ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1528 ปฏิเสธอย่างหนักแน่น

บทที่ 1528 ปฏิเสธอย่างหนักแน่น

อย่าตอบแทนรอยยิ้มด้วยการตบหน้า ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะค่อนข้างรำคาญคนพวกนี้ แต่ก็ยังพาพวกเขาไปที่ฟาร์มปลาอยู่ดี ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นแขกของกรมประมง และยังเป็นแขกของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ด้วย

คุณภาพน้ำของฟาร์มปลาต้าฉินดึงดูดความสนใจของผู้คนเหล่านี้ได้ตั้งแต่ในคราวแรก ขณะที่อยู่บนเรือพวกเขาต่างก็เอ่ยปากชมเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเรือขับมาถึงท่า แล้วเดินไปยังบริเวณชายหาดน้ำตื้นที่มีน้ำทะเลใสสะอาดกับแสงอาทิตย์ส่องประกายสว่างสดใส ก็จะสามารถมองเห็นสาหร่ายทะเลที่เกิดขึ้นใต้น้ำทะเลอย่างเนืองแน่นจนดูเหมือนกับสนามหญ้าใต้น้ำ

เทอร์รี่ถามเขาด้วยความกระตือรือร้นว่า “คุณฉิน หญ้าทะเลกับสาหร่ายทะเลในฟาร์มปลาของคุณเติบโตได้ไม่เลวเลยจริงๆ ที่คุณปลูกคือพันธุ์อะไรเหรอ? ปกติแล้วคุณดูแลมันยังไง พอจะบอกเคล็ดลับหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวไหวไหล่ด้วยท่าทางราวกับจนปัญญาแล้วพูดว่า “บางทีคุณอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ ฟาร์มปลาของผมเชิญศาสตราจารย์แซนเดอร์สให้มาช่วยชี้นำงานด้านเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะการชี้นำของเขาทั้งนั้นแหละครับ ดังนั้นถึงผมจะอยากช่วยแต่ก็คงช่วยอะไรคุณไม่ได้”

นักเทคนิคคนหนึ่งพยักหน้ารับทันที เขาพูดรับว่า “ศาสตราจารย์แซนเดอร์สเป็นผู้นำด้านชีววิทยาทางทะเลของแคนาดา คิดไม่ถึงว่าคุณฉินจะสามารถเชิญท่านให้มาทำงานที่นี่ได้ น่านับถือจริงๆ จากที่ผมรู้มา มีบริษัทด้านชีวภาพขนาดใหญ่หลายแห่งเลยที่เชิญท่านแล้วไม่สำเร็จ”

ปัญญาชนมักจะดูถูกปัญญาชนด้วยกันเอง ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้ เหมือนกับคำที่ว่าบทประพันธ์ไม่มีที่หนึ่งวิทยาศาสตร์ไม่มีที่สอง พอได้ยินช่างเทคนิคชื่นชมศาสตราจารย์แซนเดอร์สแบบนี้ เบลดโซหัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัท ABTX ก็เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว เขาพูดขึ้นมาว่า “ก็จริงอยู่ที่ว่าศาสตราจารย์แซนเดอร์สมีความสามารถด้านอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์แบบดั้งเดิมเป็นอย่างมาก แต่เขายังขาดความสามารถด้านเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมยุคใหม่อยู่มาก”

นักเทคนิคคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าศาสตราจารย์เบลดโซเป็นคนยังไง ดังนั้นเขาจึงเงียบปากพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วเดินออกไปจากท่าเรืออย่างรู้ความ

ฉินสือโอวคิดว่าเบลดโซใจแคบไปหน่อย เขารู้จักความสามารถของศาสตราจารย์แซนเดอร์สเป็นอย่างดี ศาสตราจารย์อาวุโสไม่ได้มีดีแค่ในด้านความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการวางตัวของเขาที่แสดงให้เห็นถึงบารมีของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย

และเขาก็ไม่ได้สนใจเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมอีกต่างหาก ดังนั้นฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเราคนจีนมีคำกล่าวอย่างหนึ่งที่ว่าเคล็ดวิชาฆ่ามังกรด้วยมือเปล่า มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่เรียนรู้เคล็ดวิชาในการสังหารมังกร แต่เพราะไม่มีมังกรอยู่บนโลกใบนี้ ดังนั้นต่อให้เคล็ดวิชาของเขาจะเยี่ยมยอดกว่าใคร แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหมล่ะครับ?”

เบลดโซมีสติปัญญาสูง เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว จึงพูดด้วยความโมโหว่า “คุณฉิน คุณคิดว่าเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมมันไม่มีประโยชน์เหรอ? นี่เป็นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อย่างน้อยที่สุดการกำเนิดของเทคโนโลยีนี้ก็เป็นการก้าวเดินครั้งใหญ่ของมนุษยชาติบนโลกแห่งความศิวิไลซ์!”

ฉินสือโอวตอบเขากลับไปพร้อมกับหัวเราะเย้ยหยัน “แล้วคนจีนอย่างพวกเราก็มีคำกล่าวที่ว่ายิ่งก้าวใหญ่ไข่ยิ่งแตกได้ง่าย เพราะฉะนั้นมนุษยชาติจึงควรก้าวไปบนโลกแห่งความศิวิไลซ์ด้วยก้าวเล็กๆ”

เบลดโซมองหน้าเขาตรงๆ อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับเขาว่า “ผมคิดว่าคุณฉินน่าจะไม่อยากเพาะพันธุ์ปลาเทราต์น้ำดีใช่ไหมล่ะครับ?”

ฉินสือโอวไหวไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้วครับ ฟาร์มปลาของผมเลี้ยงปลาเทราต์ไว้ไม่น้อยเลย อีกทั้งพวกมันยังเจริญเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม ผมไม่อยากเพิ่มคู่ต่อสู้ให้พวกมันหรอกครับ”

พอพูดจบเขาก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อค้นหาปลาเทราต์แอตแลนติกฝูงหนึ่ง แล้วบังคับให้พวกมันสะบัดตัวซ้ายขวาลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ เผยให้เห็นลำตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์ เขาจงใจให้พวกมันอวดตัวโชว์ศักดาอยู่บนผิวน้ำ

เควนติน สเติร์นเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะ “คุณฉินต้องไม่อยากเลี้ยงปลาสายพันธุ์นี้อยู่แล้ว เพราะแถวๆ ฟาร์มปลาของเขาไม่ได้มีแม่น้ำใหญ่ยังไงล่ะ ถึงยังไงก็เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ไม่ได้”

ปลาเทราต์แอตแลนติกแบ่งออกเป็นสองประเภทได้แก่ ประเภทอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำบนแผ่นดินใหญ่กับปลาประเภทที่อพยพย้ายถิ่น ประเภทแรกจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดตลอดชีวิต แต่เดิมอยู่ที่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกได้แก่ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาเหนือ หมู่เกาะบริติชและตามแนวชายฝั่งสแกนดิเนเวียในทวีปยุโรป

ปลาเทราต์แอตแลนติกที่มีแหล่งอาศัยบนแผ่นดินใหญ่เป็นปลาประเภทที่มีการแปรผันทางพันธุกรรมค่อนข้างตายตัว มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นปลาที่นิยมเพาะเลี้ยงกันทั่วโลก เนื้อของมันอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และยังมีคุณประโยชน์ด้านการรักษาที่ดีมากอีกด้วย ที่ทะเลสาบเฉินเป่าก็มีปลาชนิดนี้อยู่จำนวนหนึ่ง มันเป็นปลาน้ำจืดที่ค่อนข้างมีมูลค่าชนิดหนึ่งเลย

แต่ประเภทที่มีจำนวนมากกว่าคือปลาเทราต์แอตแลนติกประเภทอพยพย้ายถิ่น ซึ่งก็คือปลาประเภทเดียวกันกับปลาในฟาร์ม มันเป็นปลาที่เกิดในแม่น้ำแต่เติบโตในทะเล เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ก็จะกลับมาวางไข่ในแม่น้ำที่มีน้ำจืด หลังจากนั้นก็จะกลับไปอยู่ในทะเลจนโตเต็มวัย แม่พันธุ์ของปลาเทราต์น้ำดีก็คือปลาประเภทนี้นั่นเอง

ฉินสือโอวไม่อยากเพาะเลี้ยงปลาเทราต์แอตแลนติกดัดแปลงพันธุกรรมเลย โตเร็วแล้วมีประโยชน์ตรงไหนกันล่ะ? มันมีความไม่แน่นอนอยู่มากเกินไป ถ้าขยายพันธุ์ปลาเทราต์พวกนี้ในฟาร์มปลา นั่นอาจจะทำให้ปลาเทราต์แอตแลนติกเกิดการสูญพันธุ์ก็เป็นได้ จากการวิจัยค้นพบว่าปลาเทราต์แอตแลนติกที่มียีนของคิงแซลมอนจะมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่เหนือกว่าปลาเทราต์แอตแลนติกทั่วไป

เบลดโซกล่าวว่า “ไม่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว ลูกพันธุ์ปลาของเราถูกจัดการให้ไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้แล้ว พวกมันไปจำเป็นจะต้องกลับไปแพร่พันธุ์ในน้ำจืดอีก”

เป็นอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ที่เอฟดีเออนุญาตให้บริษัท ABTX นำปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมออกมาจำหน่ายได้ ก็เพราะมีเงื่อนไขข้อแรกคือปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมทั้งหมดจะต้องถูกทำหมันจนไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันผสมพันธุ์กับปลาเทราต์ตามธรรมชาติ จนทำให้ยีนของปลาเทราต์ตามธรรมชาติเกิดการปนเปื้อน

ทว่าทุกวันนี้ความลึกลับของพันธุกรรมยังเป็นยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะที่เป็นธรรมชาติใครจะล่วงรู้ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น? แล้วอีกอย่างใครจะแน่ใจได้ว่าปลาเหล่านี้ถูกตัดต่อพันธุกรรมด้านการสืบพันธุ์จนครบทุกตัวแล้ว? ถ้าปลาบางส่วนยังมีความสามารถสืบพันธุ์เหลืออยู่ล่ะ?

หากเอฟดีเอกับรัฐบาลอเมริกาไม่มีความกังวลเกี่ยวกับปลาเทราต์น้ำดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ควรจะอนุญาตให้เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ในอเมริกาด้วย ไม่ใช่อนุญาตให้เลี้ยงปลาโตเต็มวัยไว้ในปานามาเพียงอย่างเดียว แถมไข่ปลายังมาจากเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดอีกต่างหาก

ผ่านมายี่สิบปีแล้ว จนถึงทุกวันนี้มีแค่ปานามาที่ดวงซวยจนได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้อยู่ที่เดียว และเนื่องจากขนาดของฟาร์มปลาในปานามา ในทุกๆ ปีบริษัท ABTX จึงสามารถผลิตปลาได้แค่ประมาณ 100 ตันเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับปลาเทราต์แอตแลนติกจำนวน 200,000 ตันที่อเมริกานำเข้าในทุกๆ ปี

เพื่อที่จะครอบครองส่วนแบ่งในตลาดการค้าปลาเทราต์แอตแลนติกที่มากขึ้น บริษัท ABTX จึงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะผลักดันให้ปลาดัดแปลงพันธุกรรมอยู่ในกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อปีที่แล้วปลาเทราต์น้ำดีผ่านการตรวจสอบของเอฟดีเอและได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดแล้ว สาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ในตอนนี้ ก็เพราะว่าเพิ่งจะชักชวนให้แคนาดาเพิ่มฟาร์มปลาขนาดใหญ่อีกหนึ่งแห่ง

ส่วนพื้นที่ของอเมริกาเองน่ะเหรอ? เอฟดีเอและกรมประมงอเมริกาห้ามไม่ให้เพาะพันธุ์ปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมในฟาร์มปลาอเมริกา ผลการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรม ได้เสนอว่าต้องผลิตและแปรรูปปลาเทราต์ “ในต่างประเทศ” ถึงจะสามารถลดภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมของอเมริกาได้มากที่สุด

นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่พอใจ พวกแยงกี้วางแผนไว้เป็นอย่างดี แบบนี้จะต่างกับการเอาขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปเททิ้งไว้ให้ประเทศอื่นตรงไหนกัน? เพาะพันธุ์ปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมไว้ที่ต่างประเทศ แปรรูปที่ต่างประเทศ พอถึงตอนท้ายอเมริกาก็แค่นำเข้าเนื้อปลา ต่อให้เกิดปัญหา แค่นำออกจากชั้นวางขายก็ถือว่าจัดการปัญหาได้แล้ว ไม่มีทางก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อห่วงโซ่อาหารทางชีวภาพของพวกเขาอย่างแน่นอน

แล้วผลที่จะเกิดกับแคนาดาล่ะ? เอฟดีเอขาดการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่มีต่อแคนาดาและปานามา ทั้งยังเชื่อว่าด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันทางบกของแคนาดาและปานามา โอกาสที่ปลาเทราต์จะเล็ดลอดออกมาจึงมีอยู่เพียงน้อยนิด ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอเมริกา

เรื่องบางเรื่องยิ่งได้รู้ก็ยิ่งสะอิดสะเอียน แต่อย่างไรเสียชาวประมงทั่วทั้งอเมริกาเหนือต่างก็รู้เรื่องความไม่ชอบมาพากลของปลาเทราต์น้ำดีอยู่แล้ว ฉินสือโอวไม่เชื่อว่าจะมีใครยอมเสี่ยงเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ หากซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาดปลารายใหญ่ทุกแห่งเปิดรับปลาสายพันธุ์นี้ก็อาจจะพอเป็นไปได้ ทว่าตอนนี้มีแค่รัฐบาลที่อนุญาตให้นำปลาสายพันธุ์นี้เข้าสู่ตลาด อีกทั้งรัฐบาลก็ขายปลาไม่เป็น มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเลี้ยงปลาพวกนี้

…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท