จี้เฟิงมองตามสายตาของจี้ช่าวเหลยไปทันทีเขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดราตรีสีดำถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคน ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมา เธอเหมือนกับดวงจันทร์ที่อยู่ท่ามกลางดวงดาว
ผู้หญิงคนนี้มีผิวขาวราวกับไข่มุกที่สดใสยิ่งตัดกับชุดราตรีสีดำยิ่งทำให้ผิวของเธอดูขาวผ่อง ผมที่สั้นของเธอทำให้มองเห็นลำคอขาวเนียนที่ยาวระหงได้อย่างชัดเจน แถมยังช่วยเสริมให้บุคลิกของเธอดูเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและสง่างาม เมื่อเทียบกับหญิงสาวคนอื่นๆในห้องโถงที่ส่วนใหญ่จะไว้ผมยาวยิ่งทำให้เธอดูแตกต่างและโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
มีทั้งความสวยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และบุคลิกที่สง่างามราวกับวีรสตรีทั้งสองอารมณ์นี้กลับปรากฏอยู่บนตัวคนคนเดียวกัน ช่างเด่นสะดุดตาจริงๆ
และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของจี้เฟิงมากที่สุดคือแววตาและบรรยากาศรอบตัวของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าสีหน้าของเธอจะดูเรียบเฉยแต่ก็มีความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากแววตาและร่างกาย แม้แต่คนที่ล้อมอยู่รอบตัวเธอยังทำได้แค่เพียงยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดคุยด้วยความสุภาพ ไม่มีใครกล้าล้ำเส้นหรือพูดจาหยาบคายกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มเขาเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่ปกติจะมีนิสัยอ่อนโยนและสุภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายบางคนในกลุ่มนั้นแค่ต้องการแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเพื่อดึงดูดความสนใจจากหญิงสาวคนนั้น ช่างเหมือนกับลิงที่แสดงละครให้ผู้คนได้หัวเราะ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จี้เฟิงสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือการแสดงออกของจี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองของเขา
ใบหน้าของจี้ช่าวเหลยมืดครึ้มเล็กน้อยดวงตาฉายแววเย็นชาเหมือนกับกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง
จี้เฟิงถามเสียงเรียบ พี่รอง มีเรื่องอะไรรึเปล่า
ผู้หญิงคนนั้นเธอคือเซียงยี่โหรว! จี้ช่าวเหลยสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่สองสามครั้ง จึงจะสงบลงได้ และตอบจี้เฟิงด้วยเสียงเรียบ
จี้เฟิงผงะไปทันทีและอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอยู่ในใจ สายตาของพี่รองนี่ไม่เลวเลย ผู้หญิงผมสั้นในชุดราตรีสีดำคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือออร่าของเธอ ล้วนเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงอยู่ในอันดับต้นๆของผู้หญิงสวย ต้องผู้หญิงระดับนี้เท่านั้นสินะ ถึงจะอยู่ในสายตาพี่รอง
แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงประหลาดใจก็คือทำไมสีหน้าพี่รองของเขาถึงได้ดูเคร่งเครียดขนาดนี้ หรือว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบเซียงยี่โหรว แต่พวกเขามีความบาดหมางกัน?
จี้เฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พี่รอง ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นคือเซียงยี่โหรว แล้วทำไมพี่ถึงได้ดูไม่ค่อยมีความสุขเลยล่ะ จะไม่เข้าไปทักทายเธอหน่อยเหรอ
นั่นสินะเข้าไปทักทายกัน! จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงแล้วเดินเข้าไปทันที
ห๊ะ…
จี้เฟิงไม่ได้ตามไปเขาเพียงแค่มองตามหลังจี้ช่าวเหลยไปด้วยรอยยิ้มจนใจและส่ายหัวเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
ที่ด้านนอกของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ล้อมรอบเซียงยี่โหรวดูเหมือนจะมีใบหน้าของคนที่จี้เฟิงคุ้นเคย แต่เนื่องจากแสงแฟลชและผู้คนที่เดินไปมาบดบังสายตา ทำให้จี้เฟิงมองได้ไม่ชัดนัก
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงมั่นใจว่าคนที่เขาเห็นเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะเขาตาฝาด จะต้องเป็นคนที่เขารู้จักอย่างแน่นอน หรือต่อให้ไม่ได้รู้จักกัน แต่ก็ต้องเคยเจอกันมาก่อน อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้ว่าในหยานจิงมีคนที่เขารู้จักเพียงไม่กี่คนและในบรรดาคนที่เขารู้จักล้วนเป็นคนที่มีปัญหากับเขาซะเป็นส่วนใหญ่
ตอนนี้เนื่องจากคนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นที่นี่แถมพี่รองก็เดินไปทางนั้น มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกไม่สบายใจจึงรีบเดินตามไป
แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินเข้าไปเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ จี้เฟิงรีบหันไปมองและเห็นพี่รองกำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เสื้อผ้าของเขาเปียกเต็มไปด้วยเหล้า
คิ้วของจี้เฟิงขมวดเข้าหากันทันทีเกิดปัญหาขึ้นจนได้!
เขารีบเดินตามเข้าไปและได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่น และมีคนคนหนึ่งพูดยิ้มๆว่า โอ๊ย! แย่เลย ฉันไม่รู้ว่าจู่ๆคุณชายรองจะโผล่พรวดพราดเข้ามาแบบนี้ เลยหดขาหนีไม่ทันจนทำให้คุณชายรองต้องสะดุดจนเกือบจะล้ม! ยังไงฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่คราวหน้าก็เดินระวังๆหน่อยก็แล้วกันนะคุณชายรอง!
จี้เฟิงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขาแค่นเสียงเย็นชาอยู่ในใจ
พี่รองเคยฝึกกังฟูมาก่อนแค่เดินเร็วแล้วบังเอิญไปสะดุดขาคนอื่นเข้า คงไม่ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถขนาดนี้ แถมยังเกือบจะล้มลงอีก… ใครก็ตามที่เคยฝึกกังฟูมาจนชำนาญ เขาจะมีปฏิกิริยาที่ว่องไวกว่าคนทั่วไป!
เห็นได้ชัดว่าต้องมีคนจงใจทำให้พี่รองสะดุดจนทำให้เขาเกือบจะล้ม จนถูกเหล้าสาดใส่เต็มแบบนี้
จี้เฟิงรีบเดินไปหาจี้ช่าวเหลยและถามเสียงเบาว่า พี่รอง เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึเปล่า
ไม่เป็นไร จี้ช่าวเหลยโบกมือ ขณะเดียวกันก็ปลดกระดุมเสื้อนอกออก เขาถอดเสื้อนอกออกเพราะบริเวณอกเปียกโชกและเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอลล์
สีหน้าของจี้ช่าวเหลยไร้อารมณ์เขาชี้นิ้วไปที่คนพูด จากนั้นก็ยิ้มเยาะเบาๆ ไอ้หนู เลียเหล้าบนเสื้อนอกของฉันให้สะอาด แล้วเรื่องในวันนี้ฉันจะไม่เอาความ!
ทุกคนถึงกับตกตะลึงพวกเขาหันไปมองใบหน้าของจี้ช่าวเหลยที่ตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา คำพูดของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบตกใจ
เหอะ! ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งทำเสียงเยาะเย้ยและพูดขึ้นว่า จี้ช่าวเหลย นายบ้าไปแล้วเหรอ ที่นี่ไม่ใช่เจียงโจวนะ ที่นี่คือหยานจิง! นายก็รู้ว่าว่านหลี่คลับเป็นที่แบบไหน ไม่ใช่ที่ที่นายจะทำอะไรก็ได้ตามใจนะ! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนไปเหยียบเท้าคนอื่น ไม่ขอโทษยังพอว่า แต่ถึงขนาดให้เขามาเลียทำความสะอาดเสื้อให้ นายบ้าไปแล้วจริงๆสินะ?! คิดจริงๆเหรอว่าตัวเองเป็นคุณชายรองของตระกูลจี้แล้วจะไม่มีใครกล้าเอาผิดนาย?
เมื่อได้ยินเสียงนี้ดวงตาของจี้เฟิงก็หรี่ลงทันที ใบหน้าของเขาตึงเครียดขึ้น
เฉียวเจียไค! จี้เฟิงจำเจ้าของเสียงนี้ได้ในทันทีเขาเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนตอนที่อยู่ในหลินจิงคลับเฮ้าส์ที่เจียงโจว นายน้อยแห่งตระกูลเฉียว เฉียวเจียไค!
แต่ตอนนี้เขาควรจะอยู่ในคุกที่เจียงโจวไม่ใช่เหรอเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
จี้เฟิงคิดอย่างรวดเร็วคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คนที่เขารู้สึกคุ้นๆก่อนหน้านี้เป็นเฉียวเจียไคจริงๆด้วย หรือว่าเรื่องที่พี่รองถูกเหล้าสาดใส่จะเกี่ยวข้องกับเฉียวเจียไค
ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง!
จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงอย่างดูถูก ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนี้นายควรจะนั่งๆนอนๆอยู่ในคุกที่เจียงโจวไม่ใช่เหรอ เฮ้อ~ ดูเหมือนว่าจะมีคนทำผิดกฎหมายอีกแล้วนะเนี่ย!
เฉียวเจียไคในชุดสูทสีขาวได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นมาทันทีแต่พอเหลือบไปเห็นจี้เฟิงที่มีสีหน้าสงบนิ่ง เฉียวเจียไคก็ระงับความโกรธของตัวเองลงทันที เขาแค่นเสียงและพูดว่า เสียใจด้วย ฉันประกันตัวเพื่อมารับการรักษาพยาบาล ใครจะกล้าทำตามใจตัวเองโดยไม่สนกฎหมายเหมือนคุณชายรองของตระกูลจี้ล่ะ!
จี้ช่าวเหลยชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งไม่ได้เถียงกับเฉียวเจียไคต่อ แต่หันไปหาผู้ชายที่เขาสะดุดขาเมื่อครู่ ตกลงยังไงไง จะไม่ทำตามที่ฉันพูด?!
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ30 ปี รูปร่างไม่สูงมากนัก ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่สภาพของเขาดูเหมือนคนที่เพิ่งดื่มไวน์มาทั้งขวด
เมื่อถูกสายตาที่เย็นชาของจี้ช่าวเหลยจ้องเขาก็มีท่าทีลนลานเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าถูกสายตาของคนภายในงานจ้องมองมาที่ตัวเอง เขาก็พูดเสียงแข็งว่า นายน้อยสอง คุณไม่มีเหตุผลเอาซะเลยนะ! เห็นได้ชัดว่า คุณต่างหากที่…
ไม่คิดที่จะทำตามที่ฉันพูด จี้ช่าวเหลยขัดจังหวะเขาโดยการถามคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
อย่างไรก็ตามทุกคนที่ได้ยินสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเย็นชาจากคำพูดที่ราบเรียบของเขา
ทุกคนเข้าใจทันทีว่าตอนนี้จี้ช่าวเหลยกำลังโกรธ
ไปแหย่หนวดเสือเข้าแล้วสินะ!
เมื่อจี้ช่าวเหลยโกรธขึ้นมาจริงๆทุกคนในที่นี้ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ด้วยสถานะของจี้ช่าวเหลยนั้นก็ไม่ธรรมดา เขาเป็นถึงนายน้อยรองของตระกูลจี้ แถมยังเป็นทายาทสายตรง และที่สำคัญกว่านั้น ผู้อาวุโสจี้ก็หายป่วยและออกจากโรงพยาบาลกลับมาแล้ว นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของราชา!
ในเวลานี้ตระกูลจี้ไม่ต่างจากพยัคฆ์ที่อัดแน่นไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลเขี้ยวที่แหลมคมและกรงเล็บที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือก กำลังรอใครสักคนที่โง่พอจะมายั่วยุ!
ถ้าทำให้ผู้อาวุโสจี้โกรธ…ถ้าทำให้ราชาโกรธ ศพจะเป็นล้าน เลือดจะกระเซ็นเป็นพันไมล์! (สำนวนจ้า~)
จะเลียหรือไม่เลีย! จี้ช่าวเหลยจ้องผู้ชายคนนั้นอย่างเย็นชา น้ำเสียงเริ่มดุดันขึ้น เขาโยนเสื้อนอกลงบนพื้น และชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว นายมีเวลาคิดอีกสามวินาที!
ฉันว่านะจี้ช่าวเหลยนายก็เกินไป… เฉียวเจียไคกำลังจะพูด แต่จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็หันหน้ามาแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เฉียวเจียไคถ้านายไม่อยากตายหล่ะก็ หุบปากซะ! จี้ช่าวเหลยพูดอย่างเย็นชา ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ได้นะ!
นาย…
ใบหน้าของเฉียวเจียไคแดงก่ำเมื่อถูกจี้ช่าวเหลยพูดใส่หน้าเขาไม่พอใจมากแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะดูเหมือนว่าจี้ช่าวเหลยจะโกรธมากจริงๆ และตั้งแต่ที่ผู้อาวุโสจี้กลับมา แน่นอนว่าผู้อาวุโสต้องรู้เรื่องที่แม่ของเขาถูกจี้เฟิงทำร้าย แต่ผู้อาวุโสจี้กลับไม่พูดอะไรสักคำ สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าบางทีการกระทำที่ล้ำเส้นไปบ้างของตระกูลเฉียวอาจจะทำให้ผู้อาวุโสจี้ไม่พอใจ!
และในสถานการณ์เช่นนี้ต่อให้มีสิบตระกูลเฉียวพวกเขาก็ไม่กล้าต่อสู้กับตระกูลจี้อย่างแน่นอน!
ฮึ่ม! เฉียวเจียไคพ่นลมอย่างเย็นชาแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
ชายหนุ่มที่ถูกจี้ช่าวเหลยจ้องมองก็หน้าซีดเพราะแม้แต่เฉียวเจียไคก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับจี้ช่าวเหลยในเวลานี้ และเขาซึ่งเป็นลูกหลานของตระกูลระดับสามจะกล้าเผชิญหน้ากับจี้ช่าวเหลยได้ยังไง
ในขณะนั้นเองทุกคนก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าถึงแม้จี้ช่าวเหลยจะออกจากหยานจิงไปหลายปีแล้ว แต่ในตอนที่เขายังอยู่ที่หยานจิงเขาได้ชื่อว่าเป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งของหยานจิง! มีคุณชายเสเพลมากมายขนาดไหนที่ต้องอยู่ในสภาพน่าอนาถหลังจากไปยั่วโมโหจี้ช่าวเหลยเข้า แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้กล้าไปกวนตีนเขาแบบนั้น
ในที่สุดจี้เฟิงก็ได้รู้ว่าพี่ชายคนที่สองของเขาคนนี้เป็นคุณชายเสเพลแบบไหน… นี่เรียกได้ว่าเป็นหัวโจก เป็นตัวพ่อในแวดวงเหล่าคุณชายเสเพลชัดๆ!
คุณชายที่เพิ่งหัดเกเรมาเจอตัวพ่อเข้าแบบนี้ ช่างน่าเวทนาจริงๆ…
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มอย่างจนใจแต่สายตาของเขากวาดมองไปที่ใบหน้าของคนรอบข้าง เขาคอยสังเกตปฏิกิริยาของคนเหล่านี้
คุกเข่าลง!และเลียเสื้อของฉันซะ! จี้ช่าวเหลยตะโกนอย่างเย็นชา (ผู้แปล : พอมีคำว่าเลีย จากเนื้อเรื่องโหดๆ มันออกไปแนวอีโรติกเฉยเลยแฮะ…)
ชายหนุ่มคนนั้นสั่นเทิ้มไปทั้งตัวเขารีบมองไปที่เฉียวเจียไค นายน้อยเฉียว! นายช่วยพูดอะไรหน่อยสิ…
ใครจะรู้ว่าเฉียวเจียไคทำเหมือนไม่ได้ยินเขาหันมองไปรอบๆ และไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่ชายคนนั้น
ใบหน้าของชายหนุ่มที่ซีดเผือด
ในตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าถูกเฉียวเจียไคหลอกใช้!
สาม! จี้ช่าวเหลยเริ่มนับถอยหลัง!