แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจก็คือถ้าเป็นตามที่จี้เสี่ยวหยูบอก เซียงยี่โหรวนั้นไม่ได้ชอบพี่รอง แต่พอเห็นพฤติกรรมของเธอเมื่อครู่ ก็ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกดีๆให้พี่รองอยู่ไม่น้อย
ขณะที่จี้เฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเหอหงเฉียงก็หัวเราะ น้องช่าวเหลย ฉันไม่คิดเลยว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปี เราก็ได้พบกันอีก แถมยังเป็นว่านหลี่คลับ ที่เดิมที่เดียวกับครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันอีกต่างหาก แบบนี้คงต้องเรียกว่าพรหมลิขิตสินะ!
จี้เฟิงรีบหันไปมองทันทีก่อนหน้านี้พี่รองเคยเล่าให้ฟังว่าเขาถูกขับไล่ออกจากว่านหลี่คลับ เพราะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเหอหงเฉียง ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องระวังตัวให้มาก
ใครจะรู้จี้ช่าวเหลยเพียงแค่ชำเลืองมองเหอหงเฉียงแวบหนึ่งจากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อยและไม่มองเขาอีก การกระทำของจี้ช่าวเหลยทำให้เหอหงเฉียงอดประหลาดใจไม่ได้และในขณะเดียวกันความโกรธก็เริ่มคุกรุ่น ทำเป็นเมินฉันงั้นเหรอ
เพราะความจริงแล้วที่เหอหงเฉียงเป็นฝ่ายทักทายจี้ช่าวเหลยก่อนและจงใจพูดหยอกล้อก็เพราะต้องการทำให้จี้ช่าวเหลยโกรธ แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะไม่ตอบโต้ใดๆเลย เพราะเขาต้องการให้จี้ช่าวเหลยโกรธจนสติหลุดและทำเรื่องโง่ๆจนต้องเสียหน้าเพราะการกระทำของตัวเองต่อหน้าเซียงยี่โหรว
เหอหงเฉียงได้ไปสอบถามเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของเซียงยี่โหรวมาเป็นอย่างดีเซียงยี่โหรวคือไข่มุกที่อยู่บนฝ่ามือของตระกูลเซียง เธอเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความงามแต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายของความกล้าหาญ นอกจากนั้นเธอยังเป็นกุลสตรีที่มีมารยาทและมีนิสัยอ่อนโยนที่ดึงดูดผู้ชายรอบตัวของเธออยู่ตลอดเวลา เธอเป็นเหมือนกุหลาบงามที่มีหนามแหลมคม และที่สำคัญคือเรื่องสเปคผู้ชายของเธอเหอหงเฉียงถามจนได้ความมาว่า เซียงยี่โหรวไม่ชอบผู้ชายอ่อนแอดูไม่มีความเป็นผู้นำ แต่ผู้ชายที่แข็งจนกระด้างเกินไปก็ไม่ชอบเช่นกัน
เธอชอบผู้ชายที่มีความเฉลียวฉลาดมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ควรจะเป็น มีความแข็งแกร่งแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องจิตใจดีด้วย แบบนี้ต่างหากที่เป็นผู้ชายในสเปคของเธออย่างแท้จริง
กว่าจะได้ข้อมูลสำคัญนี้มาเหอหงเฉียงต้องใช้รถสปอร์ตลัมโบกีนี่ ( Lamborghini ) มอบให้กับเพื่อนสนิทของเซียงยี่โหรว
ในแวดวงของพวกเขาแทบเป็นไปได้ยากที่จะมีเพื่อนแท้ ดูเหมือนว่าเพื่อนที่อยู่รอบๆตัวต่างมีแนวโน้มที่จะทรยศหักหลังคุณได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าหากมีผลประโยชน์ที่ดีพอจ่ออยู่ตรงหน้า พวกเขาจะไม่ลังเลอย่างแน่นอน
เพื่อนสนิทของเซียงยี่โหรวคนนี้เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งจากตระกูลชั้นสองแล้วเมื่อต้องเจอกับรถลัมโบกีนี่มาเป็นสิ่งล่อใจ แน่นอนว่าเธอไม่สามารถทนการยั่วยวนที่หวานหอมเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแค่ใช้ปากพูดเพื่อให้ข่าวก็สามารถแลกกับรถลัมโบกีนี่ได้แล้ว การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าแบบนี้ทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ
หลังจากที่รู้ข้อมูลเหล่านี้เหอหงเฉียงก็จงใจเข้าใกล้เซียงยี่โหรวและแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาด หวังที่จะสร้างความประทับใจให้กับเซียงยี่โหรว
อย่างไรก็ตามการลอกเลียนแบบพฤติกรรมนั้นสามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณจงใจแกล้งทำเหมือนเสือ คุณก็แค่ทำท่าทางให้เหมือนเสือที่แข็งแกร่งและแสดงพลังในทุกการเคลื่อนไหว ตราบใดที่คุณใส่ใจกับมันเพียงเล็กน้อยมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ความเฉลียวฉลาดไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสแสร้งได้ บางครั้งเพียงแค่สายตาหรือคำพูดเพียงประโยคเดียวคุณก็สามารถทำให้คนอื่นเห็นได้แล้วว่าคุณเป็นคนฉลาดหรือไม่
เหอหงเฉียงไม่ใช่คนฉลาดตามสเปคของเซียงยี่โหรวและแน่นอนว่าเซียงยี่โหรวดูออกเธอจึงไม่ได้มีท่าทีอะไรกับเหอหงเฉียงเป็นพิเศษออกจะเย็นชาด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอปฏิเสธทางอ้อมแล้ว เธอก็ทำได้แค่เพียงรอให้เขาออกไปเอง
และถึงแม้เหอหงเฉียงจะไม่ใช่คนฉลาดแต่เขาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลใหญ่ๆดี ถ้าผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่ายไม่พูดเรื่องของเขากับเซียงยี่โหรวให้ ความฝันของเขาก็คงเป็นได้แค่แสงอันเลือนราง
และการที่จะให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เนื่องจากตระกูลของทั้งสองฝ่ายต่างไม่ใช่ตระกูลเล็กๆระดับสองหรือระดับสามด้วยสถานะของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับตระกูลใหญ่ด้วยกันเองเพื่อสร้างฐานอำนาจเพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาต้องการที่จะแต่งงานกันจริงๆ ตระกูลของพวกเขาก็จะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเข้มแข็งมาก และตระกูลอื่นๆจะเกิดความหวาดกลัว ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะไม่ดีนัก เพราะพวกเขาอาจจะกลายเป็นเป้าโจมตี เมื่อผู้คนที่หวาดกลัวถูกผลักดันจนต้องมารวมตัวกัน
การกระทำที่โง่เขลาเช่นนี้คนในตระกูลเหล่านั้นจะคิดทำมันง่ายๆได้อย่างไร
รู้หรือไม่ว่าตระกูลเหล่านี้กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้สิ่งแรกเลยที่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือพวกเขาไม่ใช่คนโง่ แต่ละคนนั้นมีสมองและความคิดที่ชัดเจนมาก
สำหรับผู้อาวุโสตระกูลเซียง…ด้วยทัศนคติที่พวกเขาให้ความสำคัญต่อเซียงยี่โหรวมาก ตราบใดที่เซียงยี่โหรวไม่เต็มใจ พวกเขาก็จะไม่ยอมให้ไข่มุกในมือของพวกเขาต้องแต่งงานกับเหอหงเฉียงอย่างแน่นอน
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้เหอหงเฉียงจึงแทบไม่มีความหวังเลย
เพราะเหตุนี้เหอหงเฉียงจึงไม่อยากให้จี้ช่าวเหลยมาตัดหน้าแย่งสาวงามจากเขาไปต่อหน้าต่อตานี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังไว้แน่
ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดจายั่วยุเพื่อกระตุ้นความโกรธของจี้ช่าวเหลยและตั้งใจที่จะยินยอมให้เขาทุบตีสักสองสามครั้ง ตราบใดที่จี้ช่าวเหลยทำตัวป่าเถื่อนเสียมารยาทต่อหน้าเซียงยี่โหรว ก็เท่ากับว่าเขาได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเหอหงเฉียงก็คือจี้ช่าวเหลยไม่เพียงแต่จะไม่ตอบสนองการยั่วยุของเขา แต่จี้ช่าวเหลยกลับเลือกที่จะเมินเฉยและทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนแทน!
ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เหอหงเฉียงโกรธจัด
ถ้าคนที่อยู่ตรงนี้เป็นจี้ช่าวตงพี่ชายคนโตของจี้ช่าวเหลยแล้วเขามีท่าทีไม่สนใจตัวเขาแบบนี้ เหอหงเฉียงอาจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่ถึงกับโกรธแบบนี้แน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านความสามารถ ความฉลาดหลักแหลม และฐานะทางสายงาน เขาไม่สามารถเทียบได้เลย บางทีคนที่พอจะเทียบเคียงกับจี้ช่าวตงได้อย่างสูสี ก็คงจะมีแต่เหอหงเหว่ยพี่ชายคนโตของเขาเท่านั้น!
แต่นี่แม้แต่จี้ช่าวเหลยก็ยังกล้าเมินเฉยเขางั้นเหรอ
ทันใดนั้นใบหน้าของเหอหงเฉียงก็ดูน่าเกลียดเขาจ้องไปที่จี้ช่าวเหลยอย่างเย็นชาและพูดด้วยท่าทางที่พยายามแสดงว่าเขาไม่ใส่ใจว่า น้องช่าวเหลย ไม่ได้เจอกันหลายปีความอารมณ์ร้อนก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้วเหรอ ดูเหมือนว่าเจียงโจวจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการดูแลผู้สูงอายุจริงๆ!
มันไม่สำคัญว่าเจียงโจวจะเหมาะสำหรับการดูแลผู้สูงอายุหรือเปล่า จี้ช่าวเหลยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับมองสีหน้าน่าเกลียดของเหอหงเฉียง ที่สำคัญคือสิ่งที่นายกำลังทำอยู่มันเป็นการสร้างปัญหาให้กับพี่ชายของนาย! นาย…. เหอหงเฉียงโกรธมาก ไอ้เด็กนี่มันคิดว่ามันเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดจากับเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเป็นผู้อาวุโสกว่าแบบนี้!
เหอหงเฉียงนายไม่ต้องโกรธไปหรอก! จี้ช่าวเหลยเหลือบมองไปที่เหอหงเฉียงและกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า ตามหลักแล้วงานเลี้ยงครั้งนี้นายก็ถือว่าเป็นเจ้าภาพอยู่ครึ่งนึง ฉันเลยตั้งใจว่าจะไว้หน้านายบ้าง แต่สิ่งที่นายทำ…เหอๆพูดง่ายๆ ที่วันนี้ฉันมาที่นี่ก็เพราะพวกนายเป็นคนเชิญฉันมา แต่ถ้าเจ้าภาพไม่ต้อนรับ จะให้ฉันกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ
เหอหงเฉียงตกใจและใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น
ถ้าจี้ช่าวเหลยกลับเสียตั้งแต่ตอนนี้นั่นก็หมายความว่าตระกูลเหอกับตระกูลจี้จะแตกแยกกันโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามจี้ช่าวเหลยก็เป็นแขกที่พี่ใหญ่เชิญมา ถ้าเขาต้องกลับเพราะถูกไล่ออกไป ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าตระกูลจี้แล้ว! แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อวดดีมากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะแบกรับผลที่ตามมา
แต่หากจะให้เขาพูดเพื่อรั้งจี้ช่าวเหลยเอาไว้เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
เหอหงเฉียงได้แต่ยืนนิ่งอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
จี้ช่าวเหลยยิ้มบางๆสายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลนอย่างที่สุด จากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วหันไปหาจี้เฟิง น้องสามเราไปกันเถอะ งานเลี้ยงนี้ไม่มีอะไรน่าสนุกแล้วล่ะ!
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าเขาเองก็มองออกว่างานเลี้ยงนี้ไม่มีความหมายอะไร นอกจากพวกลูกคุณหนูจอมเสเพลบางคนที่พยายามทำตัวเท่ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าสาวๆ ส่วนผู้หญิงพวกนั้นก็ทำท่าทางยั่วยวนแต่ก็ต้องพยายามคีปลุคความเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่เอาไว้ พวกเขาต่างยั่วยวนซึ่งกันและกันโดยต้องอยู่ในคราบของความเป็นลูกผู้ดี สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้จี้เฟิงรู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย
หากจะบอกว่ามีคนที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกสนใจจริงๆก็คงจะมีเพียงแค่นายน้อยตระกูลเหอเหอหงเหว่ยเท่านั้น เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าจี้เฟิงก็พอจะรู้ว่าคนคนนั้นไม่ธรรมดา ท่วงท่าการเคลื่อนไหวและบุคลิกโดยรวมล้วนดูพิเศษแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำระดับสูงที่ทำให้ผู้คนอดที่จะชื่นชมไม่ได้
บุคลิกของเหอหงเหว่ยเมื่อเทียบกับพี่ชายคนโตจี้ช่าวตงที่สุขุมแล้วเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองนั้นมีสไลต์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความร้ายกาจนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างกันเลยทีเดียว
ในหัวของจี้เฟิงมีภาพการพบกันของพี่ชายคนโตจี้ช่าวตงและเหอหงเหว่ยผู้ชายที่มีบุคลิกโดดเด่นทั้งสองคนมาเผชิญหน้ากัน มันต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ!
นอกจากนายน้อยเหอคนนี้แล้วจี้เฟิงก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกต่อไปคนเหล่านี้ไม่มีค่าพอที่จะทำให้เขาต้องจดจำ
มีอีกเรื่องที่จี้เฟิงยังติดใจสงสัยเฉียวเจียไคที่ตอนนี้ควรจะอยู่ในคุกที่เจียงโจวมาปรากฏตัวที่หยานจิงได้ยังไง
จากที่หมอนั่นบอกมันบอกว่าได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อรับการรักษาพยาบาลอะไรสักอย่าง แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นว่าหมอนั่นจะดูเหมือนคนป่วยตรงไหน!
การปรากฏตัวของเฉียวเจียไคทำให้จี้เฟิงรู้สึกไม่สบายใจ
จี้เฟิงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเอาชนะเฉียวหรงเทียนกั๋วถงและคนอื่นๆ และผลสุดท้ายเขาก็สามารถทำให้เฉียวเจียไคและพรรคพวกต้องเข้าไปอยู่ในคุก แต่เพิ่งจะผ่านไปได้แค่สองสามเดือน เฉียวเจียไคก็ออกมาเชิดหน้าชูคอในงานเลี้ยงได้แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะปิดบังอะไรอีกต่างหาก! แปลกจริงๆ!
พอเห็นว่าจี้ช่าวเหลยกับจี้เฟิงกำลังจะจากไปจริงๆเหอหงเฉียงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ถ้าพี่ใหญ่รู้ว่าจี้ช่าวเหลยกับจี้เฟิงกำลังจากไปเพราะเขาเป็นคนไปยั่วโมโหอีกฝ่ายเมื่อถึงตอนนั้นถ้าพี่ใหญ่ไม่ถลกหนังของเขาก็คงแปลกแล้ว!
แต่เหอหงเฉียงไม่อาจยอมเสียฟอร์มกับเรื่องแบบนี้ได้
สุดท้ายเขาก็ได้แต่ยืนมองจี้ช่าวเหลยกับจี้เฟิงเดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลย
หลังจากที่จี้ช่าวเหลยเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หันกลับมา เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า ยี่โหรวตอนนี้มันก็ยังไม่ดึกมาก ถ้าเธอไม่รังเกียจเราไปหาที่นั่งดื่มด้วยกันหน่อยดีมั้ย
เหอหงเฉียงตกใจและรีบมองไปที่เซียงยี่โหรวทันทีและคาดหวังอย่างสุดหัวใจว่าเธอจะปฏิเสธ ยี่โหรวเธอจะไปไม่ได้นะ ถ้าที่นี่ขาดเธอไปมันก็ไม่มีอะไรแล้ว!
จี้ช่าวเหลยแค่รอด้วยรอยยิ้มจางๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเขาต้องการให้เซียงยี่โหรวตัดสินใจด้วยตัวเอง และไม่ว่าเธอจะตอบตกลงหรือไม่ เขาก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอ
ที่นี่ขาดฉันไปอาจจะน่าเบื่อแต่ถ้าหากฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันนี่แหละที่จะเบื่อสุดๆ เอาเป็นว่าฉันไปกับนายด้วยดีกว่า! เซียงยี่โหรวเหลือบมองไปที่เหอหงเฉียงที่มีสีหน้าน่าเกลียดสุดๆ เธอหัวเราะเบาะๆและกล่าวว่า คุณชายรอง ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีของคุณนะคะ ฉันจะจำมันไว้!
เซียงยี่โหรวเดินสองสามก้าวอย่างรวดเร็วไปหาจี้ช่าวเหลยเธอยิ้มและกล่าวว่า ถ้าชวนฉันไปดื่ม ก็ขออะไรที่มันแรงๆหน่อยนะ เพราะถ้าไปดื่มอะไรเบาๆ ฉันไม่ไปดีกว่า!
แล้วแต่นายหญิงจะโปรดเลยขอรับ! จี้ช่าวเหลยหัวเราะ
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องโถงไปโดยไม่สนใจเหอหงเฉียงที่ยืนอึ้งด้วยใบหน้าน่าเกลียดเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงหากเป็นลูกหลานของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง คงไม่มีใครกล้าหักหน้าคนของตระกูลเหอเช่นนี้ แต่เซียงยี่โหรวกับจี้ช่าวเหลยต่างออกไป ทั้งสามตระกูลมีอำนาจและอิทธิพลที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ไม่มีใครกลัวใคร แล้วทำไมพวกเขาจะต้องไว้หน้าอีกฝ่ายด้วย