ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1510 เมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ

บทที่ 1510 เมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ

ระยะทางค่อนข้างไกล จับบาร์กังวลว่าระหว่างทางฉินสือโอวจะเบื่อ จึงพยายามเร่งความเร็วและเมื่อขับไปได้ครึ่งทางพวกเขาก็เจอเข้ากับกวางอูฐตัวหนึ่งกำลังข้ามถนนอย่างช้าๆ ซึ่งนี่แทบจะทำให้พวกเขาตกใจกลัว

โชคดีที่จับบาร์มีปฏิกิริยาตอบสนองได้ค่อนข้างรวดเร็ว จึงเหยียบเบรกได้ทันเวลาและเบรกของรถโตโยต้าพราโดก็แข็งแรงพอที่จะหยุดก่อนที่จะชนกวางอูฐ

หลังจากนั้น จับบาร์ก็ไม่กล้าขับรถเร็วอีก เพียงแค่ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร ฉินสือโอวก็จะเตือนให้เขาชะลอความเร็ว เพราะเขาไม่ต้องการที่จะมาตายเพราะฟาร์มปลาที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไร

แต่แล้วเขาก็ต้องชื่นชมกวางอูฐตัวนั้น สุดท้ายตอนที่รถเอสยูวีก็ขับมาอยู่ตรงหน้ามัน เจ้ากวางตัวนี้ก็ยังคงเดินช้าๆ สบายๆ อยู่กลางถนนและจับบาร์ก็ต้องบีบแตรไล่มันออกไป

ประมาณบ่ายสี่โมงกว่า รถเอสยูวีก็ขับมาถึงเมืองคาร์กิลิก แม้ว่าชื่อจะเป็น ‘เมือง’ แต่จริงๆ แล้วคาร์กิลิกเป็นแค่เมืองในเขตอำเภอเท่านั้น ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยไม่มากนักและเป็นเหมือนกับเมืองแฟร์เวล เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเหล่าชาวประมงและเจ้าของฟาร์มปลาคอยสนับสนุน

ภายนอกของเมืองคาร์กิลิกจะเป็นอุทยานแห่งชาติเคจิมกูจิก แม้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่สถานที่แห่งนี้ก็เขียวชอุ่มแล้ว หลังจากพักผ่อนได้สักพักหนึ่ง จับบาร์ก็ขับรถไปที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่ายและจากนั้นเขาค่อยๆ เริ่มติดใจมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากเข้าสู่อุทยานแห่งชาติ ภาพอันสวยสดงดงามก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น เขาจึงได้เห็นความงามที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในเกาะแฟร์เวล

อาจจะเป็นเพราะอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเซนต์แคเทอรีนส์และมหาสมุทรก็อยู่ไม่ไกล จึงมีทะเลสาบมากมายในบริเวณนี้และระหว่างทางก็จะพบกับทะเลสาบที่ใสสะอาดขนาดเล็กถึงสี่ห้าแห่ง

ท้องฟ้าสีครามที่นี่จะสดใสเป็นพิเศษ เพราะในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรมีเพียงเมืองคาร์กิลิกเท่านั้นที่ไม่มีแหล่งอุตสาหกรรม ทะเลสาบและท้องฟ้าสีครามที่นี่จึงเสริมซึ่งกันและกัน แสดงให้เห็นถึงความงดงามเหนือธรรมชาติ

บางครั้งบนท้องถนนก็ทำให้ได้พบกับผู้คนบางส่วนขับรถออกมาตกปลาและล่าสัตว์ ทำให้เห็นว่าชีวิตที่สะดวกสบายในสถานที่เล็กๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตจะช้ากว่าแฮลิแฟกซ์ แม้แต่ขับรถยังขับช้าๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบ

“มันทำให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ ผมคิดว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเซนต์จอห์นก็ช้ามากพอแล้ว แต่แฮลิแฟกซ์กลับช้ายิ่งกว่า แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ก็พบว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแฮลิแฟกซ์นั้นก็ถือว่ารวดเร็ว” ฉินสือโอวถอนหายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

น้อยมากที่จะเห็นจับบาร์พูดน้อย เขาถามอย่างเรียบง่ายว่า “ทำไม? คุณทำไมถึงดูออกล่ะ?”

ฉินสือโอวว่า “พูดง่ายๆ คือ ความเร็วในการขับรถของพวกคุณช้ามาก”

จับบาร์หันหน้าไปมองเขาพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าไม่อยากขับรถเร็วที่นี่ แต่เพราะมีสัตว์ป่าจำนวนมากในสวนสาธารณะ ถ้าขับรถเร็วอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้”

ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจว่าทำไมไม่เห็นบนถนนเลย จับบาร์จึง อธิบายให้เขาฟังว่าสัตว์ที่อยู่รอบๆ ถนนได้เรียนรู้และชำนาญแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์จะวิ่งหนี ดังนั้นเขาจึงต้องขับรถช้าๆ เพื่อให้สัตว์ได้มีเวลาตอบโต้ ถ้าขับรถเร็วจะสามารถมองเห็นสัตว์เป็นจำนวนมาก

ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็เหยียบคันเร่ง ทันใดนั้นรถเอสยูวีก็เร่งความเร็วไปจนถึงกว่าร้อยไมล์ เมื่อขับออกไปได้สามสิบวินาที ก็เจอเข้ากับฝูงห่านป่าสีเขียวที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนถนน

ห่านป่าสีเขียวเหล่านี้นอนอยู่อย่างเกียจคร้าน เดาว่าปกติแล้วคงจะไม่มีคนมาล่าพวกมัน แต่ละตัวจึงไม่ระมัดระวังเมื่อเห็นรถเอสยูวีเข้ามาใกล้ พวกมันจึงกระพือปีกและบินหนีไปตามสัญชาตญาณ

จับบาร์ระมัดระวังกับเหตุการณ์รูปแบบนี้เสมอ หลังจากเห็นห่านป่าสีเขียวเขาก็จะเหยียบเบรกและชะลอตัว จากนั้นรถเอสยูวีก็ขับไปอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายห่านป่าสีเขียวสองสามตัวก็บินจากไป ถ้าขับด้วยความเร็วกว่า 100 ไมล์ก็จะชนพวกมันตายได้!

หลังจากขับรถบนถนนอันคดเคี้ยวไปได้สักพัก ความสามารถในการมองเห็นก็กว้างมากขึ้นและก็มาถึงชายทะเล

จับบาร์ขับรถเข้าไปในฟาร์มปลาที่ดูทรุดโทรมแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าผ่านประตูเข้าไป ฟาร์มปลาแห่งนี้จะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ ข้างบนมีรูปปั้นของดาวอยู่ แต่สีภายนอกเป็นจุดๆ ยิ่งทำให้สีซีดมากขึ้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คงเป็นฟาร์มปลาดารา

ฉินสือโอวใช้สายตาอันแหลมคมในการสังเกตฟาร์มปลาแห่งนี้อย่างละเอียด อย่างแรกพื้นที่ในฟาร์มปลาค่อนข้างเล็ก ซึ่งแตกต่างจากเกาะแฟร์เวล พื้นที่ฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลมีขนาดใหญ่มาก ปกติแล้วจะประมาณสิบตารางกิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งขยายออกไปหนึ่งหรือสองตารางกิโลเมตรจะถึงฝั่ง

เนื่องจากบริเวณชายทะเลที่นี่มีป่าชายเลนจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถขยายออกไปถึงฝั่งได้ไกล ซึ่งจะคล้ายกับฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ แต่ที่นี่จะดีกว่าเล็กน้อยและทิวทัศน์ก็สวยงามกว่า

มีบ้านหลายสิบหลังในฟาร์มปลา จับบาร์จึงแนะนำเขาว่า ที่นั่นคือวิลล่าของเขา ที่นี่เป็นอพาร์ตเมนต์ของชาวประมงและหลังที่ใหญ่ที่สุดคือโรงน้ำแข็งเป็นต้น

ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมกับพูดว่าไม่เลว จับบาร์อิ่มอกอิ่มใจขึ้นทันทีและเริ่มพูดยกยอฟาร์มปลาของตัวเองไปต่างๆ นานาอีกครั้ง

เขาพูดอวดตลอดไปจนหมดทุกอย่างแล้ว ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวไม่พูดอะไร เพราะเขาไม่ได้เห็นฟาร์มปลากับตาตัวเอง ตอนนี้ได้เห็นแล้วจึงมีบางอย่างจะพูด “หยุดก่อนจับบาร์ คุณกำลังพูดถึงฟาร์มปลาแห่งนี้อยู่ใช่ไหม? ท่าเรือที่ทนทานและเชื่อถือได้อยู่ที่ไหน? ท่าเรือเล็กๆ นั่นไหม? ท่าเรือแห่งนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นท่าเรือที่ทนทานและเชื่อถือได้ได้ไหม? เรือขนาดพันตันสามารถเทียบท่าได้ไหม?”

จับบาร์พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “แน่นอนว่าพูดแบบนั้นได้ อย่ามองว่ามันไม่ค่อยมีขนาดใหญ่ อันที่จริงแล้ววัสดุที่นำมาใช้ละเอียดและพิถีพิถันมาก ซึ่งเป็นหินที่ปู่ของผมเลือกและก่อขึ้นด้วยตัวเองทีละก้อน มันจึงเป็นท่าเรือที่ดีจริงๆ นอกจากนี้ คุณอย่ามองว่ามันเล็ก ท่าเรือขนาดใหญ่จะมีประโยชน์อะไร? อ่าวโตเกียวมีท่าเรือขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าถล่มแล้วเหรอ?”

กลุ่มท่าเรืออ่าวโตเกียวเปิดใหม่อีกครั้งแล้ว แต่ยังมีพื้นที่ที่อยู่ในระหว่างการซ่อมแซมอยู่ คราวนี้ “แส้ของพระเจ้า” ได้ทำร้ายชาวญี่ปุ่นจริงๆ คาดว่าอ่าวโตเกียวจะสูญเสียมากกว่า 5 แสนล้าน!

บนท่าเทียบเรือ ฉินสือโอวได้ปลดปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปและจับบาร์ก็เชิญเขาขึ้นเรือ

ในขณะที่กำลังมองดูทิวทัศน์ใต้น้ำ เขาก็พูดตามอำเภอใจไปด้วยว่า “ถ้าฟาร์มปลาแห่งนี้ดีอย่างที่คุณพูด ทำไมคุณถึงต้องการขายมันล่ะ?”

จับบาร์แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาพร้อมพูดว่า “ผมก็ไม่ต้องการทำแบบนี้หรอกคุณฉิน แต่การเลี้ยงปลาไม่ใช่อุดมการณ์ของผม ผมไม่ชอบสถานที่เล็กๆ แบบนี้ การขับรถก็ยังต้องขับช้าๆ อีก! ถ้าขายฟาร์มปลาได้ ผมจะไปโทรอนโตหรือไม่ก็ออตตาวา มอนทรีออล ผมจะไปเป็นดีเจแนวหน้าตามความฝันของผม!”

ฉินสือโอวเข้าใจทันทีว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงหูไม่ดีและชอบพูดจาไม่รู้จบ ที่แท้เขาก็เป็นดีเจ ดังนั้นเดาว่าปกติเขาคงไม่ค่อยได้ร้องเพลงแร็ปเท่าไรนัก

สภาพแวดล้อมภายในของฟาร์มปลาค่อนข้างดีมากและทรัพยากรการเก็บเกี่ยวค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สาหร่ายทะเลกระจายอยู่ไปทั่วตามก้นทะเล ปูก้ามดาบก็ออกอาละวาดอยู่ในนั้น

ฟาร์มปลาแห่งนี้มีปลาแซลมอนชัมจำนวนมาก แต่ยังจำนวนน้อยกว่าปลาค็อด สิ่งนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจมาก หลังจากฉินสือโอวขึ้นเรือแล้วจึงมองไปทางทิศเหนือ ดูเหมือนว่ามีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรจากทางตอนเหนือ

นั่นคือแม่น้ำเซนต์แคเทอรีนส์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของรัฐนิวบรันสวิก มีต้นกำเนิดจากทะเลสาบออนแทรีโอ ผ่านสหรัฐอเมริกาเข้าสู่รัฐนิวบรันสวิกและสุดท้ายก็ไหลจากที่นี่ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล่นไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นสามถึงสี่กิโลเมตรก็พบทางเข้าขนาดกว้างของแม่น้ำสายใหญ่จริงๆ และเข้าไปตามทางทางตะวันตกเฉียงเหนือ นั่นจะเป็นทางที่เข้าสู่แม่น้ำในประเทศ

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท