยาแม้ว่าจะไม่อันตรายถึงชีวิตแต่มันก็ส่งผลกระทบต่อการรักษาของจี้เฟิงไม่น้อย
ด้วยความจนใจจี้เฟิงจึงต้องหยุดการรักษาจากโรงพยาบาล เขาจดจ่ออยู่กับการใช้กระแสไฟฟ้าชีวภาพเพื่อฟื้นฟูร่างกายคุณปู่ของเขาในทุกๆวัน
ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่คนภายนอกกำลังคาดเดาว่ามีใครบางคนต้องการจะทำร้ายผู้อาวุโสเฒ่า จนทำให้เขาต้องสั่งทหารรักษาการณ์ปิดกั้นอาณาเขตเพื่อปกป้องตัวเอง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ไร้สาระ!
คนที่ผู้อาวุโสเฒ่าต้องการปกป้องจริงๆคือหลานชายของเขา จี้เฟิง!
จากทั้งหมดนี้ก็พอจะบอกได้ว่าผู้อาวุโสเฒ่าชื่นชอบจี้เฟิงมากแค่ไหนเพื่อที่จะปกป้องเขา ผู้อาวุโสเฒ่าไม่ลังเลเลยที่จะทำให้ทั่วทั้งเมืองหยานจิงต้องเกิดความโกลาหล!
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ความตั้งใจของผู้อาวุโสเฒ่าแต่ด้วยตัวตนของเขา หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่อาจทำตามความปรารถนาของเขาได้
ปี๊บ!ปี๊บ! ปี๊บ! ขณะที่จี้เฟิงกำลังนวดขาให้คุณปู่ของเขา จู่ๆก็มีเสียงแหลมสูงเหมือนสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมาจากเถี่ยจุน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบหันหลังเดินออกจากห้องไป
หรือว่าจะมีคนบุกเข้ามาในเขตคุ้มครองพิเศษอีกแล้ว ผู้อาวุโสเฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงถามด้วยความสงสัย คุณปู่ครับ เมื่อกี้เป็นเสียงสัญญาณเตือนของอาเถี่ยใช่มั้ยครับ
ใช่แล้วนี่เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของเหล่าองครักษ์ดูเหมือนว่าจะมีคนบุกเข้ามาจริงๆ! น้ำเสียงของผู้อาวุโสเฒ่าดูไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง ดวงตาพยัคฆ์เกิดประกายขึ้นมาทันที เหอะ! ดูเหมือนว่าจะมีคนคิดว่าข้าแก่เกินแกงแล้วจริงๆ ข้าอยากจะให้มันได้รู้ว่าไม้เท้าในมือตาแก่อย่างข้าก็เพียงพอที่จะเคาะหัวพวกมันให้ตายได้!
ผู้อาวุโสเฒ่าที่ผ่านสนามรบมานักต่อนักตลอดชีวิตที่มีแต่การต่อสู้ ในยามที่เขาโกรธช่างทรงพลังและน่าเกรงขามมาก จนจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
คุณปู่ครับวางใจเถอะผมจะไปดูให้เองว่าเกิดอะไรขึ้น! จี้เฟิงกล่าวและกำลังจะเดินออกไป
เจ้าออกไปไม่ได้!บางทีคนที่บุกเข้ามาอาจมีเป้าหมายเป็นเจ้าก็ได้ เจ้าควรไปหลบอยู่ข้างในก่อน ถ้ามีเรื่องอะไรก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเถี่ยจุนเถอะ ผู้อาวุโสเฒ่าพูดเสียงเรียบ
จี้เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย และรีบพุ่งเข้าไปยังห้องด้านในอย่างรวดเร็ว ห้องพยาบาลพิเศษของผู้อาวุโสเฒ่านั้นเป็นห้องชุดและแน่นอนว่ามีทุกอย่างอยู่ในนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือแม้แต่ห้องรับแขก ไม่ต้องกลัวเลยว่าเขาจะไม่มีที่ซ่อน
ในขณะนี้มีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากประตู เถี่ยจุนไอ้เด็กเหลือขอ! เอาซิถ้าคิดว่าตัวเองเก่งนักก็ยิงข้าซะสิมัวรออะไรอยู่ล่ะ ตอนที่ข้าต่อสู้กับพ่อของเจ้า เจ้าอยู่ที่ไหนล่ะหืม? ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าต้องทำยังไงหลบไปให้พ้น! ข้าจะไปพบท่านหัวหน้า!