ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1458 ฉงต้าปกป้องโลลิ

บทที่ 1458 ฉงต้าปกป้องโลลิ

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เกาะแอตตู เหล่าคนที่แต่งตัวเหมือนนกเพนกวินโง่ๆ ก็พากันหอบกระเป๋าใบเล็กใหญ่ออกมาจากเครื่องบิน ชาร์คที่มารอรับที่สนามบินอ้าแขนเข้ามากอด พลางพูดว่า “บอส ยินดีต้อนรับกลับครับ!”

“อ้อ ชาร์ค นายกอดผิดคนแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่บอส ฉันทริกเกอร์!” นกเพนกวินพูดอู้อี้ออกมา

ชาร์ค “ฟัค ทำไมพวกนายถึงใส่เสื้อและหมวกหนาขนาดนี้ล่ะ? ฉันดูไม่ออกเลยว่าเป็นพวกนาย!”

ฉินสือโอวถอดหมวกผ้าฝ้ายออก อากาศที่เกาะแอตตูสูงกว่าที่อิลูลิสแซทมาก เขาถอนหายใจออกมา “พระเจ้า ที่นี่อุ่นดีจัง ฤดูใบไม้ผลิแล้วเหรอ?”

วินนี่ถอดหมวกออกเผยให้เห็นผมของตัวเอง ชาร์คทักมายด้วยรอยยิ้ม “นายหญิง แสงออโรร่าสวยไหม? ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พวกเขาคิดถึงคุณมากเลย แน่นอนว่ายังมีเจ้าหญิงตัวน้อยที่รักของผมอีก เถียนกวา สวัสดี…พระเจ้า!”

ชาร์คดึงห่อผ้ามาจากอ้อมกอดของวินนี่ แล้วเข้ามาหอมแก้มเถียนกวา ปรากฏว่าเมื่อเปิดห่อผ้าออกมา หัวที่มีขนฟูสีขาวปกคลุมโผล่ออกมา ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก

ลูกหมีตกใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก เมื่อลืมตาขึ้นมามันก็เจอเข้ากับใบหน้าใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนวดเครา ทำให้มันตกใจกลัวตะปบอุ้งเท้าเข้าไปยังชาร์คหนึ่งที!

สิบวันผ่านมานี้ ทุกๆ วันลูกหมีดื่มนมและซุปเนื้อ พลังงานที่หมดไปกับการล่องลอยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งฟื้นคืนมาหมด ทำให้มีพลังและจิตวิญญาณขึ้นมา อีกทั้งยังกินอิ่มนอนอุ่นอีกด้วย สองสามวันนี้ยังน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้อุ้งเท้าของมันที่ตะปบลงมานั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย ปากของชาร์คแทบจะเบี้ยวทันทีหลังโดนตะปบ!

เสี่ยวเถียนกวาที่แต่งตัวเหมือนเกี๊ยวห่อเดินเตาะแตะโซเซออกมา เธอสวมชุดเพนกวินที่วินนี่ตั้งใจซื้อมาเป็นพิเศษ เธอกลายเป็นเพนกวินแล้วจริงๆ

อาการที่แอตตูนั้นอบอุ่นกว่าอิลูลิสแซทมาก ฉินสือโอวเข้าไปถอดเสื้อให้ลูกสาว หลังจากที่ถอดหมวกเพนกวินออก เถียนกวาก็มองไปยังวินนี่ เธอจึงเห็นลูกหมีที่นอนอยู่บนไหล่ของวินนี่

เด็กหญิงไม่พอใจที่ลูกหมีแย่งความรักจากพ่อแม่ของตัวเอง เธอเดินเข้าไปด้วยความโมโห เธอยื่นมือออกไปพลางตะโกนว่า “ตีเลย! ตีเลย! มะม๊า ตีเลยนะ!”

วินนี่วางฉงเอ้อลงแล้วเข้าไปปลอบใจเถียนกวา แต่เด็กหญิงกลับดิ้นหนี เธอเดินโซเซเข้าไปยืนประจันหน้าลูกหมีอย่างรวดเร็ว เธอโบกมือเล็กๆ ของเธอตีลงไปบนตัวของมัน

สำหรับฉงเอ้อแล้วแรงปะทะแค่นี้ก็แค่การจั๊กจี้เท่านั้น แต่อาจจะเป็นเพราะว่ามีภาพฝังใจกับการถูกทุบตีมาก่อนหน้านี้ เมื่อเสี่ยวเถียนกวายกมือขึ้น มันก็รีบขยับอุ้งเท้าวิ่งหนีทันที

ลูกหมีเกิดมาเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถวิ่งได้แล้ว เสี่ยวเถียนกวาตามความเร็วของมันไม่ทัน ยิ่งในสนามบินที่กว้างขวางแบบนี้ ฉงเอ้อสามารถกระโดดหนีได้

ระหว่างที่วิ่งหนี ฉงเอ้อก็หันกลับมามองเถียนกวาไปด้วย ตีตุ๊กตาหมีไม่ได้แล้วยังหนีเธออีกเหรอ? แบบนี้ เด็กหญิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้น่ะสิ ตามมาสิ คิดว่าตามมาทันก็ตามมา!

เสียวเถียนกวาตามไม่ทัน แต่เธอไม่ได้ไม่มีอะไรทำ เธอหันไปหาพวกเพื่อนๆ แล้วชี้ไปที่ลูกหมีแล้วตะโกนเรียกออกมาว่า “ตีมัน!”

หู่จือและเป้าจือไม่ชอบลูกหมีตัวนี้ สาเหตุเดียวกันกับเถียนกวา พวกมันคิดว่าเมื่อลูกหมีตัวนี้ปรากฏตัว มันก็แย่งความรักจากฉินสือโอวและวินนี่ไปจากพวกมัน

ดังนั้น เมื่อเจ้าหญิงน้อยออกคำสั่ง แลบราดอร์ทั้งสองตัวก็มีท่าทีราวกับเห็นกระต่าย ขาทั้งสี่ข้างของพวกมันขยับวิ่งออกไปทันที

ฉงต้าจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกไป

ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะทำร้ายลูกหมีตัวนั้น ยังดีที่เขาตามหลังพวกมันไป เมื่อลูกหมีเห็นว่ามีพวกจำนวนมากวิ่งไล่จับตัวเอง มันก็ร้องออกมาด้วยความกลัวแล้ววิ่งหนีไปด้วย

เพราะเหตุนี้ในสนามบินจึงมีหมีขาวขั้วโลกวิ่งไปทั่ว ด้านหลังมีสุนัขแลบราดอร์สองตัววิ่งตามมา แล้วจากนั้นก็มีหมีป่าสีน้ำตาลรัฐโคโลราโดกับชายท่าทางแปลกประหลาดคนหนึ่ง ราชาซิมบ้าและหลัวปอเอียงหัวมองดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง พวกมันรู้สึกเป็นเรื่องน่าสนใจ พวกมันคิดว่าฉินสือโอววิ่งเล่นกับพวกนั้น พวกมันจึงวิ่งไล่ตามไป

ลูกหมีกลัวจนฉี่แทบราด!

ด้วยขาที่สั้นของมันทำให้วิ่งได้อย่างยากลำบาก น่าเสียดายที่มันวิ่งช้า ทำให้หู่จือและเป้าจือจึงวิ่งตามไปได้อย่างรวดเร็ว มันยกอุ้งเท้าขึ้นแล้วตะปบลงมายังพื้น

ฉงต้าวิ่งเข้าไปพลางหายใจหืดหอบ หู่จือและเป้าจือปล่อยมันไป พวกมันรอให้ฉงต้าจัดการสอนลูกหมีตัวนั้น พวกมันทั้งสองตัวปิดกั้นเส้นทางการหลบของลูกหมีตัวนั้น พวกมันเหลือพื้นที่ให้ฉงต้าโจมตีอย่างกว้างขวาง

ฉินสือโอวรู้สึกกังวล จึงตะโกนออกมาว่า “เด็กดี กลับมาเดี๋ยวนี้ กลับมา…”

สายตาของลูกหมีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฉงต้าทำหลายอย่างพร้อมกัน อุ้งเท้าซ้ายดึงหู่จือและอุ้งเท้าขวาดึงเป้าจือไว้ ทำให้สุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวที่กำลังรอดูความสนุกอยู่ล้มลงกับพื้น…

“…กลับมา! ” เสียงของฉินสือโอวยังคงอยู่ในลำคอ แต่ฉากตรงหน้ากลับทำให้เขาพูดไม่ออก

ทำไมฉงต้าถึงตีหู่จือและเป้าจือ?

แลบราดอร์ทั้งสองตัวไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน พวกมันลุกขึ้นแล้วมองหน้ากัน พลางส่ายหัวอย่างแรกราวกับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา แต่ฉงต้าเป็นพี่น้องที่ดี จากนั้นฉงต้าก็ทำให้พวกมันเข้าใจยิ่งขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่ความฝัน นี่เป็นเรื่องจริง…มันรีบวิ่งไปอยู่หน้าหู่จือแล้วตะปบมันจนล้มลง จากนั้นก็วิ่งไล่เป้าจือ ฉงต้าอ้าปากอันใหญ่และน่ากลัวของตัวเอง จากนั้นก็คาบเป้าจือไว้แล้วโยนมันออกไป…

ลูกหมีมองภาพเหตุการณ์นั้นด้วยความตกตะลึง หลังจากที่พบว่าฉงต้าไล่หู่จือและเป้าจือ ลูกหมีกลัวจนฉี่แทบราดแล้ววิ่งไปหลบหลังฉงต้า แล้วใช้อุ้งเท้ากอดขาหลังของฉงต้าไว้

ฉินสือโอวรู้ได้ทันทีว่าอะไรที่เรียกว่าเลียแข้งเลียขา สันนิษฐานว่าหลังจากที่เลอบรอน เจมส์ย้ายกลับมายังทีมไมอามีฮีท คงจะเข้ามาเลียแข็งเลียขาเดอะแฟลช อย่างดเวน เวดแบบนี้แน่นอน

ฉงต้านั่งลงพลางส่งเสียงครางต่ำออกมา จากนั้นก็อุ้มลูกหมีไว้ในอ้อมแขน มันโก่งคอแล้วคำรามใส่หู่จือและเป้าจือ “โฮกๆ! โฮกๆ!”

พลังของราชาแห่งป่าเขา ถูกเปิดเผยออกมาช่วงเวลาสั้นๆ!

หูจือและเป้าจือเงยหน้าใหญ่ๆ ของตัวเองขึ้นมา พวกมันไม่เข้าใจว่าพี่น้องที่ดีอย่างฉงต้า ทำไมถึงได้ลงมือทำร้ายตัวเอง ในฐานะพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แม้ว่าพวกมันจะมีความรู้สึกโกรธ แต่พวกมันก็ไม่ได้อยากจะแก้แค้นฉงต้า พวกมันทำเพียงวิ่งตามหลังและร้องครวญครางออกมา

เมื่อสติของฉินสือโอวกลับคืนมา เขาก็เห็นท่าทางที่ฉงต้ากำลังปกป้องลูกหมีตัวนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เขาเคยเห็นภาพนี้มาก่อน แม่ของฉงเอ้อ…

พูดได้ว่า เมื่อครู่ฉงต้าได้เป็นฮีโร่อย่างสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ก็ยังปกป้องโลลิอีกต่างหาก!

หู่จือและเป้าจือยังคงร้องครางออกมา พวกมันทำเสียงออกมาราวกับว่าเจ็บปวดมาก ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วเข้าไปกอดสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัว แขนหนึ่งข้างต่อหนึ่งตัว เขาพูดว่า “ต่อไปพวกนายคงไม่กล้าแกล้งฉงเอ้อแล้วล่ะสิ ฉงต้าไม่ใช่คนดีที่ชอบความยุติธรรม แต่เป็นคนไม่ดีที่ยอมละทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง!”

ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตะโกนออกมาว่า “บอส ไม่แปลกเลยที่คุณจะเป็นเพื่อนกับเหล่าสัตว์ต่างๆ ไปเก็บฉงต้ามาจากภูเขา ลงเขามาก็เจอเข้ากับซิมบ้า มายังขั้วโลกเหนือก็ยังเก็บลูกหมีขั้วโลกมาอีก งั้นถ้าไปแอฟริกาล่ะ? คุณคงไม่ได้พาสิงโตกลับมาทั้งฝูงหรอกใช่ไหม?”

ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความเบื่อหน่ายว่า “เรื่องพวกนี้ให้พูดคงจะยาว ไปเถอะ กลับที่พักกันก่อน ต่อไปฉันจะค่อยๆ อธิบายให้พวกนายฟัง อย่างไรก็ตามถ้าตอนนั้นลูกหมีตัวนี้ไม่ได้พวกเราช่วย มันคงต้องตายแน่ๆ”

หลังจากนั้น ฉินสือโอวก็ลากเก้าอี้ออกมานอกห้อง เจ้าของที่พักถามว่าเขาทำอะไร ฉินสือโอวจึงบอกว่าตัวเองออกมาอาบแดด

เจ้าของที่พักพูดกลั้วหัวเราะว่า “อิลูลิสแซทหนาวเกินไปใช่ไหม? ผมเคยไปที่นั่น ไปตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่น่ะ หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยออกจากเกาะแอตตูอีกเลย แม้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่จะไม่ได้อุ่นมากนัก แต่เมื่อเทียบกับขั้วโลกเหนือ พวกเราอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรนี้ดีกว่า!”

………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท