บทที่ 145 คุณคิดว่าผมจะแต่งกับคุณเหรอ?
ฉินเฟยโดนต่อยจนมึน มองหลินอิ่งกับจางฉีโม่ด้วยความผวา อยากตายขึ้นมาทันที อยากแทรกรูหนีจริงๆ
คิดไม่ตกว่าฉินอวี่กินลูกระเบิดอะไรลงไป อยู่ๆ ก็มาต่อยตัวเองอย่างนี้
“ฉินเฟยนายพูดไม่เป็นเหรอไง? ฉันบอกให้นายขอโทษประธานจางกับประธานหลิน!” ฉินอวี่ตบปากเขาไปฉาดใหญ่ จนฉินเฟยร้องสุดจะเจ็บปวด
“ผม……” ฉินเฟยมองหลินอิ่งกับจางฉี่โม่ด้วยความขมขื่น “เพราะอะไรอ่ะ! ผมไม่ยอม!”
“ยังไม่ยอมอีกเหรอ! อยากตายนักใช่ไหม!” ฉินอวี่ระเบิดอารมณ์ขึ้น ออกลูกเตะไปยกใหญ่ จนหน้าฉินเฟยเต็มไปด้วยรอยรองเท้า ตัวสั่นงันงก
“วันนี้ถ้าประธานหลินกับประธานจางไม่พอใจ นายก็คุกเข่าอยู่หน้าห้างไปชั่วชีวิต!” ฉินอวี่พูดเน้นย้ำ
ติ๊ดๆๆ!
ทันใดนั้น มือถือของฉินเฟยก็ดังขึ้น เห็นเป็น ลุงใหญ่ฉินฝู้กุ้ย!
แม้แต่พ่อของเขาพอเห็นลุงใหญ่ฉินฝู้กุ้ยก็ต้องเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ฉินเฟยหรือจะกล้าหุนหัน รับสายด้วยความตัวสั่นงันงก
“ฉินเฟย ถ้าวันนี้แกไม่คุกเข่าขอโทษประธานหลินกับประธานจาง ก็รอความตายซะเถอะ ฉันจะจัดการแกด้วยตัวเอง! พ่อของแกก็ขวางไม่อยู่!” ฉินฝู้กุ้ยสาดโมโหใส่ วางสายลงทันที
ฉินเฟยเหมือนเจอสายฟ้าฟาด สีหน้าซีดเผือด มองดูหลินอิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปากปิดสนิทไม่กล้าพูด
“ประธานจาง ประธานหลิน ขอโทษ! ขอโทษครับ! ขอโทษครับ! ผมไม่ควรด่าพวกคุณ ผมมันเป็นแค่สุนัข ใช่ ผมต่างหากที่เป็นสุนัข” ฉินเฟยก้มหัวเรียบลงกับพื้น ราวกับสุนัขตัวหนึ่งจริงๆ ไม่เหลือเกียรติแม้แต่นิดเดียว
เขากลัวจะแย่แล้ว คนที่มีกลิ่นอายสังหารอย่างฉินฝู้กุ้ยเอาเขาตายแน่นอน
ไอ้เจ้าหลินอิ่งเศษสวะ ทำไมถึงกินเส้นกับลุงใหญ่ฉินฝู้กุ้ยได้นะ? ให้ตายเถอะ! รู้อย่างนี้ไม่ล่วงเกินเขาแต่แรกก็ดี ต้องโทษยัยแพศยาลู่เวย
“หลินอิ่ง นี่เป็นเพื่อนคุณสินะ?” จางฉีโม่กระซิบถามหลินอิ่ง คลายความโมโหลง ฉินเฟยหมอนี่สมควรโดนแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะพูดออกมาได้ว่าห้ามสุนัขกับเธอซื้อของ มันจะมากเกินไปแล้ว!
คิดๆ แล้วก็จริง แม้แต่เสิ่นซานก็เป็นเพื่อนรักกับหลินอิ่ง แน่นอนฉินอวี่ก็ต้องเคารพหลินอิ่ง มิน่าคราวก่อนที่หน้าวิลล่าหิมะมังกร ฉินอวี่ถึงได้ตบฉาดหูอูฉู่เวินอย่างบ้าคลั่ง
หลินอิ่งพยักหน้าแล้วยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรมาก
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ลู่เวยมองดูอยู่ข้างๆ แบบมึนงง มองดูหลินอิ่งอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ไอ้เศษสวะนี่ทำไมถึงมีหน้ามีตาอย่างนี้นะ? นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักพี่ชายฝั่งพ่อของคุณชายฉินเฟย ฉินอวี่ถึงขั้นออกหน้าแทนเขา
เป็นไปไม่ได้ หลินอิ่งไม่มีความสามารถขนาดนี้แน่ ต้องเป็นเพราะความเข้าใจผิดระหว่างฉินเฟยกับพี่ชายฝั่งพ่อของเขาแน่นอน เป็นเรื่องบังเอิญ ไอ้เศษสวะหลินอิ่งยังคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตาอีก
“หลินอิ่งนายมันหน้าไม่อาย ในตระกูลฉินมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง เศษสวะอย่างนายทำเป็นตีซี้ เรียกคนอื่นว่าเพื่อน? นายคู่ควรเป็นเพื่อนกับคนตระกูลหลินเหรอ?” ลู่เวยพูดจาเชิดใส่ ดูถูกเศษสวะ ที่หน้าไม่อายทำมาเป็นตีสนิท
“พี่อวี่ ฉินเฟยกับพี่อาจจะเข้าใจผิดอะไรกัน อย่าได้ไปใส่ใจเลยนะ ฉันขอโทษแทนเขาด้วยละกัน มีเรื่องอะไรเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีๆ” ลู่เวยชม้อยชายตา ขอให้ฉินอวี่เห็นใจ
ฉินอวี่เบิกตาโพลง ที่ยัยเซ่อนี่ยังไม่รู้เรื่อง ตามด้วยสีหน้าที่ลุกเป็นไฟ มองฉินเฟยอย่างเย็นชาถามด้วยความสงสัยว่า: “ยัยเซ่อซ่านี่ใคร? เมียสามเมียสี่ใหม่นายข้างนอกเหรอ?”
“ผม……ผมไม่รู้จักหล่อย! ไม่รู้เป็นอีดอกมาจากไหน!” ฉินเฟยรีบถอยห่างความสัมพันธ์ กลัวจะล่วงเกินหลินอิ่งกับฉินอวี่เพราะผู้หญิงคนนี้
“อะไรนะ? คุณบอกว่าไม่รู้จักฉัน? ฉันเป็นเมียสามเมียสี่?” ลู่เวยพูดขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฉินเฟย เมื่อคืนคุณไม่ได้พูดอย่างนี้นี่ คุณบอกว่าจะแต่งฉันเข้าบ้านตระกูลฉิน!”
“คุณคิดว่าผมจะแต่งกับกะหรี่อย่างคุณเหรอ? อีดอกไม่ดูตัวเองซะบ้างเลย!” ฉินเฟยรีบเปลี่ยนเป็นด่าขึ้นมา “ผมเป็นคนมีเมียแล้ว ช่วยให้เกียรติกันด้วย!”
“คุณ! คุณมีเมียแล้ว แล้วยังจะมาให้ท่าฉันทำไม?” ลู่เวยพูดขึ้นมาอย่างไม่ยอม “ต่อให้มีเมียแล้ว คุณหย่ากับเมียคุณไม่ได้เหรอ?”
ฉินเฟยฟังแล้วยิ่งโมโหเป็นไฟ: ด่าด้วยโกรธว่า: “คุณนี่หน้าไม่อายจริงๆ! ผมเหรอให้ท่าคุณ? วันนั้นคุณนั่งมาในรถผมให้ท่าผมไม่ใช่เหรอ? คุณมุ่งมาที่ผมก็เพราะเงิน ทำมาเป็นสาวรักแรกรุ่น? แล้วยังจะให้ผมหย่ากับเมียอีก หน้าไม่อายจริงๆ ไสหัวไปซะ!”
“คุณ! คุณ!” สีหน้าลู่เวยแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะละอายใจ แต่เป็นเพราะไม่ยอมเลิกรา โอกาสดีๆ ที่จะได้แต่งเข้าบ้านเศรษฐีตระกูลฉิน แต่เป็นเพราะหลินอิ่งกับจางฉีโม่ ทำให้เธอต้องเสียเรื่องหมด!
ถ้าไม่เพราะพวกเขา ฉินเฟยจะถูกฉินอวี่ซ้อมได้อย่างไร? ถ้าฉินเฟยไม่ถูกฉินอวี่ซ้อม จะด่าเธออย่างนี้ได้อย่างไร?
“ประธานจาง ต่อไปถ้าคุณอยากจะซื้อเครื่องประดับอัญมณี เชิญเลือกที่ได้ตามใจชอบ!” ฉินอวี่ชม้ายชายตาพูดขึ้นมา
พูดจบ ฉินอวี่ก็หันไปตวาดพนักงานเคาน์เตอร์สาว: “เธอไม่มีตาเหรอไง? ยังไม่รีบไปเอาสร้อยคอที่แพงที่สุดมาอีก!”
“ค่ะ ค่ะ ฉันจะรีบไปเอามาเดี๋ยวนี้” พนักงานเคาน์เตอร์สาวตะลึงเหมือนครึ่งตายกับเหตุการณ์ รีบไปเอาสร้อยคอที่ราคาแพงที่สุดมาก
ลู่เวยมองจางฉี่โม่ด้วยความริษยา หล่อนมีสิทธิ์อะไรสวมสร้อยคอราคาแพงที่สุด? ต้องไปให้ท่าฉินอวี่แน่นอน หน้าไม่อายจริงๆ ไม่เช่นนั้นฉินอวี่จะช่วยหล่อนทำไม? หลินถูกสวมเขาแล้วยังเรียกชู้ว่าเพื่อน? เป็นคู่ผัวตัวเมียที่หน้าไม่อายเสียจริง!
“หึ พวกคุณเป็นผัวเมียที่หน้าไม่อายจริงๆ” ลู่เวยพูดด้วยความริษยา “หลินอิ่ง ฉันว่านายถูกสวมเขาแล้วดูมีความสุขสินะ? ช่างไม่รู้จักความอัปยศจริงๆ!”
พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ ลูกตาของฉินอวี่แทบจะกระเด็นออกมา คำพูดแบบนี้ก็พูดออกมาได้? ยัยนี่คงอยากจะตายสินะ?
เพียะๆๆๆ!
ฉินอวี่ไม่พูดพล่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปก็ตบไปหลายฉาด ตบจนลู่เวยปิดรอยฝ่ามือเอาไว้
“ขอโทษ! ขอโทษ! พี่อวี่ อย่าตบฉัน ฉันผิดไปแล้ว” ลู่เวยรีบร้อนขอโทษ ทำไมถึงขอโทษโดยไม่ถาม เพราะสำหรับเขาแล้ว ฉินอวี่มีเงินมีอำนาจ ตบเธอก็สมควรแล้ว!
“เธอนี่มันเลวเข้ากระดูก!” ฉินอวี่ด่าขึ้นมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ชม้ายยิ้มมองมาที่หลินอิ่ง
“นังตัวเวร รีบถอดสร้อยคอที่คอออกมา เธอมันไม่เหมาะกับสร้อยเส้นนี้! สร้อยเส้นนี้ฉันเป็นคนจ่ายเงินซื้อ แล้วก็รีบไสหัวออกไปซะ!” ฉินเฟยด่าด้วยความโมโห เห็นผู้หญิงคนนี้แล้วก็ยิ่งรำคาญใจ
ลู่เวยมองดูสร้อยคอทองคำขาวด้วยความอาลัยอาวรณ์ ลูบไล้อยู่สักพักแล้วจึงถอดออก จากนั้นก็รีบเผ่นออกจากห้างแทบตาย จากสายตาดุเดือดของฉินอวี่ที่จ้องมา
“ประธานหลิน ประธานจาง คุณทั้งสองยังต้องการเลือกซื้ออัญมณีอยู่ไหม? ผมจะพาคุณเลือกซื้อด้วยตัวเอง” ฉินอวี่พูดจากอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องแล้ว เสียอารมณ์แล้ว” หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มองไปยังจางฉีโม่ “ฉีโม่ พวกเราไปกันเถอะ หาที่กินข้าวกัน ผมเตรียมของขวัญดีๆ ชิ้นหนึ่งไว้ให้คุณแล้ว”