ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1493 โอกาสมาถึงแล้ว

บทที่ 1493 โอกาสมาถึงแล้ว

ความทรงจำของฉินสือโอวต่อฟาร์มปลาคาร์เตอร์ก็ถือว่าชัดเจน นั่นคือฟาร์มปลาที่ทรงพลังเป็นอันดับสองที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ที่มาถึงแคนาดา แน่นอนว่าที่หนึ่งก็คือฟาร์มปลาของเขา

ดูจากปริมาณแสงอาทิตย์ ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ถือว่าทำเลดีพอ ตั้งอยู่ที่ชายทะเลเคจิมกูจิกในรัฐโนวาสโกเชีย แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฟาร์มที่ติดแถบใต้มากที่สุดในหมู่ฟาร์มปลาส่วนตัวในแคนาดา แสงอาทิตย์เพียงพออุณหภูมิของน้ำเหมาะสม

และฉินสือโอวยังจำได้ด้วยว่าฟาร์มปลาคาร์เตอร์ใกล้กับแม่น้ำเซนต์แคเทอรีนส์ แม่น้ำสายนี้ยาวไปจนถึงทะเลสาบออนแทรีโอ ปากอ่าวกว้างถึงสี่ห้าสิบเมตร เรียกได้ว่าเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ถ้าได้ฟาร์มปลานี้ เขาสามารถเอาปลาไส้ตันฟลอริดากับปลาเเซลมอนแปซิฟิกส่วนหนึ่งของฟาร์มปลาต้าฉินย้ายไปเพาะเลี้ยงได้ ที่นั่นเหมาะกว่า

แต่ตอนนี้ติดปัญหาหนึ่ง ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ดีขนาดนั้น ทำไมเจ้าของถึงขายเสียล่ะ? ต่อให้จะขายก็ไม่มีทางขายให้ฉินสือโอว เพราะฉินสือโอวเป็นคนส่งคาร์เตอร์เข้าคุกเอง

หลังจากที่จับคาร์เตอร์เรื่องปล่อยหอยพิษในน่านน้ำท่องเที่ยวของเมือง เขาก็โดนวินนี่ยื่นคำร้องต่อศาล ผลการตัดสินสุดท้ายก็คือจำคุกด้วยข้อหาปล่อยพิษและทำร้ายโดยเจตนา

ที่แย่ที่สุดก็คือลูกน้องของคาร์เตอร์ผลักความผิดทุกอย่างให้เขาในขั้นตอนสอบสวน บอกว่าเขาใช้ความเป็นบอสสั่งให้ตัวเองมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และยอมรับด้วยว่าก่อนหน้านี้เคยปล่อยพิษไปแล้วหนึ่งครั้ง เรื่องที่หอยพิษทำอันตรายนักท่องเที่ยวก็เลยเป็นคาร์เตอร์ที่รับเคราะห์ไปอยู่ดี

พอลงโทษสองคดีในคราวเดียว แบบนี้คาร์เตอร์ก็ถือเป็นผู้ก่ออาชญากรรมซ้ำ บทลงโทษหนักกว่า ตัดสินให้เขาติดคุกแปดปี

ฉินสือโอวไม่ค่อยพอใจกับผลที่ออกมาเท่าไร ลงโทษคาร์เตอร์หนักพอก็จริงอยู่ แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง แค่เพราะเราสองคนปะทะกันในงานประมูลเกี่ยวกับการประมง คาร์เตอร์ก็เลยมาปล่อยหอยพิษอย่างนั้นเหรอ?

อีกอย่างเขาไม่ได้ปล่อยหอยพิษที่ฟาร์มปลาของฉินสือโอว แต่ปล่อยในน่านน้ำท่องเที่ยว เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์คือก่อกวนการท่องเที่ยวของเมืองแฟร์เวล นี่มันไม่สมเหตุสมผล

เขาจึงเดาว่ามีคนสั่งให้คาร์เตอร์ทำแบบนี้ และคนที่มีความแค้นกับเขาแล้วยังเกี่ยวข้องกับคาร์เตอร์ก็คือตระกูลมอร์รี่

น่าเสียดายไม่รู้ทำไมให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูด ฉินสือโอวเคยไปหาเขาโดยเฉพาะ บอกให้เขาพูดเรื่องตระกูลมอร์รี่แล้วค่อยคิดวิธีจัดการพวกนั้นเสียหน่อย จะไม่สำเร็จได้อย่างไร

ตอนนี้อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินกับอาหารทะเลมอร์รี่ได้กลายเป็นน้ำกับไฟไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายประมือกันในตลาดอาหารทะเลระดับไฮเอนด์ของอเมริกามาหลายต่อหลายครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินชนะที่เนื้อสัมผัส สารอาหารสูง อาหารทะเลมอร์รี่ชนะที่ความคุ้มค่า คอนเนคชั่นกว้างขวางกว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครทำอะไรใครได้

ได้ฟังคำพูดของแมทธิว จิน ฉินสือโอวก็พูดว่า “คุณอาจไม่รู้ ผมกับคาร์เตอร์ก่อนหน้านี้มีปัญหาใหญ่โตกัน โอ้ ใช่สิ ทำไมฟาร์มปลาคาร์เตอร์ถึงต้องขายล่ะ?”

แมทธิว จินพูดว่า “ก่อนอื่นเลยนะพ่อหนุ่ม ผมรู้ว่าระหว่างคุณสองคนมีปัญหากัน ตอนนั้นที่งานประมูลเกี่ยวกับการประมงผมเองก็อยู่ด้วย ข้อสองคือพวกเขาจำเป็นต้องขายฟาร์มปลานี้ เพราะถึงเวลาชำระเงินกู้ของธนาคารแล้ว คาร์เตอร์ติดคุก ภรรยากับเขาก็ระหองระแหงกัน กำลังคิดถือโอกาสนี้ตีจากเขา…”

ฉินสือโอวได้ฟังแมทธิว จินอธิบายถึงเข้าใจ ที่แท้ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ไม่เหมือนกับเขา ฟาร์มปลาแทบใช้เงินกู้ธนาคารมาหมุนเกือบทั้งหมด แน่นอนไม่ได้หมายความว่าคาร์เตอร์ไม่มีเงิน เขาแค่ขาดเงินหมุนเวียน

นี่ก็เป็นปัญหาที่ธุรกิจแคนาดาและอเมริกามากมายต้องเผชิญ ธนาคารเป็นส่วนที่สำคัญมากในห่วงโซ่ทุน ไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นอะไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหลายๆ ครั้งก็ถึงกับล้มละลาย ฉินสือโอวเข้าใจถึงข้อนี้ดี ก่อนหน้านี้ที่ไปประชุมที่ออตตาวาเขาก็ยกข้อนี้ขึ้นมาขู่เหล่าเจ้าของฟาร์มปลา

ที่จริงจะบอกว่าเขาขู่พวกเจ้าของฟาร์มไม่ได้ มันคือเรื่องจริง ดูฟาร์มปลาคาร์เตอร์ก็รู้แล้ว เดิมทีนี่ก็เป็นฟาร์มปลาระดับพรีเมียม ปรากฏว่าพอเจ้าของโดนจับเข้าคุก ฟาร์มปลาก็ล้มทันที

ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องทุน อีกอย่างคือไม่มีชาวประมงอยากทำงานให้พวกเขาแล้ว คนที่โดนตัดสินจำคุกไม่ใช่แค่คาร์เตอร์ ยังมีพวกชาวประมงที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด คนพวกนี้ก็โดนลงโทษหนักเบาต่างกันไป

ชาวประมงที่เข้าคุกไปกับเขาก็แทบจะเป็นลูกน้องคู่ใจของเขาทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ลูกน้องที่ไว้ใจก็คงไม่กล้าไปทำเรื่องแบบนี้

พอเป็นแบบนั้น ลูกน้องคนสนิทไม่มีอีกแล้ว ชาวประมงธรรมดาก็พากันลาออกจากฟาร์มปลาคาร์เตอร์ด้วยเหตุผลต่างๆ แต่การดำเนินกิจการของฟาร์มก็ยากลำบากแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดต่อไปได้

นอกจากนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือคาร์เตอร์โดนภรรยาแทงข้างหลัง ถ้าแค่เรื่องคาร์เตอร์ติดคุก อย่างนั้นตามกฎหมายทรัพย์สินของแคนาดา ฟาร์มปลาคาร์เตอร์สามารถให้รัฐบาลช่วยดูแลแทนได้ เหมือนกับฟาร์มปลาต้าฉินก่อนหน้าที่ฉินสือโอวจะมา

ปรากฏว่าภรรยาของคาร์เตอร์กับเขามีปัญหากัน คราวนี้พอสามีเข้าคุก ในฐานะหนึ่งในผู้มีสิทธิตัดสินใจ เธอจึงยื่นฟ้องล้มละลายทันที อยากแบ่งเงินประมูลฟาร์มปลาจากนั้นก็หย่ากับคาร์เตอร์

สรุปก็คือคาร์เตอร์เป็นผู้ชายที่น่าสงสารที่สุดที่ฉินสือโอวเคยเจอมา เพราะปล่อยหอยพิษ ต้องติดคุก ทรัพย์สินหายหมด ภรรยาก็จะเลิก ดีไม่ดีลูกก็อาจจะเปลี่ยนนามสกุล…

แน่นอนว่าตามกฎหมายแล้วไม่ใช่ว่าภรรยาของคาร์เตอร์ยื่นคำร้องล้มละลายแล้วจะสำเร็จ ยังต้องให้ทางรัฐที่ดูแลยินยอมด้วย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ รัฐต้องเห็นด้วยแน่ โดยเฉพาะที่รัฐโนวาสโกเชียต้องการให้ฟาร์มปลานี้จ่ายภาษี พอดูแลแทนไม่ใช่แค่ไม่มีภาษีเข้า พวกเขายังต้องลงทุนทรัพยากรคนและอย่างอื่นเพื่อช่วยดูแล ได้ไม่คุ้มเสียอยู่แล้ว

หลังจากที่ฟังแมทธิว จินอธิบายสถานการณ์จนกระจ่างเขาก็มีหวังขึ้นมา ตอนแรกเขานึกว่าคาร์เตอร์กับครอบครัวอยากจะขายฟาร์มปลา ถ้าแบบนั้นดูจากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคาร์เตอร์ พวกเขาต้องยินดีขายให้คนอื่นในราคาถูกแต่ไม่ยอมขายให้เขาในราคาสูงแน่

แต่ถ้าเป็นการประมูลล้มละลายก็ไม่ขึ้นอยู่กับคาร์เตอร์และครอบครัวแล้ว ใครให้ราคาสูงรัฐบาลก็ขายให้คนนั้น อีกอย่างดูจากความสัมพันธ์ระหว่างคาร์เตอร์กับภรรยา เธอคงยินดีขายให้ฉินสือโอวมากกว่า เพราะฉินสือโอวก็ช่วยเธอในระดับหนึ่ง ได้ทั้งเงินและอิสระ

ฉินสือโอวถามแมทธิว จินว่าตอนนี้ธนาคารให้ราคาประเมินของฟาร์มปลาคาร์เตอร์เท่าไร แมทธิว จินตอบว่า “ราวๆ หกสิบล้านถึงเจ็ดสิบห้าล้านดอลลาร์แคนาดา นี่เป็นราคาที่สมเหตุสมผลมากแล้ว”

ก็จริง ฟาร์มปลาคาร์เตอร์มีเนื้อที่เป็นพันตารางกิโลเมตร ในนั้นมีทรัพยากรปลาที่อุดมสมบูรณ์ ทำเลดี อุปกรณ์ครบ ราคานี้ไม่สูงเลยสักนิด

ฉินสือโอวบอกว่าเขาจะไปร่วมงานประมูล พอถามวันที่เสร็จก็ขอบคุณแมทธิว จินและกำลังจะวางสาย จู่ๆ ท่านรัฐมนตรีก็พูดขึ้น “ตอนนี้คุณสัมผัสได้ถึงข้อดีของการมีคอนเนคชั่นและอำนาจหรือยัง?”

ท่านชายฉินตอบไปตามความจริง “สัมผัสได้แล้ว ผมว่าผมคงยินดีมากที่จะทำหน้าที่ประธานให้ดี”

พอคุยกับแมทธิว จินเสร็จ ฉินสือโอวก็เตรียมออกเดินทาง การประมูลจะจัดที่รัฐโนวาสโกเชีย มีเวลาไม่มาก สิบกว่าวันให้หลังก็จะจัดขึ้นแล้ว

ที่จริงตอนนี้เขาเองก็ลังเลอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟาร์มปลาคาร์เตอร์สมราคา จ่ายเจ็ดถึงแปดสิบล้านซื้อฟาร์มปลาใหญ่แบบนี้ไว้ก็คุ้ม

แต่เขาแค่อยากซื้อฟาร์มที่เล็กลงมาหน่อยมาปลูกสาหร่ายทะเลกับพืชน้ำมาทำอาหารปลาเท่านั้น หลายล้านที่คาดไว้กลายเป็นว่าเพิ่มทวีสิบกว่าเท่า แบบนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะ อย่างไรตอนนี้เขาก็ติดหนี้ธนาคารหลายร้อยล้านอยู่

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท