Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1358 : หยินชาง

บทที่ 1358 : หยินชาง

  เย่ชิงซินจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุนท่าทีของเธอดูอึกอักลังเลอย่างชัดเจน แต่แล้วในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

   ช่างเถิด!ข้าไม่อยากถามเจ้าแล้ว! 

   แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกให้เจ้าได้รู้ไว้แซ่ของแม่เจ้านั้นหาใช่มีแค่คำว่า ‘หยิน’ เท่านั้น แต่แซ่ของนางเต็มๆนั้นคือ.. 

   หยินชาง.. 

  ครั้งนี้หลิงหยุนตกใจมากกว่าครั้งใดๆเพราะหยินชางก็คือชื่อของราชวงศ์ชาง หรือเรียกอีกชื่อว่าราชวงศ์หยิน เป็นราชวงศ์ที่สองต่อจากราชวงศ์เซี่ย

   ไม่เพียงแค่นั้นนะ..ตระกูลหลิงของเจ้าเองก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว แต่ข้าเองก็รู้ไม่กระจ่างชัดนัก ข้าว่าเจ้าค่อยๆสืบเอาเองจะดีกว่า    หลิงหยุนรีบร้องถามขึ้นทันที เกี่ยวข้องกับคุนหลุนหรือไม่ 

  เย่ชิงซินพยักหน้าแต่แล้วก็ส่ายหน้า จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเกี่ยวข้องอย่างมากมายนัก.. 

  หลิงหยุนรู้เพียงแค่ว่าบรรพชนตระกูลหลิงนั้นมาจากวังมังกรเขาเคยคิดว่าดินแดนนี้เกี่ยวข้องกับคุนหลุน แต่เย่ชิงซินกลับบอกว่าไม่มากมายนัก

  หากวังมังกรมิใช่คุนหลุนแล้วมันคือสถานที่แห่งใดกัน

  เย่ชิงซินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับขมวดคิ้ว ข้าสนทนากับเจ้าจนกระทั่งฟ้าสางเชียวรึ 

  จากนั้นเย่ชิงซินก็เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าแสนไกลก่อนจะเอ่ยออกมาว่า  เจ้ายังต้องพบเจอกับปัญหาอีกมากมายนัก! 

  …..

  ฟิ้ว..  เย่เทียนตูเหาะกลับมาหาคนทั้งคู่พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความฉุนเฉียว น้าหญิง ท่านต้องจัดการเทียนสุ่ยให้ข้า เวลานี้เขาคลุ้มคลั่งไปแล้ว! 

  คงไม่อาจตำหนิเย่เทียนตูที่โมโหโทโสเช่นนั้นได้เพราะตั้งแต่ที่หลิงหยุนกับเย่ชิงซินเริ่มสนทนากันมาจนถึงตอนนี้ เย่เทียนสุ่ยก็เอาแต่เหาะไล่ล่าเขากลับไปกลับมาอยู่เช่นนี้เป็นระยะทางมากกว่าร้อยกิโลเมตรแล้ว เวลานี้เย่เทียนตูโมโหจนแทบจะอยากจะประมือกับเย่เทียนสุ่ยจริงๆ

   เทียนตูเจ้าใช้กระบี่เหินไล่แทงข้าก่อน เหตุใดจึงไม่เล่าด้วยเล่า 

  เย่เทียนสุ่ยที่เหาะตามมาติดๆรีบร้องตะโกนแก้ต่างทันทีเขาหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหอบ และขอบตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ เพราะเย่เทียนตูนั้นไม่ยั้งมือเลยสักนิด!

  เช่นเดียวกับตระกูลหลงเพราะหลงเทียนฟางก็แข็งแกร่งกว่าหลงเทียนซินเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนตูนั้นแข็งแกร่งกว่ากว่าเย่เทียนสุ่ย และสามารถเอาชนะเย่เทียนสุ่ยได้ไม่ยาก

  แต่เย่เทียนตูกลับโต้เถียงกลับไปทันที เป็นเจ้าที่ลงมือก่อน เจ้าปล่อยกระบี่ลมปราณใส่ข้า! 

  เย่เทียนสุ่ยกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห ใครใช้ให้เจ้าเหาะเร็วเช่นนั้นเล่า เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นพี่ของเจ้า? เจ้าควรต้องโอนอ่อนให้ข้าจึงจะถูก! 

   พวกเจ้าทะเลาะกันพอหรือยังหากยังไม่หยุดข้าจะทำโทษพวกเจ้าทั้งคู่! 

  เย่ชิงซินร้องตะโกนดุหลานชายทั้งสองอย่างหมดความอดทน

   เทียนตูคืนแหวนพื้นที่ให้กับหลิงหยุน! 

  เย่ชิงซินร้องสั่งหลานชายพร้อมกับกำชับต่อว่า อีกครึ่งชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้ว พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ จะให้ผู้คนพบเห็นพวกเราเหาะอยู่เช่นนี้ไม่ได้! 

  ด้วยขั้นพลังของเย่ชิงซินในเวลานี้แม้จะเป็นเวลากลางวัน หากนางไม่ต้องการให้ผู้คนพบเห็นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่นางรู้ดีว่าหลิงหยุนยังมีเรื่องที่ต้องการทำอีกมาก หากนางกับหลานชายทั้งสองยังอยู่ที่นี่ หลิงหยุนก็คงไม่สะดวกใจที่จะลงมือ

   น้าหญิงนี่เป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งนัก! 

  เย่เทียนตูคร่ำครวญด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยแต่ก็เข้าไปใกล้หลิงหยุน พร้อมกับยื่นแหวนในมือคืนให้

   ข้ายกให้เจ้า! หลิงหยุนตอบยิ้มๆ

  ในเมื่อมันเป็นของขวัญที่เขาได้มอบให้แล้วการจะเอากลับคืนจึงเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจ อีกอย่างแหวนแพลตตินัมที่ตี้เสี่ยวอู๋ไปหาซื้อมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นแหวนแบบเดียวกัน และมีลักษณะคล้ายแหวนของผู้ชายเสียมากกว่า จึงเป็นไปได้ที่เย่ชิงซินเห็นว่าไม่เหมาะกับตนจึงไม่ต้องการรับไว้

  และที่สำคัญเวลานี้นางได้รับโอสถล้ำค่าทั้งสองเม็ดไปแล้ว!   ด้วยเหตุนี้จึงดูเหมือนหลิงหยุนใจกว้างที่ยอมมอบแหวนพื้นที่ให้กับเย่เทียนตูแต่หากเขามีโอกาสได้พบกับเย่ชิงซินอีกครั้ง เขาจะหาแหวนที่เหมาะสมกว่านี้ให้กับนางแทน

  ทันทีที่ได้ยินเย่เทียนสุ่ยก็รีบย้ายร่างเข้าไปหาหลิงหยุนทันทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า  หลิงหยุน เหตุใดเจ้าไม่มอบให้ข้าบ้างเล่า 

  หลิงหยุนเหลือบมองเย่เทียนสุ่ยพร้อมตอบกลับไปทันที เพราะเจ้าคิดร้ายต่อข้ายังไงเล่า เจ้ากล้าหลอกข้า.. 

  เย่เทียนสุ่ยมีท่าทีกระอึกกระอักก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง และรีบอธิบายให้หลิงหยุนฟังว่า  หลิงหยุน ข้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเจ้า ข้าแค่อยากจะล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง! 

   ล้อเล่นงั้นรึ!แม้แต่ตัวเจ้าเองยังไม่กล้าลงไปที่สามเหลี่ยมปีศาจนั่นเลย! 

  หลิงหยุนจ้องมองเย่ชิงสุ่ยด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะบอกไปว่า  เหตุใดเจ้าไม่ลงไปสำรวจหาร่างของหลงเทียนฟางดูเล่า    และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนสนอกสนใจยิ่งนัก!

  เย่เทียนสุ่ยส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า ไม่ต้องลงไปก็รู้ แค่มองจากตรงนี้ก็เห็นแล้วว่าผิวน้ำบริเวณนั้นยังคงสงบนิ่ง หากเขาไม่ถูกสายน้ำกลืนกินเข้าไป ก็คงจะหนีไปไกลแล้ว! 

  หลิงหยุนพยักหน้าและคิดเช่นเดียวกันว่าหลงเทียนฟางคงจะหนีไปไกลแล้ว ไม่เช่นนั้นผิวน้ำบริเวณนั้นคงจะไม่สงบนิ่งถึงเพียงนี้!

  จากนั้นเย่เทียนสุ่ยก็เริ่มออดอ้อนหลิงหยุนทันที หลิงหยุน.. น้องชายคนเก่ง! เมื่อครู่ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น แต่เจ้ากลับโยนข้าลงไปในน้ำจริงๆ ข้ายังไม่คิดโกรธเคืองเจ้าเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจกว้างดั่งแม่น้ำ ได้โปรดให้แหวนแก่ข้าสักวงเถิดนะ! 

   เสียใจด้วย.. หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า  ข้าเหลือวงนั้นวงสุดท้าย! 

  สีหน้าของเย่เทียนสุ่ยเต็มไปด้วยความผิดหวังแต่แล้วก็เริ่มต่อรอง  ถ้าเช่นนั้นก็มอบโอสถสองเม็ดนั้นให้ข้าแทนก็ได้! ข้าอุตส่าห์เหาะมาตั้งไกลเพื่อมาช่วยเจ้า เจ้าจะใจดำให้ข้ากลับไปมือเปล่าจริงๆรึ 

  หลิงหยุนได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์และสอดส่ายสายตาสำรวจร่างของเย่เทียนสุ่ย พร้อมกับขมวดคิ้วในขณะที่พูดออกไปว่า

   แม้เจ้าจะผอมลงแล้วก็ตามแต่ก็ยังนับว่ามีไขมันอยู่ไม่น้อยไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะกินโอสถสองชนิดนี้! 

   เจ้า@#¥&… 

  เย่เทียนสุ่ยถึงกับสบถคำหยาบออกมาด้วยความโมโหก่อนจะตะโกนใส่หน้าหลิงหยุน  หลิงหยุน เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน 

  หลิงหยุนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มยียวน ข้าก็หมายความตามที่พูดนั่นล่ะ! 

  เย่เทียนสุ่ยยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม หลิงหยุน เจ้าก็รู้ว่าที่ข้าอ้วนก็เพราะกลั่นกระบี่ อีกเพียงแค่สองเดือนก็ไม่ต่างจากเจ้าแล้ว.. 

  หลิงหยุนหัวเราะหึๆก่อนจะตอบกลับไปว่า  ข้าไม่ให้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด เมื่อครู่ข้าตกอยู่ในอันตราย แต่เจ้ากลับนิ่งเฉย แต่เทียนตูกลับช่วยข้ารับมือหลงเทียนซิน! 

   … เย่เทียนสุ่ยได้แต่นิ่งอึ้งเพราะจนด้วยเหตุผล

  เย่ชิงซินกับเย่เทียนตูเห็นหลิงหยุนกับเย่เทียนสุ่ยปะคารมกันไปมาเช่นนั้นก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ เย่ชิงซินคร้านที่จะสนใจเย่เทียนสุ่ยอีก จึงได้แต่ร้องบอกหลิงหยุนว่า

   หลิงหยุนเจ้าคงจะมีอะไรต้องทำอีกมาก ข้าไม่อยู่รบกวนเวลาของเจ้าแล้ว ข้าขอตัวก่อน! 

   น้าหญิงเย่ข้าน้อมส่งแค่นี้! 

  หลิงหยุนยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเวลานี้เขาต้องการลงไปสำรวจที่บ่อมังกรอีกครั้งว่า จะมีสมบัติล้ำค่าใดอยู่เบื้องล่างบ้าง

  เย่ชิงซินเพียงแค่พยักหน้าและเหาะนำหลานชายทั้งสองกลับออกไปทันที!   –หลิงหยุนขอบใจเจ้ามาก! วันข้างหน้าหากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด ได้โปรดบอกให้ข้ารู้ทันที!-

  แม้เย่เทียนตูจะมิได้เอ่ยคำพูดใดกับหลิงหยุนก่อนจากกันแต่หลังจากเหาะออกไปแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะบอกหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิต

  –ยินดี!-

  หลิงหยุนตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆเท่านั้น

  เย่เทียนสุ่ยเห็นเย่ชิงซินกับเย่เทียนตูจากไปแล้วแต่เขาก็ยังคงมีท่าทีละล้าละลังว่าจะอยู่ต่อ หรือจะเหาะตามไปดี แต่ในที่สุดก็ต้องถอนหายใจออกมา และตัดสินใจที่เหาะตามคนทั้งคู่กลับไป

  แต่ก่อนจะไปก็ได้หันไปพูดกับหลิงหยุนว่า หลิงหยุน เจ้าไม่ควรปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้! ไม่แน่ว่าในวันข้างหน้า ข้าอาจจะกลายเป็นพี่เขยของเจ้าก็เป็นได้ และหากให้พี่สาวของเจ้ารู้เข้า…    หุบปากของเจ้าซะ! 

  หลิงหยุนไม่อาจทนฟังเย่เทียนสุ่ยพูดต่อได้จึงรีบตะโกนห้ามเสียงดังและพูดเย้ยหยันกลับไป  เจ้าอย่าได้ฝันลมๆแล้งๆไปเลย พี่หลิงซิ่วของข้าไม่มีทางสนใจเจ้าแน่! 

   ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้! 

  ทุกครั้งที่หลิงหยุนพูดถึงหลิงซิ่วเช่นนี้เย่เทียนสุ่ยก็จะโมโหโทโสขึ้นมาทุกครั้ง เขาร้องตะโกนใส่หน้าหลิงหยุนด้วยความมั่นอกมั่นใจ

   หลิงหยุน!ข้าขอบอกเจ้าไวเ้ลยว่า นับจากนี้อีกสองเดือน ร่างกายของข้าก็จะงดงามไม่ต่างจากเจ้า ถึงตอนนั้นข้าจะไปบ้านตระกูลหลิงทุกวัน และจะดีต่อพี่สาวของเจ้า ปฏิบัติต่อนางเยี่ยงเทพธิดา ไม่ว่านางต้องการสิ่งใดข้าก็จะหามาให้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่ใจอ่อน.. 

   หึ!เจ้าผอมลงแล้วยังไง คิดว่าตัวเองหล่อดั่งเทพบุตรหรือยังไง? 

  เย่เทียนสุ่ยเชิดหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า เจ้าก็คอยดูเอาเองก็แล้วกัน ตอนข้าเด็กๆ ข้าได้ฉายาว่ามังกรหน้าหยกเชียวนะ! 

  ฟิ้ว!

  แต่หลิงหยุนกลับไม่ใส่ใจและรีบควบคุมกระบี่เหินเงาธนูของตนให้มุ่งหน้าไปยังบ่อมังกรทันที!

  และเวลานี้หลิงหยุนก็มั่นใจแล้วว่าตระกูลเย่กับตระกูลหลิงนั้นมิได้มีความแค้นฝังลึกต่อกันเลย การพบกันคืนนี้จึงนับว่าเป็นการเริ่มต้นสัมพันธภาพที่ดีของสองตระกูล ในความคิดของเขานั้นเย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูล้วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  เวลานี้หลิงหยุนรู้สึกว่าทั้งเย่เทียนตูกับเย่เทียนสุ่ยนั้น ควรค่าที่จะเป็นสหายของเขา!

   นี่!ข้ายังพูดไม่จบเลย.. รอข้าด้วยสิ! 

  เย่เทียนสุ่ยร้องตะโกนพร้อมกับเหาะตามหลิงหยุนไปทันทีแล้วทั้งคู่ก็เหาะตรงไปยังบ่อมังกรด้วยความรวดเร็ว

  ….  ระยะทางจากสามเหลี่ยมปีศาจไปถึงบ่อมังกรนั้นค่อนข้างยาวหลิงหยุนเหาะไปอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของชาวบ้าน และเมื่อไปถึงเขาก็ร้องตะโกนท้าทายเย่เทียนสุ่ยทันที

   เจ้ามังกรอ้วนหน้าหยกเจ้ากล้าดำลงไปในบ่อมังกรหรือไม่ 

  เย่เทียนสุ่ยถึงกับอึ้งไปและรีบร้องตะโกนถามกลับไปทันที  นี่เจ้ายังจะลงไปที่นั่นอีกรึ 

   เลิกถามไร้สาระได้แล้วตอบข้ามา.. เจ้ากล้าลงไปใต้บ่อมังกรหรือไม่ 

  เย่เทียนสุ่ยทำสีหน้าหวาดเสียวพร้อมกับถามหลิงหยุนว่า แล้วเจ้ามังกรแดงนั่นจะกินข้า เข้าไปหรือไม่ 

  หลิงหยุนได้แต่นึกขันแล้วตอบกลับไปว่า  ข้าเองก็ไม่มั่นใจ เพราะด้านล่างเป็นรังของมัน! 

  เย่เทียนสุ่ยรีบถามต่อทันที ข้างล่างนั่นลึกเท่าไหร่    หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ ก็น่าจะราวสามหรือสี่ร้อยเมตร! 

   เอ่อ.. 

  เย่เทียนสุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบกลับไปว่า หลิงหยุน ข้าอยู่ให้กำลังใจเจ้าบนฝั่งจะดีกว่า! 

  ตูม!

  ยังไม่ทันที่เย่เทียนสุ่ยจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำร่างของหลิงหยุนก็กระโดดลงไปในบ่อมัวกรเรียบร้อยแล้ว

  ทันทีที่ลงไปใต้น้ำหลิงหยุนก็ใช้วิชาคลื่นคงคาแหวกว่ายลงไป และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว เขาก็ดำดิ่งลงไปได้ลึกกว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้ว

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท