ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1256 ราชาหอยนางรม

บทที่ 1256 ราชาหอยนางรม

ระหว่างที่คุยล้อเล่นกับบูล ฉินสือโอวก็ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงน้ำไป ไม่นานเขาก็ถึงเขตน่านน้ำแนวปะการังและไปที่เขตเพาะหอยนางรมลอย นับดูคร่าวๆ หลังจากการเพาะมาสองปี ในที่สุดเหล่าหอยนางรมลอยก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการขยายจำนวนของประชากร

ปีที่แล้วหอยนางรมลอยยังมีแค่ร้อยกว่าไม่ถึงสองร้อยตัว ตอนนี้จำนวนขยายไปจนถึงหลักพันแล้ว

แน่นอนว่าหอยตัวใหญ่มีเพียงร้อยกว่าตัว ที่เหลือเป็นหอยตัวเล็กหลายร้อยตัวที่ยังผลิตไข่มุกไม่ได้

แต่ว่าพวกมันก็เป็นรุ่นต่อไปของพื้นที่เพาะเลี้ยงแห่งนี้ ไม่นานก็จะกลายเป็นหอยนางรมลอยที่เป็นตัวผลิตหลัก และมีการหล่อเลี้ยงจากพลังโพไซดอน เวลานั้นก็ไม่ไกลออกไป

เรือนกนางนวลแล่นไปบนผืนน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย ชาร์คตั้งค่าควบคุมของคอมพิวเตอร์ เขากับนีลเซ็นคอยสังเกตดูอวนที่ท้ายเรือ ผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะเติมอาหารปลาลงไปในอวน

ฉินสือโอวตั้งอกตั้งใจตรวจดูสถานการณ์ใต้ทะเล เขาถ่ายพลังโพไซดอนจำนวนมากให้พวกหอยนางรมลอย โดยเฉพาะพวกหอยที่ขนาดประมาณเท่าเล็บมือ

ในหมู่หอยนอกจากพวกตัวใหญ่อย่างหอยมือเสือแล้วก็มักจะอยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ขอแค่มีพละกำลังก็จะกินพวกมันเป็นอาหาร

หอยนางรมลอยพวกนี้ก็มีหอยตัวเล็กส่วนหนึ่งที่ถูกกินไปแล้ว ทั้งสามตัวไม่สามารถดูพวกมันอยู่ได้ตลอด ฉินสือโอวมองดูปลาหมึกที่ว่ายวนอยู่รอบข้างอย่างไม่ประสงค์ดีจึงรีบไล่พวกมันไป จากนั้นก็คิดหาวิธีปกป้องพวกหอยนางรมลอย

หอยนางรมลอยต่อสู้ไม่ได้ ฉินสือโอวเลยได้แต่หาวิธีเพิ่มความสามารถในการซ่อนตัวของพวกมัน เขาถ่ายพลังโพไซดอนให้สาหร่ายแถวนั้นเพิ่ม ต่อไปพอสาหร่ายพืชน้ำโตขึ้นก็จะบังหอยนางรมลอยได้

ถ้าพูดถึงเรื่องการผลิตของล้ำค่า นอกจากแนวปะการังแดงในทะเลลึกแล้ว ก็คือหอยนางรมลอยพวกนี้ แม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็เทียบพวกมันไม่ได้ ฉะนั้นต้องคุ้มครองให้ดีๆ

จัดการเรื่องยิบย่อยเสร็จ ฉินสือโอวหาหอยนางรมลอยตัวใหญ่ที่สุด นี่คือราชาหอยของฝูงหอยนางรมลอย เส้นทแยงมุมยาวถึงครึ่งเมตร น้ำหนักโดยประมาณคงถึงสิบกว่ากิโลกรัม เป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่หอยนางรมลอย

เห็นหอยนางรมลอยตัวนี้ ฉินสือโอวก็ผุดยิ้มออกมา แหวนแต่งงานที่เขาเตรียมไว้ให้วินนี่ก็อยู่ในนี้แหละ

เขาควบคุมให้ราชาหอยเปิดฝาเผยให้เห็นเนื้อหอยนุ่มนิ่มข้างใน สีชมพูใสๆ ปกคลุมเนื้อเยื่อมันวาว เบื้องล่างของเนื้อเยื่อนั้นมีไข่มุกดำที่มีขนาดแตกต่างกันอยู่

จำนวนของไข่มุกดำมีเม็ดใหญ่ประมาณสี่ห้าสิบเม็ด เม็ดที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดพอๆ กับส้มจีน!

เม็ดไข่มุกดำเม็ดอื่นในตัวของราชาหอยก็ไม่เล็ก รวมๆ แล้วก็ใหญ่กว่านิ้วหัวแม่โป้งของผู้ใหญ่ เปล่งแสงสีเทาดำที่นุ่มนวลและลึกลับภายใต้การปกคลุมของเนื้อเยื่อสีชมพู

ถ้าพูดถึงขนาด ไข่มุกพวกนี้ก็ไม่ใหญ่มากนัก ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ‘ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์’ ที่จัดแสดงบนบรอดเวย์ในนิวยอร์กในเดือนกรกฎาคม ปี1939

ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์มีทั้งหมดแปดเม็ด หนัก 266 กิโลกรัม แต่มันไม่ได้เป็นทรงกลม สูง 24.13 เซนติเมตร กว้าง 13.97 เซนติเมตร เส้นรอบวง 63.50 เซนติเมตร รูปทรงบิดเบี้ยว เนื่องจากมุกนี้มีลักษณะเหมือน ‘อัลเลาะห์’ จากบางมุมจึงมีชื่อเรียกว่า ‘ไข่มุกแห่งอัลเลาะห์’

แต่ไข่มุกที่มีค่าที่สุดก็คือทรงกลม ยิ่งกลมยิ่งดี พวกที่รูปร่างไม่เป็นทรงจะมีมูลค่าไม่สูงเว้นเสียแต่ว่าจะเม็ดใหญ่อย่างไข่มุกแห่งอัลเลาะห์

เม็ดไข่มุกดำพวกนี้ในท้องของราชาหอยล้วนแต่กลมเป็นมันเงา สีสม่ำเสมอ เป็นของล้ำค่าแห่งทะเลอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ต้องรู้ด้วยว่าไข่มุกดำกับไข่มุกธรรมดาต่างกัน เพราะข้อจำกัดทางการเจริญเติบโตของหอยนางรมลอยซึ่งมีน้อยที่เส้นผ่าศูนย์กลางของไข่มุกดำจะเกิน 18 มิลลิเมตร พอถึงหรือใกล้เคียงขีดจำกัดนี้ราคาก็แพงมากแล้ว

อย่างเช่น ปี 2010 ในการประมูลคริสตีส์นิวยอร์กฤดูใบไม้ผลิ ไข่มุกดำจากแม่น้ำขนาด 19 มิลลิเมตรประมูลออกไปได้สูงถึง 2.42 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นในงานประมูลโซเธบี้ฤดูใบไม้ร่วง มงกุฎฝังไข่มุกดำขนาด 17 มิลลิเมตรห้าเม็ดถูกเศรษฐีรัสเซียประมูลไปในราคา 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ!

ไข่มุกพวกนี้ที่อยู่ในท้องราชาหอยเป็นวัตถุดิบทำแหวนแต่งงานที่ฉินสือโอวคิดหาวิธีเพาะเลี้ยงแทบตาย เขาถ่ายพลังโพไซดอนให้ราชาหอยมากที่สุด และบ่อยครั้งที่เคลื่อนเนื้อเยื่อของราชาหอยเพื่อให้มุกม้วนตัวช้าๆ และสร้างวงกลมที่สวยงามที่สุด

ครั้งนี้ถือว่าเขาลงทุนหนักทีเดียว การเก็บไข่มุกจากหอยเป็นการฆ่าหอยให้ตาย เพราะครั้งที่แล้วไข่มุกเม็ดเล็กเกินไป พอเนื้อหอยเสียหายไปก็ได้พลังโพไซดอนมาเสริมพลังชีวิตให้เหล่าหอย จึงพอจะรักษาชีวิตของพวกมันไว้ได้

แต่ว่าไข่มุกที่อยู่ในราชาหอยใหญ่ขนาดนี้ได้แต่เก็บด้วยมือ แถมไข่มุกข้างในยังเยอะขนาดนี้ ถ้าเก็บออกมาหมด ราชาหอยนั่นต้องโดนกรีดเป็นชิ้นๆ จนมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่

ดูเขตเพาะไข่มุกดำแล้ว ฉินสือโอวก็ดูปลาไส้ตันฟลอริดาลูกรักอีก

ตอนนี้ปลาไส้ตันทั้งฝูงกำลังว่ายเข้าไปในแม่น้ำภูเขา ปลาตัวผู้ว่ายวนอยู่ที่บริเวณปากอ่าว ปลาตัวเมียวางไข่ในสระน้ำและต้นน้ำ ทำการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์

เทียบกับตอนอยู่ในทะเลแล้ว สีบนตัวของปลาไส้ตันจะอ่อนลง สีเหลืองเข้มบนหลังได้กลายเป็นสีเหลืองอ่อนไปแล้ว นี่เป็นสัญญาณของการใช้พลังงานไขมันมากเกินไป ในแม่น้ำมีอาหารที่เหมาะสมกับพวกมันน้อยเกินไป

ปลาทะเลทุกชนิดที่ต้องอพยพไปยังแหล่งน้ำจืดเพื่อวางไข่จะมีปัญหานี้ ปลาแซลมอนโคโฮยิ่งกว่านี้อีก พวกมันเผาผลาญมากเกินไปจนสุดท้ายว่ายกลับทะเลไม่ได้ ได้แต่ตายในที่วางไข่

ปลาตัวผู้กลับอยู่ดีทีเดียว ปากอ่าวเป็นจุดที่อาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุด พวกมันไม่ขาดแคลนอาหาร อีกอย่าง ทุกครั้งที่ปลาตัวเมียวางไข่ ปลาตัวผู้จะกินเยอะๆ ถ้าอยู่ในน่านน้ำเดียวกัน ปลาตัวเมียก็จะสละอาหารให้ปลาตัวผู้แม้จะหิวก็ตาม

ที่เป็นแบบนี้ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ปลาตัวผู้ต้องกินให้ตัวอ้วนใหญ่ ถ้ามีศัตรูโผล่มาจะได้อัดให้พวกมันอิ่มท้อง…

ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้มาจากข้อมูล แต่พออ่านไปถึงข้างหลังก็จนใจ ปลาชนิดนี้นี่ก็ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ การเป็นรองตามธรรมชาติคืออะไร? ก็คือแบบนี้

ยุ่งกับปลาไส้ตันฟลอริดาจนเสร็จก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน ฉินสือโอวถามว่ากินอะไรดี บูลบอกว่าเขาเตรียมสเต๊กเนื้อแกะไว้ ตอนกลางวันกินสเต๊กแกะตุ๋นกัน

อาหารการกินของคนแคนาดาค่อนข้างหนักไปทางเนื้อ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวก็ออกกำลังมากในหนึ่งวันระบบการย่อยของเขาจึงแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรับวิถีการกินที่มีแต่เนื้อสัตว์ไม่ไหว

แน่นอนว่าเนื้อปลาไม่มีปัญหา เพราะเนื้อปลาย่อยง่ายโปรตีนที่มีอยู่ล้วนเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ดูดซึมได้ง่าย ไม่เหมือนพวกเนื้อวัวหมูแกะ กินเนื้อเข้าไปเต็มท้องทีไรเขาก็รู้สึกเหมือนในกระเพาะมีหินอัดอยู่

สเต๊กแกะที่บูลเตรียมเป็นของที่พ่อแม่แอนนาเอามาจากบ้านตอนที่มาเยี่ยมเขา เขาพูดว่า “บ้านของแอนนาอยู่ที่บูแคนัน ที่นั่นมีฟาร์มมากมาย แต่ล่ะบ้านเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะ เนื้อวัวแกะที่ผลิตต่างกับของเซนต์จอห์น รสดีมาก บอสต้องลอง”

บูแคนันอยู่ตรงกลางของเกาะนิวฟันด์แลนด์ ทางทิศตะวันตกก็คือแกรนด์เลค ภูมิประเทศหลักเป็นทุ่งราบ เป็นเมืองเล็กที่ฟาร์มมารวมตัวกัน

……………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท