ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 42 ไล่ออกนับจากนี้ไป

บทที่ 42 ไล่ออกนับจากนี้ไป

บทที่ 42 ไล่ออกนับจากนี้ไป

“ฟางผิง ช่างมันเถอะ ไว้หน้าเขาหน่อยสิ”หลี่หลานพูดขึ้นด้วยสีหน้าสะใจ หันไปมองจางฉีโม่“ฉีโม่ฉันรู้สึกว่าเธอจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแฟนใหม่แล้วล่ะ……”

“ผู้ชายแบบนี้มันก็แค่พวกน่าสมเพชไร้น้ำยาที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้นแหละ แถมยังชอบคุยโม้โอ้อวดไปทั่วอีก ไม่ช้าก็เร็วจะต้องอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครแน่นอน”หลี่หลานพูดขึ้น

“ใช่น่ะสิ ดูๆแล้ว นอกจากจะไปสร้างความอับอาย ก็ไม่มีอะไรดีแล้ว”หลี่เจิ้นพูดไม่ถนอมใจเลยแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทางสะใจถึงที่สุด

คู่ของจางซิ่วเฟิง ยังอยากจะคุยโม้โอ้อวดความสามารถของจางฉีโม่ลูกสาวพวกเขา? แต่ด้านของลูกเขย กลับกดตระกูลของพวกเขาให้ตกต่ำลง!

คู่ของจางซิ่วเฟิงรู้สึกว่าไม่สามารถพูดหักล้างได้ เลยได้แต่จ้อง หลินอิ่งด้วยแววตาโกรธเกลียด

“บรื้น”

มีรถเมซาราตีดูแปลกตาคันหนึ่งขับเข้ามา กระจกรถเลื่อนลง ผู้ชายวัยกลางคนดูดีมีสไตล์ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมองมายังหลินอิ่ง จากนั้นใบหน้าก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม ก่อนจะลงมาจากรถ

หลินอิ่งรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ เจียงฉีที่เคยเจอกันเมื่อตอนเที่ยง

ฟางผิงพอมองเห็นเจียงฉีที่ลงมาจากรถเมซาราตี สีหน้าก็ตกใจ ยกมือขึ้นมาโบกๆทันที

“เป็นอะไร? ฟางผิงคนที่ขับรถคันนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?”หลี่เจิ้นถามขึ้น

ฟางผิงพยักหน้าไม่หยุด แล้วก็เผยให้เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์

“ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ยเห็นแล้วยัง เพื่อนของลูกเขยตระกูลของผมขับรถเกรดนี้เชียวนะ”หลี่เจิ้นพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ“จากนี้ไปก็ไม่ต้องเอารถบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์5คนนั้นของลูกสาวพวกคุณมาพูดข่มแล้วนะ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว”

ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดหวัง ครั้งนี้กะที่จะเอาลูกสาวของตัวเองเอาไปคุยอวดเปรียบเทียบกับตระกูลของหลี่เจิ้นสักหน่อย แต่ผลที่ได้ กลับแพ้ไม่เป็นท่า

ต้องโทษหลินอิ่งไอ้คนไร้อนาคต!

สองสามีภรรยามองหลินอิ่ง ด้วยสายตาหงุดหงิด

เจียงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสำรวจฟางผิงหนึ่งรอบ ก่อนจะถามขึ้น“คุณคือใคร?”

“ประธานเจียงท่านไม่รู้จักผมแล้วเหรอ? ตอนประชุมที่บริษัทหลักครั้งที่แล้ว ท่านยังชมผมอยู่เลย”ฟางผิงรีบพูดขึ้น“ผมเป็นผู้จัดการของบริษัทสาขาถนนไห่ปิน ฟางผิง เสี่ยวฟางไงครับ”

“สำนักงานถนนไห่ปิน? เสี่ยวฟาง?”เจียงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังครุ่นคิดอยู่

บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ในเขตเหนือของเมืองก่อตั้งสำนักงานย่อยๆตั้งหลายสิบแห่ง ผู้จัดการสาขาย่อยก็หลายสิบคน จะไปจำเยอะแยะขนาดนั้นได้ยังไง

“อ๋อ? เสี่ยวฟางอย่างนั้นเหรอ?”เจียงฉียิ้มแห้งๆพร้อมกับพูดขึ้น

“ประธานเจียง ผมกับครอบครัวกำลังมาดูบ้านใหม่ที่นี่พอดีเลยครับ ถ้าไม่รังเกียจมารับประทานอาหารด้วยกันสิครับ”ฟางผิงพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ

“พอดีผมยังมีธุระต่อน่ะ”เจียงฉีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

“อ๋อครับ ถ้าอย่างนั้นท่านไปทำธุระเถอะครับ”ฟางผิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เจียงฉีเดินไปยังหลินอิ่ง สีหน้าค่อยๆเผยให้เห็นรอยยิ้ม

“เอ้อ ผมจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักสักหน่อย นี่คือผู้จัดการใหญ่ของสำนักใหญ่บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของพวกเราประธานเจียง”ฟางผิงพูดแนะนำขึ้นมาอย่างออกหน้าออกตา“ประธานเจียงผู้ที่ถือครองทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน!”

“สวัสดีครับประธานเจียง ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมานานแล้ว!รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้พบท่าน”หลี่เจิ้นพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ยื่นมือออกมากะที่จะจับมือกับเจียงฉี

เจียงฉีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่เหลียวมองมือที่หลี่เจิ้นยื่นออกมาแม้แต่น้อย

ล้อเล่นอะไรกันอยู่ รู้จักก็ยังไม่รู้จัก จะมาจับไม้จับมืออะไร

หลี่เจิ้นยิ้มๆด้วยความรู้สึกอึดอัด แกล้งทำเป็นเอามือมาปาดเหงื่อ

ฟางผิงหันไปมองหลินอิ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ใช่แล้วประธานเจียง วันนี้มีคนบอกว่ารู้จักท่าน แถมยังแสร้งทำเป็นสนิทกับท่านต่อหน้าต่อตาผมด้วย ฟางผิงจ้องเขม็งหลินอิ่งด้วยสายเยือกเย็น พร้อมกับพูดขึ้น“หลินอิ่ง นี่คือประธานเจียงของบริษัทพวกเรา คนบ้านนอกแบบแกบอกว่าสนิทกับประธานเจียงไม่ใช่หรือไง? แถมยังคุยโม้โอ้อวดอีกว่าประธานเจียงจัดการธุระให้ตัวเอง? ไม่สำเหนียกตัวเองจริงๆว่าตัวเองเป็นใคร!”

“เศษสวะแบบแก คำพูดเหล่านั้นที่แกพูดออกมา เท่ากับว่ากำลังดูถูกประธานเจียงของพวกเราอยู่ แกรีบขอโทษประธานเจียงของพวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เจียงฉีสีหน้าบึ้งตึงไม่น้อย จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่รู้จะกล่าวทักทายกับหลินอิ่งยังไงดี

ตอนแรกเขาเห็นหลินอิ่งลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่นี่ ก็เลยลงรถจะมาทักทายสักหน่อย รู้จักกับเศรษฐีผู้มั่งคั่งท่านนี้แล้ว ก็อยากจะรู้ว่าพอจะเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า

ใครจะไปรู้จู่ๆฟางผิงนี่โผล่มา เล่นซะจนเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวทักทายกับหลินอิ่งยังไงดี

ให้ตายเถอะ ประธานหลินเป็นเศษสวะ? ระดับคุณชายมหาเศรษฐีที่แค่เผลอทำบัตรธนาคารหายก็มีเงินในนั้นอยู่สองพันกว่าล้าน เรียกว่าเศษสวะ?

ฟางผิงพอเห็นสีหน้าที่บูดเบี้ยวของเจียงฉีก็พูดขึ้นอย่างสะใจทันที“หลินอิ่ง คนเกาะผู้หญิงกินแบบแกทำไมไม่พูดไม่จาเลยล่ะ? เห็นก่อนหน้านี้แกยังกล้าคุยโม้ถึงขั้นเอาประธานเจียงของพวกเรามาพูดถึงด้วยอยู่เลย ตอนนี้มาเจอตัวเป็นๆเลยกลัวสินะ ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ตอนนี้ประธานเจียงคงจะรู้สึก

เส้นเลือดที่หน้าผากของเจียงฉีปูดออกมา คิดจะมาก้าวก่ายหลินอิ่งมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งระดับนี้ก็ก้าวก่ายได้อย่างนั้นเหรอ? จะรับมือกับความโกรธเดือดดาลของคนระดับนี้ไหวเหรอ?

“หุบปากซะ!”เจียงฉีจ้องเขม็งฟางผิงด้วยแววตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้น

“ประธานเจียง นี่มัน?”ฟางผิงถูกด่าตอบกลับจนรู้สึกมึนงง เป็นสถานการณ์ที่สับสนไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถามประธานเจียง จึงได้แต่ปิดปากเงียบไปซะอย่างนั้น

“ประธานหลินสวัสดีครับ”เจียงฉีสีหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม พร้อมกับพูดทักทายหลินอิ่ง

“สวัสดีครับ”หลินอิ่งก้มหัวเล็กน้อย

ทำไมคนระดับประธานเจียงถึงเรียกไอ้เศษสวะแบบนี้ว่าประธานหลิน ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?

ในขณะนี้หลี่เจิ้นกับฟางผิงหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรู้จักกับเจียงฉีจริงๆ

“ประธานหลิน ฟางผิงคนนี้เป็นพนักงานของบริษัทย่อยของพวกเรา ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร ท่านไม่ต้องคิดมากนะ ผมจะจัดการเอง” เจียงฉีพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“คนของบริษัทท่าน ช่างน่าเป็นห่วงเหมือนกันนะครับ”

เจียงฉีสีหน้าบึ้งตึง ในใจเริ่มตื่นตระหนก

ดูท่าประธานหลินเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว คนระดับที่ถือครองทรัพย์สินอย่างน้อยหลายพันล้าน!แม้ว่าตนเองจะถือครองกว่าร้อยล้าน ก็ยังไปก้าวก่ายไม่ได้เลย แค่ประธานหลินถือสาเอาความนิดหน่อย ตนเองก็คงจะแบกรับไม่ไหวแล้ว

ครั้งที่แล้วก็กังวลว่าจะเผลอไปรุกรานประธานหลิน เข้า กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง ก็เลยไปขอโทษด้วยตัวเอง

“ประธานหลินขออภัยด้วยครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ท่านได้โปรดอย่าอคติเลยนะครับ คนของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของพวกเรามีการศึกษาสูงกันทั้งนั้นครับ”เจียงฉีพูดขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มหน้าผาก

“ประธานเจียง ทำไมท่านถึงต้องเกรงใจไอ้เศษสวะนี่ด้วย?”ฟางผิงถามขึ้น เขารู้สึกสับสน คนที่เกาะผู้หญิงกินแบบหลินอิ่ง มีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถทำให้ประธานเจียงแสดงความขอโทษได้

“ฟางผิงจากนี้ไป คุณไม่ต้องมาเรียกผมว่าประธานเจียงอีกแล้ว”เจียงฉีมองฟางผิงด้วยสายตาเย็นชา“คุณไม่มีคุณสมบัติมากพอ คุณกำลังทำลายชื่อเสียงของบริษัท”

“ตอนนี้ผมขอแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการว่า ผมขอไล่คุณออกนับจากตรงนี้ จากนี้ไป คุณไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทย่อยอีกแล้ว ผมจะโทรศัพท์ไปหาเลขาทันที ให้ลบรายชื่อของคุณออกจากทำเนียบรายชื่อพนักงานของบริษัท”เจียงฉีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เดี๋ยวสิ!ประธานเจียง? ผมทำอะไรผิด?”ฟางผิงพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก

เจียงฉีมองฟางผิงด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“ไม่ต้องมาพูดพล่ามอะไรกับผม คุณถูกไล่ออกแล้ว คุณนเป็นผู้จัดการของบริษัทย่อย บริษัทหลักน่าจะให้รถอาวดี้A8กับคุณใช้ด้วยใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้ก็เอากุญแจรถออกมาซะ”

“ผมจำได้ว่าบริษัทจัดสรรบ้านของชุมชนสุ่ยหยวนให้คุณมีอำนาจใช้แต่เพียงผู้เดียวด้วย ตอนนี้ ก็ส่งกุญแจบ้านมาให้ผมด้วย

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท