ตอนที่ 338 เขาพบการปรากฏตัวของเธอแล้ว (5)
“อ๊าาา” เสียงกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือดดังกึกก้องอยู่บริเวณระเบียงทางเดิน
เขาสบถด่าด้วยนัยน์ตาสีแดง “ฉันจะฆ่าพวกแก! ไอ้เด็กพวกนี้เก่งนักใช่ไหม พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แล้วพ่อฉันเป็นใคร”
“จะไปรู้หรือไง!” ซูเสี่ยวโม่รีบวิ่งไปข้างหน้าและต่อยเขาอีกครั้งพร้อมกับตะโกนอย่างดุเดือด “เรียกพ่อแกมาสิ!”
เมื่อชายร่างใหญ่ถูกเธอต่อยก็หมดหนทางสู้และร้องไห้โฮออกมา
พอฉีเหยียนซีเห็นเขาถูกต่อยจนน่วม ก็พูดว่า “แม่งเอ๊ย เจ๊โม่ ไม่สิ เฮียโม่ ฉันขอเคารพเธอในฐานะผู้ชายอกสามศอก”
เขาโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นใครปราดเปรียวและห้าวหาญอย่างซูเสี่ยวโม่มาก่อน
ซูเสี่ยวโม่สะบัดผมและถามว่า “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“มากับเพื่อนน่ะ” ฉีเหยียนซีตอบ พลางขมวดคิ้วมองมู่หลีที่กำลังเขินอายอยู่ในชุดพนักงาน
มู่หลีก้มหน้าบิดนิ้วตัวเอง เธอกลัวเขามาก
“เกิดอะไรขึ้น? มู่หลี พอเธอสวมชุดแบบนี้ฉันแทบจำไม่ได้เลยแฮะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มู่หลีก็แทบน้ำตาไหล
ตอนนี้เขาจำเธอไม่ได้ตรงไหน เขาไม่เคยจำเธอได้ต่างหากล่ะ
เธอเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา ไม่กลับไปแต่งตัวเป็นผู้หญิงขี้เหร่แบบนั้นอีกแล้ว แต่ในสายตาเขาก็ยังไม่มีเธออยู่ดี
สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นแค่คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
“ฉันยังต้องไปทำงาน ขอตัวก่อนนะ…” หลังจากที่มู่หลีพูดเสร็จก็เเทบจะอันตรธานหายไป
ซูเสี่ยวโม่บุ้ยปากเตรียมจะเดินกลับ แต่เท้าก็หยุดชะงักลง
ชายหนุ่มที่เธอนึกถึงกำลังเดินมาหาเธออย่างช้าๆ
ซูเสี่ยวโม่งงั้น
แย่แล้ว หากดูจากระยะทาง เหอจยาอวี๋จะต้องเห็นฉากที่เธอต่อยคนแน่เลย!
เธอไม่เพียงแค่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น เธอยังระเบิดคำสบถแล้วบอกให้ผู้ชายคนนั้นโทรหาพ่อของเขาอีก…
น่าอายจริงๆ เลย ฉันทำมันไปได้ยังไง
อ๊าาา!
“เธอเป็นอะไรไหม” เหอจยาอวี๋ถามด้วยความอ่อนโยน
ซูเสี่ยวโม่ส่ายหน้าอย่างอายๆ ในตอนนี้เธอต้องการหาที่ฝังตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเขาชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนจิตใจดี แต่เธอกลับแสดงด้านรุนแรงอำนาจป่าเถื่อนของตัวเองให้เขาเห็นซะแล้ว T-T…
เธอก้มหน้าลงด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นเหอจยาอวี๋ก็จับมือเธอ “เธอบาดเจ็บแล้ว…”
เธอเช็ดมือตัวเองก็มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
ซูเสี่ยวโม่รู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตมือ เธอสะบัดมือออกอย่างรวดเร็วและยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ “ไม่เป็นไรๆ ฉันชินเเล้ว ฉันขอกลับไปที่ห้องก่อนนะ บ้ายบาย”
เธอวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สังเกตว่าแววตาของเหอจยาอวี๋นั้นแฝงไปด้วยความรักสุดหัวใจ
–
ภายในห้องจัดงานเลี้ยง
อันซย่าซย่าใช้เวลานานในการเลือกเพลงอยู่ตรงขอบเวที ในที่สุดเธอก็เลือกมาได้หนึ่งเพลง
นั่นคือเพลงฤดูร้อนอันเงียบสงบของเหลียงจิ้งหรู
“เซิ่งอี่เจ๋อ นายร้องได้ไหม?” เธอถามด้วยแววตาเป็นประกาย
เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้ว “นี่มันเพลงผู้หญิง…”
“แหะแหะ นายก็แค่บอกมาสิว่าร้องไม่ได้”
แน่นอนว่าเขาร้องได้ แต่เขาเป็นผู้ชายจะให้มาร้องเพลงแบบนี้มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
อย่างไรก็ตาม…พอได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและรอคอยของอันซย่าซย่า ความสดใสเจิดจ้านั้นทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้
ช่างเถอะ ร้องก็ร้อง เธอมีความสุขก็ดีแล้ว
พอเขาหยิบไมโครโฟน ทุกคนในห้องก็หยุดส่งเสียงเพื่อรอให้เขาร้อง
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง โทรศัพท์มือถือของเซิ่งอี่เจ๋อก็สั่นในเวลาเดียวกัน
เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับสายด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
อีกฝั่งพูดเพียงประโยคเดียวก็วางสายโทรศัพท์ไป ใบหน้าเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็วางไมโครโฟนลง
“ซย่าซย่า ขอโทษนะ” นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่เขาบอกอันซย่าซย่าก่อนจะรีบออกไป
ตอนที่ 339 เขาพบการปรากฏตัวของเธอแล้ว (6)
ภายในห้อง KTVเงียบไปทั้งแถบ
หลังจากที่พูดประโยคนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็รีบร้อนออกไปโดยไม่อธิบายแม้แต่คำเดียว ทิ้งให้อันซย่าซย่ายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงนั้น
เธอก้มหน้าลงด้วยความหดหู่
ซูเสี่ยวโม่เห็นดังนั้นจึงเข้าไปปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะ เขาจะต้องมีธุระสำคัญมากแน่ๆ มามามา พวกเรามาสนุกกันต่อ!”
เธอยื่นไมโครโฟนออกไปเพื่อสั่งให้ฉือหยวนเฟิงร้องเพลง
แต่อันซย่าซย่าไม่มีอารมณ์สนุกแล้ว เธอยิ้มเศร้าๆ และโบกมือให้พวกเขา “พวกเธอสนุกกันเถอะ…ฉันกับเสียวเป่าขอตัวกลับก่อน”
ซูเสี่ยวโม่ถอนหายใจและเข้าใจว่าตอนนี้เธอน่าจะกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ “อืม”
อันซย่าซย่าจูงมือเซิ่งเสียวเป่าออกจากร้านKTV
เนื่องด้วยเซิ่งเสียวเป่าเป็นเด็กฉลาด เขารู้สึกได้ว่าอันซย่าซย่าดูแปลกไปจึงทำตัวเป็นเด็กดีโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้อันซย่าซย่าพาเขานั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน
รถจอดอยู่ตรงหน้าเขตวิลล่า ทั้งสองจูงมือกันเดินกลับบ้านท่ามกลางท้องฟ้ามืดครึ้มและหลังจากนั้นไม่นานหิมะก็ตก
ทั้งสองเดินทางกลับด้วยความลำบาก พอถึงหน้าประตูเซิ่งเสียวเป่าก็รีบวิ่งไปข้างหน้าแต่กลับลื่นไถลเกือบตกลงมาจากบันได
อันซย่าซย่าตกใจและรีบไปพยุงเขาไว้ แต่ข้อเท้าของเธอกลับพลิกอย่างรุนแรง
“ซี๊ดดด” เธอเจ็บจนสูดปากร้อง เซิ่งเสียวเป่าก็ตกตะลึงและกะพริบตาโต “เฮ้ ยัยอัปลักษณ์ซย่าซย่า เธอโอเคไหม”
อันซย่าซย่าส่ายหน้าอย่างเหนื่อยล้า เธอเดินกะเผลกเข้าไปในบ้านและกลับเข้าไปในห้องเหมือนร่างไร้วิญญาณ
เธอทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆ ทว่าความหดหู่ที่อยู่ลึกๆ ในใจกลับยังมีอยู่
เซิ่งเสียวเป่ายืนอยู่ตรงหน้าประตูอยู่เป็นเวลานาน เขาผลักเข้าไปและพูดว่า “นี่ เท้าเธอโอเคไหม? หรือจะให้ฉันโทรเรียกหมอประจำตระกูลมาที่นี่? แล้วก็…เธอหิวไหม เราสั่งอาหารจากข้างนอกมากินเอาไหม”
อันที่จริงเขาชอบอันซย่าซย่ามาก ที่เขามักจะพูดว่าอันซย่าซย่าอัปลักษณ์นั้น นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่าเธอเเย่งพี่ชายของตัวเองไป
บวกกับเมื่อกี้นี้ที่อันซย่าซย่าข้อเท้าพลิกเป็นเพราะพยายามช่วยเขาไว้…เซิ่งเสียวเป่าจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ
“อืม…เสียวเป่า อย่าเพิ่งมาคุยกับฉัน ฉันขออยู่เงียบๆ สักพัก” อันซย่าซย่าพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่
เซิ่งเสียวเป่าเม้มริมฝีปาก “อ้อ…งั้นถ้าเธอหิวก็อย่าลืมเรียกฉันล่ะ!”
“อืม”
ทันทีที่เซิ่งเสียวเป่าออกไป ภายในห้องก็เงียบจนน่ากลัว อันซย่าซย่านั่งกอดหมอนอยู่ริมหน้าต่าง
มีหิมะตกหนักอยู่ข้างนอกหน้าต่าง แววตาเธอเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวเดียวดาย
จู่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อันซย่าซย่ากดรับสายด้วยความแปลกใจ เสียงที่ไพเราะและอ่อนหวานของหลีฝานซิงดังลอยเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
“อันซย่าซย่า เธอได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดแล้วหรือยัง? พอคนรักวัยเด็กของเซิ่งอี่เจ๋อกลับมา ในใจเขาก็จะไม่มีที่ว่างให้เธออีกต่อไป!”
อันซย่าซย่ากัดฟัน “เธอหมายความว่ายังไง?”
หรือจะบอกว่า…เธอคนนั้นที่เขาตามหาได้ปรากฏตัวเเล้ว?
“ถ้าเธอขอร้อง ฉันอาจจะบอกเธอก็ได้นะ” หลีฝานซิงยิ้ม แววตางดงามของเธอเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
อันซย่าซย่ารู้ว่าเธอจงใจ ดังนั้นเธอจึงวางสายโทรศัพท์ไปอย่างเงียบๆ
เธอต้องรอเซิ่งอี่เจ๋อกลับมา เธอต้องการฟังคำอธิบายจากเซิ่งอี่เจ๋อด้วยตัวเอง
แต่เห็นได้ชัดว่าหลีฝานซิงไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอยังส่งข้อความกลับมา
ในข้อความมีเพียงแค่รูปถ่ายใบเดียว
หญิงสาวที่บอบบางและสง่างามสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาว เธอยิ้มเล็กน้อยโดยมีเซิ่งอี่เจ๋ออยู่ข้างๆ เธอ
รูปร่างของทั้งสองดูเหมาะสมกันมาก
สีหน้าและท่าทางของเซิ่งอี่เจ๋อดูอ่อนโยนกว่าที่เธอเคยเห็น
หิมะตกหนักอยู่ข้างนอกหน้าต่าง ภายในห้องเปิดฮีทเตอร์ให้ความอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
ทว่า…อันซย่าซย่ากับรู้สึกหนาวเข้ากระดูก
เธอกอดหมอนแน่น นัยน์ตาเธอแฝงไปด้วยด้วยความเจ็บปวด
คนรักวัยเด็กของเขากลับมาแล้ว…เธอจะทำอย่างไรดี?