อ๊ะ!
จี้เฟิงวิ่งขึ้นบันไดไปสองสาวก้าวก่อนจะอุ้มเซียวหยูซวนขึ้นมาและวิ่งขึ้นไปข้างบน
เซียวหยูซวนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจแขนเรียวเล็กสีขาวราวกับหิมะของเธอรีบโอบรอบคอของจี้เฟิงไว้ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
ปัง! จี้เฟิงปิดประตูหลังจากที่อุ้มเซียวหยูซวนเข้ามาในห้องนอน จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียงและโน้มตัวลงตามไปทันที
นักเลงตัวน้อยจะทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! เล่ยเล่ยยังอยู่ที่ห้องนอนข้างๆ! เซียวหยูซวนรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที แต่ภายในดวงตาคู่งามของเธอนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา นายควรไปหาเล่ยเล่ยก่อนนะ!
จี้เฟิงกำลังจะพยักหน้าแต่เสียงเปิดประตูก็ได้ดังขึ้นจากนั้นสาวงามราวกับนางฟ้าก็เดินเข้ามาและหัวเราะคิกคัก พี่หยูซวนวันนี้เป็นวันของพวกคุณสองคน อย่าเอาฉันไปเกี่ยวตามสบายเลย! ฮี่ฮี่~!
เมื่อพูดจบถงเล่ยก็ช่วยพวกเขาปิดประตูห้องนอนและเดินออกไปทันที
ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อเธออดไม่ได้ที่จะตบไหล่ของจี้เฟิงและพูดอย่างไม่พอใจ ดูสิเป็นเพราะนายแท้ๆเลย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะกล้าสู้หน้าเล่ยเล่ยได้ยังไง! เจ้านักเลงน้อย!
จี้เฟิงหัวเราะคิกคักและไม่สนใจคำบ่นของเซียวหยูซวนอีกต่อไปเขาก้มหัวลงและจูบริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอและดูดลิ้นเล็กๆของเธออย่างตะกละตะกลาม
อื้ออ~ เซียวหยูซวนพูดไม่ได้อีกต่อไปเหลือเพียงเสียงอู้อี้ที่ขึ้นจมูก ทันทีที่ร่างกายของเธอถูกกดทับโดยร่างของจี้เฟิง เธอก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ร่างกายของเธออ่อนยวบและปล่อยให้จี้เฟิงทำตามต้องการ
หลังจากที่ผ่านครั้งแรกจี้เฟิงก็มีประสบการณ์มาพอสมควร เขาถอดชุดนอนของเซียวหยูซวนออกอย่างชำนาญ และทันใดนั้นสิ่งที่น่าทึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ลมหายใจของจี้เฟิงถี่ขึ้นทันทีเขาก้มศีรษะลงและเริ่มจูบที่เนินอกของเซียวหยูซวนอย่างอ่อนโยน
อื้มม~ กำแพงบางๆที่เรียกว่าความเขินอายของเซียวหยูซวนพังทลายลงทันที เหมือนว่าเธอจะลืมไปแล้วว่าเธออยู่ที่ไหน เซียวหยูซวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและรู้สึกถึงความรักของจี้เฟิง…
อ๊า~!
เมื่อจี้เฟิงที่จูบไซร้เนินอกค่อยๆไล่ลงต่ำมาเรื่อยๆพร้อมกับลูบไล้ขาที่เรียวยาวของเธออย่างแผ่วเบาเซียวหยูซวนก็รู้สึกอ่อนยวบราวกับร่างกายของเธอจะจมหายไปกับเตียงนอน แต่จู่ๆจี้เฟิงก็ยกขาของเธอขึ้น และบรรจงจูบตรงส่วนนั้นอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นร่างกายของเซียวหยูซวนก็แข็งเกร็งขึ้นมาทัน แต่มันกลับเป็นความรู้สึกอันยอดเยี่ยมที่ยากจะอธิบาย สัมผัสที่จี้เฟิงมอบให้มันทำให้จิตสำนึกของเธอหายไปในทันที
เธอจับศีรษะของจี้เฟิงไว้แน่นตามสัญชาตญาณราวกับว่าเธออยากจะหลอมรวมเขาเข้ากับร่างกายของเธอ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จู่ๆเซียวหยูซวนก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอเบาหวิว เหมือนกับว่าตัวเธอนั้นสามารถบินได้ จากนั้นเธอก็กรีดร้องออกมาและร่างกายก็เกร็งแน่น ขาที่เรียวงามทั้งสองข้างของเธอดิ้นรนอย่างหนัก สองมือของเธอจับผ้าปูที่นอนและกำมันแน่นพร้อมกับร่างกายของเธอที่สั่นสะท้าน
เมื่อจี้เฟิงเงยหน้าขึ้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะขยับตัวขึ้นและกดทับร่างอันบอบบางของเซียวหยูซวนและกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบาว่า หยูซวนเธอมีความสุขมั้ย
ฉัน..รู้สึกดีฉันมีความสุขมาก… มีความหลงใหลเคลิบเคลิ้มอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอ ริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธอแดงระเรื่อและผ่อนลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย
ฉันไปหยานจิงตั้งนานเธอคิดถึงฉันรึเปล่า จี้เฟิงถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็วและถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ฉันคิดถึงนาย… เซียวหยูซวนกล่าวอย่างเขินอายแต่แฝงไว้ด้วยความคาดหวัง
คิดถึงเรื่องไหน จี้เฟิงยิ้มอย่างชั่วร้ายและลูบไล้ไปตามต้นขาของเซียวหยูซวน เธอคิดถึงฉันหรือว่าเธอต้องการฉันกันแน่?
เซียวหยูซวนเกร็งตัวแน่นและกล่าวอย่างเขินอาย ฉัน.. ฉันก็คิดถึงทั้งหมดนั่นแหละ จี้เฟิงอย่าแกล้งฉันอีกเลย… มอบมันให้ฉันเถอะนะ…
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้ายเสียงของเธอสั่นเครือจนเกือบจะเป็นการอ้อนวอนความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
จี้เฟิงยิ้มอย่างมีชัยเขาจับขาของเธอแยกออกจากกันและใช้ความเป็นชายของเขาแทรกกลางระหว่างขาของเธอเข้าไปอย่างสมบูรณ์…
ในไม่ช้าเสียงจังหวะที่ทำให้คนที่ได้ยินต้องหน้าแดงก็ดังขึ้นและทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักที่ร้อนแรง
……………
ในที่สุดเสียงจังหวะแห่งความรักก็หยุดลงห้องทั้งห้องเงียบสงัดลงกระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นแรงของทั้งคู่ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน เซียวหยูซวนทิ้งตัวลงอย่างเกียจคร้านไร้เรี่ยวแรงและแม้แต่นิ้วก็ไม่อยากจะขยับ
เธอกอดจี้เฟิงไว้แน่นภายในอ้อมแขนของเขาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนหวานและความพึงพอใจ ดวงตาของเธอพร่ามัวเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างกายยังคงจมอยู่ในความสุขที่แสนจะผ่อนคลายจนถอนตัวไม่ขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางของเซียวหยูซวนจี้เฟิงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ สำหรับผู้ชาย มีเพียงสองสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความสำเร็จมากที่สุด หนึ่งคือการทำงานหนักและประสบความสำเร็จให้เพียงพอกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ และสองคือ การได้เห็นหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หมดเรี่ยวแรงกับความสุขที่เขาเป็นผู้มอบให้จนเธอต้องอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยเสียงที่นุ่มนวล
สำหรับจี้เฟิงความสำเร็จอย่างแรกยังไม่เริ่มต้นแต่อย่างที่สองนั้นเป็นจริงแล้ว
เอ๊ะ! หลังจากที่นอนพักและจมอยู่กับความเคลิบเคลิ้มไปไม่นาน เซียวหยูซวนก็เหมือนกับได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกได้ว่าจี้เฟิงน้อยยังคงอยู่ในร่างกายของเธอ และเหมือนกับว่ามันจะขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้เธอตกใจจนหน้าซีดเผือด นักเลงน้อยทำไมนาย… ทำไมนายถึงยังเป็นอย่างนั้นอยู่อีก…
เมื่อครู่นี้จี้เฟิงได้ไปถึงจุดสูงสุดแล้วแต่ทำไมตอนนี้ยังเป็นแบบนี้อยู่อีก
จี้เฟิงหัวเราะ เธอไม่เคยได้ยินคำว่าสองนัดติดเหรอ
เซียวหยูซวนรู้สึกเขินอายทันทีและกล่าวว่า นักเลงตัวน้อยในหัวคิดแต่เรื่องไม่ดีตลอดทั้งวัน!
จี้เฟิงหัวเราะเสียงดังเขาลุกจากเตียงและอุ้มเซียวหยูซวนขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมียครับไปอาบน้ำในอ่างอาบน้ำด้วยกันนะ!
เซียวหยูซวนทั้งเขินอายทั้งมีความสุขแต่ไม่ได้ขัดขืนเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของจี้เฟิงซบพิงอกของเขาอย่างว่าง่าย ทั้งเขาและเธอเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า
เมื่ออยู่ในอ่างอาบน้ำเซียวหยูซวนก็เหมือนนางเงือกสาวแสนสวย จี้เฟิงมองไปที่เธอและอดไม่ได้ที่จะทำมันอีกครั้งในอ่างอาบน้ำ จนกระทั่งเซียวหยูซวนไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไป
……………
เช้าวันรุ่งขึ้นจี้เฟิงตื่นแต่เช้าตรู่เหมือนอย่างเคย เขามองไปที่เซียวหยูซวนที่กำลังหลับใหลและอดยิ้มไม่ได้ เมื่อวานเธอคงเหนื่อยมากจริงๆ
จี้เฟิงก็รู้สึกจนใจเช่นกันแต่ความสามารถด้านนี้ของเขาในตอนนี้มันแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซียวหยูซวนถึงได้ดูหมดเรี่ยวหมดแรงขนาดนี้
เซียวหยูซวนเปิดตาขึ้นเล็กน้อยและเห็นว่าจี้เฟิงกำลังมองเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ใบหน้าอันงดงามของเธอก็แดงระเรื่อทันทีและพูดอย่างอ่อนหวานว่า พ่อหนุ่มน้อย นายคิดแต่จะทำเรื่องไม่ดี!
แล้วเรื่องไม่ดีที่ฉันทำเธอชอบมันหรือเปล่าล่ะ จี้เฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
ใบหน้าของเซียวหยูซวนพลันแดงก่ำเธอกลอกตาใส่เขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกวิเศษนี้มาก่อน และเธอก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะหลงใหลมัน แต่หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์จริงแล้ว เธอก็ได้รู้ว่ามันยอดเยี่ยมมากแค่ไหน..
จี้เฟิงตบสะโพกของเธอสองครั้งและรู้สึกได้ถึงความเด้งยืดหยุ่นอันน่าทึ่งจากบั้นท้ายที่อวบอัดของเธอ เขาหัวเราะและกล่าวว่า เอาล่ะ รีบลุกขึ้นเถอะ ฉันเดาว่าเล่ยเล่ยน่าจะเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินจี้เฟิงพูดถึงเล่ยเล่ยใบหน้าของเซียวหยูซวนก็แดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งทันที เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไปแต่งตัว เนื้อนุ่มๆบนหน้าอกของเซียวหยูซวนเด้งดึ๋งตามจังหวะการเดินที่เร่งรีบของเธอทำให้จี้เฟิงรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากสีหน้าของเซียวหยูซวนและความแข็งแรงทางร่างกายของเธอแล้วจี้เฟิงก็พยายามระงับแรงกระตุ้นในใจของตัวเองและหยุดทำอะไรที่บุ่มบ่าม
……………
เป็นอย่างที่คิด!
เมื่อทานอาหารเช้าสายตาของถงเล่ยก็ทำให้ใบหน้าอันงดงามของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อ ในที่สุดเซียวหยูซวนก็ทนไม่ไหวเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพ่นลมออกจมูกและกล่าวว่า เล่ยเล่ย ตอนนี้ไม่ต้องมามองพี่แบบนั้นเลย พี่จะคอยดูว่าตอนเธออยู่กับจี้เฟิง เธอจะยังกล้าหัวเราะเยาะพี่อีกรึเปล่า!
พี่อ่ะ!พี่กำลังพูดเรื่องอะไร! ถงเล่ยหน้าแดงทันที และเธอก็ไม่กล้ามองเซียวหยูซวนอีก
จี้เฟิงหัวเราะอย่างโง่งมเห็นได้ชัดว่าถงเล่ยกำลังคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอในอนาคต
Rrrrrrrrr~~! !
ในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของจี้เฟิงก็ดังขึ้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูและพบว่าเป็นสายของจางเล่ย
เขารับสายและหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เล่ยซือทำไมนายถึงโทรมาแต่เช้าได้ล่ะเนี่ย
มีคนต้องการจะพบนายแต่ดันโทรมาหาฉัน! จางเล่ยอธิบายเสริม จำหัวหน้าฉินที่อยู่กับเว่ยเฉียงเมื่อคืนได้มั้ย เมียของเขาโทรมาหาฉัน!
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย อ้าว! แล้วเธอรู้เบอร์นายได้ยังไง
จางเล่ยแค่นเสียง เหอะ! ก็เมื่อวานฉันไปเคลียร์เรื่องที่สถานีตำรวจ ชื่อกับเบอร์โทรของฉันก็มีอยู่ที่นั่น….
จี้เฟิงเข้าใจทันทีว่าภรรยาของหัวหน้าฉินคงรู้ว่าตำรวจต้องทำการสอบสวนพวกเขาและขอข้อมูลการติดต่อไว้แม้จะรู้แล้วว่าเธอได้เบอร์โทรศัพท์ของจางเล่ยมาจากสถานีตำรวจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนถึงได้มันมา แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือจุดประสงค์ที่เธอโทรหาจางเล่ยคืออะไร
แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปเอามาได้ยังไงฉันถึงได้โทรมาหานายนี่แหละ! จางเล่ยแค่นเสียง เจ้าบ้า แล้วนายคิดว่าไง เราควรไปเจอเธอดีหรือเปล่า
ไปเจอดีมั้ยเหรอ จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า เจอได้นะไม่น่ามีปัญหาอะไรในเมื่อเธอกล้าโทรมา ก็เป็นไปได้ว่าเธอไม่ได้คิดต้องการที่จะแก้แค้นพวกเรา เพราะตอนนี้หัวหน้าฉินก็น่าจะรู้สถานะของพวกเราแล้ว และแน่นอนว่าการแก้แค้นของเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
งั้นฉันจะได้ไปคุยรายละเอียดเรื่องสถานที่นัดกับเธอนายจะว่างเมื่อไหร่ล่ะ จางเล่ยถาม
ห๊ะนายจะให้ฉันไปด้วยงั้นเหรอ? จี้เฟิงถามกลับ
ไอ้บ้าเอ๊ย! จางเล่ยก่นด่าและพูดอย่างหงุดหงิดว่า อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง นายก็รู้ว่าฉันไม่ถนัดคุยแบบสุภาพชน โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องจัดการเกี่ยวกับผู้หญิง แน่นอนว่านายก็ต้องไปด้วยกันกับฉันสิ!
ทันใดนั้นหน้าผากของจี้เฟิงก็ปรากฏเส้นเลือดปูดขึ้นมาสองสามเส้น แล้วนายคิดว่าฉันเชี่ยวชาญในการจัดการกับผู้หญิงหรือยังไง!
นายมีแฟนกี่คน! จางเล่ยถามด้วยน้ำเสียงแขวะ
….เออๆ! โอเคๆ! จี้เฟิงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ เขารู้ดีว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ เพราะจางเล่ยจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขายอมไปด้วย
หลังจากวางสายแล้วจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มแต่ในใจก็อดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ภรรยาของหัวหน้าฉินต้องการจะพบจางเล่ยไปเพื่ออะไร
……………
ในขณะเดียวกันที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลประชาชนเจียงโจวหัวหน้าฉินที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทจี้เฟิงและคนอื่นๆในภัตตาคารเจียงหนานกำลังนอนอยู่บนเตียง ศีรษะของเขาถูกห่อด้วยผ้ากอช มีเพียงช่วงว่างที่ดวงตาเพียงข้างเดียวเท่านั้นที่ถูกเปิดเผยให้เห็น ปากของเขาบวมเป่ง สภาพในตอนนี้ของเขาค่อนข้างแตกต่างจากหัวหน้าฉินผู้สง่างามคนก่อนมากราวกับเป็นคนละคน
มีผู้หญิงสองคนยืนอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วย ผู้หญิงหนึ่งในสองคนนี้มีอายุประมาณสามสิบกว่าๆความสวยของหน้าตาอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มที่สมส่วนไม่อ้วนหรือผอมแห้งจนเกินไปและมีใบหน้าที่สวยคม
หญิงสาวคนนี้มีผมยาวสีแดงอมน้ำตาลปล่อยสยายด้านหลังเป็นลอนคลื่นเธอสวมเสื้อโค้ทสีแดงบวกกับรูปลักษณ์โดยรวมที่สง่างาม ทำให้ชายหนุ่มที่พบเห็นต่างเป็นต้องใจเต้นและอยากได้เธอมาครอบครอง
พี่สะใภ้เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ ทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ หญิงสาวที่สวมโค้ทแดงอดไม่ได้ที่จะถาม
จะอะไรได้อีกสภาพนี้ก็ต้องถูกคนทำร้ายมาน่ะสิ! ผู้หญิงวัยสามสิบกว่าๆ ปาดน้ำตาของเธอและกล่าวว่า พี่ชายของเธอได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่ฉันกลับไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย ทำให้ไม่สามารถอธิบายให้เธอฟังได้ ตำรวจบอกกับฉันแค่ว่าพี่ชายของเธอไปทำเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ควรทำ ดังนั้นเขาเลยถูกทำร้ายและตอนนี้เขาก็กำลังจะโชคร้ายเพราะมีโอกาสที่จะถูกไล่ออกจากที่ทำงานในมหาวิทยาลัยสูงมาก!
ถ้าในเมื่อเขาทำเรื่องไม่ดีงั้นก็สมควรแล้ว ขอโทษด้วย ฉันยังมีงานต้องทำ ขอตัวก่อน! หญิงสาวที่สวมโค้ทแดงกลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ เธอพูดเสียงเรียบและหันหลังกลับเตรียมจะจากไป
ผู้หญิงอายุสามสิบกว่ารีบคว้ามือของเธอไว้และขอร้องอ้อนวอน ซูเจี๋ย ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนครอบครัวของเราทำไม่ดีกับเธอไว้มาก แต่ตอนนั้นพี่ชายของเธอมีเรื่องเครียดมากมายมันเลยทำให้เขาสับสนจนตัดสินใจทำอะไรไม่ดีลงไป แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอนะ ลืมอดีตที่ผ่านมา ไม่ต้องไปสนใจมันไม่ได้เหรอ เธอรู้จักคนเยอะแยะมากมาย มันคงไม่ยากเกินไปที่เธอจะลองไปคุยกับพวกเขาให้หน่อย เผื่อว่าจะมีใครพอช่วยเหลือเขาได้บ้าง เธอต้องช่วยพี่ชายของเธอนะ!