บทที่ 148 ฉันรู้จักเศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่
“ไม่ใช่ว่า? พวกคุณไร้เหตุผลเกินไปหรอกเหรอ?” จางฉีโม่พูดอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ด้วย เพียงเพราะเรื่องนี้ อ้าปากก็จะเอาเงินหนึ่งล้าน? แถมยังเป็นญาติกันอีก?
“เหตุผลเหรอ? เอาสิ งั้นฉันจะบอกเหตุผลให้เธอฟัง” ลู่เสี่ยวเจี้ยนพูดอย่างหยิ่งผยอง “นี่เพราะฉันเห็นว่าเราเป็นญาติกัน ถึงได้ขอแค่หนึ่งล้าน ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะทำให้มันพิการ!”
“ดูใบรับรองจากโรงพยาบาลนี่สิ!” ลู่ซีหย่วนหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเอกสาร พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เห็นไหม โรงพยาบาลประเมินใบรับรองโรคซึมเศร้า หมอบอกว่าเธอมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย และมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคจิตเภท พวกเธอรู้ไหมว่ามันร้ายแรงแค่ไหน? อาการป่วยทางจิตนี่ กระทั่งจะทำให้การรักษาตัวในโรงพยาบาลยังเป็นเรื่องยากเลย!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ลู่ซีหย่วนก็ถอนหายใจออกมา “ฉันพูดเพราะเห็นแก่หน้าตาของคนตระกูลเดียว ถึงได้ขอเป็นการส่วนตัวแค่หนึ่งล้าน ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนคนอื่น ฉันจะเอามันถึงตาย! ที่มาทำลายทั้งชีวิตของลูกสาวฉัน”
จางฉีโม่ดูสงสัย ดูที่ใบรับรองครู่หนึ่ง มันเขียนอาการไว้ว่า นอนไม่หลับ ประสาทอ่อนแอ…
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้? ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรฉันจะให้ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด” จางฉีโม่พูดด้วยความหงุดหงิด เดิมทีครอบครัวของลู่ซีหย่วนก็ต้องการแบล็กเมล์อยู่แล้ว
“ฉีโม่ พูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง? ลูกพี่ลูกน้องของเธอยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลรู้ไหม!” ลู่ซีหย่วน พูดด้วยความโกรธ “ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ย ฉันไม่สน วันนี้คุณพวกแกต้องมีคำตอบ ครอบครัวพวกเธอสามารถหาเงินได้เท่าไร?”
“คุณป้า คุณลุง พวกคุณสองคนก็รู้ว่าพ่อทูนหัวของฉันเป็นใคร อย่าบังคับให้ฉันลงมือ ใช้อำนาจจากพ่อทูนหัวของฉัน” ลู่เสี่ยวเจี้ยนขู่
เมื่อคืนเมื่อได้ยินว่าลู่เวยถูกทิ้ง พวกเขาพ่อลูกไม่ได้ถามอะไรเลย สิ่งที่พวกเขาถามคือเงินที่พวกเขาได้รับจากฉินเฟย เพราะพวกเขารู้ว่าฉินเฟยมีภรรยามาตั้งนานแล้ว จุดประสงค์ก็คือการเรียกเงิน
เป็นผลให้พอได้ยินก็เรียกเงินหลายหมื่นหยวน ทันทีที่ลู่ซีหย่วนและลูกชายของเขาคุยกัน ลู่เวยก็ไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาทันที และหาบ้านของจางฉีโม่เพื่อเรียกเงินชดใช้ ต้องต้มตุ๋นพวกเขา!
“นี่……” สีหน้าของลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงไม่น่ามอง พวกเขาสองคนเคยเห็นพ่อทูนหัวในอนาคตของลู่เสี่ยวเจี้ยน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของไห่หยางกรุ๊ป และยังได้ยินว่าเป็นคนดังที่อยู่ข้างกายเจียงฉี เศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่
“ครอบครัวเราไม่มีเงินอะไรหรอก” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าว
ลู่ซีหย่วนตะคอกอย่างเย็นชา “ไม่มีเงิน? ไม่มีเงินแล้วพวกแกอาศัยอยู่ในวิลล่านี้? แล้วยังคงสวมเครื่องประดับราคาแพงทุกวัน? ไม่มีเงิน ฉีโม่ดำรงตำแหน่งรองประธานมานานขนาดนี้แล้ว จะบอกว่าไม่มีเงินงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่ชดใช้ ฉันจะบอกทุกคนในตระกูลฝั่งแม่ทันทีที่กลับไปถึงบ้านเกิด และบอกต่อหน้าทุกคน ว่าครอบครัวพวกเธอมันเป็นยังไง! แสร้งทำเป็นไม่มีเงิน แล้วยังทำร้ายลู่เวยหลานสาวได้” ลู่ซีหย่วนกล่าวเสียงเย็นชา
“ฮะ?” ลู่หย่าฮุ่ยดูตกใจ เมื่อได้ยินว่ามันจะแพร่กระจายไปยังตระกูลฝั่งแม่ ก็กลัวมาก เธอเชิญครอบครัวของลู่ซีหย่วนมาอาศัยอยู่ที่นี่ เพียงเพราะอยากได้หน้า เมื่อกลับไปตระกูลฝั่งแม่จะได้มีหน้ามีตา ให้คนตระกูลฝั่งแม่รู้ว่าตัวเองย้ายมาที่เมืองชิงหยูนอยู่ดีมาก จะเสียหน้าไม่ได้
“ฉีโม่ ฝั่งแกเอาเงินออกมาได้เท่าไหร่ ก็แค่ให้ค่าชุดเชยกับลุงแกไปเถอะ” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าว
“แม่ นี่ นี่มันไร้สาระเกินไปไหม?” จางฉีโม่กล่าว ไม่เข้าใจเลยว่าแม่ของตนคิดอะไรกันแน่ แค่คนเขามาขู่ให้กลัวก็จะควักเงินให้เขาแล้ว?
“ได้ ไม่ชดใช้ใช่ไหม? ไปกันเถอะเสี่ยวเจี้ยน ไปหาพ่อทูนหัวของแก ตอนนี้แล้วโทรบอกคนที่บ้านเรื่องนี้ด้วย” ลู่ซีหย่วนลุกขึ้น
ลู่หย่าฮุ่ยหมดความอดทน และพูดว่า “ฉีโม่ เร็วเข้า แกมีเงินเท่าไหร่? รีบเอาส่วนหนึ่งให้บ้านลุงแกไปก่อนเร็ว”
ลู่ซีหย่วนพ่อลูกหัวเราะอย่างมีชัย พวกเขาสองคนดึงลักษณะนิสัยของลู่หย่าฮุ่ย ที่กลัวไม้แข็งออกมา แล้วยังกลัวจะเสียหน้ากับทางบ้านฝั่งแม่อีก
เดิมที มาที่เมืองชิงหยูนก็เพราะอยากจะได้เงินจากบ้านของลู่หย่าฮุ่ยนี่แหละ!
“หนูไม่มีเงินหนึ่งล้าน” จางฉีโม่กล่าว
“ฉีโม่ งั้นแกมีเท่าไร?” ลู่หย่าฮุ่ยรีบถาม
“เหลือเงินฝากแค่ไม่กี่แสน” จางฉีโม่ตอบอย่างขอไปที
“ได้!” ลู่ซีหย่วนรีบกล่าวทันที “ฉีโม่ เห็นแก่หน้าของเธอ ก็แล้ว ๆ กันไปเถอะ ครอบครัวพวกเธอให้ความร่วมมือหน่อยก็โอเคแล้ว งั้นก็เอามาสักหนึ่งแสนละกัน เหลือสักสองสามหมื่นไว้ให้ครอบครัวพวกเธอได้ใช้กินใช้จ่าย”
“อะไรนะ?” ใบหน้าของจางฉีโม่ตกใจมาก นี่ ทำไมถึงได้มีลุงที่ประหลาดแบบนี้กัน?
“เร็วเข้า ฉีโม่ เอาเงินหนึ่งแสนหยวนมาให้ฉัน ฉันจะเอาให้ลุงของแก” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างลนลาน
จางฉีโม่โกรธจนลมแทบจับ ทำไมแม่ของฉันต้องอ่อนแอขนาดนี้? แล้วยังขี้กลัวขนาดนี้อีก?
“ฉันก็จะออกไปทำธุระแล้วเหมือนกัน” จางฉีโม่โกรธมาก โอนเงินหนึ่งแสนหยวนให้ลู่หย่าฮุ่ย รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านพักทันที โดยวางแผนจะรีบไปคุยเรื่องดี ๆ กับเพื่อนของหลินอิ่ง จากนั้นก็อยู่ในบริษัท แทนที่จะมาอยู่ในบ้านบ้านที่บรรยากาศห่วยแตกนี่!
ติ๊ง!
ลู่ซีหย่วนได้รับการโอนเงิน 100,000 หยวนจากลู่หย่าฮุ่ย พูดด้วยความพึงพอใจว่า “ฉันจะไปพบพ่อทูนหัวของเขากับเสี่ยวเจี้ยน งั้นก็ไม่อยู่ต่อแล้วนะ”
“ซีหย่วน เรื่องนี้อย่าบอกตระกูลฝั่งแม่เด็ดขาดเลยนะ และอย่าไปขอให้พ่อทูนหัวของเสี่ยวเจี้ยนมามายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวเราเด็ดขาด!” ลู่หย่าฮุ่ยวิงวอนด้วยความกลัวอย่างมาก
“แหม มันก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของลู่เวยล่ะนะ” ลู่ซีหย่วนกล่าวอ้อยอิ่ง
เมื่อพูด สองพ่อลูกก็เดินออกจากวิลล่าด้วยความดีใจ คิดว่าเงินหนึ่งแสนหยวนสามารถซื้อของขวัญสักชิ้นไปประจบพ่อทูนหัวของเสี่ยวเจี้ยนได้!
หนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา
จางฉีโม่มาถึงสำนักงานใหญ่ของไห่หยางกรุ๊ปเขตเหนือของเมือง อาคารไห่หยาง
ปัจจุบันไห่หยางกรุ๊ปได้เติบโตขึ้น ไม่ใช่แค่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในอดีตอีกต่อไป โดยมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมยี่สิบกว่าอุตสาหกรรม และเป็นกรุ๊ปบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงิน แม้แต่ประธาน เจียงฉี ตอนนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะเศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่ มีชื่อเสียงที่โดดเด่น ในวงการธุรกิจมีทรัพย์สินมากมายจนใช้ไม่หมด กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งวงการธุรกิจตุงไห่!
จางฉีโม่เดินเข้าไปในห้องโถงรับรอง และโทรหาเพื่อนของหลินอิ่ง อีกฝ่ายบอกอย่างสุภาพว่าจะมาที่ล็อบบี้ภายในสามนาที
จางฉีโม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงรับรอง พลางย้อนคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ในวิลล่า ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธ คนครอบครัวของลู่ซีหย่วนน่ารำคาญเกินไปแล้ว!
“โอ๊ะโอ? ฉีโม่ มาที่นี่ก็ยังเจอเธออีกเหรอ? เธอมาทำอะไรที่นี่?
ทันใดนั้น เสียงโอ้อวดก็ดังขึ้นมา
ลู่ซีหย่วนกับลู่เสี่ยวเจี้ยน เดินวางมาดเข้ามาในห้องโถงรับรองของไห่หยางกรุ๊ป มองไปที่จางฉีโม่ ด้วยสีหน้าหยอกเย้า
“พี่ฉี พี่คงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหางานทำหรอกใช่ไหม?” ลู่เสี่ยวเจี้ยนกล่าวเย้า “บอกฉันก่อน คิดจะเข้าทำงานมาที่ไห่หยางกรุ๊ปจะไม่ง่ายกว่าเหรอ? ทักทายฉัน แน่นอนว่า ที่นี่ไม่รับขยะไร้ความสามารถ ฉันจัดหางานพวกทำความสะอาดห้องน้ำให้ได้นะ”
“ฮ่า ๆ ๆ!” ลู่ซีหย่วนหัวเราะออกมา “เสี่ยวเจี้ยน แกจะกลบฝังลูกพี่ลูกน้องของแกได้ยังไง? ทำความสะอาดห้องน้ำจะใช้ได้ได้ยังไงกัน จัดให้ลูกพี่ลูกน้องของแกไปเป็นเลขาสาวในชีวิตส่วนตัวของพ่อทูนหัวแกเป็นยังไง
“พวกคุณ! พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร!” จางฉีโม่ยืนขึ้นและตะโกนด้วยความรู้สึกโกรธมาก
“ฉันมาที่นี่เพื่อหาคนสนับสนุนเงินทุน เจรจาธุรกิจ ไม่ใช่เพื่อหางาน” จางฉีโม่พูดอย่างโกรธ ๆ
“โอ้? ไม่ใช่เหรอ?” ลู่ซีหย่วนกล่าวอย่างลำพอง “เธอเนี่ยนะหาคนคุยธุรกิจเงินทุน? เธออยู่ในฐานะอะไร คนว่างงานเอ้อระเหยไปวัน ๆ บริษัทระดับสูงแบบนี้มันใช่ที่ที่เธอจะมาเหรอ?”
“ฉันจะไปไหน มันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณ” จางฉีโม่พูดด้วยความโกรธ
“พี่ฉี อย่ามายโสโอหังกับฉัน บอกเลยนะว่า ฉันรู้จักเจียงฉีเศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่เชียวนะ ประธานของที่นี่ก็ยังเป็นเพื่อนกับฉัน!” ลู่เสี่ยวเจี้ยนพูดอย่างหยิ่งผยอง “อยากเจรจาธุรกิจเหรอ? งั้นก็ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะเจรจาธุรกิจอะไรก็ไม่สำเร็จทั้งนั้น!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มก็เดินเข้ามา และมองไปที่จางฉีโม่พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ประธานจาง สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของหลินอิ่ง” เจียงฉีกล่าวด้วยความเคารพ
ลู่เสี่ยวเจี้ยนเหลือบมองไปที่เจียงฉีด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม และดุว่า “แกเป็นใครกัน? สายตาไม่ได้เรื่องเลย ไม่เห็นว่าฉันกำลังพูดคุยกับเธออยู่หรือไง? แล้วยังกล้ามาขัดจังหวะฉันอีก?”