ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 320 ไอ้เขยขยะที่มาจากตุงไห่งั้นเหรอ?

บทที่ 320 ไอ้เขยขยะที่มาจากตุงไห่งั้นเหรอ?

ภายใต้ความสนใจของสายที่นับไม่ถ้วน เบนท์ลีย์สีดำที่เคร่งขรึมและไม่เปิดเผย ขับช้าๆ ไปที่อาคารนิ่งซื่อนานาชาติ

กลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสูททางการ นำโดยผู้บริหารระดับสูงของตระกูลนิ่งหลายคน เดินเข้าไปราวกับดวงดาวที่เดินตามพระจันทร์ และต้อนรับด้วยความเคารพ

คนแรกที่ลงมาจากรถคือบอดี้การ์ดตัวสูงในชุดโค้ตสีดำดึงประตูรถเปิด จากนั้น ชายหนุ่มในชุดดำก็ลงจากรถ

เนื่องจากผู้คนที่มาชมอยู่ห่างไกลกัน และทีมบอดี้การ์ดที่ล้อมไว้ ผู้คนที่อยู่ในสถานที่ได้แต่มองดูร่างของผู้อาวุโสผู้ลึกลับคนนี้จากระยะไกลเท่านั้น

แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถมองออกผ่านโครงร่างได้อย่างชัดเจนว่า ผู้นำคนใหม่ของตระกูลนิ่งคนนี้ เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง!

“นี่ก็คือผู้อาวุโสลึกลับของตระกูลนิ่งเหรอ? ฉันยังคิดว่าเขาจะเป็นผู้เฒ่าแล้ว นี่มันยังหนุ่มเกินไปหรือเปล่า? ”

“ที่มาและภูมิหลังของบุคคลผู้นี้คืออะไร? ไม่น่าเชื่อเลย ไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่มีออร่าที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในตี้จิงมาก่อนเลย!”

“เฮ้ แต่น่าเสียดายที่มองไม่เห็นรูปลักษณ์ของเขาอย่างชัดเจน มิฉะนั้นฉันอยากจะขอให้ใครสักคนหาโอกาสแนะนำลูกสาวของฉันไป” ผู้หญิงแต่งตัวดีอุทาน

“อย่าคิดไปเองเลย คนใหญ่โตเช่นนี้จะขาดผู้หญิงหรือไม่? ข้าพเจ้าได้ถามคนในตระกูลนิ่งไปแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลนิ่งนั้นลึกลับมาก ในตระกูลนิ่งมีเพียงผู้บริหารระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะพบเขา และไม่มีรุ่นหลังของตระกูลนิ่งที่มีคุณสมบัติพอที่จะพบ คนธรรมดาๆ จะมีโอกาสเจอคนใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อหลินอิ่งเข้าไปในสถานที่ ผู้คนที่เฝ้าดูต่างก็พูดคุยกัน และใบหน้าของทุกคนก็ตกตะลึงและหวาดกลัว

ท่าทางนี้ดูสง่างามมาก เป็นหนุ่มมาก ทำให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่างจากผู้อื่น

ท่ามกลางฝูงชนที่มาชมดู มีบุคคลที่มีสีหน้างุนงง จ้องมองไปที่ด้านหลังของหลินอิ่งจากระยะไกล

“น้องโจตง เสียงตบลิ้นสองครั้ง ผู้ชายควรจะอยู่ในลักษณะที่มีเกียรติเช่นนี้ เอ๊ะ คุณกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ? หรือว่าคุณจะรู้จักผู้อาวุโสตระกูลนิ่งคนนี้หรือไม่?” ชายหนุ่มที่มีนิสัยไม่ธรรมดาถามด้วยความประหลาดใจ

“น้องกงซุน ผมมองไม่เห็นชัดเจนว่าผู้อาวุโสของตระกูลนิ่งหน้าตาเป็นอย่างไร แต่รู้สึกว่าด้านหลังนั้นคุ้นเคยมาก” โจตงพูดอย่างลังเล “เงาร่างนี้ คล้ายกับคนที่ผมรู้จักอยู่ในเมืองตุงไห่ ไอ้ขยะคนหนึ่งที่ผมอยากจะทุบตีเป็นพิเศษ”

“โอ้? จริงเหรอ?” ชายหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจ

โจตงส่ายหัวและยิ้ม “คาดว่าผมดูผิดไปเอง คนที่ผมพูดถึง คือลูกเขยไอ้ขยะที่โด่งดังของเราในเมืองตุงไห่ ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องเกาะผู้หญิงกิน”

“ฮ่าฮ่า น้องโจ คุณนี่ชอบพูดเรื่องตลกจริงๆ ไปกันเถอะ น้องโจตง มีโอกาสไม่มากนัก ที่จะพาคุณเข้าไปเปิดตา” ชายหนุ่มหัวเราะและพูด

โจตงพยักหน้า และปฏิเสธความคิดที่แวบขึ้นมาในสมองของเขา เพราะมันไร้สาระมาก

เงาหลังของผู้อาวุโสตระกูลนิ่ง จะทำให้เขานึกถึงหลินอิ่งลูกเขยขยะของตระกูลจางคนนั้นก็จริง แต่ว่า นี่ไม่ใช่หลินอิ่งอย่างแน่นอน

เขาจะไม่เชื่อแม้ว่าเขาจะถูกฆ่าตายก็ตาม คนอย่างหลินอิ่งที่อาศัยผู้หญิงกิน มันจะมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

หลินอิ่งไอ้ขยะคนนั้น ขี้ขลาดเหมือนหนู และขยะจะตาย ครั้งล่าสุดเขาให้บอดี้การ์ดในเมืองชิงหยูนทุบตีตัวเอง และก็วิ่งหนีไปทันที ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ไม่เห็นตัวคนเลย

หลังจากเข้าหาความสัมพันธ์ของตระกูลกงซุนได้สำเร็จในตี้จิงในครั้งนี้ และกลับไปที่เมืองตุงไห่ จะต้องหาตัวไอ้ขยะเจ้าโง่หลินอิ่งคนนั้นออกมาให้ได้!

โจตงคิดอย่างขมขื่น และเดินตามชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขา เข้าไปในห้องประชุมของอาคารนิ่งซื่อ

……….

หอประชุมของอาคารนิ่งซื่อ เปรียบเสมือนพระราชวังตะวันตกสมัยโบราณขนาดใหญ่ ที่มีแขก VIP นับไม่ถ้วนนั่งลง ปูพรมแดงยาว และโคมไฟระย้าอันหรูหราสะท้อนให้เห็นทุกหนทุกแห่ง สไตล์นี้ค่อนข้างไม่ธรรมดา

หลังจากที่หลินอิ่งถูกต้อนรับเข้าไปในสถานที่โดยผู้บริหารระดับสูงของตระกูลนิ่ง โดยมีเพียงฮาเดสเท่านั้นที่อยู่รอบตัวเขา เดินไปที่ห้องทำงานของประธานบนชั้นสาม

งานพิธีครองตำแหน่งในครั้งนี้ หลินอิ่งมาเพื่อช่วยนิ่งซวนให้เป็นผู้นำที่แท้จริง ในพิธีระดับสูงของตระกูลนิ่งเพื่อรับรู้ตำแหน่งของนิ่งซวนในแวดวงเมืองตี้จิง เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนรุ่นหลังจัดการกับเรื่องต่างๆ และเขาจะไม่มาออกหน้า

ระหว่างทาง ไม่มีใครสนใจหลินอิ่ง แต่เมื่อเขากำลังจะขึ้นไปชั้นบน ชายหนุ่มและหญิงสาวสองสามคนเข้ามาทักทายเขา ทันใดนั้นก็หยุดเดิน และจ้องไปที่หลินอิ่ง

หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมอง และพบว่าหลายคนที่เดินเข้ามาคุ้นเคยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นทายาทสองสามคนของตระกูลโจในเมืองตุงไห่ ซึ่งเคยอยู่กับกงซุนชิวอวี่ในขณะนั้น

“โอ้ย? นี่ไม่ใช่หลินอิ่งลูกเขยของตระกูลจางเหรอ? เข้ามาในนี้ได้ยังไง? ” โจยู่ถานกล่าวด้วยสีหน้าขี้เล่น

โจตงจ้องไปที่หลินอิ่งอย่างเย็นชา และคันมือที่อยากจะลงมือ

ถ้าไม่ใช่งานใหญ่ของพิธีครอบครองของตระกูลนิ่ง เขาจะเข้าไปตบหน้าหลินอิ่งสักสองสามครั้ง!

ครั้งที่แล้วที่หลินอิ่งอยู่ที่การประชุมทางธุรกิจที่จัดโดยลาตีนกรุ๊ป เขาให้บอดี้การ์ดโยนเขาและพี่สาวลูกพี่ลูกน้องออกไปโดยตรงในจุดนั้น กลายเป็นเรื่องตลก และทำให้อับอายขายหน้า

หลังจากกลับไป โจตงและทั้งสองได้รายงานต่อนายท่านของตระกูลโจวทันที จากนั้นตระกูลโจก็ส่งกลุ่มอันธพาลที่โหดเหี้ยมไปแก้แค้นหลินอิ่ง แต่ผลที่ตามมา หลินอิ่งก็หายตัวไปจากในเมืองชิงหยูน โดยไม่รู้ว่าเขาหายไปที่ไหน

ทำให้ทั้งสองคนกัดฟัน และกลั้นความโกรธเคืองไว้จนถึงตอนนี้

แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ในครั้งนี้มาที่ตี้จิงเพื่อเข้าหาตระกูลกงซุน และติดตามลูกชายของตระกูลกงซุนมาร่วมพิธีของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง อยากจะขยายเครือข่ายความสัมพันธ์ และรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่สักหน่อย แต่ไม่คิดว่าจะพบกับหลินอิ่งได้?

ไอ้ขยะอย่างหลินอิ่งแบบนี้ จะมีสิทธิ์เข้ามาในสถานที่ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?

ชายหนุ่มผู้นำที่ใส่ชุดพิเศษ มองดูหลินอิ่งอย่างลังเล และพูดว่า “โจตง ยู่ถาน มีอะไรเหรอ? นี่เป็นเพื่อนของคุณสองคนเหรอ? ”

“เขาไม่ใช่เพื่อนของเราเลย นี่เป็นไอ้ลูกเขยที่ไร้ค่ามาจากเมืองตุงไห่ ไม่รู้ว่าจะแอบเข้ามาที่นี่ด้วยวิธีไหน?” โจยู่ถานกล่าวด้วยท่าทางที่ดูถูก

“พี่กงซุน นี่ก็คือคนที่ผมเคยพูดถึงกับคุณมาก่อนเมื่อกี้นี้ ไอ้ขยะที่ฉันอยากจะทุบตี” โจวตงพูดพร้อมกับเยาะเย้ย

โจยู่ถานมองหลินอิ่งด้วยสายตายั่วยวน และพูดว่า “หลินอิ่ง ไอ้ขยะที่เชี่ยวชาญในการเกาะกิน คราวนี้คุณแอบเข้ามาในอาคารนิ่งซื่อ มันจะไม่ใช่คางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ และอยากเกลี้ยกล่อมลูกสาวเศรษฐีคนไหนเหรอ? ก็ไม่ลองส่องกระจก แล้วดูว่าตัวเองมีรูปลักษณ์แบบไหนกัน? ”

ในขณะที่พูด โจยู่ถานมองไปที่ชายหนุ่มข้างๆ และพูดว่า “ใช่แล้ว พี่กงซุน ครั้งที่แล้วที่คุณหนูกงซุนชิวอวี่มาที่เมืองตุงไห่ ก็คือคนที่ไร้ยางอายคนนี้ ติดอยู่กับคุณหนูทุกวัน และยังหวังว่าจะได้เข้าตระกูลที่ร่ำรวย คำถามคือ เขาเป็นผู้มีภรรยาอยู่แล้ว พี่กงซุน คุณคิดว่า คนแบบนี้ ไร้ประโยชน์และไร้ยางอายมากไหม?”

“ไอ้ลูกเขยที่เกาะกินผู้หญิงคนหนึ่ง? ยังหวังที่จะปีนขึ้นไปบนกิ่งสูงของตระกูลกงซุนของเรางั้นหรือ?” กงซุนจื่อจู๋ก็มองหลินอิ่งด้วยความรังเกียจ “ดูเหมือนผมก็จะเคยได้ยินเรื่องนี้ อยู่ในตระกูลกงซุนจริงๆ ช่างกล้าเหลือเกิน! ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่โจยู่ถานพูด กงซุนจื่อจู๋ก็จำขึ้นได้เช่นกัน ครั้งที่แล้วที่กลับไปที่มณฑลเกาหยางเคยฟังเพื่อนที่ดีเจิ้งหยวนเป่าพูดถึงอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องนี้จริงๆ มีไอ้ขยะที่ไม่กลัวตายคนหนึ่งอยากจะปีนขึ้นบนกิ่งสูงของกงซุนชิวอวี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นหลินอิ่งผู้นี้เอง

“ไอ้ขยะไร้ยางอายอย่างคุณ คุณหนูคนโตผู้สง่างามของตระกูลกงซุนของเรา คุณก็สามารถไปเข้าใกล้ได้หรือไม่?” กงซุนจื่อจู๋ดุด่าด้วยความสง่างาม ชี้ไปที่จมูกของหลินอิ่งและตะโกน

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท