Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1234 : จัดการเฉียวเปียว!

บทที่ 1234 : จัดการเฉียวเปียว!

  ยังไม่ทันที่เสียงพูดของหลิงหยุนจะดังจบประโยคดีร่างของเขาที่ยังคงมีเพียงมือเปล่านั้น ก็ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าของเฉียวเปียวแล้ว!

  และทันทีที่ไปถึง..หลิงหยุนก็จัดการชกหมัดตรงเข้าใส่ใบหน้าของเฉียวเปียวอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉีให้พุ่งเข้าจู่โจมเฉียวเปียวจากด้านหลังด้วย วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาที่เฉียวเปียวเองก็ต้องสาละวนอยู่กับการป้องกันหมัดของหลิงหยุนที่พุ่งเข้ามาทางด้านหน้า..

   ห๊ะ! 

  เฉียวเปียวถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกตกใจในขณะเดียวกันก็ต้องกัดฟันเหวี่ยงแขนซ้ายออกไปรับหมัดของหลิงหยุน ในขณะที่แขนขวาเหวี่ยงขวานด้ามใหญ่ไปทางด้านหลังของตนเอง..

  เคร้ง..  เสียงคล้ายโลหะกระทบกันดังขึ้นและขวานด้ามใหญ่ของเฉียวเปียวก็สามารถต้านกระบี่ฉีกังของหลิงหยุนไว้ได้อีกครั้ง..

  ในเวลาเดียวกันนั้น..พลังปราณที่พุ่งออกจากหมัดของหลิงหยุน ก็ได้กระแทกเข้ากับขวานใหญ่ในมือของเฉียวเปียวอย่างรุนแรงเช่นกัน และในจังหวะนั้นหลิงหยุนก็ได้โคจรดาราคุ้มกายในระดับสิบสี่ของตนปกป้องร่างกายไว้ด้วย จึงกล้าที่จะชกหมัดเข้ากับขวานที่แข็งแกร่งของเฉียวเปียวเช่นนั้น..

   ห๊ะ!หมอนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง?! 

  โม่วู๋เตาที่นั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้อยู่ทางด้านหลังของหลิงหยุนนั้นถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหลิงหยุนใช้กำปั้นชกเข้าใส่ขวานเหล็กที่แข็งแกร่ง และทรงพลังเช่นนั้น..

  ขวานด้ามใหญ่ที่เฉียวเปียวฟันใส่หลิงหยุนนั้นไม่เพียงทำจากโลหะที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีพลังปราณที่รุนแรงแรงในระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติพวยพุ่งออกมาด้วย จะมีผู้ใดบ้างที่บ้าดีเดือดจนกล้าใช้มือเปล่าปะทะเช่นนั้น เห็นจะมีก็เพียงแค่หลิงหยุนผู้เดียวเท่านั้น!

  ปัง!

  พลังปราณจากหมัดอันทรงพลังปะทะเข้ากับพลังปราณของคมขวานด้ามใหญ่อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ขึ้นในทันที..

  ร่างของยอดฝีมือทั้งสิบเอ็ดคนที่นอนเรียงรายอยู่กับพื้นนั้นได้ถูกแรงลมของพายุหมุนซึ่งเกิดจากพลังปราณรุนแรงของทั้งสองฝ่าย พัดหอบเอาร่างให้ลอยเคว้งขึ้นไปกลางอากาศ บ้างก็ปลิวไปกระแทกกำแพง บ้างก็ปลิวกระแทกกันเอง จนเกิดเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทั้งขึ้นทั่วทั้งบริเวณอีกครั้ง!

   อ๊าก! 

  เสียงกรีดร้องของเฉียวเปียวดังออกมาด้วยความเจ็บปวดเวลานี้มือซ้ายที่ถือขวานใหญ่นั้นได้มีเลือดไหลออกมา เฉียวเปียวก็รู้สึกปวดร้าวที่แขนซ้ายจนแทบอยากจะปล่อยขวานในมือทิ้งไป และร่างใหญ่ยักษ์ของเขาก็ได้ลอยละลิ่วถอยหลังออกไปทันที..

  ปัง!

  เสียงร่างใหญ่ยักษ์ของเฉียวเปียวกระแทกเข้ากับกำแพงภายในสวนอย่างแรงก่อนจะทะลุและลอยละลิ่วออกไปยังสวนชั้นที่เจ็ดจนแทบจะยืนทรงตัวไว้ไม่ได้..

   หึ..ข้าควรจุถามเจ้ามากกว่าไปกินดีหมีดีมังกรมาจากที่ใด จึงได้กล้าบุกมาตระกูลหลิงเช่นนี้?! 

  น้ำเสียงเย็นชาของหลิงหยุนดังขึ้นอีกครั้ง..ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉีให้บินกลับมาหาตนเอง แทนที่จะให้พุ่งตามร่างของเฉียวเปียวไป!

  การที่หลิงหยุนรวบรวมพลังทั้งหมดของตนส่งหมัดเข้าใส่ร่างของเฉียวเปียวนั้นก็เพื่อต้องการทดสอบพลังที่แท้จริงของตนเองในเวลานี้นั่นเอง..

  การประลองกับตระกูลซันและตระกูลเฉินในคืนนั้นถือเป็นการต่อสู้ที่รุนแรง และดุเดือดที่สุดของหลิงหยุนนับตั้งแต่เริ่มฝึกบ่มเพาะพลังบนโลกใบนี้มา เวลานี้เขาได้บ่มเพาะตนจนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ได้แล้ว อีกทั้งยังรู้สึกว่าพลังจิตของตนยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย..

  ไม่กี่วันมานี้หลิงหยุนเองก็เพิ่งจะดูดซับเอาปราณราชามังกรซึ่งเก็บสะสมไว้ในพระราชวังต้องห้ามมานานกว่าห้าร้อยปีเข้าไปมากมาย จนกระทั่งปราณราชามังกรจำนวนมากเหล่านั้นได้หลอมรวม และอัดแน่นกลายเป็นกระบี่จักรพรรดิมังกร..

  ในขณะที่ปราณราชามังกรที่เหลือก็ได้กระจายไปทั่วร่างกายของเขาเข้าไปช่วยเสริมสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ ผิวหนัง อวัยวะภายใน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่าง แม้จะไม่สามารถทำให้ขั้นของเขาพัฒนาได้ในทันที แต่ก็ได้สร้างร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ให้กับเขา..

  หลิงหยุนสัมผัสได้อย่างชัดเจนตั้งแต่วินาทีแรกว่า..หลังจากที่ได้รับปราณราชามังกรภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปมากมายนั้น ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปมาก และแข็งแกร่งขึ้นมากด้วย..

  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดูกผิวหนัง เนื้อ และเลือดของหลิงหยุนนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และเวลานี้ไม่เพียงกระดูกสันหลังของหลิงหยุนที่กลายเป็นสีทอง แม้แต่กระดูกส่วนมือของเขา ก็เริ่มกลายเป็นสีทองจางๆแล้วด้วยเช่นกัน

  หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของร่างกายหลิงหยุนเวลานี้กับเมื่อครั้งที่เขาได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 นั้น เวลานี้ร่างกายของหลิงหยุนนับว่าแข็งแกร่งกว่าครั้งนั้นอย่างน้อยถึงสองเท่าเลยทีเดียว!

  และนี่คือเหตุผลที่เมื่อตอนกลางวันหลิงหยุนกล้าใช้กระบี่ลมปราณกว่าร้อยเล่มทำการทดสอบหัวหน้าอาวุโสแห่งหน่วยนภา – โจวเหวินอิง!

  ไม่เพียงเท่านั้น..ก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็เพิ่งจะดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปมากมาย ทำให้ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าที่ควรจะเป็นอีก!

  และในระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่นั้นหนึ่งนาทีจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้สามหยด เวลานี้หลิงหยุนจึงมีเสินหยวนอยู่กว่าหนึ่งหมื่นหยด เรียกได้ว่ากึ่งกลางหว่างคิ้วของเขาเวลานี้แทบจะกลายเป็นทะเลสาบเสินหยวนไปแล้ว..

  ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้ความสามารถในการาจู่โจมคู่ต้องสู้ และความสามารถในการป้องกันตัวเองของหลิงหยุนนั้น พุ่งขึ้นจนน่ากลัว!

  หลิงหยุนเองก็กำลังต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของตนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายนี้กับยอดฝีมือที่เก่งกาจสักคนและหลี่เจิ้งเฟิงกับเฉียวเปียวก็เข้ามาได้ในเวลาที่เหมาะเจาะยิ่งนัก!

  แต่หากจะพูดให้ถูกก็ต้องพูดว่า..ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่แกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง!   นอกเหนือจากต้องการใช้อาวุโสแห่งหน่วยนภาทั้งสองคนทดสอบความแข็งแกร่งแล้วอีกไม่นานหลิงหยุนจะต้องเดินทางออกจากปักกิ่ง เพื่อไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธที่กำลังจะจัดขึ้น เขาจึงไม่ต้องการปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้เรื้อรัง จนกลายเป็นปัญหาให้กับตระกูลหลิง หลิงหยุนจึงได้ตัดสินใจที่จะสะสางให้จบสิ้นไปในคืนนี้!

  และอย่างน้อย..ก็เพื่อให้อีกหลายฝ่ายในปักกิ่งที่กำลังคิดจะบีบคั้น หรือหาเรื่องกับตระกูลหลิง ต้องหยุดชั่งใจ และประเมินตัวเองให้ดีเสียก่อน หรือไม่อย่างน้อยก็ต้องคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาด้วย!

  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตระกูลหลงที่กำลังคิดจะเล่นงานตระกูลหลิงอยู่!

  จากการประมือกับเฉียวเปียวก่อนหน้านี้สองสามหมัดนั้นทำให้หลิงหยุนสามารถประเมินความแข็งแกร่งของเฉียวเปียวได้อย่างแม่นยำว่า ไม่น่าจะเกินกว่าระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติ แต่ก็นับว่าแข็งแกร่งกว่าเฉินจิ้งเฉวียนเมื่อครั้งที่กลายร่างเป็นปีศาจ และในครั้งนั้นหลิงหยุนยังอยู่เพียงแค่ระดับเริ่มต้นขั้นซานฉางชี่ แต่ก็สามารถสังหารปีศาจเฉินจิ้งเฉวียนได้..

  แต่ในเวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่แล้วมีหรือที่คนอย่างเฉียวเปียวจะสามารถต้านทานเขาได้!

  และผลก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน..หลิงหยุนใช้เพียงแค่หมัดชกเข้ากับขวานยักษ์ของเฉียวเปียว ร่างของเฉียวเปียวก็ถึงกับกระเด็นลอยละลิ่วทะลุกำแพงออกไป ในขณะที่หลิงหยุนนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน..

  แม้ในคืนนี้ศักยภาพและความแข็งแกร่งที่หลิงหยุนแสดงออกมานั้น จะเหนือความคาดหมายของผู้อื่นมาก แต่กลับไม่ได้เหนือความคาดหมายของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย เขามั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ในคืนนี้ได้..

   เป็นไปไม่ได้! 

  หลังจากที่เฉียวเปียวยืนทรงตัวได้มั่นคงแล้วเขาก็หันไปมองทางด้านซ้ายมือของตนเอง และพบว่าคมของขวานขนาดใหญ่ในมือนั้น ได้ถูกพลังปราณจากหมัดของหลิงหยุนซัดเข้าอย่างรุนแรง จนกลายเป็นรอยหมัดปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน..

  จากข้อมูลลับที่เฉียวเปียวได้รับมาจากตระกูลหลิงนั้นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนอยู่ในระดับสี่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติ แต่ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดว่า ความแข็งแกร่งที่หลิงหยุนได้แสดงผ่านหมัดของเขานั้น น่าจะอยู่ในระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติเสียมากกว่า!

   ฮ่า..ฮ่า.. 

  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาและได้แต่คิดในใจว่า ‘พวกเจ้าคิดว่าสายตาของโจวเหวินอี้ฝ้าฟางมากหรืออย่างไรกัน! จึงไม่เชื่อคำเตือนของเขา..’

  หลิงหยุนยกหมัดของตนเองขึ้นสำรวจและพบว่าเวลานี้ผิวหนังในบริเวณนั้นของตน ได้กลายเป็นสีทองจางๆ และดูเหมือนจะมีพลังอมตะสีม่วงเจืออยู่เล็กน้อยด้วย หลิงหยุนแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดเสียงเหี้ยม..

   เฉียวเปียว..เจ้าอย่าเพิ่งคร่ำครวญไปนัก! 

  ระหว่างที่พูดออกไปนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้วิชาเงาลวงตาไปปรากฏร่างขึ้นตรงหน้าเฉียวเปียวราวกับหายตัวได้ และซัดกำปั้นออกไปอีกสองหมัด!

  เวลานี้..เฉียวเปียวนับว่าหวาดกลัวหลิงหยุนขึ้นมาก และไม่ต้องการที่จะอยู่ประมือกับหลิงหยุนต่อไป เขากำลังมองหาหนทางที่จะหลบหนีออกจากตระกูลหลิง แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะเปิดโอกาสให้เฉียวเปียวได้หนีไปง่ายๆ

  และเมื่อหมัดคู่ของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วเช่นนั้นเฉียวเปียวจึงทำได้เพียงแค่ตั้งรับเท่านั้น..

  แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว..เพราะพลังปราณจากหมัดของหลิงหยุนนั้น ได้กระแทกเข้ากับหน้าอกของเฉียวเปียวอย่างแม่นยำ!   กร๊อบ..

  เสียงกระดูกหน้าอกของเฉียวเปียวแตกละเอียดทันทีหลังจากที่ถูกหมัดของหลิงหยุนกระแทกเข้าไปอย่างจัง!

  ไม่เพียงเท่านั้น..เฉียวเปียวยังกระอักเลือดออกมาทั้งทางปาก และทางจมูกพร้อมกันอีกด้วย สภาพของเฉียวเปียวเวลานี้ช่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก

  ในบรรดาเหล่าสมาชิกกว่าร้อยคนของหน่วยนภานั้นทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือในขั้นพลังเหนือธรรมชาติขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าประลองกับเฉียวเปียวตัวต่อตัว..

  แต่ถึงกระนั้น..ก็ไม่มีสักคนที่กล้าประลองกับเฉียวเปียวด้วยมือเปล่าเช่นนี้มาก่อน!

  นั่นเพราะเฉียวเปียวเกิดมาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่งอีกทั้งยังฝึกฝนและมีการปรับสภาพร่างกายของตนมาตั้งแต่เด็ก ความถนัดของเฉียวเปียวในการต่อสู้ก็คือการเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้ จากนั้นจึงใช้พลังที่แข็งแกร่ง และร่างกายที่แข็งแรงของตนจู่โจมคู่ต่อสู้จนได้รับความพ่ายแพ้ไปในที่สุด..

  ด้วยเหตุนี้..เฉียวเปียวจึงไม่คิดไม่ฝันว่า จะมีผู้ใดกล้าต่อสู้กับตนด้วยมือเปล่าเช่นนี้ อีกทั้งยังสามารถเอาชนะเขาได้ด้วย ทำให้ความภาคภูมิใจทั้งหมดที่เคยมีได้มลายหายไปในทันที!

  และการที่กระดูกหน้าอกของเฉียวเปียวหักนั้นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าหมัดของหลิงหยุนทรงพลังมากเพียงใด จึงได้สามารถทำลายพลังปราณอันแข็งแกร่งที่ปกป้องร่างกายของตนไว้ได้!

  เวลานี้เฉียวเปียวมีเพียงแค่ความตื่นตระหนกตกใจอย่างมากเท่านั้นเพราะไม่เพียงเลือดที่กำลังไหลทะลักออกจากจมูกและปากพร้อมๆกัน แต่ความเจ็บปวดได้เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของเขา และความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นความรู้สึกที่เฉียวเปียวไม่เคยได้พานพบมานานหลายปีมากแล้ว..

  นอกเหนือจากความเจ็บปวดทั้งหมดก็คือความอัปยศอดสูที่เฉียวเปียวได้รับ!

   อ๊าก.. 

  เฉียวเปียวร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและความโกรธแค้น ในขณะที่ดวงตานั้นจ้องมองหลิงหยุนที่ยืนสงบนิ่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ..

  หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน หึ.. ฝีมือของเจ้ามีแค่นี้เองรึ! 

  ฟิ้ว..

  ในระหว่างที่พูดนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉีให้พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉียวเปียวอย่างรวดเร็ว..

  ในระหว่างที่ร่างใหญ่ของเฉียวเปียวกำลังพยายามยืดตัวขึ้นตรงอย่างช้าๆนั้นผู้คนที่ยืนดูการต่อสู้ของคนทั้งคู่อยู่ ต่างก็กำลังลุ้นระทึกกับกระบี่กังฉีที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉียวเปียว ราวกับว่าตนเองคือผู้ที่กำลังรับกระบี่เล่มนั้นเสียเอง..

  เฉียวเปียวรับรู้ถึงความคมของกระบี่กังฉีได้ดีเขาจึงกัดฟันพร้อมกับเหวี่ยงขวานด้ามยักษ์ในมือซ้ายตรงเข้าใส่กระบี่กังฉีที่กำลังพุ่งเข้ามาทันที..

  ในขณะเดียวกันนั้นก็รีบรวบรวมลมปราณทั้งหมดในร่างกายขึ้นมาครอบคลุมทั่วทั้งร่างของตนไว้แล้วจึงลุกขึ้นยืนตรง และเตรียมที่จะกระโดดถอยหลังหลบให้เร็วที่สุด..

  แต่ถึงกระนั้นกระบี่กังฉีของหลิงหยุนก็เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วมากและขวานยักษ์ในมือของเฉียวเปียวก็ฟันเข้าใส่กระบี่กังฉีของหลิงหยุนจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง!

  ความยอดเยี่ยมของกระบี่กังฉีนั้นไม่ได้อาศัยพละกำลังในการเอาชนะ แต่เป็นการอาศัยความรวดเร็วในการเคลื่อนที่ ความยืดหยุ่น และความคมของกระบี่ในการเอาชนะคู่ต่อสู้..

  แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ไม่คิดว่าตนจะสามารถใช้กระบี่กังฉีทำร้ายเฉียวเปียวให้บาดเจ็บได้ แต่มันคือการหลอกล่อเท่านั้น..    เตรียมตัวตายได้แล้ว! 

  ในระหว่างที่เฉียวเปียวรับมืออยู่กับกระบี่กังฉีนั้นกระบี่ยาวสีดำก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนทันที แล้วร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศตรงเข้าหาเฉียวเปียวอย่างรวดเร็ว!

  กระบี่สีดำถูกกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นม่านสีดำครอบคลุมร่างของเฉียวเปียวไว้เฉียวเปียวรับรู้ได้ถึงอันตราย และหนทางเดียวที่ทำได้คือรีบยกขวานคู่ในมือทั้งสองข้างขึ้นต้านกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนไว้ทันที!

  แต่ภาพที่ทุกคนเห็นพร้อมๆกันก็คือกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้น ฟันขวานด้ามใหญ่ของเฉียวเปียวขาดราวกับตัดเต้าหู้ จากนั้นปลายกระบี่ก็พุ่งเข้าฟันใส่หน้าอกของเฉียวเปียวทันที..

   อ๊าก! 

  เฉียวเปียวกรีดร้องออกมาหลังจากที่ขวานด้ามใหญ่ถูกฟันขาดและรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หน้าอก..

  กระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าไปในร่างของเฉียวเปียวครึ่งหนึ่งแล้วเมื่อเห็นว่าขวานในมือไม่สามารถต้านทานไว้ได้แล้ว เฉียวเปียวจึงรีบงอตัวกระโดดถอยหลังออกไปก่อนที่จะเสียชีวิต

  แต่ถึงกระนั้น..กระบี่ของหลิงหยุนก็ได้ฟันเข้าใส่ร่างของเฉียวเปียวตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงซี่โครงแล้ว และเวลานี้เลือดสดๆ ก็กำลังไหลท่วมตัวของเขา!

  ร่างใหญ่โตของเฉียวเปียวที่กระโดดถอยออกมานั้นได้กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง และเลือดสีแดงก็ไหลท่วมพื้นทันที..

   อ๊าก! 

  เฉียวเปียวกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเขากัดฟันหยิบโอสถสีทองออกมาจากถุงผ้าพร้อมกับยันต์อีกสองสามแผ่น จากนั้นจึงปิดยันต์ลงบนหน้าอก แล้วบาดแผลของเขาก็ค่อยๆดีขึ้น..

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท