ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1805 อาณาเขตของมาสเตอร์

บทที่ 1805 อาณาเขตของมาสเตอร์

เพลิดเพลินไปกับน้ำแร่ในทะเลที่อบอุ่นและการกัดของปลาตัวเล็ก รายชื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอเมริกาเหนือก็ตกลงแล้ว

หลังงานเสร็จก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สแตนลี่ย์แช่อยู่ในน้ำบ่อน้ำร้อนและไม่อยากออกไปไหน เมื่อสักครู่นี้เขาแค่รู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำอุ่นพอดี การไหลของน้ำก็สบาย และรู้สึกถึงการมีอยู่ของปลาตัวเล็กๆ ในบ่อน้ำร้อนอีก มันจึงยิ่งสบาย เขาจิบกาแฟและถอนหายใจ “ถ้าในเวลาแบบนี้มีไวน์แดงสักแก้วก็คงดี”

“ไอซ์ไวน์ได้ไหม?” ท่านชายฉินเหล่ตามองและถาม

“ได้เหมือนกันๆ บอกตรงๆ ไอซ์ไวน์ของฟาร์มปลาเป็นไอซ์ไวน์ที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกเลย ถ้าให้ผมเลือกความสุขในชีวิต ผมจะ…” สแตนลี่ย์เริ่มเล่าการไล่ตามชีวิตของตัวเอง และการชิมไวน์แดงของฟาร์มปลาก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาพูดไปด้วยฉินสือโอวกับเบิร์ดก็สวมเสื้อผ้าไปด้วย หลังจากนั้นก็ทักทายเขาและเดินออกจากห้องบ่อน้ำร้อน

เบิร์ดถามว่า “ส่งไอซ์ไวน์ให้ขวดหนึ่งเหรอ?”

ฉินสือโอวชำเลืองมองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “เพื่อน นายอยู่กับฉันมานาน บอสเป็นคนยังไงนายไม่รู้เหรอ? ฉันขอร้องนายเลยพี่ชาย ไอคิวมีไว้เพื่ออะไร? สมองไว้ใช้ทำอะไร? คนตาบอดยังมองออกเลยว่าเมื่อกี้นี้ฉันประชด ชายคนนั้นยังคิดว่าตัวเองเป็นกษัตริย์อยู่อีกจริงๆ เหรอ? เสิร์ฟกาแฟให้เขาแล้วก็เสิร์ฟไวน์แดงให้เขาด้วย ฉันยังสามารถจัดหานางแบบให้เขาได้อีกด้วย ดูซิเขาจะกล้าขอไหม?”

เบิร์ดหัวเราะและลูบหลังหัว หลังจากกลับมาถึงวิลล่า เขาได้ยินเสียงฉินสือโอวตะโกนเรียกเขา หลังจากเดินไปหาผลคือเขาเห็นอีกฝ่ายถือไอซ์ไวน์ขวดหนึ่งยื่นให้เขา

“ครั้งนี้จะไม่ประชดเหรอ?” เบิร์ดถามอย่างระมัดระวัง

ฉินสือโอวกะพริบตา และพูดว่า “เมื่อกี้ฉันล้อเล่น ฮ่าๆๆ สแตนลี่ย์เป็นคนที่มีความสามารถของฉัน ในเมื่อเขาอยากดื่มไอซ์ไวน์งั้นก็ให้เขาสักขวดแล้วกัน”

เมื่อเบิร์ดจากไป หลังจากท่านชายฉินกลับมาถึงวิลล่าก็กอดวินนี่และพูดว่า “ที่รัก สองสามวันที่ผ่านมาความอยากอาหารของคุณไม่ดีนักใช่ไหม?”

วินนี่ยักไหล่ “ไม่ต้องกังวล เป็นเพราะเรื่องท้อง ตอนเถียนกวาก็เป็นแบบนี้ ฉันจะไม่ทำให้ตัวเองขาดสารอาหารหรอกค่ะ”

ท่านชายฉินหัวเราะอย่างมีความสุข “ไม่ๆ ผมต้องกังวลแน่นอน คุณกินไม่ได้ผมก็กินไม่ได้เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะมีเชฟจากร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินมาเป็นพ่อครัวให้คุณ เขาจะทำให้คุณเจริญอาหารมากขึ้น”

ด้านสแตนลี่ย์นั้นถือไอซ์ไวน์อยู่ เขารินไวน์อย่างมีความสุขไปด้วยและจามไปด้วย หลังจากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “เบิร์ด ปิดประตูบ้านั่นซะ เชี่ย ฉันจามแล้วเนี่ย มันต้องเป็นเพราะนายเปิดประตูปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามาแน่ๆ ”

เบิร์ดเลิกคิ้ว นี่คือฉันเป็นบ๋อย? เขาปิดประตูอย่างเชื่อฟังเดินไปหาฉินสือโอวและพูดว่า “สแตนลี่ย์บอกว่าเขายังต้องการนางแบบอีก”

“ให้เขาไปตายซะ! ส่งมาสเตอร์ไป และทำให้เขาพอใจ!” บอสฉินโกรธขึ้นมาในทันที

เบิร์ดหัวเราะเหอะๆ และลากอ่างอาบน้ำของมาสเตอร์ออกไปข้างนอก ใครบอกว่าคนซื่อสัตย์ไม่มีความคิดที่ไม่ดี? ถ้าคนซื่อสัตย์เลวขึ้นมา นั่นถึงจะเรียกว่าคนมีปัญหา!

อันที่จริงสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมาสเตอร์ในฤดูหนาวก็คือบ่อน้ำร้อน มันเป็นเต่าน้ำจืด และยังต้องการน้ำอุ่น แต่เจ้าตัวนี้มีลักษณะนิสัยที่ทำให้ท่านชายฉินปวดหัวอยู่มาก นั่นก็คืออาณาเขตของมันจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ถ้าให้มันเข้าไปในบ่อน้ำร้อน ขอแค่มันอยู่คนแปลกหน้าอย่าคิดจะไปที่บ่อน้ำร้อนอีก หู่เป้าฉงหลัวเจ้าตัวน้อยพวกนี้ก็อย่าคิดจะเข้าไปเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งปัญหา ก็คือมาสเตอร์จะล่าปลาตัวเล็กที่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเป็นอาหาร แต่การล่าอาหารของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างดุร้าย

ตัวอย่างเช่นครั้งนี้ ตอนที่เบิร์ดลากอ่างอาบน้ำของมาสเตอร์ก็จะระมัดระวังตลอด มาสเตอร์เปิดตาที่เล็กเท่าเม็ดถั่วอย่างไม่พอใจและมองเขาอย่างมุ่งร้าย ยิ่งไปกว่านี้การมองลักษณะนั้น ถ้าไม่ใช่มันรู้สึกว่าเบิร์ดดูคุ้นเคย เขาเกรงว่ามันคงจะยื่นปากไปกัดนานแล้ว

มาสเตอร์ออกไปไม่นาน ฉินสือโอวก็คิดว่าจะตามเข้าไปดู เขาต้องคิดวิธีเพื่อให้แน่ใจว่ามาสเตอร์จะไม่ล่าปลาตัวเล็กในบ่อน้ำร้อนเป็นอาหาร เพราะนั่นคือทารกบางส่วน

เต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ชอบอากาศหนาว หลังจากอ่างอาบน้ำถูกลากออกไป ลมทะเลที่โหยหวนก็พัดเข้ามาเหมือนกับใบมีดสเกตน้ำแข็ง มาสเตอร์รีบซ่อนตัวใต้น้ำ ฉินสือโอวเห็นว่าเจ้าตัวนี้ยังคิดจะหดแขนขาและหัวเข้าไปในกระดองอีกด้วย แต่เต่าอัลลิเกเตอร์ไม่มีความสามารถนี้ มันหดเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว และยังมีอีกครึ่งหนึ่งเหลืออยู่ด้านนอก

น้ำที่อยู่ในอ่างอาบน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว มาสเตอร์ทนไม่ไหว มันยืดหัวออกมามองเบิร์ดอย่างไม่พอใจ และอ้าปากโชว์เขี้ยวแสดงท่าทีต่อต้านเขา ความหมายก็คือให้เขารีบพาตัวมันกลับไป

เบิร์ดใช้เชือกผูกอ่างอาบน้ำไว้ที่รถลากเลื่อนหิมะอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เรียกฉงต้ากับปอหลัวมา และให้พวกมันลากรถลากเลื่อนหิมะวิ่งไปที่บ่อน้ำร้อน

สองตัวนี้เป็นตัวขี้เกียจที่มีชื่อเสียงของฟาร์มปลา พวกมันยอมทำงานหนักให้เบิร์ดอย่างเต็มใจและยินดีเป็นไปได้อย่างไร?

เบิร์ดมีวิธี เขาแขวนปลาแฮร์ริ่งตัวนุ่มตัวหนึ่งกับผลไม้ตะกร้าหนึ่งที่เตรียมไว้ด้านหลังของรถเอทีวี ดังนั้นเมื่อเขาเร่งความเร็ว ฉงต้ากับปอหลัวก็จะวิ่งไล่ตามหลังเขามาอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นฉากนี้ ท่านชายฉินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาเลี้ยงนักกินกลุ่มนี้มาขนาดนี้ได้อย่างไร?

คราวนี้มาสเตอร์ตกตะลึง มันนอนอยู่บนอ่างอาบน้ำและมองออกไป ฉงต้ากับปอหลัวที่ลากรถอยู่ห่างจากมันไกลมาก ไม่ว่ามันจะพยายามยืดหัวอย่างไร คอของมันก็ไม่ยาวพอ จึงกัดใครไม่ได้เลย

ส่วนการปีนออกจากอ่างอาบน้ำ? มาสเตอร์พยายามเหยียบอ่างอาบน้ำเพื่อจะปีนออกมา แต่ลื่นเกินไป ในที่สุดมันก็ยังคงเดินไปมารอบๆ สถานที่เดิมอย่างถูๆ ไถๆ ต่อมามันหนาวเกินไปและทนไม่ไหว มันจึงทำได้แค่มุดกลับลงไปในน้ำอย่างสิ้นหวัง

อุณหภูมิของน้ำต่อให้หนาวก็ยังเป็น 0 องศาเซลเซียส ลมหนาวด้านนอกหนาวกว่านี้อีก!

เมื่อวิ่งตามสวนไปจนถึงห้องบ่อน้ำร้อน เบิร์ดโยนปลาให้ฉงต้าและโยนผลไม้ให้ปอหลัว หลังจากนั้นเขากับฉินสือโอวก็ส่งอ่างอาบน้ำเข้าไปในห้องบ่อน้ำร้อนด้วยกัน

ภายในบ่อน้ำร้อน สแตนลี่ย์กำลังหลับตาจิบไอซ์ไวน์ ชายคนนี้ไม่รู้เขาว่าคิดอะไรอยู่ การแสดงออกบนใบหน้านั้น ทำให้ฉินสือโอวรังเกียจไปหมด เอ็มบริโอชั้นต่ำ!

เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ถามโดยไม่หันกลับมามอง “เบิร์ด มาส่งของอะไรอีกแล้วเหรอ? ถ้าใช่ ฉันก็หวังว่าจะเป็นผลไม้สักนิดสักหน่อย องุ่นของพวกนายก็ไม่เลว ฉันชอบมาก”

“ชอบพ่อนายสิ!” ในใจของท่านชายฉินแอบเกลียดเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ ไม่เพียงไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอก แต่ยังทำตัวเป็นผู้นำอีกด้วย เยี่ยมจริงๆ ปล่อยมาสเตอร์ออกไปกัดเขาแม่ง!

เขาพลิกอ่างอาบน้ำขึ้น มาสเตอร์รู้สึกถึงอุณหภูมิสูงภายในห้อง มันรู้สึกกังวลและรีบปีนออกมาอย่างตื่นตระหนกทันที สำหรับมันที่นี่คือแดนสวรรค์ อุณหภูมิเหมาะสม และยังมีน้ำจืดอีกด้วย ใต้น้ำยังมีปลาตัวเล็กๆ อีก?

การค้นพบเหล่านี้ทำให้มาสเตอร์หลั่งน้ำตาออกมาอย่างมีความสุขและตื่นเต้น หลังจากนั้นก็มุดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากปรับตัวอยู่ชั่วครู่ ลักษณะความเป็นเจ้าเหนือหัวของมาสเตอร์ก็ตื่นขึ้น มันเอ้อระเหยอยู่ในบ่อน้ำร้อนที่กว้างใหญ่ ทั้งหมดนี้ราวกับความฝันและเหมือนกับจินตนาการที่สวยเกินคำบรรยาย ข้อบกพร่องประการเดียวคือ ทำไมถึงยังมีคนอยู่ในอาณาเขตของมันอีก? แถมยังเป็นคนแปลกหน้า!

นั่นเยี่ยมมาก จัดการเขา!

ดวงตาเล็กๆ ของมาสเตอร์นั้นกลมเท่ากับลูกบอล มันเปล่งความโกรธที่ดุร้ายออกมา และว่ายไปทางสแตนลี่ย์ด้วยท่าทางที่ก้าวร้าว อย่ามองว่าเมื่อสักครู่นี้มันอยู่ในอ่างอาบน้ำและแสดงท่าทีงุ่มง่าม เมื่อเต่าอัลลิเกเตอร์อยู่ในน้ำมันจะอยู่ในท่าทางของนักฆ่าระดับสูง ความเร็วในการว่ายน้ำจะเร็วมาก และเข้าหาสแตนลี่ย์เหมือนกับตอร์ปิโดใต้น้ำ

ท่านชายฉินตะโกนประโยคหนึ่งออกมาในความเป็นจริง “ด้านหน้าคุณนั่นคือตัวอะไร?”

สแตนลี่ย์ตกใจเสียงตะโกน เขาลืมตาขึ้นมาหลังจากนั้นก็ตื่นตระหนก “อา เชี่ย!”

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท