ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 26 เข้าร่วมนิทรรศการอัญมณี

บทที่ 26 เข้าร่วมนิทรรศการอัญมณี

บทที่ 26 เข้าร่วมนิทรรศการอัญมณี

วันที่สอง

แต่เช้าตรู่ หลินอิ่งกับจางฉีโม่ก็เดินทางออกมาจากหมู่บ้าน ไปที่พาณิชย์พลาซ่าชิงหยูนที่อยู่ใจกลางเมือง

อู่เจิ้งกำลังมุ่งมั่นขับรถอย่างเร็ว

“หลินอิ่ง เมื่อคืนคุณไปทำอะไรมา?” ฉับพลันจางฉีโม่ก็ถามออกมา

หลินอิ่งลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ยิ้มแล้วตอบว่า : “ฉันเข้าใจได้ว่านี่คือคุณเป็นห่วงฉันอยู่ใช่ไหม?”

“บ้า” จางฉีโม่มองค้อนหลินอิ่ง

“ไม่ใช่อย่างนั้น วันนี้จะเข้าร่วมจัดงานนิทรรศการอัญมณี สินค้าที่ฉันออกแบบหายไปแล้ว พวกเราก็ต้องไปเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร”จางฉีโม่พูดอย่างกังวลใจ

หลินอิ่งกล่าวว่า : “วางใจเถอะ เมื่อคืนฉันไปจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

จางฉีโม่แสดงอาการสงสัย ถามอย่างงงๆว่า : “คุณทำได้อย่างไร? หรือว่าคุณไปตามหาKing of the worldกลับมาแล้วหรอ?”

“คุณลองเดาซิ” หลินอิ่งยิ้มตอบ

จางฉีโม่กัดปากเบาๆ ทำหน้ามู่ ไม่อยากสนใจ

เวลาประเดี๋ยวเดียว รถก็ขับมาถึงพาณิชย์พลาซ่าชิงหยูน

แล้ว

ศูนย์การค้า ตั้งตระหง่านเป็นอาคารสูงใหญ่โต

พาณิชย์พลาซ่าชิงหยูน

วันนี้เป็นวันสำคัญที่บริษัทเครื่องประดับจางซื่อรวมตัวกันจัดงานนิทรรศการอัญมณี เชิญตัวแทนของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กในวงการอัญมณีในเมืองชิงหยูน ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งในและนอกวงการ

นอกจากนี้คณะผู้เชี่ยวชาญญในวงการหลายสิบคนก็มาถึงแล้ว รวมถึงแขกวีไอพีที่ชื่นชอบเครื่องประดับอัญมณีหลายร้อยคน ยังมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักจำนวนมากก็มาด้วย

ดังนั้น ชั้นล่างของอาคารชิงหยูนก็มีคนล้นหลามแล้ว คึกคักอย่างมาก

ด้านหน้าศูนย์การค้ามีรถหรูจอดอยู่ มองไป จอดเป็นแถวสีสันสดใส ดูสะดุดตา

หลินอิ่งกับจางฉีโม่ ลงจากรถ ตรงเดินไปที่ด้านในอาคาร แล้วขึ้นลิฟท์ไป

เพื่อจัดงานนิทรรศการนี้ จางซื่อกรุ๊ปได้จัดงานนิทรรศการทางธุรกิจที่ชั้น 36

ไม่นาน สองคนก็มาถึงห้องโถงที่จัดนิทรรศการ

ในห้องโถง ยึดครองพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหราเป็นพิเศษ

เวลานี้ บนพื้นปูด้วยพรมสีแดง โคมไฟระย้าแบบตะวันตกส่องแสงแวววาว

ตู้กระจกใสวางอยู่ทุกที่ เป็นระเบียบเรียบร้อย

ในทุกๆตู้กระจก ล้วนเป็นเครื่องประดับที่มีรูปร่างแตกต่างกัน เครื่องประดับเหล่านี้วัตถุดิบที่ทำจากทองคำ ทองคำขาว มรกต หินโมรา เพชร คริสตัล หยก

ของทุกอย่างเป็นจี้ จี้ สร้อยคอ กำไลข้อมือ แหวน รูปแบบต่างๆ มีหมดทุกอย่างทั้งรูปแบบสไตล์จีนและตะวันตก ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของจางซื่อกรุ๊ป

ทุกสิ่งที่วางอยู่ในห้องโถงงานนิทรรศการ ของมีค่าทั้งหมดดูเปล่งประกายระยิบระยับ ดูมีสง่าราศีอย่างมาก

คนที่ผ่านไปมาในห้องโถง มีลักษณะการแต่งกายที่หรูหรา แต่งกายดูดีเป็นพิเศษ บางส่วนเป็นคนที่มีทุนทรัพย์ ทุกๆที่ยังมีผู้สื่อข่าวพร้อมกับกล้องถ่ายรูป

ในสายตาของจางฉีโม่มีความคาดหวัง นี่คือสิ่งที่ภายในใจของเธอปรารถนาที่จะกลายมาเป็นบุคคลสำคัญ

เดิมที ตัวเองก็สิ้นเปลืองไปกับกำลังกายและกำลังสมองมากจนนับไม่ถ้วน King of the worldที่ออกแบบอย่างดีที่สุด ควรจะวางโดดเด่นอยู่ที่ที่จัดนิทรรศการแห่งนี้

น่าเสียดาย……

“เฮ้อ” จางฉีโม่ถอนหายใจเบาๆ แค่เพียงเผอฝันไปว่าที่หลินอิ่งพูดเป็นความจริง ว่าKing of the worldกลับมาแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่านั่นจะเหมือนกับปฎิหาริย์ ท้ายที่สุดหลินอิ่งก็เป็นเพียงคนธรรมดาๆคนหนึ่ง จะมีความสามารถแบบนั้นจากที่ไหน

“หึ นี่ไม่ใช่ผู้อำนวยการกสารออกแบบของคณะพวกเรา จางฉีโม่ ผู้อำนวยการจางหรอ?”

ฉับพลัน เสียงคำพูดประชดประชันของผู้หญิงคนหนึ่งทอดดังมา

จางจี้หนิงสวมใส่ชุดราตรีดูดีมีราคา เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ปรากฏให้เห็นความดูดีมีสง่า แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความถากถางเยาะเย้ย ดูใจดำเล็กน้อย

จางฉีโม่ทำสีหน้าไม่ถูก นี่คือคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด

“พูดตามตรง ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมพวกคุณถึงยังมีหน้ามาร่วมงานจัดนิทรรศการครั้งนี้?”จางจี้หนิงมองไปที่จางฉีโม่กับหลินอิ่งอย่างเหยียดหยาม พูดเยาะเย้ยว่า “ไม่สามารถออกแบบเครื่องประดับราคาสิบล้านนั้นได้ โลภเห็นแก่เงิน ยังมีหน้ามาร่วมงานนิทรรศการอีกหรอ? น่าไม่อายจริงๆ”

“อืม ก็ถูก ฉันลืมไปแล้ว พวกไส้แห้งอย่างคุณทั้งสองคนคงไม่เคยเห็นฉากที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อนใช่ไหม? เพราะฉะนั้นจึงมาเปิดหูเปิดตาสักหน่อยนะหรอ?” จางจี้หนิงพูดจาถากถางเยาะเย้ย “น่าเสียดาย ตลอดชีวิตของพวกคุณก็มีโอกาสหนึ่งครั้งนี้ เพื่อรอคอยวันนี้ จางฉีโม่ คุณก็ไม่ได้เป็นผู้อำนวยการการออกแบบของบริษัทอีกต่อไป บังต้องไสหัวออกไปจากบริษัทอย่างซมซาน”

ในใจของจางฉีโม่โกรธมาก คิดอยากจะพูดโต้กลับ แต่ทว่ากลับไม่มีความมั่นใจ……

“คุณเป็นแค่เพียงรองผู้อำนวยการการออกแบบของบริษัท ฉีโม่ยังคงเป็นหัวหน้าของคุณโดยตรง คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนตำแหน่งผู้อำนวยการการออกแบบนี้?” หลินอิ่งพูดนิ่งๆ

จางจี้หนิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม พูดว่า : “หลินอิ่ง ไม่ใช่คุณรู้สึกว่าอยู่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองหรอ คิดว่าเป็นผู้ช่วยตัวเล็กๆคนหนึ่ง กล้าพูดจาแข็งกร้าวต่อหน้าฉันหรอ? ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง!”

“พวกคุณทั้งสองคนทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ยังวิ่งมาร่วมงานนิทรรศการอีก ไม่ใช่อยากขายความน่าเวทนาเพื่อให้ทุกคนเห็นใจหรอ? ยังฉกฉวยความน่าสงสารต่อบริษัทชั้นนำอีกหรอ? ทำให้พวกคุณได้อยู่ในบริษัทต่อไปนะหรอ?”จางจี้หนิงเยาะเย้ยถากถางต่อ “คุณคิดว่าทุกคนเป็นคนโง่จริงๆหรอ? จะเชื่อพวกคุณเพียงแค่พูดว่าเพิ่งถูกขโมยไปแบบนี้นะหรอ?”

“อย่าไปคิดเลย กล้องหลายตัวขนาดนั้นในบริษัท ระบบป้องกันที่เข้มงวดแบบนั้น แต่สูญเสียเครื่องประดับอัญมณีราคาสิบล้านไปอย่างลึกลับ คนโง่ยังคิดได้ นี่คือพวกคนภายในสบรู้ร่วมคิดกันทำ”จางจี้หนิงคิดสนุกพูดว่า “คุณสองคนเป็นคนรับผิดชอบโครงการ จะสามารถหนีรอดความเกี่ยวข้องได้หรอ?”

“เอ๊ะ เมื่อวานนี้ผู้ช่วยหลินไม่ได้ออกใบรับประกันต่อหน้าสาธารณชนหรอ? ที่บอกว่าวันนี้King of the worldจะออกมาปรากฏอย่างแน่นอน บางทีผู้ช่วยหลินก็อาจจะมีลูกไม้ที่เหนือกว่า ตามหาอัญมณีนี้กลับมาแล้วก็ไม่แน่นะ”เวลานี้ ซูนเหิงก็เดินเข้ามา กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ก็ถูก ถึงอย่างไรก็เป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลจาง ไม่แน่ว่าคนที่ขโมยเครื่องประดับอัญมณีอาจจะได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของผู้ช่วยหลิน ในใจก็เวทนาผู้ช่วยหลิน อาจส่งเครื่องประดับกลับมาที่บริษัทด้วยตัวเองก็ไม่แน่”จางจี้หนิงหัวเราะขึ้นมาอย่างลำพองใจ เพื่อประชดถากถาง

จางจี้หนิงและคูสามีภรรยาล้วนกำเรืบเสิบสาน ทั้งสองคนมองหลินอิ่งแล้วหัวเราะเยาะเย้ย

พวกเขาคู่สามีภรรยามองว่า จางฉีโม่กับหลินอิ่งทั้งสองคนนี้เป็นคนกระจอกงอกง่อย เดิมทีก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดิน ยังคิดว่าเป็นผู้อำนวยการการออกแบบ ก็สามารถมาต่อกรกับพวกเขาสองคนได้ น่าตลกจริงๆเลย

เวลานี้ มีนักออกแบบอัญมณีและบริษัทชั้นนำหลายกลุ่มเดินเข้ามา มองไปที่หลินอิ่งกับจางฉีโม่ด้วยอารมณ์ขบขัน ก็เหมือนกับดูเรื่องตลกขบขัน

“พี่หนิง ฉันเห็นว่าไม่จำเป็นที่ต้องมาเสวนากับกบในกะลาอย่างพวกเขาทั้งสองคนเลย กระจอกเช่นนี้ ถึงแม้ว่าประธานอูจะให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง ก็อย่าหวังลมๆแล้งๆว่าจะโผล่หัวขึ้นมาได้ ท้ายที่สุดก็ยากจนข้นแค้น ทันทีก็จะโดนไล่ออกจากบริษัทแล้ว” ผู้หญิงชั้นสูงหัวเราะเยาะเย้ยถากถาง

“มาที่นี่เพื่อมาขายหน้าจริงๆ แต่ว่าวันนี้มีนักข่าวและบุคคลมีชื่อเสียงมากมาย พวกเขาทำโครงการใหญ่ขนาดนั้นล้มเหลว ยังมาเข้าร่วมงานนิทรรศการเครื่องประดับอย่างไม่ละอายใจ”

“เอ๊ะ ครอบครัวจางฉีโม่ไม่ก็อยากมีประสบการณ์สุดท้ายของค่าตอบแทนผู้อำนวยการสักหน่อย แต่นี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตแล้วนี่ รอจัดงานนิทรรศการเสร็จ ก็จะสูญเสียตำแหน่งผู้อำนวยการไปแล้ว เธอยังจะสามารถเข้าร่วมงานนิทรรศการระดับสูงแบบนี้ได้อยู่อีกหรอ?”

“พวกคุณ……” จางฉีโม่กัดปากเบาๆ โมโหอย่างมาก

หลินอิ่งกล่าวว่า : “ฉีโม่ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก งานนิทรรศการจะเริ่มแล้ว พวกเราไปนั่งกันเถอะ”

จางฉีโม่พยักหน้า ทั้งสองคนหันหลังเดินเข้าไปด้านในของห้องโถงนิทรรศการ

“เดี๋ยว!”

เวลานี้ ฉับพลันจางจี้หนิงก็มาขวางด้านหน้าของพวกเขา “พวกคุณสองคนคิดว่าตอนนี้ยังมีสิทธิ์นั่งในที่นั่งVIPอยู่อีกหรอ?”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท