ภายใต้ความบ้าคลั่งของจี้เฟิงรถ BMWx6 ที่สภาพไม่เหลือเค้าเดิมได้พาเขามาถึงบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลจากตึกอี้เหอนัก แต่เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านี้ได้แล้ว เพราะบริเวณโดยรอบของตึกอี้เหอคับคั่งไปด้วยผู้คนที่รอดูความสนุกตื่นเต้น แม้จี้เฟิงจะสามารถขับรถชนรถคันอื่นที่ขวางทางได้ แต่เขาก็ไม่สามารถขับรถชนคนกลุ่มนี้ได้
เขาจอดรถที่โดนชนจนพังไว้ที่ริมถนน เมื่อเห็นสภาพของฝากระโปรงหน้ารถที่เสียรูป หลี่ลู่หนานก็อมยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เมื่อกี้นายขับชนซะสนุกเลยนะ ไม่รู้ว่าตอนที่นายไปจ่ายเงินค่าซ่อมจะยังสนุกแบบนี้อยู่รึเปล่า!”
จี้เฟิงแสยะยิ้ม“ขอโทษที่ทำให้คุณจราจรหลี่ต้องผิดหวัง แต่รถคันนี้ซื้อประกันครบชุด ต่อให้ล้อหลุด หลังคาเปิด หรือแม้แต่ค่าเติมลมยาง ก็ยังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันได้”
หลี่ลู่หนานพูดไม่ออกทันที
“ตอนนี้เราฝ่าฝูงชนเข้าไปดูสถานการณ์ที่ด้านหน้ากันก่อนเถอะ!”จี้เฟิงยืนอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาพบว่ามีตำรวจเพียงสิบกว่านายที่ล้อมรอบตึกเอาไว้ เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ตามหลักแล้ว ต่อให้พวกตำรวจวิ่งมา ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆก็ควรจะมาถึงแล้ว ประสิทธิภาพนี้… พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อช่วยโจรทำความสะอาดที่เกิดเหตุเหรอ
ราวกับว่าหลี่ลู่หนานอ่านความคิดของจี้เฟิงออกเธอจึงอดไม่ได้ที่จะอธิบายว่า “เมื่อกี้ฉันติดต่อกับสำนักงานใหญ่แล้ว แต่พวกเขาแจ้งมาว่าที่อื่นก็มีคดีเกิดขึ้นพร้อมกัน และดูเหมือนว่าจะเป็นคดีที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นกำลังของตำรวจส่วนใหญ่จึงไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ส่วนตำรวจที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นตำรวจลาดตระเวนที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้…”
“กลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ!”จี้เฟิงเข้าใจในทันที แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นพร้อมกันทั้งสองที่โดยบังเอิญ แต่จี้เฟิงก็ยังรู้สึกว่า ช่วงเวลาและความบังเอิญเหล่านี้มันดูจะเหมาะเจาะเกินไป ดังนั้นจี้เฟิงจึงคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้น่าจะเป็นแผนการที่พวกโจรวางแผนเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว! มันเป็นแผนการล่อเสือออกจากถ้ำเพื่อที่จะได้ขโมยลูกเสือสะดวกๆ!
แต่ที่พวกมันลงทุนก่อเหตุจนวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้เพียงเพื่อหยกมูลค่า 10-20 ล้านหยวนจริงๆน่ะเหรอ
การก่อเหตุที่ใหญ่โตขนาดนี้ทางการจะไม่นั่งเฉยๆแน่ และถ้าโจรเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อหยกมูลค่า 10-20 ล้านหยวนจริง แน่นอนว่ามันไม่คุ้มกันเลย… เพราะไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีชีวิตรอดออกไปใช้เงินด้วยสิ!
จี้เฟิงกำลังจะพาหลี่ลู่หนานเบียดฝูงชนเข้าไปแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้น เขาหันหน้าไปทางด้านข้างเล็กน้อยและเห็นคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเป็นกลุ่มชายหนุ่มสี่คนคนที่อายุมากที่สุด ดูเหมือนจะมีอายุไม่เกิน 30 ปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดดูเหมือนจะเป็นแค่นักเรียนม.ปลายเท่านั้น แต่บทสนทนาของพวกเขาทั้งสี่คนทำให้จี้เฟิงรู้สึกสนใจมาก
“หัวหน้าอี้ดูเหมือนว่างานจะเข้าพวกเราอีกแล้ว สงสัยวันหยุดนี้ผมคงไม่ได้กลับประเทศเพื่อไปพักผ่อนดีๆซะแล้วล่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเรื่องแบบนี้…. ฮ่าๆ ช่างโชคดีจริงๆ!” ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น เขาไม่ได้รู้สึกกลัวการปล้นที่อยู่ตรงหน้าเลย แต่กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“ใช่ๆหัวหน้าอี้ จื่อเจี้ยนพูดถูก ยังไงพวกเราก็ว่างกันอยู่แล้ว ไปหาอะไรสนุกๆทำกัน!” ชายหนุ่มที่มีหัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มอีกคนก็ยิ้มและพูดว่า“หัวหน้าอี้ ทำเถอะ!”
คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าอี้ไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเขามองไปที่ชายหนุ่มทั้งสามคน “หลิวเจ๋อจุน”
“ครับ!”ชายหนุ่มที่มีใบหน้าแหลมตอบทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหยาจื่อเจี้ยน!”หัวหน้าอี้ตะโกนอีกครั้ง
“ครับ!”ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดขานรับและพยักหน้าอย่างจริงจัง
“กัวเถา!”หัวหน้าอี้หันไปมองชายหนุ่มคนสุดท้าย
“ครับหัวหน้า!”ชายหนุ่มที่ชื่อกัวเถาก็ตอบอย่างจริงจังเช่นกัน
หัวหน้าอี้มองไปยังชายหนุ่มที่น่าภาคภูมิใจทั้งสามคนและพูดอย่างจริงจังว่า“พวกนายสามคนฟังฉันให้ดี ความดุร้ายที่พวกนายเคยชิน มันเป็นเพราะสภาพแวดล้อมข้างนอกไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องแบบนี้ แต่สถานการณ์ที่ประเทศจีนนั้นแตกต่างออกไป ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีทหารรับจ้าง และพื้นที่สำหรับนักล่าเงินรางวัลก็น้อยมาก และต่อให้เป็นวันหยุด ไม่ว่าพวกนายอยากจะสนุกมากแค่ไหน ก็อย่าสร้างปัญหาให้ใครโดยเด็ดขาด!”
สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสามคนพลันหม่นหมองลงทันทีหัวหน้าอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและก่นด่า “ดูท่าทางของพวกนายสิ ทำอย่างกับลิงที่ถูกขังอยู่ในกรง! เฮ้อ~ อย่าเพิ่งใจร้อนไป รอให้ตำรวจเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ก่อน แล้วถ้าเหตุการณ์นี้มันตึงมือจนตำรวจจัดการกันไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ค่อยลงมือ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะไม่เดือดร้อนแน่! ประเทศจีนมีคำกล่าวว่า ‘กฎหมายสนับสนุนความชอบธรรม’ แม้ว่าพวกเราจะพลั้งมือฆ่าคนตายไปซักคนสองคน แต่ถ้าคนพวกนั้นมันเป็นโจร มันก็จะเกิดความแตกต่างระหว่างฮีโร่และฆาตกรขึ้นมาทันที!”
เหยาจื่อเจี้ยนชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดเปิดปากและอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “คุณนี่ฉลาดแกมโกงจริงๆเลยหัวหน้าอี้!”
ชายหนุ่มอีกสองคนพยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วยหัวหน้าอี้หัวเราะเสียงดังทันที “นี่ไม่ได้เรียกว่าฉลาดแกมโกง เขาเรียกว่าคิดอย่างมีสติปัญญา!”
……………
บทสนทนาของผู้ชายทั้งสี่คนลอยไปเข้าหูของจี้เฟิงอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องจี้เฟิงตกใจทันที ทั้งสี่คนนี้เป็นทหารรับจ้างที่ทำงานให้กับต่างชาติงั้นเหรอ
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับพวกเขาเหล่านั้นตามที่จี้เฟิงรู้ ทหารรับจ้างไม่ใช่อาชีพธรรมดาที่หาได้ทั่วไป ถ้ามีใครสักคนพูดถึงทหารรับจ้าง คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง คนที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ เลือด การฆ่า และสงคราม!
และเมื่อดูจากกลิ่นอายของผู้ชายทั้งสี่คนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกเขามีประสบการณ์ในการยิงปืนและการต่อสู้ของระบบฝึกทหารมาก่อนอย่างแน่นอน การที่พวกเขาตัดสินใจจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าหลี่ลู่หนานไม่รู้ว่าจี้เฟิงคิดอะไรอยู่เธอไม่ได้สนใจหัวหน้าอี้หรือชายหนุ่มสามคนนั้น เธอแค่เตือนจี้เฟิงว่า “จี้เฟิง ดูนั่นสิ! มีการเคลื่อนไหวอยู่ในตึก!”
จี้เฟิงหันศีรษะไปมองทันทีและพบว่าที่ชั้น 6 ของอาคารอี้เหอซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่ จู่ๆ ก็มีเสียงกระจกแตกดังกึกก้อง ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างยกเท้าและถอยหนีทันที บางคนที่ขี้ตกใจหน่อยก็ถึงกับกรีดร้องเสียงดัง
“คุณพอจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ข้างในมันเกิดอะไรขึ้น”จี้เฟิงถามเสียงเครียด
หลี่ลู่หนานส่ายหัวและพูดว่า“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่พวกโจรมันยังไม่ออกมาเพราะตอนนี้รอบๆดึกมีตำรวจและผู้คนมุงดูอยู่ ถ้าพวกโจรที่อยู่ข้างในออกมาตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางหลุดรอดสายตาไปได้แน่!”
“แล้วท่อระบายอากาศหรือท่อระบายน้ำล่ะ”จี้เฟิงถามอีกครั้ง “ไหนจะทางดาดฟ้าอีก!”
หลี่ลู่หนานถึงกับชะงักสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่สามารถตอบคำถามของจี้เฟิงได้
“คุณรออยู่ที่นี่ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามโดยเด็ดขาด ผมจะเข้าไปดูซักหน่อย…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ จี้เฟิงก็อดส่ายหัวไม่ได้ “ผมหวังว่าไอ้โจรพวกนั้นมันจะยังไม่แอบหลบหนีไป!”
“เดี๋ยวก่อนทำไมนายถึงได้รู้เรื่องพวกนี้ดีนัก!” หลี่ลู่หนานอดถามไม่ได้
จี้เฟิงหัวเราะ“ถ้าคุณดูหนังเยอะๆ คุณจะเข้าใจ!”
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้เป็นช่องทางไว้ใช้ลักลอบขั้นพื้นฐานที่ควรรู้จี้เฟิงเคยผ่านการฝึกฝนเกี่ยวกับการแอบ ลักลอบ และหลบหนีมาทั้งหมดตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว แม้ว่าสายลับและโจรจะต่างกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเป้าหมายร่วมกัน นั่นก็คือการบรรลุจุดประสงค์และจากไปอย่างปลอดภัย!
หลี่ลู่หนานพูด“งั้นเราก็เข้าไปด้วยกันนี่แหละ!” “ไม่ได้!”จี้เฟิงพูดเสียงดุ “ด้วยฝีมือของคุณ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับพวกโจรที่มีปืนอยู่ในมือ คุณจะจัดการได้กี่คน”
หลี่ลู่หนานแทบจะสำลักและถามอย่างไม่พอใจว่า“งั้นฝีมืออย่างนายจะจัดการได้กี่คน!”
“ทั้งหมด!”เมื่อจี้เฟิงพูดสองคำนี้ออกมา เขาก็แทรกตัวเข้าไปในฝูงชนและกลืนหายไปในพริบตา
หลี่ลู่หนานตกใจทันทีเธอได้แต่กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดและพยายามเบียดเสียดฝูงชนเข้าไปหากลุ่มตำรวจอย่างช่วยไม่ได้
ความเร็วของจี้เฟิงไม่ได้เร็วมากนักแต่เส้นทางที่เขาเลือกกลับเป็นเส้นทางที่ไม่สะดุดตาเลย เพราะในตอนนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ชั้น 6 ของตึกอี้เหอ อันที่จริงแม้ว่าจี้เฟิงจะวิ่งตัดหน้าพวกเขาไปอาจจะไม่มีใครทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ
เมื่อมาถึงใต้ตึกจี้เฟิงเห็นตำรวจคนหนึ่งกำลังเฝ้าระวังอยู่ไม่ไกล และบางครั้งเขาก็แหงนหน้าขึ้นไปมองบนชั้น 6 เป็นระยะๆ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย และเหลือบมองไปยังฝูงชนที่มุงดูอยู่…
“คนพวกนี้ไม่รู้จักกลัวความตายกันบ้างหรือยังไง!”จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มเฝื่อนๆ “หรือขอแค่ให้ได้ดูเรื่องสนุก จะเป็นจะตายก็ไม่สนแล้ว”
ถ้าโจรพวกนั้นยังไม่ได้หลบหนีไปเมื่อถึงตอนนั้นพวกโจรกับตำรวจอาจจะเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืน และประชาชนที่มุงดูอยู่อาจจะโชคร้ายโดนลูกหลงจากกระสุนปืนที่บินว่อน บางทีพวกเขาบางคนอาจจะตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าเรื่องของพวกเขา
มุมปากของจี้เฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเขาหยิบก้อนหินเล็กๆจากข้างทางขึ้นมา นิ้วของเขาโค้งงอและดีดออกไป
“ฟิ้วว—!ปึ้ก—!”
หินก้อนนั้นไปกระทบกับฝูงชน
“โอ๊ย!”ชายคนหนึ่งกรีดร้องพร้อมกับเอามือปิดกั้นและตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง “ใครตีฉัน ไอ้สารเลวคนไหนมันแอบตีฉัน?!”
ฝูงชนหัวเราะและเกิดความโกลาหลอยู่ครู่หนึ่ง
จี้เฟิงฉวยโอกาสตอนที่ตำรวจคนนั้นหันไปมองและเดินผ่านเขาไปอย่างสบายๆ ไม่เพียงแค่ฝูงชนเหล่านั้นเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง แม้แต่ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่สังเกตเห็น
หลังจากผ่านตำรวจมาได้แล้วความเร็วของจี้เฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเขาก็มาถึงประตูใหญ่ของตึกอี้เหอ ในกระบวนการทั้งหมดนี้แทบไม่มีใครสังเกตเห็นจี้เฟิงเลย นอกจากผู้มีฝีมือบางคน
“จึ๊ๆหัวหน้า ดูเหมือนว่าจะมีคนแอบเข้าไปคนนึงนะครับ” เหยาจื่อเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “คนคนนี้เร็วมาก!”
สีหน้าของชายหนุ่มอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันทีพวกเขารู้ว่าแม้ว่าเหยาจื่อเจี้ยนจะอายุน้อยที่สุด แต่สายตาของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหน้าอี้เลย เพราะเหยาจื่อเจี้ยนเป็นมือปืนฝีมือดีถูกจัดอยู่ในระดับท็อป และการจะได้ชื่อว่าเป็นมือปืนอันดับต้นๆ สายตาที่ว่องไวเป็นข้อกำหนดที่พื้นฐานที่สุดที่ควรจะมี
“เมื่อครู่ฉันก็รู้สึกเหมือนจะเห็นเงาของใครบางคนเหมือนกัน… คงไม่ได้มีใครแอบเข้าไปจริงๆหรอกใช่มั้ย” หลิวเจ๋อจุนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ กัวเถาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเห็นด้วยในทันที เขาเองก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน แม้ว่าสายตาของพวกเขาจะไม่เลว แต่ถึงอย่างไรจากระยะที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็ยังไกลอยู่มาก
หัวหน้าอี้พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวว่า“อืม! เหยาจื่อเจี้ยนพูดถูกแล้ว มีคนเข้าไปข้างในแล้วคนนึง นอกจากนี้คนคนนั้นยังรวดเร็วมากเขาจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงอย่างแน่นอน!”
“หัวหน้าอี้ถ้าเปรียบเทียบคนคนนั้นกับคุณ…” กัวเถาถามอย่างระมัดระวัง
“ฝีมือของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าฉันแน่หรือแม้แต่… ฉันอาจจะสู้เขาไม่ได้!” หัวหน้าอี้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฮือกกก—!”ทั้งสามคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ หัวหน้าอี้คือใคร! ในบรรดาทหารรับจ้างจากหลายประเทศ เขาเป็นที่รู้จักกันในนามราชาแห่งทหาร ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นน่ากลัวมาก หัวหน้าอี้เคยต่อสู้กับกองกำลังพิเศษต่างชาติห้าคนด้วยตัวคนเดียว ผลสุดท้ายคืออีกฝ่ายตายไป 3 และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน!
แต่ตอนนี้หัวหน้าอี้กลับบอกว่าคนคนนั้นอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก…
“นานๆทีจะได้เจอยอดฝีมือระดับนี้!แต่เอาเถอะ พวกเราก็ยังสามารถร่วมสนุกกับเหตุการณ์นี้ได้อยู่ แม้ว่าโจรพวกนั้นจะหนีไม่พ้นคนคนนั้น แต่พวกมันก็ยังสร้างปัญหาให้กับเขาได้อยู่…” แววตาของหัวหน้าอี้ฉายแววกระตือรือร้นและกล่าวอย่างฮึกเหิม “เข้าไปจัดการโจรพวกนั้นก่อน แล้วค่อยไปเป็นเพื่อนกับคนคนนั้น!”
“ครับ!” “โอ้!”
ทั้งสามคนพยักหน้าและขานรับอย่างกระตือรือร้นเมื่อหัวหน้าอี้โบกมือ พวกเขาทั้งสี่คนก็มุดแทรกตัวฝ่าฝูงชนทันที ทันใดนั้นเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น ฝูงชนจำนวนมากเริ่มบ่นคร่ำครวญ แต่เนื่องจากมีคนเยอะเกินไป การเบียดเสียดกันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญการจะหาตัวคนเบียดท่ามกลางฝูงชนเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ดังนั้นเหล่าฝูงชนที่โดนเบียดจึงทำได้แค่แหกปากโวยวาย
และในกลุ่มจีนมุงไม่มีใครสังเกตเลยว่าเวลานี้มีผู้ชายสี่คนกำลังเข้าใกล้ตึกอี้เหออย่างรวดเร็ว…
เขาจอดรถที่โดนชนจนพังไว้ที่ริมถนน เมื่อเห็นสภาพของฝากระโปรงหน้ารถที่เสียรูป หลี่ลู่หนานก็อมยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เมื่อกี้นายขับชนซะสนุกเลยนะ ไม่รู้ว่าตอนที่นายไปจ่ายเงินค่าซ่อมจะยังสนุกแบบนี้อยู่รึเปล่า!”
จี้เฟิงแสยะยิ้ม“ขอโทษที่ทำให้คุณจราจรหลี่ต้องผิดหวัง แต่รถคันนี้ซื้อประกันครบชุด ต่อให้ล้อหลุด หลังคาเปิด หรือแม้แต่ค่าเติมลมยาง ก็ยังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันได้”
หลี่ลู่หนานพูดไม่ออกทันที
“ตอนนี้เราฝ่าฝูงชนเข้าไปดูสถานการณ์ที่ด้านหน้ากันก่อนเถอะ!”จี้เฟิงยืนอยู่ที่เสาไฟฟ้าข้างถนนพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาพบว่ามีตำรวจเพียงสิบกว่านายที่ล้อมรอบตึกเอาไว้ เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ตามหลักแล้ว ต่อให้พวกตำรวจวิ่งมา ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆก็ควรจะมาถึงแล้ว ประสิทธิภาพนี้… พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อช่วยโจรทำความสะอาดที่เกิดเหตุเหรอ
ราวกับว่าหลี่ลู่หนานอ่านความคิดของจี้เฟิงออกเธอจึงอดไม่ได้ที่จะอธิบายว่า “เมื่อกี้ฉันติดต่อกับสำนักงานใหญ่แล้ว แต่พวกเขาแจ้งมาว่าที่อื่นก็มีคดีเกิดขึ้นพร้อมกัน และดูเหมือนว่าจะเป็นคดีที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นกำลังของตำรวจส่วนใหญ่จึงไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ส่วนตำรวจที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นตำรวจลาดตระเวนที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้…”
“กลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ!”จี้เฟิงเข้าใจในทันที แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นพร้อมกันทั้งสองที่โดยบังเอิญ แต่จี้เฟิงก็ยังรู้สึกว่า ช่วงเวลาและความบังเอิญเหล่านี้มันดูจะเหมาะเจาะเกินไป ดังนั้นจี้เฟิงจึงคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้น่าจะเป็นแผนการที่พวกโจรวางแผนเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว! มันเป็นแผนการล่อเสือออกจากถ้ำเพื่อที่จะได้ขโมยลูกเสือสะดวกๆ!
แต่ที่พวกมันลงทุนก่อเหตุจนวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้เพียงเพื่อหยกมูลค่า 10-20 ล้านหยวนจริงๆน่ะเหรอ
การก่อเหตุที่ใหญ่โตขนาดนี้ทางการจะไม่นั่งเฉยๆแน่ และถ้าโจรเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อหยกมูลค่า 10-20 ล้านหยวนจริง แน่นอนว่ามันไม่คุ้มกันเลย… เพราะไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีชีวิตรอดออกไปใช้เงินด้วยสิ!
จี้เฟิงกำลังจะพาหลี่ลู่หนานเบียดฝูงชนเข้าไปแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้น เขาหันหน้าไปทางด้านข้างเล็กน้อยและเห็นคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเป็นกลุ่มชายหนุ่มสี่คนคนที่อายุมากที่สุด ดูเหมือนจะมีอายุไม่เกิน 30 ปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดดูเหมือนจะเป็นแค่นักเรียนม.ปลายเท่านั้น แต่บทสนทนาของพวกเขาทั้งสี่คนทำให้จี้เฟิงรู้สึกสนใจมาก
“หัวหน้าอี้ดูเหมือนว่างานจะเข้าพวกเราอีกแล้ว สงสัยวันหยุดนี้ผมคงไม่ได้กลับประเทศเพื่อไปพักผ่อนดีๆซะแล้วล่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเรื่องแบบนี้…. ฮ่าๆ ช่างโชคดีจริงๆ!” ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น เขาไม่ได้รู้สึกกลัวการปล้นที่อยู่ตรงหน้าเลย แต่กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“ใช่ๆหัวหน้าอี้ จื่อเจี้ยนพูดถูก ยังไงพวกเราก็ว่างกันอยู่แล้ว ไปหาอะไรสนุกๆทำกัน!” ชายหนุ่มที่มีหัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มอีกคนก็ยิ้มและพูดว่า“หัวหน้าอี้ ทำเถอะ!”
คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าอี้ไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเขามองไปที่ชายหนุ่มทั้งสามคน “หลิวเจ๋อจุน”
“ครับ!”ชายหนุ่มที่มีใบหน้าแหลมตอบทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหยาจื่อเจี้ยน!”หัวหน้าอี้ตะโกนอีกครั้ง
“ครับ!”ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดขานรับและพยักหน้าอย่างจริงจัง
“กัวเถา!”หัวหน้าอี้หันไปมองชายหนุ่มคนสุดท้าย
“ครับหัวหน้า!”ชายหนุ่มที่ชื่อกัวเถาก็ตอบอย่างจริงจังเช่นกัน
หัวหน้าอี้มองไปยังชายหนุ่มที่น่าภาคภูมิใจทั้งสามคนและพูดอย่างจริงจังว่า“พวกนายสามคนฟังฉันให้ดี ความดุร้ายที่พวกนายเคยชิน มันเป็นเพราะสภาพแวดล้อมข้างนอกไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องแบบนี้ แต่สถานการณ์ที่ประเทศจีนนั้นแตกต่างออกไป ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีทหารรับจ้าง และพื้นที่สำหรับนักล่าเงินรางวัลก็น้อยมาก และต่อให้เป็นวันหยุด ไม่ว่าพวกนายอยากจะสนุกมากแค่ไหน ก็อย่าสร้างปัญหาให้ใครโดยเด็ดขาด!”
สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสามคนพลันหม่นหมองลงทันทีหัวหน้าอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและก่นด่า “ดูท่าทางของพวกนายสิ ทำอย่างกับลิงที่ถูกขังอยู่ในกรง! เฮ้อ~ อย่าเพิ่งใจร้อนไป รอให้ตำรวจเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ก่อน แล้วถ้าเหตุการณ์นี้มันตึงมือจนตำรวจจัดการกันไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ค่อยลงมือ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะไม่เดือดร้อนแน่! ประเทศจีนมีคำกล่าวว่า ‘กฎหมายสนับสนุนความชอบธรรม’ แม้ว่าพวกเราจะพลั้งมือฆ่าคนตายไปซักคนสองคน แต่ถ้าคนพวกนั้นมันเป็นโจร มันก็จะเกิดความแตกต่างระหว่างฮีโร่และฆาตกรขึ้นมาทันที!”
เหยาจื่อเจี้ยนชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดเปิดปากและอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “คุณนี่ฉลาดแกมโกงจริงๆเลยหัวหน้าอี้!”
ชายหนุ่มอีกสองคนพยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วยหัวหน้าอี้หัวเราะเสียงดังทันที “นี่ไม่ได้เรียกว่าฉลาดแกมโกง เขาเรียกว่าคิดอย่างมีสติปัญญา!”
……………
บทสนทนาของผู้ชายทั้งสี่คนลอยไปเข้าหูของจี้เฟิงอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องจี้เฟิงตกใจทันที ทั้งสี่คนนี้เป็นทหารรับจ้างที่ทำงานให้กับต่างชาติงั้นเหรอ
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับพวกเขาเหล่านั้นตามที่จี้เฟิงรู้ ทหารรับจ้างไม่ใช่อาชีพธรรมดาที่หาได้ทั่วไป ถ้ามีใครสักคนพูดถึงทหารรับจ้าง คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง คนที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ เลือด การฆ่า และสงคราม!
และเมื่อดูจากกลิ่นอายของผู้ชายทั้งสี่คนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกเขามีประสบการณ์ในการยิงปืนและการต่อสู้ของระบบฝึกทหารมาก่อนอย่างแน่นอน การที่พวกเขาตัดสินใจจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าหลี่ลู่หนานไม่รู้ว่าจี้เฟิงคิดอะไรอยู่เธอไม่ได้สนใจหัวหน้าอี้หรือชายหนุ่มสามคนนั้น เธอแค่เตือนจี้เฟิงว่า “จี้เฟิง ดูนั่นสิ! มีการเคลื่อนไหวอยู่ในตึก!”
จี้เฟิงหันศีรษะไปมองทันทีและพบว่าที่ชั้น 6 ของอาคารอี้เหอซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่ จู่ๆ ก็มีเสียงกระจกแตกดังกึกก้อง ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างยกเท้าและถอยหนีทันที บางคนที่ขี้ตกใจหน่อยก็ถึงกับกรีดร้องเสียงดัง
“คุณพอจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ข้างในมันเกิดอะไรขึ้น”จี้เฟิงถามเสียงเครียด
หลี่ลู่หนานส่ายหัวและพูดว่า“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่พวกโจรมันยังไม่ออกมาเพราะตอนนี้รอบๆดึกมีตำรวจและผู้คนมุงดูอยู่ ถ้าพวกโจรที่อยู่ข้างในออกมาตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางหลุดรอดสายตาไปได้แน่!”
“แล้วท่อระบายอากาศหรือท่อระบายน้ำล่ะ”จี้เฟิงถามอีกครั้ง “ไหนจะทางดาดฟ้าอีก!”
หลี่ลู่หนานถึงกับชะงักสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่สามารถตอบคำถามของจี้เฟิงได้
“คุณรออยู่ที่นี่ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามโดยเด็ดขาด ผมจะเข้าไปดูซักหน่อย…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ จี้เฟิงก็อดส่ายหัวไม่ได้ “ผมหวังว่าไอ้โจรพวกนั้นมันจะยังไม่แอบหลบหนีไป!”
“เดี๋ยวก่อนทำไมนายถึงได้รู้เรื่องพวกนี้ดีนัก!” หลี่ลู่หนานอดถามไม่ได้
จี้เฟิงหัวเราะ“ถ้าคุณดูหนังเยอะๆ คุณจะเข้าใจ!”
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้เป็นช่องทางไว้ใช้ลักลอบขั้นพื้นฐานที่ควรรู้จี้เฟิงเคยผ่านการฝึกฝนเกี่ยวกับการแอบ ลักลอบ และหลบหนีมาทั้งหมดตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว แม้ว่าสายลับและโจรจะต่างกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเป้าหมายร่วมกัน นั่นก็คือการบรรลุจุดประสงค์และจากไปอย่างปลอดภัย!
หลี่ลู่หนานพูด“งั้นเราก็เข้าไปด้วยกันนี่แหละ!” “ไม่ได้!”จี้เฟิงพูดเสียงดุ “ด้วยฝีมือของคุณ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับพวกโจรที่มีปืนอยู่ในมือ คุณจะจัดการได้กี่คน”
หลี่ลู่หนานแทบจะสำลักและถามอย่างไม่พอใจว่า“งั้นฝีมืออย่างนายจะจัดการได้กี่คน!”
“ทั้งหมด!”เมื่อจี้เฟิงพูดสองคำนี้ออกมา เขาก็แทรกตัวเข้าไปในฝูงชนและกลืนหายไปในพริบตา
หลี่ลู่หนานตกใจทันทีเธอได้แต่กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดและพยายามเบียดเสียดฝูงชนเข้าไปหากลุ่มตำรวจอย่างช่วยไม่ได้
ความเร็วของจี้เฟิงไม่ได้เร็วมากนักแต่เส้นทางที่เขาเลือกกลับเป็นเส้นทางที่ไม่สะดุดตาเลย เพราะในตอนนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ชั้น 6 ของตึกอี้เหอ อันที่จริงแม้ว่าจี้เฟิงจะวิ่งตัดหน้าพวกเขาไปอาจจะไม่มีใครทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ
เมื่อมาถึงใต้ตึกจี้เฟิงเห็นตำรวจคนหนึ่งกำลังเฝ้าระวังอยู่ไม่ไกล และบางครั้งเขาก็แหงนหน้าขึ้นไปมองบนชั้น 6 เป็นระยะๆ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย และเหลือบมองไปยังฝูงชนที่มุงดูอยู่…
“คนพวกนี้ไม่รู้จักกลัวความตายกันบ้างหรือยังไง!”จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มเฝื่อนๆ “หรือขอแค่ให้ได้ดูเรื่องสนุก จะเป็นจะตายก็ไม่สนแล้ว”
ถ้าโจรพวกนั้นยังไม่ได้หลบหนีไปเมื่อถึงตอนนั้นพวกโจรกับตำรวจอาจจะเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืน และประชาชนที่มุงดูอยู่อาจจะโชคร้ายโดนลูกหลงจากกระสุนปืนที่บินว่อน บางทีพวกเขาบางคนอาจจะตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าเรื่องของพวกเขา
มุมปากของจี้เฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเขาหยิบก้อนหินเล็กๆจากข้างทางขึ้นมา นิ้วของเขาโค้งงอและดีดออกไป
“ฟิ้วว—!ปึ้ก—!”
หินก้อนนั้นไปกระทบกับฝูงชน
“โอ๊ย!”ชายคนหนึ่งกรีดร้องพร้อมกับเอามือปิดกั้นและตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง “ใครตีฉัน ไอ้สารเลวคนไหนมันแอบตีฉัน?!”
ฝูงชนหัวเราะและเกิดความโกลาหลอยู่ครู่หนึ่ง
จี้เฟิงฉวยโอกาสตอนที่ตำรวจคนนั้นหันไปมองและเดินผ่านเขาไปอย่างสบายๆ ไม่เพียงแค่ฝูงชนเหล่านั้นเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง แม้แต่ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่สังเกตเห็น
หลังจากผ่านตำรวจมาได้แล้วความเร็วของจี้เฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเขาก็มาถึงประตูใหญ่ของตึกอี้เหอ ในกระบวนการทั้งหมดนี้แทบไม่มีใครสังเกตเห็นจี้เฟิงเลย นอกจากผู้มีฝีมือบางคน
“จึ๊ๆหัวหน้า ดูเหมือนว่าจะมีคนแอบเข้าไปคนนึงนะครับ” เหยาจื่อเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “คนคนนี้เร็วมาก!”
สีหน้าของชายหนุ่มอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันทีพวกเขารู้ว่าแม้ว่าเหยาจื่อเจี้ยนจะอายุน้อยที่สุด แต่สายตาของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหน้าอี้เลย เพราะเหยาจื่อเจี้ยนเป็นมือปืนฝีมือดีถูกจัดอยู่ในระดับท็อป และการจะได้ชื่อว่าเป็นมือปืนอันดับต้นๆ สายตาที่ว่องไวเป็นข้อกำหนดที่พื้นฐานที่สุดที่ควรจะมี
“เมื่อครู่ฉันก็รู้สึกเหมือนจะเห็นเงาของใครบางคนเหมือนกัน… คงไม่ได้มีใครแอบเข้าไปจริงๆหรอกใช่มั้ย” หลิวเจ๋อจุนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ กัวเถาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเห็นด้วยในทันที เขาเองก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน แม้ว่าสายตาของพวกเขาจะไม่เลว แต่ถึงอย่างไรจากระยะที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็ยังไกลอยู่มาก
หัวหน้าอี้พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวว่า“อืม! เหยาจื่อเจี้ยนพูดถูกแล้ว มีคนเข้าไปข้างในแล้วคนนึง นอกจากนี้คนคนนั้นยังรวดเร็วมากเขาจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงอย่างแน่นอน!”
“หัวหน้าอี้ถ้าเปรียบเทียบคนคนนั้นกับคุณ…” กัวเถาถามอย่างระมัดระวัง
“ฝีมือของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าฉันแน่หรือแม้แต่… ฉันอาจจะสู้เขาไม่ได้!” หัวหน้าอี้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฮือกกก—!”ทั้งสามคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ หัวหน้าอี้คือใคร! ในบรรดาทหารรับจ้างจากหลายประเทศ เขาเป็นที่รู้จักกันในนามราชาแห่งทหาร ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นน่ากลัวมาก หัวหน้าอี้เคยต่อสู้กับกองกำลังพิเศษต่างชาติห้าคนด้วยตัวคนเดียว ผลสุดท้ายคืออีกฝ่ายตายไป 3 และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน!
แต่ตอนนี้หัวหน้าอี้กลับบอกว่าคนคนนั้นอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก…
“นานๆทีจะได้เจอยอดฝีมือระดับนี้!แต่เอาเถอะ พวกเราก็ยังสามารถร่วมสนุกกับเหตุการณ์นี้ได้อยู่ แม้ว่าโจรพวกนั้นจะหนีไม่พ้นคนคนนั้น แต่พวกมันก็ยังสร้างปัญหาให้กับเขาได้อยู่…” แววตาของหัวหน้าอี้ฉายแววกระตือรือร้นและกล่าวอย่างฮึกเหิม “เข้าไปจัดการโจรพวกนั้นก่อน แล้วค่อยไปเป็นเพื่อนกับคนคนนั้น!”
“ครับ!” “โอ้!”
ทั้งสามคนพยักหน้าและขานรับอย่างกระตือรือร้นเมื่อหัวหน้าอี้โบกมือ พวกเขาทั้งสี่คนก็มุดแทรกตัวฝ่าฝูงชนทันที ทันใดนั้นเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น ฝูงชนจำนวนมากเริ่มบ่นคร่ำครวญ แต่เนื่องจากมีคนเยอะเกินไป การเบียดเสียดกันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญการจะหาตัวคนเบียดท่ามกลางฝูงชนเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ดังนั้นเหล่าฝูงชนที่โดนเบียดจึงทำได้แค่แหกปากโวยวาย
และในกลุ่มจีนมุงไม่มีใครสังเกตเลยว่าเวลานี้มีผู้ชายสี่คนกำลังเข้าใกล้ตึกอี้เหออย่างรวดเร็ว…