เมื่อได้ยินคำถามของเว่ยเฉินหลิงชายแปลกหน้าในชุดสูทก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดยิ้มๆว่า วางใจเถอะเสี่ยวเว่ย ฉันล็อกเอกสารไว้ในตู้เซฟว่างๆตู้หนึ่งของแผนกการเงิน ส่วนกุญแจก็มีฉันเพียงคนเดียวที่เก็บไว้ขอแค่เราไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ว่าเอกสารการยืนยันอยู่ในแผนกการเงิน!
เมื่อเว่ยเฉินหลิงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงทันทีเขายิ้มและกล่าวว่า หัวหน้าฉินนี่ช่างคิดจริงๆ… แต่ถ้าจู่ๆคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาขอตรวจสอบเอกสารขึ้นมา หัวหน้าฉินมีแผนรับมือยังไงเหรอครับ
หัวหน้าฉินแค่นเสียงตอบอย่างไม่ใส่ใจเก็บเอกสารไม่ดี มันก็เลยหายไป!
แต่ว่า…เว่ยเฉินหลิงยังคงไม่สบายใจเขาจึงพูดขึ้นอย่างลังเลแต่ถูกเว่ยเฉียงพูดขัดจังหวะด้วยลิ้นแข็งๆของเขา
ใบหน้าของเว่ยเฉียงแดงก่ำเขาโบกมือและขัดจังหวะการพูดของเว่ยเฉินหลิงอย่างไม่ใส่ใจ ลูกพี่ลูกน้อง นายขี้กลัวเกินไปแล้ว ระแวงนู่นระแวงนี่จู้จี้จุกจิกอย่างกับผู้หญิง!
คำพูดเหล่านี้ทำให้เว่ยเฉินหลิงรู้สึกกระอักกระอ่วนริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เห็นได้ชัดว่าเว่ยเฉินหลิงรู้สึกเกรงใจเว่ยเฉียงอยู่ไม่น้อย
น้องชายไม่ใช่ว่าฉันกลัวว่าจะมีคนระดับหัวหน้ามาตรวจสอบเพียงอย่างเดียว แต่ฉันกังวลว่าแฟนหนุ่มของเธอจะตามสืบเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อยแล้วมันจะทำให้เรื่องมันยุ่งยาก… ผ่านไปครู่หนึ่งเว่ยเฉินหลิงก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายด้วยความกระอักกระอ่วน
เห้ยๆกลัวอะไรไม่กลัวแต่ไปกลัวไอ้แฟนหนุ่มบ้านนอกของถงเล่ยเนี่ยนะ มันจะเอาปัญญาที่ไหนมาสร้างปัญหา? ฉันจะบอกอะไรให้นะพี่ชาย ถ้าไม่ใช่เพราะความกังวลว่าเรื่องมันจะใหญ่โตเกินไปจนอาจทำให้เกิดผลกระทบล่ะก็ ฉันคงหาคนมาเก็บไอ้บ้านนอกนั่นไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้มันมาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้หรอก! อีกอย่างต่อให้มันตามสืบเรื่องนี้แล้วยังไง…
เว่ยเฉียงชำเลืองมองเว่ยเฉินหลิงและพูดอย่างดูถูกว่าเฮ้อ~ พี่ชาย ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่านายมีสมองแค่นี้แล้วไปเป็นรองประธานสภานักศึกษาได้ยังไง ถ้าถึงเวลามีหัวหน้าแผนกไหนก็ตามมาขอตรวจสอบเอกสาร ตราบใดที่หัวหน้าฉินยืนยันว่าเอกสารหายไปแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้ ระหว่างเอกสารที่ไม่มีอยู่จริงกับหลักฐานว่าถงเล่ยที่ทำผิดกฎอย่างชัดเจน สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเลือกที่จะทำตามกฎของมหาวิทยาลัย ถ้านายคิดว่าหัวหน้าพวกนั้นจะกล้ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหัวหน้าฉิน นายมันก็สมองหมูแล้ว!
น้องชายนายเมาแล้ว! ใบหน้าของเว่ยเฉินหลิงดูน่าเกลียดเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วอย่าอดไม่ได้
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองเว่ยเฉียงพึ่งพาความร่ำรวยของครอบครัว และแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องเขาก็ไม่เคยเห็นหัว ทุกครั้งที่เว่ยเฉินหลิงถูกเว่ยเฉียงขอให้ทำอะไรบางอย่าง มันดูเหมือนจะเป็นคำสั่งที่สั่งคนรับใช้มากกว่า แล้วจะไม่ให้เขาโกรธเคืองได้อย่างไร
และที่สำคัญด้วยความที่เว่ยเฉินหลิงเป็นรองประธานสภานักศึกษาเขาจึงมีช่องทางข่าวมากกว่าเว่ยเฉียงเขาเคยได้ยินคนพูดว่าแฟนของถงเล่ยขับรถ BMW x6 มาเรียน
….เด็กบ้านนอกจนๆจะถึงขนาดขับรถBMW x6 มาเรียนเลยเชียวเหรอ
แม้ว่าพ่อของเว่ยเฉียงจะเป็นรองประธานบริษัทก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่แต่เขาก็ไม่เคยขับรถที่ดีไปกว่าหรือเทียบเท่า BMWx6 เลยด้วยซ้ำ
แต่ด้วยความหยิ่งยโสของเว่ยเฉียงทำให้เว่ยเฉินหลิงต้องเก็บความกังวลเหล่านี้ไว้ในใจเพราะต่อให้พูดออกมาเขาก็รู้ดีว่าคนที่โง่แล้วอวดฉลาดอย่างเว่ยเฉียงคงจะไม่รับฟังอยู่ดี
เหอะ!เว่ยเฉียงเบ้ปากและเหลือบมองเว่ยเฉินหลิงอย่างดูถูก แม้ว่าเว่ยเฉินหลิงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาแต่ครอบครัวของเว่ยเฉินหลิงยากจนมาก แม้แต่เงินที่ใช้ในการเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังต้องให้พ่อของเขาช่วยเหลือ เว่ยเฉียงจึงไม่เคยเห็นเว่ยเฉินหลิงอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกับเขาเลย
เว่ยเฉียงยกแก้วขึ้นแล้วชนกับหัวหน้าฉินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขายิ้มและพูดว่า หัวหน้าฉิน ฝากเรื่องนี้ด้วยแล้วกันนะครับ นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่ผมรับปากพวกคุณทั้งสามคนไว้ หวังว่าพวกคุณจะไม่รังเกียจและรับมันไว้นะครับ!
หลังจากพูดจบเว่ยเฉียงก็หยิบบัตรเครดิตสามใบออกมาจากกระเป๋าและยื่นมันให้กับพวกเขา
จ้าวไคที่ถ่ายวิดีโออยู่ตรงประตูถึงกับฉีกยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้พลางคิดในใจว่า หลักฐานชัดขนาดนี้ ไม่ตายก็ต้องมีช็อกจนลืมนามสกุลกันบ้างล่ะ!
แม้ว่าจ้าวไคจะดูเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูดแต่สำหรับเรื่องที่เว่ยเฉียงและพรรคพวกของเขาทำ มันทำให้จ้าวไคโกรธมาก
จ้าวไคเกิดและเติบโตมาครอบครัวข้าราชการชั้นสูงดังนั้นเรื่องของการใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่นจึงไม่แปลกสำหรับเขา และเขายังรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นรอบตัวเขาเกือบทุกวัน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้ เขาก็หวังว่าเขาจะได้เห็นด้านที่บริสุทธิ์บ้าง
ดังนั้นความโกรธของจ้าวไคที่มีต่อเรื่องนี้จึงไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่
ในเวลานี้จี้เฟิงที่มองเหตุการณ์นี้ผ่านช่องเล็กๆของประตูก็ส่ายหัวเล็กน้อยเขาตบไหล่จ้าวไคเบาๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า ถ่ายเก็บไว้หมดแล้วใช่มั้ย
จ้าวไคพยักหน้าด้วยสีหน้ามืดมนและเก็บโทรศัพท์
จู่ๆจี้เฟิงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้เขาแสยะยิ้มและหันไปหาจางเล่ย เล่ยซือ นายจำตอนที่เราจัดการกับซูหม่าได้หรือเปล่า จำได้มั้ยว่าเราจัดการมันยังไง? เรามาทำกันอีกซักรอบดีกว่า!
หึหึ!
แววตาของจางเล่ยเป็นประกายขึ้นมาทันทีตั้งแต่ที่พวกเขาเรียนจบม.ปลายมา มันยากมากที่จะได้เห็นจี้เฟิงต่อยตีกับใคร ยกเว้นพวกอันธพาลที่เจอตรงหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์เมื่อตอนนั้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นจี้เฟิงได้ลงมือกับใครอีกเลย
จัดไปดิคันไม้คันมือมานานแล้ว! จางเล่ยรีบปลดกระดุมที่คอเสื้อของเขาทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะเข้าไปตอนนี้และกระทืบไอ้สารเลวที่อยู่ในห้องนี้ให้ตายคาตีน!
จี้เฟิงคุณต้องการจะลงไม้ลงมือด้วยตัวเองจริงๆเหรอ จ้าวไคดันแว่นตาของเขาขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า ตอนนี้คุณมีหลักฐานแล้ว คุณสามารถดำเนินการเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงลงมือด้วยตัวเอง…
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีหลักฐานนี้อยู่ในมือฉันก็คงไม่ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้หรอก อุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ มันจะช่วยอะไรได้อีกเยอะเลยล่ะ! นายแค่เก็บหลักฐานไว้ให้ดีก็พอ! จี้เฟิงขัดจังหวะเขาและส่ายหัว วิธีการสุภาพชนแบบนั้นมันเหมาะที่จะใช้กับคนอื่นมากกว่า แต่กับไอ้สารเลวพวกนี้มันไม่มีค่าคู่ควรพอหรอก! สู้เข้าไปตบกะโหลกสั่งสอนซักทีสองทีหรือรุมกระทืบให้กระอักเลือดคาตีนน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าและเห็นผลไวกว่าและยังเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนเลวๆอย่างพวกมัน!
เขาหันหน้าไปหาจางเล่ยพวกเขาสองคนมองหน้ากันและยิ้มจากนั้นก็ยกขาขึ้นสูงกันคนละข้างและถีบประตูพร้อมกันอย่างแรง!
ปัง!
ประตูห้องอาหารส่วนตัวถูกเปิดออกทันทีไม่รู้ว่าเพราะแรงของสองคนนั้นเยอะเกินไปหรือคุณภาพของประตูไม่ได้มาตรฐาน ประตูบานนั้นถึงกับหลุดกระเด็นและหักออกเป็นสองท่อน! จี้เฟิงและจางเล่ยก้าวเข้าไปทันทีและได้รับการต้อนรับด้วยสายตา5 คู่ที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
วูบ—!
จู่ๆจี้เฟิงกับจางเล่ยก็สัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดมาจากทางด้านหลังพวกเขาหันศีรษะไปพร้อมกันและเห็นเก้าอี้บินจากหน้าประตูแหวกกลางระหว่างพวกเขาสองคนและกระแทกเข้ากับโต๊ะอาหารของเว่ยเฉียงและคนอื่นๆ
ตูม—!
หัวหน้าฉินที่นั่งหันหน้าเข้าหาประตูถูกน้ำซุปที่อยู่บนโต๊ะสาดใส่เข้าไปเต็มๆเขาตกใจเอนตัวไปด้านหลังอย่างทุลักทุเลจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
เมื่อมองไปที่ประตูก็พบว่าตู้เส้าเฟิงฮั่นจงและจ้าวไคต่างก็เดินตรงเข้ามาด้วยเช่นกัน
เรื่องสนุกๆแบบนี้จะขาดเหล่าตู้ไปได้อย่างไรฮ่าๆๆๆ!! ตู้เส้าเฟิงพูดพลางหัวเราะเสียงดัง ฉันก็ไม่ได้ลงมือมานานแล้ววันนี้ฉันเลยคิดว่าจะมาออกกำลังกายสนุกๆเพื่อยืดเส้นยืดสายซะหน่อย! ฮั่นจงยิ้มน้อยๆ
ถึงแม้ปกติผมจะไม่ค่อยชอบการลงไม้ลงมืออะไรแบบนี้นัก แต่จะปล่อยให้พี่น้องทำงานโดยที่ผมยืนดูเฉยๆก็เกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่ ผมจะขอร่วมด้วยก็แล้วกัน! จ้าวไคดันแว่นของเขาตามความเคยชินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
จี้เฟิงถึงกับหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ เอาล่ะ! วันนี้พวกเราพี่น้องทั้งห้าจะมากำจัดสัตว์เดรัจฉานพวกนี้กัน!
จี้เฟิงหยิบขวดเหล้าขึ้นมาจากพื้นรอยยิ้มร่าเริงบนใบหน้าของเขาค่อยๆหายไปและแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียมและสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชากวาดมองไปยังบุคคลทั้งห้าที่มีสีหน้าตกตะลึง
พวกแกเป็นใครกัน!ทำไมจู่ๆถึงบุกเข้ามาในห้องของพวกเรา! หัวหน้าฉินรีบจัดการน้ำซุปและเศษอาหารที่หกเลอะเทอะอยู่บนตัวเขาอย่างวุ่นวาย เขาลุกขึ้นยืนด้วยและตะโกนด้วยความโมโห นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เสี่ยวเว่ย รีบโทรแจ้งตำรวจเร็ว… โอ๊ย!
ก่อนที่เขาจะพูดจบขวดเหล้าที่อยู่ในมือของจี้เฟิงก็พุ่งเข้าใส่เขา
เปรี้ยง—!
ใบหน้าของหัวหน้าฉินถูกขวดเหล้าแข็งๆที่ทำจากแก้วอย่างดีกระแทกใส่จนขวดเหล้าแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกกระจายอยู่บนพื้นเมื่อมองหน้าของหัวหน้าฉินจะเห็นว่าใบหน้าของหัวหน้าฉินเต็มไปด้วยเศษแก้วและเลือดสดๆก็ค่อยๆไหลลงมาจากหน้าผาก จมูกก็ดูเหมือนจะยุบลงไปและมีเลือดสดๆไหลทะลักออกมา
หวืดดด~เปรี้ยง—!
ขวดเหล้าอีกขวดลอยมากระทบหน้าผากของหัวหน้าฉินทำให้ผู้อำนวยการฉินที่ยังมึนงงและเจ็บปวดจากขวดที่แล้วถึงกับเซถลาและล้มลงไปนอนกองกับพื้นทันที! ฮั่นจงเช็ดเหล้าที่อยู่บนมืออย่างดูแคลนปากก็ด่าว่า แม่งเอ๊ย! ฉันอยากลองทำแบบนี้มานานแล้ว! เป็นถึงระดับหัวหน้าใหญ่แท้ๆ แต่กลับรับสินบนจากนักศึกษาเพื่อช่วยมันกลั่นแกล้งผู้หญิงตัวเล็กๆเนี่ยนะ!
ตึกตัก—!!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เว่ยเฉินหลิงที่เดิมทีหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกถึงกับหน้าถอดสีและหัวใจสั่นรัวด้วยความหวาดกลัว
หากจนถึงตอนนี้แล้วเขายังไม่เข้าใจอีกว่าคนพวกนี้เป็นใครตำแหน่งรองประธานสภานักศึกษาก็คงจะมีอยู่อย่างไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นเพื่อนของถงเล่ยอย่างแน่นอน!
ถึงตาฉันกับจ้าวไคแล้วฉันขอไอ้สองคนนี้ก็แล้วกันนะ! ตู้เส้าเฟิงเห็นหัวหน้าฉินถูกขวดเหล้าของจี้เฟิงและฮั่นจงกระแทกหน้าจนสลบไป เขาก็อดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป เขาชี้ไปที่เพื่อนร่วมงานสองคนของหัวหน้าฉิน นั่นก็คือชายสวมแว่นคนนั้นกับพนักงานอีกคนที่อยู่แผนกการจัดการทั่วไปเหมือนกัน เหล่าจ้าว คนที่ใส่แว่นคนนั้นฉันยกให้นาย!
ทันทีที่เสียงของตู้เส้าเฟิงลดลงพวกเขาก็เคลื่อนไหวโดยทันที พวกเขาสองคนมองหาขวดเหล้าเพื่อจะทำอย่างจี้เฟิงกับฮั่นจงบ้าง
ชายสวมแว่นจำจี้เฟิงได้เขารีบลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกนว่า จี้เฟิง! นายต้องการอะไร
แกยังกล้าเรียกชื่อจี้เฟิงอีกงั้นเหรอ!ตู้เส้าเฟิงถลึงตาใส่เขา เขาไม่สนใจที่จะหาขวดเหล้าอีกต่อไป เขาหยิบเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือของเขาที่สุดและขว้างมันออกไป
อ๊า——!ชายสวมแว่นร้องด้วยความตกใจและพยายามจะหลบ
แต่ตู้เส้าเฟิงไม่ได้มีดีเพียงแค่พละกำลังเขายังคงรวดเร็วและคล่องแคล่วด้วย
เก้าอี้ที่ถูกโยนออกไปด้วยความเร็วและความแรงจากน้ำมือของตู้เส้าเฟิงมีหรือที่ชายสวมแว่นจะหลบทัน
มีเพียงเสียง‘โครม’ และ ‘อั่ก!’ ดังขึ้นจากนั้นชายสวมแว่นที่ถูกเก้าอี้กระแทกไปเต็มๆก็ถึงกับล้มลงบนพื้นและสลบไปทันที
ที่จริงฉันไม่อยากจะสู้กับคนสวมแว่นหรอกนะแต่นายกลับมาบีบบังคับฉัน! ตู้เส้าเฟิงแค่นเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็หันไปมองพนักงานคนสุดท้ายที่เหลือ เขาฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนกำลังจะได้เล่นสนุก นี่สิที่ฉัน…
ฟ้าว—!โครม—!
เก้าอี้อีกตัวบินมาแล้วพนักงานคนสุดท้ายก็สลบไป
ตู้เส้าเฟิงหันกลับไปมองและเห็นจ้าวไคดันแว่นตาขึ้นเหมือนเช่นทุกครั้งก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างที่จริงคนที่ผมชอบต่อสู้ด้วยคือคนที่ไม่ได้สวมแว่นตา…
พนักงานทั้งสามคนของแผนกสำนักงานทั่วไปถูกจัดการจนสลบไปส่วนคนที่เหลือตอนนี้มีเพียงเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด เจ้าบ้าไอ้สารเลวสองตัวนี้ปล่อยให้ฉันจัดการก็แล้วกัน! จางเล่ยหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาเลียริมฝีปากและพูดด้วยเสียงต่ำ ฉันจะต้อนรับขับสู้อย่างดีเลยทีเดียวเชียว!
หนึ่งต่อหนึ่ง!จี้เฟิงกล่าวเสียงเรียบ
อย่างไรก็ตามทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ก็อดตัวสั่นไม่ได้ภายใต้น้ำเสียงที่สงบนิ่งของจี้เฟิง สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่กลับเป็นจิตสังหารที่รุนแรง!