ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 168 ทายาทตระกูลกู้ / ตอนที่ 169 ฉีเหยียนซีบาดเจ็บหนัก
ตอนที่ 168 ทายาทตระกูลกู้
เมื่อเห็นว่ายัยตัวจิ๋วโมโห เซิ่งอี่เจ๋อก็ยิ้มอยู่ในใจพลางบอกอย่างอ่อนโยน “เอาสิ”
หญิงสาวตาเป็นประกายขณะแกะกล่องช็อกโกเลตและแอบยัดอีกกล่องหนึ่งใส่กระเป๋าเอาไว้ ครู่ต่อมาก็ถามด้วยความเป็นกังวล “ถ้าพวกแฟนๆ ของนายได้ข่าวว่าฉันกินช็อกโกเลตที่พวกเขาให้มา จะพากันมาตบฉันไหมเนี่ย”
เซิ่งอี่เจ๋อยักไหล่ พลางตีสีหน้า ‘ไม่ใช่ธุระของฉัน ขอให้โชคดีนะ’
อันซย่าซย่าบูดบึ้ง “มันจะปวดใจมากเลยนะ ฉันคงจะเศร้ามากถ้าคนอื่นมากินของที่ฉันให้ไอดอลของฉัน…”
มุมปากข้างหนึ่งของเขาแสยะขึ้น “ถ้าเกิดเทียบระหว่างเอาให้เธอ กับโยนทิ้งไป อันไหนจะน่าเจ็บปวดกว่ากันล่ะ”
อันซย่าซย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว้าว ช่างมีเหตุผลจริงๆ
เธอยัดช็อกโกเลตเข้ากระเป๋าอย่างมีความสุขก่อนจะมองไปยังเซิ่งอี่เจ๋ออย่างเกรงใจ “นายไม่ถือสาใช่ไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อเบะปาก ยัยซื่อบื้อนี่ ทำอย่างกับว่าถ้าเขารังเกียจแล้วจะห้ามอะไรเธอได้
บ่ายวันนั้น ทีมเชียร์ก็มารวมตัวกันและมีการประกาศข่าว
การแข่งขันครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ โดยทีมฉีซย่าจะแข่งขันกับเซิ่งอิน
เซิ่งอินขึ้นชื่อว่ามีทีมบาสเกตบอลที่เก่งที่สุด ข่าวลือว่าปีนี้พวกเขามีเจ้าชายน้ำแข็งเป็นกัปตันทีม ผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาและขโมยหัวใจสาวๆ มาได้มากมาย
แต่อย่างไรก็ตาม…ฉีเหยียนซีได้ทำเรื่องขอลา และจะไม่มาโรงเรียนสักพักหนึ่ง
ทั้งทีมบาสเกตบอลและทีมเชียร์ต่างก็แตกตื่นกับข่าวนี้ เมื่อไม่มีนักเล่นหลักและตัวบุก จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะชนะการแข่งขัน
สมาชิกในทีมบาสเกตบอลทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นกระปอดกระแปด—
“นายน้อยฉีนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ ทำไมถึงจะมาขอลาเอาช่วงนี้ล่ะ”
“แหม แล้วพวกเราจะทำอะไรได้ คนรวยอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น โรงเรียนก็เป็นของตระกูลเขา เขาจะทำอะไรก็ได้”
“คังเจี้ยนก็บาดเจ็บเหมือนกัน… แล้วพวกเราจะเอาตัวรอดจากการแข่งครั้งนี้ไปได้ยังไง” กัปตันทีมเกาหัวด้วยความเป็นกังวล
อันซย่าซย่าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เธอปลีกตัวไปโทรหาฉีเหยียนซีและพยายามจะค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่โทรศัพท์กลับถูกตัดสายทิ้งตลอด
แล้ววันพุธก็มาถึงในไม่ช้า
ฉีซย่ายังคงเป็นทีมเหย้า
เมื่อทีมเซิ่งอินมาถึง ทั้งสนามกีฬาก็กระหึ่มไปด้วยเสียงกรีดร้อง
ผู้เล่นตัวหลักของทีม…หล่อมาก!
เขามีใบหน้าคมสัน ผิวพรรณดี และมีแววตาที่แสดงถึงความสันโดษ ด้วยร่างสูงโปร่งและแขนขาเรียวยาว เด็กหนุ่มคนนี้นั้นช่างหล่อเหลาเกินต้านทาน
อันซย่าซย่าอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปอยู่ในโหมดแฟนคลับขณะที่เธอมองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น หัวใจสีชมพูกำลังโบยบินออกมาทางดวงตา
“เขาช่าง…หล่อจังเลย…”
“ใช่เลย ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย ฉันจะเก็บไว้บูชาตลอดทั้งปีเลย!” รอยยิ้มของซูเสี่ยวมั่วก็หยาดเยิ้มไม่แพ้กัน
“ได้ยินมาว่าเขาคือ กู้จื่อเฉิน ทายาทเจ้าของบริษัทกู้กรุป!” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
กู้จื่อเฉิน?
เป็นชื่อที่เพราะมาก นั่นยิ่งสร้างความประทับใจให้อันซย่าซย่ายิ่งขึ้นไปอีก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นักเรียกของฉีซย่าก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที
ทุกคนต้องยอมรับเลยว่ากู้จื่อเฉินเล่นได้อย่างงดงามและมีทักษะที่ดีมาก ทีมเซิ่งอินก็เล่นเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดคงจะยิดดีมากถ้ามีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมเป็นของตัวเอง
แต่เมื่อไม่มีผู้เล่นฝ่ายรุกและทีมบาสที่ไม่ครบชุด พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้ชื่นใจได้เลย
ฉีซย่าถูกบดขยี้อย่างยับเยินในการแข่งขันนั้น
ในที่สุดเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น แต้มที่ถูกทิ้งห่างอย่างมากก็น่าเจ็บปวดเกินกว่าจะมองดู
กู้จื่อเฉินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนราวกับเขาคือราชาของสนามบาสเกตบอล จากนั้นเขาก็เดินนำทีมเซิ่งอินออกไปจากสนามอย่างเรียบง่าย
ความเงียบเข้าครอบงำนักเรียนฉีซย่าทุกคน
และแล้วนักเรียนหญิงบางคนก็เริ่มร้องไห้
แม้แต่อันซย่าซย่าก็รู้สึกเศร้าไปด้วย
เธอมาเข้าทีมเชียร์ก็เพราะอยากเจอหนุ่มหล่อเท่านั้น แต่ตอนนี้พอได้มาเห็นแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าเขาจะหล่อน่ารักขนาดไหน มันก็เทียบไม่ได้เลยกับศักดิ์ศรีของทีมเหย้า
มันจะไม่ยอดเยี่ยมไปเลยหรอกหรือ ถ้าฉีซย่าเป็นฝ่ายชนะ
ตอนที่ 169 ฉีเหยียนซีบาดเจ็บหนัก
อันซย่าซย่ากลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกหดหู่มาก
ป่าป๊าอันจัดเตรียมโต๊ะอาหารมื้อเย็นไว้แล้ว และกำลังรอเธออยู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ไปล้างมือสิลูก อาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว”
“โอ้…” อันซย่าซย่าเดินไปห้องน้ำอย่างใจลอยและเกือบจะชนเข้ากับผนังระหว่างทางเข้าให้ ฉือหยวนเฟิงลงมาข้างล่างพอดีและคว้าเธอไว้ได้ทัน เขาถามอย่างดีใจ “ซย่าซย่า วันนี้ไปซ้อมเชียร์หรือเปล่า ฉันช่วยสอนให้นะ! ฉันช่วยเอง!”
อันซย่าซย่ายิ่งดูเศร้าหนักเข้าไปอีกกับคำพูดเขา ล้างมือไปพลางบ่นพร่ำไปพลางและถอนหายใจไปพลาง ซึ่งทำเอาฉือหยวนเฟิงละล่ำละลักถาม
“เธอเป็นอะไรไปเหรอ”
“ช่วงจิตหงุดหงิดน่ะ รู้จักไหม ช่วงนั้นของเดือนไง” อันอี้เป่ยตอบกวนๆ
อันซย่าซย่าไม่ได้ตอบโต้กลับ ซึ่งแทบจะหาโอกาสแบบนี้จากเธอได้ยากมาก และได้แต่กินข้าวอย่างเงียบๆ
เซิ่งอี่เจ๋อเหลือบมองเธอพลางนิ่วหน้า
“เธอก็ไปเชียร์มาไม่ใช่เหรอ” เขาถาม
“ไป…พวกเราโดนเซิ่งอินบี้เละเทะเลย” อันซย่าซย่าตอบอย่างเคืองใจ “เจ้ากู้จื่อเฉินจากเซิ่งอินช่างน่ารำคาญชะมัด! หล่อแล้วยังไงล่ะ! จำเป็นต้องบดขยี้ทีมเราขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเจ้าฉีเหยียนซีอีก! ทิ้งพวกเราในนาทีสุดท้ายเฉยเลย ไม่ยอมมาปรากฏตัวในการแข่งขันสำคัญขนาดนี้…”
เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึๆ เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย “เธอคิดว่าฉีเหยียนซีจะเทียบหมอนั่นได้เหรอ”
“หา” อันซย่าซย่าแปลกใจ “พวกนายรู้จักกันด้วยเหรอ”
“พวกเราเคยเจอกัน จะพูดอย่างนั้นก็ได้” เซิ่งอี่เจ๋อตอบอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงบนใบหน้าของอันซย่าซย่า เขาก็รู้สึกแย่แทนเธอ “เธออยากชนะขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“แน่นอน! ใครๆ ก็ต้องการให้ทีมของตัวเองชนะ!”
เซิ่งอี่เจ๋อทานมื้อเย็นอย่างเรียบร้อย ทว่าเรียวคิ้วที่เลิกขึ้นก็เผยให้เห็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่
“งั้น ทีมเราจะชนะไหมถ้ามีทั้งนายกับฉีเหยียนซีมาร่วมทีม” อันซย่าซย่าเลื่อนแววตาคาดหวังมาที่เซิ่งอี่เจ๋อ
เขาพ่นลมพรืด “ฉันไม่ยอมร่วมทีมกับเจ้านั่นหรอก”
“เฮ้อ รู้หรอก ด้วยนายที่บาดเจ็บและฉีเหยียนซีที่ลาไป พวกเราจะชนะได้ยังไง” อันซย่าซย่าวางตะเกียบลงอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะหายตัวกลับเข้าห้องไปราวกับวิญญาณ
“เราจะชนะ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเบื้องหลังเธอ อันซย่าซย่าหันหลังกลับมาด้วยความประหลาดใจ ได้ยินเซิ่งอี่เจ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง “เราจะชนะ ฉันสัญญา”
ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะแผ่วเบา แต่มันก็มีอะไรบางอย่างในน้ำที่ทำให้เธอเชื่อมั่น
อันซย่าซย่าดีใจเนื้อเต้นอยู่สองวินาทีก่อนจะเบะปาก “นายไม่ต้องมาปลอบใจฉันเลย ฮือ…ฉันอยากให้โอปป้าหรงเช่อของฉันมาปลอบใจจัง…”
เซิ่งอี่เจ๋อส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
แต่อย่างไรก็ตาม เหอจยาอวี๋จับใจความที่เขาพูดเป็นนัยได้และนิ่วหน้า “นายคงไม่ลงแข่งเองหรอกนะ นี่เซิ่งอี่เจ๋อ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ! ขานายรับแรงขนาดนั้นไม่ไหว…”
วันต่อมาที่โรงอาหารของโรงเรียน
อันซย่าซย่าเพิ่งได้อาหารเมื่อซูเสี่ยวมั่วเดินเข้ามาหาเธออย่างมีความสุข เธอลากมู่หลีตามมาด้วย “ซย่าซย่า แฟนฟิกชันของพวกเราเสร็จแล้วนะ! ฉันเอาลงเว็บออนไลน์เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว แค่ข้ามคืนพวกเราขายได้หลายร้อยเล่มเลยเชียวนะ! ฮ่าๆๆ พวกเราจะรวยกันแล้ว!”
“เย่! กระเป๋าตังค์ฉันจะอ้วนท้วนอีกครั้งแล้ว!” อันซย่าซย่าหายจากอาการหดหู่จากเมื่อวานโดยพลันและยิ้มกว้าง
มู่หลียิ้มแห้งๆ ก่อนจะนั่งลงทานอาหารกลางวัน
ทั้งสามพูดคุยกันระหว่างทาน แล้วหัวข้อที่คุยก็ขยับไปสู่เรื่องการแข่งขันบาสเกตบอลโดยปริยาย
“เจ้าคนชั่วฉีเหยียนซี! ฉันเกลียดเขา! อยู่ๆ มาหายหัวไปในเวลาแบบนี้ได้ไง!” อันซย่าซย่าปักตะเกียบลงชามข้าวอย่างหัวเสีย
“นั่นสิ! หมอนั่นจงอยู่ห่างฉันไว้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะเอาตะเกียบกระซวกจมูกเขาให้!” คำขู่ของซูเสี่ยวมั่วดูอาฆาตมาก
มู่หลีพูดอย่างกังวลใจ “มันไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดนะ ขาเขา-ขาเขาบาดเจ็บน่ะ…อาการหนักเลย…”
“อะไรนะ”