คนที่พูดไม่ใช่ข่งฮูหยิน แต่เป็นคนแม่ของแม่ลูกคู่นั้น หลังจากนางพิจารณาถาวจวินหลันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มพูดอย่างขลาดกลัว “ท่านคือจวินหลันหรือ? จวินหลันใช่หรือไม่!” น้ำเสียงฉายแววตื้นนตันเอาไว้
ถาวจวินหลันขมวดคิ้ว ในใจคิดสงสัยว่าฮูหยินคนนี้รู้ชื่อของนางได้อย่างไร? อีกทั้งยังเรียกออกมาโวกเวกเสียงดังเช่นนี้ด้วย?
ข่งฮูหยินดึงมารดาคนนั้นเอาไว้ ตำหนิเสียงเบา “เจ้าเรียกชื่อชายารองถาวตรงๆ ได้อย่างไร? เปลี่ยนไปเรียกว่าชายารองถาวเถิด ก่อนจะมาข้าสอนเจ้าไว้ว่าอย่างไร เจ้าลืมแล้วหรือ?”
ถาวจวินหลันตั้งใจพิจารณาคู่แม่ลูก ฉับพลันก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะคนที่เป็นมารดา เหมือนว่านางเคยเจอที่ไหนมาก่อน
พอข่งฮูหยินเตือนเช่นนี้ คนแม่ก็รู้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงรีบแก้คำพูดว่า “ชายารองถาวอย่างถือความเลยเจ้าค่ะ ข้าสะเพร่าเกินไป แต่ไม่รู้ว่าชายารองถาวยังจำหญิงแก่เช่นข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”
พอถูกถามเช่นนี้ก็เห็นได้ชัดว่าพวกนางน่าจะรู้จักกันมาก่อน ถาวจวินหลันเบนหน้าไปมองข่งฮูหยิน พลางพิจารณามองคนเป็นแม่อีกครั้ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ข้าจำไม่ได้เสียอย่างนั้น” พูดไปพลาง มองข่งฮูหยินไปพลาง
ในเมื่อข่งฮูหยินพามา เช่นนั้นข่งฮูหยินต้องอธิบายก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ข่งฮูหยินย่อมต้องเข้าใจความหมายของถาวจวินหลัน รีบพูดว่า “นี่คืออาสะใภ้ของชายารองถาว ท่านยังจำได้หรือไม่? ตอนนั้นใต้เท้าถาวมีญาติผู้น้องคนหนึ่ง แล้วยังเคยมาอาศัยอยู่บ้านตระกูลถาวอยู่ช่วงหนึ่ง ชายารองถาวลองนึกย้อนดูสิเจ้าคะ?”
พอพูดเช่นนี้ถาวจวินหลันก็นึกเรื่องนี้ได้ แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้พักอยู่นาน เหมือนว่าจะพักอยู่ครึ่งเดือน ท่านพ่อเคยช่วยหาบ้านหลังเล็กให้ แล้วย้ายพวกเขาเข้าไป
ใช่แล้ว ตอนนั้นท่านอาคนนี้ยังเคยทำรองเท้าให้นางคู่หนึ่ง ฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว นางชอบคู่นั้นมาก แต่การไปมาหาสู่กันก็มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว
ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากบ้านตระกูลถาวล่มสลาย นางก็เคยคิดจะไปหาท่านอาคนนี้ คิดว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายจะสามารถรองรับพวกนางพี่น้องได้ระยะเวลาหนึ่ง ให้ข้าวพวกนางกินสักมื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว…
หึ ถาวจวินหลันยกริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็กวาดตามองเสื้อผ้าสะอาดแต่ดูเก่าของทั้งสองคน จากนั้นก็เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายมาเยือนตนถึงบ้าน
พึ่งอาศัยญาติมิตร ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในความเป็นจริงมีตระกูลใดบ้างที่ไม่มีญาติตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา? ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้ก็ยังมีญาติยากจนสามคนมิใช่หรืออย่างไร?
ถาวจวินหลันยิ้มเล็กน้อยให้ ‘ท่านอา’ ตามมารยาท “ที่แท้ก็เป็นท่านอา ข้าจำได้แล้ว เคยมีเรื่องเช่นนั้นจริงๆ”
ท่านอาคนนี้เห็นได้ชัดว่าโล่งใจแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็ทำเช่นเดียวกัน มีแค่ข่งฮูหยินที่ดูจะไม่ได้หวาดระแวงหรือระมัดระวังขนาดนั้นแล้ว
ถาวจวินหลันมองท่าทางเหล่านี้เอาไว้ จากนั้นยกยิ้มแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย นางคิดถึงท่าทีของข่งฮูหยินตอนที่พูดยกเลิกการแต่งงาน ทั้งดูถูก ยโสโอหัง และเย็นชาไร้เยื่อใยเมื่อตอนนั้น แต่ฮูหยินที่ประจบประแจง ระมัดระวังต่อหน้าคนนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ท่านอากับข่งฮูหยินมาหาถึงจวน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือ?” ถาวจวินหลันยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยปากถามแสร้งเป็นไม่รู้
ท่านอาคนนั้นดูประหม่าอยู่บ้าง ข่งฮูหยินกลับอธิบายแทน “เรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านลุงของชายารองถาวสิ้นไป กลายเป็นว่าหญิงม่ายเด็กกำพร้าดูแลกิจการที่บ้านไม่ไหว ดังนั้นจึงคิดจะมาหวังพึ่งชายารอง”
ข่งฮูหยินพูดไหลลื่นดั่งสายน้ำ เหมือนว่าการมาหวังพึ่งนางถือเป็นเรื่องสมควร
ถาวจวินหลันอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นพยักหน้ากล่าว “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หยุดไปครู่หนึ่งกลับถามตอกหน้าคนเหล่านี้ “ทำไมถึงคิดมาหวังพึ่งข้าเล่า? ข้าเป็นลูกสาวที่แต่งออกเรือน ไม่ได้จัดการเรื่องครอบครัวเดิมนานแล้ว ข่งฮูหยินควรจะพาท่านอาไปบ้านตระกูลถาว องค์หญิงเก้าเป็นคนใจดี คิดว่าคงไม่มีทางนิ่งเฉยเป็นแน่”
คนพวกนั้นจึงเริ่มมีสีหน้าลำบากใจ
สุดท้ายแล้วท่านอาคนนั้นก็ยังพูดอย่างขลาดกลัว “ข้าเป็นฮูหยินไม่เคยพบจิ้งผิงมาก่อน ย่อมไม่อาจแบกหน้าไปหาได้ ดังนั้นจึงต้องขอร้องข่งฮูหยินให้พาข้ามาพบชายารอง”
“พูดถึงข่งฮูหยิน” ถาวจวินหลันอมยิ้มมองข่งฮูหยิน “ท่านเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลข้ามากนัก แต่ทำไมท่านถึงกล้ามาถึงจวนอ๋องเล่า? ท่านอ๋องของข้าแม้จะเป็นคนใจดี มีเมตตา แต่ก็ยังคิดเอาความเรื่องเหล่านี้ หากเขารู้ว่าท่านมา จะต้องไม่พอใจเป็นแน่”
ทำไมไม่พอใจ? แน่นอนว่าเป็นเพราะถาวจวินหลันเคยหมั้นหมายกับข่งอวี้ฮุยมาก่อน อีกทั้งตอนนั้นตระกูลข่งยังล้มเลิกงานแต่งงานอย่างเยือกเย็นไร้เยื่อใย ไม่ว่าจะเป็นหลี่เย่หรือว่าถาวจวินหลันก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้
ข่งฮูหยินหน้าซีดเผือดทันที นางคิดไม่ถึงว่าถาวจวินหลันจะพูดไม่ไว้หน้าเช่นนี้ นี่ไม่เหมือนกับถาวจวินหลันในความทรงจำของนาง สุดท้ายแล้วนางก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพียงแค่ยิ้มเก้อ แล้วเอ่ยขอโทษ “เรื่องในตอนนั้น พวกเราต้องขอโทษท่านด้วย แต่ถ้าไม่ทำเช่นนั้น ตอนนี้ท่านจะ…” จะเป็นชายารองของจวนตวนชินอ๋องได้อย่างไร? จะได้มีความสุขกับเกียรติยศและความโปรดปรานอย่างไร้ที่สิ้นสุดได้อย่างไร?
แต่กลับไม่กล้าพูดส่วนหลังออกมา เพราะเห็นสายตาเฉียบคมของถาวจวินหลัน
ถาวจวินหลันคิดว่าตนเองเข้าใจแล้วว่าอะไรเรียกว่าไร้ยางอาย พูดเช่นนี้เหมือนว่านางเกียรติยศมาเพราะตระกูลข่งอย่างไรอย่างนั้น แล้วการดูหมิ่นที่ยกเลิกการแต่งงานก็สามารถหักล้างกับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
“จวนของท่านสบายดีหรือไม่?” ถาวจวินหลันหัวเราะเบาๆ ถามข่งฮูหยิน
สีหน้าของข่งฮูหยินไม่น่ามอง ตระกูลข่งย่อมไม่ดี เสียงานการตำแหน่งไปไม่พอ ข่งอวี้ฮุยก็ยังมาตายไปอีก แม้แต่สายเลือดก็ไม่ได้เหลือเอาไว้มากมาย มีเพียงแค่ต้นกล้าต้นเดียว ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่มีรายได้เข้ามา มีแต่รายจ่ายออกไป พอเป็นเช่นนี้นานเข้าตระกูลข่งก็เหลือเพียงโพรงกลวงเท่านั้นเอง
สุดท้ายแล้วข่งฮูหยินก็ทำได้แค่กล้ำกลืนเรื่องน่าอาย พูดอย่างประจบประแจง “เป็นเพราะว่าตอนนั้นพวกเรารังแกท่าน ถึงได้รับกรรมเช่นนี้ เป็นความผิดของพวกเราเอง ขอให้ท่านผู้สูงศักดิ์ได้โปรดเห็นใจ เห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อน ช่วยตระกูลข่งสักครั้ง ต่อจากนี้ไปตระกูลข่งจะต้องยอมเป็นวัวเป็นควายให้ท่านเป็นแน่!”
ถาวจวินหลันหัวเราะเยาะ จิบชาเบาๆ แล้วถึงพูดกับข่งฮูหยินว่า “ท่านพูดตลกแล้ว เป็นวัวเป็นควายข้าไม่กล้ายอมรับเป็นแน่ อีกอย่าง ภายในจวนของพวกเราก็ไม่ขาดคน”
นี่เป็นการตบหน้าอย่างแท้จริง ข่งฮูหยินได้ยินก็เงียบทันที ใบหน้าเขียวคล้ำ อับอายจนบอกไม่ถูก
ท่านอาคนนั้นขยับปากเล็กน้อย เหมือนคิดจะเอ่ยปากพูดอะไร แต่ก็เงียบไปเมื่อเห็นถาวจวินหลันมองมาเรียบๆ ในใจนั้นยังคงหวาดกลัว หญิงสาวที่เรียบร้อยอ่อนโยนในตอนนั้น ทำไมตอนนี้ถึงได้น่ากลัวเช่นนี้? ตนเองจะต้องระวังไว้ก่อน มิเช่นนั้นทำให้หญิงสาวคนนี้โกรธเข้า ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีอะไรดีแน่นอน
เห็นว่าท่านอาคนนี้พอรู้งานอยู่บ้าง ถาวจวินหลันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองข่งฮูหยิน หัวเราะและพูดว่า “ที่จริงแล้วที่ข่งฮูหยินมาหาถึงที่นี่วันนี้คงไม่ใช่เพียงนำทางท่านอาของข้าเท่านั้นใช่หรือไม่? ท่านมีจุดประสงค์อะไร ลองพูดมาให้ฟังดีกว่า”
ถาวจวินหลันถามเช่นนี้ถือว่าเสียมารยาท แต่นางคิดว่าการรับมือกับข่งฮูหยินไม่จำเป็นต้องมีมารยาทอะไร อีกทั้งนางยังต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู
ถาวจวินหลันเอ่ยถามเป้าหมายของนางตรงๆ เช่นนี้ นางย่อมต้องอับอายเป็นแน่ แต่นอกจากความอับอายแล้ว นางก็ไม่กล้ารู้สึกอย่างอื่นอีก ไม่มีทาง ตอนนี้ทั้งตระกูลหวังให้นางมาประจบถาวจวินหลัน อย่างน้อยควรได้รับผลประโยชน์กลับไปบ้าง เพื่อใช้ชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า
“พวกเรามาเพื่อทำการค้าขายกับชายารองถาว” ข่งฮูหยินกัดฟัน คิดว่าอ้อมค้อมไปมาเกรงว่าถาวจวินหลันจะหมดความอดทน จึงพูดจุดประสงค์ตรงๆ
ถาวจวินหลันอมยิ้มมองข่งฮูหยิน ดูมีท่าทีสนใจเล็กน้อย “อย่างนั้นหรือ? ค้าขาย? ลองพูดมาสิ”
ข่งฮูหยินสูดลมหายใจลึก มองถาวจวินหลันอย่างหวาดระแวง แต่ยังพูดออกไป “คิดว่าชายารองถาวน่าจะอยากช่วยใต้เท้าถาวพลิกคดีกระมัง?”
ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนี้ก็รู้ว่าเบี้ยต่อรองของข่งฮูหยินคืออะไร แต่ก็ยังทำทีเป็นนิ่งเฉย ทั้งยังหัวเราะเยาะ “พูดอย่างนี้ ข่งฮูหยินคงรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องใส่ร้ายท่านพ่อของข้าใช่หรือไม่? และยินยอมช่วยเป็นพยานพลิกคดีใช่หรือไม่?”
ข่งฮูหยินลำบากใจเล็กน้อย แต่ยังคงแบกหน้าพูดต่อไปว่า “แท้จริงแล้วเป็นใครแม้ว่าพวกเราจะไม่ชัดแจ้ง แต่พวกเราบอกตัวคนที่บังคับให้พวกเราพูดเช่นนั้นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ชายารองถาวก็สืบถึงรากสาวถึงโคนได้แล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นท่านอยากได้อะไรเล่า? เบี้ยต่อรองเช่นนี้คิดว่าคงไม่อาจให้เปล่าๆ ได้” ถาวจวินหลันเล่นแหวนที่อยู่บนนิ้วอย่างไม่ใส่ใจ ยิ้มบางๆ พูดออกมา แต่ที่จริงแล้วนางแอบตื่นเต้นเล็กน้อย เหมือนที่ข่งฮูหยินพูด หากนางรู้หนึ่งในนั้น ที่เหลือนางก็สืบถึงรากสาวถึงโคนได้
แต่นางย่อมไม่อาจแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมาได้ มิเช่นนั้นแล้วคงทำให้อีกฝ่ายได้ใจ
ข่งฮูหยินกระอึกกระอัก จากนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “นายท่านของพวกเราอยากขอฐานะตำแหน่งเดิมคืน”
“ขอฐานะตำแหน่งเดิมคืน” ถาวจวินหลันหลุดหัวเราะ จากนั้นก็มองข่งฮูหยินนิ่ง “ข่งฮูหยินกล้าขอนัก ขอฐานะตำแหน่งเดิมคืนอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าหยุดตรงนั้นเถิด ข้าทำเรื่องนั้นให้ท่านไม่ได้หรอก อีกทั้งข้าให้คนไปสืบเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้รงพอมีเบาะแสบ้างแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องการความช่วยเหลือจากฮูหยิน”
ข่งฮูหยินเริ่มร้อนรน นี่เป็นเพียงเบี้ยต่อรองเดียวที่จะพลิกชะตาของตระกูลข่งขึ้นมาได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็รีบพูดอีกว่า “ขอเพียงรับราชการต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไรก็ได้ทั้งนั้น! ไม่จำเป็นต้องนั่งตำแหน่งเดิม!”
เงื่อนไขนี้ลดลงไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่านี่เป็นคำขอรองที่อยู่ในขั้นของความเป็นจริงที่สุด ข่งฮูหยินรู้ดีว่าขอเพียงเป็นราชการ ต่อให้เป็นแค่คนดูแลเขต ก็ยังดีกว่านั่งนอนกินสมบัติเก่าจนหมดอย่างแน่นอน
ถาวจวินหลันพยักหน้าพอใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะลองคิดดู จริงสิ อนุภรรยาที่ตั้งครรภ์และถูกไล่ออกมาจากจวนของพวกท่าน ไม่รู้ว่ายังต้องการเอากลับไปหรือไม่ หากอยากได้กลับไป ก็ให้เอาของที่มีประโยชน์กับข้ามาแลก ตอนนี้พอแค่นี้ก่อน ข้ายังมีธุระอื่น ไม่รั้งตัวข่งฮูหยินแล้ว หากข้าคิดดีแล้ว ข้าจะส่งคนไปบอกข่าวแน่นอน”
ตอนที่ถาวจวินหลันพูดเรื่องนี้ ย่อมแสดงอำนาจเหนือกว่าอย่างยิ่ง