‘ว่านหลี่คลับ’มีเพียงไม่กี่คนในหยานจิงที่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ว่านหลี่คลับเป็นคลับที่มีการบริการระดับเฟิร์สคลาสรุ่นแรกๆ ที่ก่อตั้งขึ้นในหยานจิง
แม้แต่ในเมืองอื่นๆว่านหลี่คลับก็เป็นที่รู้จักเช่นกัน และสมาชิกส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่
หากคุณต้องการเข้าไปใช้บริการในว่านหลี่คลับคุณจะต้องเป็นสมาชิกหรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ติดตามของสมาชิกถึงจะสามารถเข้าได้
และแน่นอนว่าค่าสมัครเพื่อที่จะเป็นสมาชิกของว่านหลี่คลับอันโด่งดังนี้จะต้องแพงมากอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เพื่อเป็นการการันตีสถานะว่าคุณก็เป็นหนึ่งในชนชั้นสูงที่แท้จริง ดังนั้นต่อให้ราคามันจะแพงจนหูฉี่สักแค่ไหน ผู้คนก็ยังคงรีบร้อนเพื่อที่จะได้สมัครเป็นสมาชิกของที่นี่ แต่ต่อให้พวกเขาต้องการมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์
เพราะว่านหลี่คลับไม่ใช่ที่สำหรับคนที่มีเงินเพียงอย่างเดียวจะเข้าไปเป็นสมาชิกได้แต่คุณจะต้องเป็นบุคคลสำคัญจริงๆหรือเส้นใหญ่พอ!
แต่คืนนี้ที่ชั้น5 ของว่านหลี่คลับ ได้ถูกสั่งปิดโดย ‘เหอหงเหว่ย’ นายน้อยแห่งตระกูลเหอ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีพลังมากแค่ไหน และเพียงพอที่จะบอกได้ว่าตระกูลเหอนั้นมีอิทธิพลและสถานะอย่างไรในหยานจิง!
เมื่อจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยขับรถบูอิค( Buick ) มาถึงที่ลานจอดรถของคลับ เขาก็พบว่ามีรถจำนวนมากจอดอยู่ในที่จอดรถเต็มไปหมด เมื่อมองไปรอบๆจะเห็นว่ารถแต่ละคันล้วนเป็นรถที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมด มันทำให้รถบูอิคที่พวกเขาขับมาดูกระจอกงอกง่อยไปทันที
แต่ไม่ว่าจะเป็นจี้เฟิงหรือจี้ช่าวเหลยพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องพวกนี้
ว่านหลี่คลับนั้นแตกต่างจากสถานบันเทิงอื่นๆโดยทั่วไปแม้ว่าจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆ รถที่ขับมาก็พบเห็นได้โดยทั่วไป แต่แม้แต่เด็กผู้ชายที่เป็นพนักงานโบกรถก็ไม่มีท่าทีดูถูกดูแคลนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่บริการดี และมีรอยยิ้มที่สุภาพ
ในความเป็นจริงแล้วแม้แต่พนักงานโบกรถเหล่านี้ก็ยังรู้เลยว่าคนที่สามารถมาที่ว่านหลี่คลับแห่งนี้ได้ย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสิทธิ์พอก็คงไม่ใจกล้าหน้าด้านมาที่นี่ในฐานะสมาชิก!
ดังนั้นไม่ว่าแขกจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูอนาถามากแค่ไหนก็ไม่มีพนักงานคนใดแสดงท่าทีแปลกๆ
คนรวยๆแต่มีรสนิยมห่วยๆพวกเขาก็ได้เห็นมาไม่น้อย
แม้ว่าตอนนี้พนักงานโบกรถจะยังไม่ได้จัดให้จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยอยู่ในจำพวกไร้รสนิยมแต่ใบหน้าของเขากลับดูปกติดีไม่มีผิดแปลกอะไร
บริการของที่นี่ไม่เลวเลยแฮะ! เพียงแค่เห็นท่าทีของเด็กรับรถ ก็พอจะชี้วัดบริการของคลับแห่งนี้ได้แล้ว หลังจากจอดรถเสร็จจี้เฟิงก็ชื่นชมด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า
พูดเป็นเล่น!ค่าสมัครสมาชิกแรกเข้า 300,000 หยวน บวกกับค่าธรรมเนียมรายปีอีกปีละ 100,000 หยวน บริการไม่ดีก็แปลกแล้ว! จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆและพูดว่า พี่รอง ทำไมน้ำเสียงของพี่ถึงได้ฟังดูไม่พอใจขนาดนั้นล่ะ ระดับจี้ช่าวเหลยทั้งที คงไม่บ่นอิดออดแค่เพราะมันแพงหรอกใช่มั้ย? หรือพี่ถูกคลับนี้ปฏิเสธมา?
จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ไม่ได้ถูกปฏิเสธ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเคยถูกพวกเขาไล่ออกจากร้าน! แถมยังระงับสมาชิกของฉันอีกต่างหาก!
ห๊ะ! จี้เฟิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจคลับนี้ไม่ธรรมดาแฮะ กล้าดีขนาดไหนถึงได้ไล่คุณชายรองของตระกูลจี้ได้
หรือผู้มีอิทธิพลที่สนับสนุนคลับนี้อยู่เบื้องหลังจะแข็งแกร่งมากจริงๆ จี้เฟิงถามด้วยความสนใจ
ก็ใช่น่ะสิแล้วไม่ใช่แค่เบื้องหลังเท่านั้นนะที่ใหญ่สมาชิกส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากที่จะกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่… จี้ช่าวเหลยเบ้ปากพร้อมกับพ่นลมออกจมูก แต่ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก มีไอ้โง่คนหนึ่งมาเกะกะขวางทางฉัน ฉันเลยคว้าขวดเหล้าฟาดหัวมันไปที ผลก็คือฉันถูกไล่ออกจากคลับทันที แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไปอยู่เจียงโจว เลยไม่มีโอกาสได้มาที่นี่อีก
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายคนที่สองของเขาเป็นคนยังไงแต่จี้เฟิงก็อดตกใจไม่ได้ เขาได้แต่หัวเราะแห้งๆออกไป
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่รองของเขาถึงถูกขับไล่ออกมาในเมื่อว่านหลี่คลับเป็นคลับระดับสูง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกายกันที่นี่ ต่อให้เป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลใหญ่หรือมีสถานะสูงส่งแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ไม่อย่างนั้นว่านหลี่คลับคงไม่กลายมาเป็นคลับระดับสูงที่คนใหญ่คนโตให้ความไว้วางใจมาได้ขนาดนี้
แต่มาคิดๆดูพี่รองก็ร้ายมากจริงๆถึงขนาดกล้ามาลงมือที่นี่!
แต่พี่รองยังไงพวกเขาก็ไม่น่าจะกล้าไล่พี่ออกมาแบบนั้นก่อนพวกเขาจะไล่พี่ออกมา พี่กับอีกฝ่ายไม่ได้มีการพูดจาตกลงหรือไกล่เกลี่ยอะไรกันก่อนเลยเหรอ จี้เฟิงเอะใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าพี่รองของเขาจะเสเพลมากขนาดไหน แต่ก็ไม่ถึงขนาดลงมือทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล และที่สำคัญตัวตนของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่ว่านหลี่คลับก็ยังกล้าที่จะไล่เขาออกมา หรือว่าพวกเขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู? ไล่พี่รองออกมาเพื่อแสดงให้สมาชิกคนอื่นๆเห็นว่า แม้แต่ลูกหลานตระกูลจี้พวกเขาก็ไม่ละเว้น!นั่นไม่เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าตระกูลจี้หรอกเหรอ?
จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงอย่างเย็นชาและพูดอย่างไม่พอใจว่า พวกเขากล้า! แต่สาเหตุหลักๆ ก็เพราะไอ้โง่นั่นมันไม่ยอมจบ ฉันกับมันก็เลยมีเรื่องกันในคลับนั่นแหละ ทีนี้พวกเขาก็เลยกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อแขกคนอื่น พวกเขาก็เลยตัดสินใจขับไล่พวกเราออกมา!
หืม จี้เฟิงหัวเราะ ใครคือไอ้โง่นั่น? ทำไมถึงได้กล้ามามีเรื่องกับพี่รองของผม?
จี้ช่าวเหลยเบ้ปากแล้วพูดอย่างดูถูก ลูกคนที่สองของตระกูลเหอ เหอหงเฉียง!
ไม่น่าแปลกใจเลย… จี้เฟิงหัวเราะหึหึ หนุ่มเสเพลสองคนจากตระกูลชนชั้นสูงเริ่มทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ด้วยอิทธิพลของพวกเขาจึงสามารถทำได้ทุกอย่าง ดังนั้นทางคลับจึงไม่กล้าปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันในนั้น จึงตัดไฟแต่ต้นลม ตัดสินใจไล่พวกเขาออกมา ส่วนหลังจากออกมาแล้วจะมีวิธีจัดการอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับว่านหลี่คลับอีก
ช่วงนี้ชื่อเสียงของตระกูลเราไม่ค่อยดีนัก…เพราะไอ้พวกเด็กเอาแต่ใจไร้ประโยชน์พวกนั้นแท้ๆ ดีแต่ใช้อิทธิพลของตระกูลข่มเหงคนอื่นและเที่ยวสนุกไปวันๆ แต่พอเจอคนระดับเดียวกันก็กลัวจนหัวหด! จี้ช่าวเหลยพ่นลมออกจมูกด้วยสีหน้าดุดัน แน่นอนว่าไม่เหมือนกับตอนที่พี่รองของนายยังคร่ำหวอดอยู่ในหยานจิงหรอกนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยกลัวใคร และไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหน ขอแค่อีกฝ่ายกล้ามายั่วยุก่อน พวกเราก็ไม่เคยพ่ายแพ้หรือต้องกลับไปแบบขายหน้า!
จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงอย่างเหยียดหยัน ไอ้ลูกแหง่พวกนั้น เวลาอยู่บ้านนี่ทำตัวอหังการ ยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน แต่พออยู่ข้างนอกนี่ยืนด้วยลำแข้งตัวเองยังไม่ได้… เฮ้อ พอ! เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ยิ่งพูดยิ่งโมโห! ป่ะ เราเข้าไปในข้างในกันเลยดีกว่า จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม ครับ แต่ภายในใจของจี้เฟิงนั้นรู้ดีว่า พี่รองของเขานั้นพูดถูก คนประเภทนี้ยิ่งทำตัวหยิ่งยโสอวดดีเมื่ออยู่ในถิ่นของตัวเองมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่มีความกล้าหาญที่จะทำตัวหยิ่งยโสข้างนอกมากเท่านั้น คนประเภทนี้จะเก่งก็ต่อเมื่ออยู่ในรังของตัวเอง แต่นิสัยอย่างพี่รองนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ข้างนอกเขาจะเป็นคนสบายๆ ไม่เคยโอ้อวด แต่ถ้ามีคนมาหาเรื่อง และไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็ไม่เคยกลัว!
สำหรับญาติสายเลือดรอง…จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย เขายังไม่พบใครที่ดูเข้าที่เข้าทางสักคน
ที่ประตูทางเข้าของว่านหลี่คลับมีเครื่องรูดบัตรอยู่สองเครื่อง สมาชิกที่มาที่นี่เพียงแค่รูดบัตรสมาชิก แผนกต้อนรับก็จะรู้ในทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร และถ้าหากเป็นแขกคนสำคัญพวกเขาจะแจ้งไปยังหัวหน้าแผนก และหัวหน้าแผนกจะสั่งการให้พนักงานคนอื่นๆ ให้เตรียมจัดการต้อนรับที่เหมาะสม นี่เป็นเพียงหนึ่งในบริการที่พิเศษของว่านหลี่คลับ!
เนื่องจากจี้ช่าวเหลยถูกระงับบัตรสมาชิกของที่นี่ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงหยิบบัตรประจำตัวออกมาแล้วแกว่งไปมาตรงหน้าพนักงานต้อนรับ
พนักงานต้อนรับยิ้มและกล่าวว่า เชิญท่านทั้งสองมากับดิฉัน งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ชั้นห้าค่ะ!
จี้ช่าวเหลยเดินตามหลังพนักงานต้อนรับไปเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่ได้มาตั้งหลายปี ชุดกี่เพ้าของพนักงานต้อนรับดูเหมือนจะดูดีขึ้นนะ… เหมือนจะสั้นขึ้นและก็ผ่าข้างสูงขึ้นด้วย!
พนักงานต้อนรับสวมชุดกี่เพ้าลายดอกไม้ผมของเธอกล้าเป็นมวยสูงดูคลาสสิกมาก แต่ตรงส่วนล่างที่เป็นกระโปรงทั้งสองฝั่งนั้นผ่าลึกกว่าชุดกี่เพ้าธรรมดาเล็กน้อย และแม้แต่ชุดชั้นในที่อยู่ภายในก็เหมือนจะมองเห็นได้
จี้เฟิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้พี่รองนี่ช่างสังเกตจริงๆ พนักงานต้อนรับที่อยู่ข้างหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดมุมปากกระตุกไม่ได้แต่เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจของเธอรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นลูกหลานจากตระกูลไหนถึงได้พูดจาทะลึ่งลามกออกมาโต้งๆแบบนี้ สงสัยไม่มีใครสั่งใครสอน!
แต่พนักงานต้อนรับไม่รู้ว่าเป็นเพราะจี้ช่าวเหลยถูกคลับแห่งนี้ไล่ออกไปเขาจึงรู้สึกไม่พอใจที่นี่สักเท่าไหร่ ถึงได้พูดจาแบบนี้ออกมา
จู่ๆจี้เฟิงก็นึกสงสัยขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะถาม พี่รอง ใครเป็นเจ้าของว่านหลี่คลับเหรอ
จี้ช่าวเหลยชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็มองไปรอบๆและกระซิบที่หูของจี้เฟิง
หัวใจของจี้เฟิงพลันสั่นสะท้านเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่นามสกุลนี้เหมือนกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง ดังนั้นตัวตนของเขาจึงคาดเดาได้ไม่ยาก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมว่านหลี่คลับถึงได้กล้าขับไล่พี่แต่ที่แปลกใจคือทำไมพี่ถึงได้กล้าขนาดนั้น อิทธิพลของเจ้าของที่นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่เลย! จี้เฟิงยิ้มอย่างจนใจ
เหอะก็ไม่เท่าไหร่หรอก! จี้ช่าวเหลยหน้าบึ้ง แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ทำตัวไร้ยางอายอย่างเขา แม้ว่าฉันจะพึ่งพาตระกูลบ้างและอาจจะเสเพลนิดๆหน่อยๆ แต่ฉันก็ไม่เคยใช้อิทธิพลของตระกูลหาเงิน ไม่เหมือนกับคนบางคน…
จี้เฟิงอดยิ้มและพยักหน้าไม่ได้แม้พี่รองจะเคยเกเรและเสเพลมาบ้างแต่เขาก็ไม่เคยล้ำเส้นหรือทำเรื่องผิดกฎหมาย ในเรื่องนี้พี่รองทำได้ดีมาก
แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของคลับแต่ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะมาปรากฏตัวที่นี่หรอก แถมชื่อที่ถูกจดทะเบียนอย่างเป็นทางการก็เป็นผู้หญิง… จี้ช่าวเหลยพูดเสริม
จี้เฟิงพยักหน้าการที่เขาสามารถครอบครองธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ สำหรับคนคนนั้นแล้วสถานะของผู้หญิงคนนั้นก็ชัดเจนแล้ว ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันเพลินๆพวกเขาก็มาถึงที่ชั้นห้าอย่างรวดเร็วภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับ
ที่ชั้นนี้มีห้องโถงที่กว้างขวางมากตอนนี้มีผู้คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ กระจายอยู่หลายจุด บ้างพูดคุยและหัวเราะ บ้างก็พูดคุยด้วยสีหน้าจริงจัง
เชิญท่านทั้งสอง! พนักงานต้อนรับส่งสัญญาณเชิญพวกเขาและพาจี้เฟิงกับจี้ช่าวเหลยไปที่ล็อบบี้สำหรับลงทะเบียนที่อยู่ตรงประตูทางเข้า จี้ช่าวเหลยยื่นบัตรประจำตัวให้กับพนักงานที่รับผิดชอบในการลงทะเบียนและพูดเบาๆว่า จี้ช่าวเหลย!
พนักงานลงทะเบียนอึ้งไปครู่หนึ่งแต่ไม่นานก็ตอบสนอง เขารีบพยักหน้า คุณชายจี้ คุณชายทั้งสองเชิญเข้ามาได้เลยครับ คุณชายเหอกำลังรอพวกคุณทั้งสองอยู่
ฮ่าฮ่า!ยังวางท่าไม่เปลี่ยนเลยแฮะ! จี้ช่าวเหลยส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้ม น้องสาม เราเข้าไปกันเถอะ! ทันทีที่จี้เฟิงกับจี้ช่าวเหลยเข้ามาผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนก็รีบพูดกับพนักงานต้อนรับที่อยู่ข้างๆว่า รีบไปแจ้งผู้จัดการว่าจี้ช่าวเหลยอยู่ที่นี่!
พนักงานต้อนรับได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อยและรีบถามว่า คนคนนั้นเขาเป็นคนใหญ่คนโตมากเลยเหรอ
เขาเป็นคุณชายรองของตระกูลจี้เธอว่าใหญ่หรือเปล่าล่ะ พนักงานลงทะเบียนถลึงตาใส่พนักงานต้อนรับ รีบไปเร็วๆเข้า อย่าลืมแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยว่าคอยจับตาเฝ้าระวังคุณชายจี้ไว้ให้ดีๆ อย่าให้เขาทำร้ายแขกคนอื่นได้!
ขะค่ะ! พนักงานต้อนรับตกใจจนพูดจาตะกุกตะกัก เธอเป็นคนที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อเสียงของคุณชายรองของตระกูลจี้คนนี้ แต่พอได้ยินคำพูดของเพื่อนร่วมงานที่ดูตื่นตูมผิดปกติ เธอก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่ามีคนกล้าลงมือทำร้ายร่างกายคนอื่นที่นี่ด้วยเหรอ เธออดคิดไม่ได้ว่าโชคดีที่เมื่อครู่นี้เธอไม่พูดจาโต้แย้งอะไรเขาออกไปไม่อย่างนั้น… พนักงานต้อนรับรีบวิ่งไปทันที
ฮ่าๆๆ ๆ ~! จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ แม้ว่าเสียงของพนักงานสองคนนั้นจะไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ก็ไม่สามารถพ้นหูของเขาไปได้ คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ในคลับแห่งนี้ ชื่อเสียงของพี่รองก็ยังคงเป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงอยู่!
แต่ในเวลานี้จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็ผงะไป ในดวงตาของเขาฉายแววแปลกๆ เขามองไปยังทิศทางหนึ่งของห้องโถง และในไม่ช้าแววตาแปลกๆในดวงตาของเขากลับกลายเป็นแสงที่เย็นวาบ และทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มืดมนลง!