ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 326 ฉีหยิ่น ฉันต้องหาคุณจนเจอแน่

บทที่ 326 ฉีหยิ่น ฉันต้องหาคุณจนเจอแน่

“ภรรยาผม?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว ถามเสียงเรียบ “พูดให้ชัดเจน เธอคือใคร?”

“ฉันคือจ้าวหลินเอ๋อร์ ฉีหยิ่น คุณจำฉันไม่ได้เหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์กัดริมฝีปากถาม

จ้าวหลินเอ๋อร์เป็นคนให้ความสำคัญกับชื่อเสียง เป็นผู้หญิงที่ใส่ใจเรื่องชื่อเสียง ใส่ใจเรื่องหมั้นหมายกับฉีหยิ่งมาก หลายปีนี้ตั้งแต่ฉีหยิ่นออกจากตี้จิงตั้งแต่เด็ก เธอก็ใช้อำนาจของตระกูลจ้าวเพื่อสืบหาร่องรอยของเขา

สำหรับจ้าวหลินเอ๋อร์แล้ว ถ้าไม่พูดเรื่องการหมั้นหมายของหลินอิ่งให้ชัดเจน เธอไม่มีวันไปหาคนอื่นแน่นอน

ครั้งที่แล้วตระกูลฉีถูกตระกูลเหวินฆ่าล้างตระกูล เธอนึกว่าฉีหยิ่นตายแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอันจบ

แต่คิดไม่ถึง ฉีหยิ่นกลับคืนสู่ตี้จิงอย่างมีอำนาจ กลับมาครองอำนาจตระกูลฉีใหม่ สถานการณ์แบบนี้ เธอต้องมาถามทุกอย่างให้ชัดเจน

หลินอิ่งเงียบไปสักครู่ ชื่อจ้าวหลินเอ๋อร์รู้สึกคุ้นเคย คิดไปสักครู่ รู้สึกในความทรงจำของเขามีชื่อนี้ สมัยเด็กเคยเจอที่ตระกูลฉี แต่เธอหน้าตายังไงเขาจำไม่ได้แล้ว

พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว สมัยเด็กคุณปู่เคยคุยเรื่องหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวไว้

หลินอิ่งรู้เรื่องจ้าวหลินเอ๋อร์ แต่ว่า เขาไม่เคยใส่ใจแม้แต่น้อย

“หาผมมีเรื่องอะไร?” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ

“เหอะ หาคุณมีเรื่องอะไร?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างไม่พอใจ “ฉันนึกว่าคุณตายไปแล้ว”

หลินอิ่งขมวดคิ้ว ในน้ำเสียง ฟังออกว่าผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ

จ้าวหลินเอ๋อร์พูด “คุณมาหาฉันที่จงเทียนซิงเฉิงตอนนี้ ฉันจะพูดกับคุณต่อหน้า”

หลินอิ่งพูด “ไม่ว่าง”

“คุณ” จ้าวหลินเอ๋อร์โมโหจนเบิกตากว้าง กัดริมฝีปากแน่น

“ฉีหยิ่น คุณอวดดีอะไร?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างโมโห “ฉันถามคุณ คุณมีผู้หญิงข้างนอกใช่ไหม? โครงการสตาร์ไลท์ที่จงเทียนซิงเฉิง คุณให้ลูกน้องทำใช่ไหม? ทำให้ผู้หญิงคนนั้น?”

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ผมก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง ผมขอบอกให้คุณรู้ไว้ ผมมีภรรยาแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง

“อะไรนะ?” จ้าวหลินเอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง มือที่รับโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย โมโหจนหน้าซีด

ใช่แล้ว เธอรู้สึกว่าถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง

เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว พ่อเป็นผู้คุมอำนาจของตระกูลจ้าว ตั้งแต่เด็กก็มีคนคอยเอาใจอย่างเจ้าหญิง เดินไปถึงไหนก็มีแต่คนคอยเอาใจ ฐานะสูงส่งขนาดไหนในตี้จิง?

มองไปทั่วประเทศ ผู้หญิงที่สามารถเทียบฐานะกับเธอได้ ใช้มือข้างเดียวก็นับได้

แต่ว่า กลับถูกฉีหยิ่นดูถูกแบบนี้

“ฉีหยิ่น ฉันหาคุณมาสิบกว่าปี คุณกลับไปแต่งงานมีเมียข้างนอกแล้ว? คุณเป็นสัตว์เดรัจฉานเหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์โมโหจนตัวสั่น

“บอกฉันมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ฉันจะว่า เป็นผู้หญิงตระกูลไหนกันแน่ กล้ามาแย่งผู้ชายกับฉัน” จ้าวหลินเอ๋อร์ถามเสียงเย็นชา

ในสายตาเธอ สิ่งที่เป็นของเธอไม่มีใครแย่งไปได้แน่นอน

ตั้งแต่เล็กจนโต ของที่เธอถูกใจ ไม่เคยมีอะไรที่เอามาไม่ได้

ถึงแม้จะไม่ได้เจอฉีหยิ่นมาสิบกว่าปี แต่เธอจำได้ว่า ในสมัยเด็กฉีหยิ่นก็มีหน้าตาที่ไม่ธรรมดาแล้ว ตอนนี้ก็คงไม่ได้แย่มาก

อีกอย่าง ฉีหยิ่นกลับสู่ตี้จิง ฆ่าล้างตระกูลเหวินเพียงคนเดียว กลายเป็นคนในตำนานแห่งตี้จิง เป็นบุคคลตัวอย่างของคนรุ่นใหม่

มีเพียงผู้ชายอย่างฉีหยิ่น ถึงจะคู่ควรกับเธอจ้าวหลินเอ๋อร์

“ผมไม่มีเวลามาพูดกับคุณ ผมขอพูดอีกครั้ง ผมมีภรรยาแล้ว ต่อจากนี้อย่ามารบกวนชีวิตของผมอีก” หลินอิ่งพูด

“เหอะ รบกวนชีวิตของคุณ?” จ้าวหลินเอ๋อร์ทำเสียงเย็นชา สำหรับพฤติกรรมของหลินอิ่ง เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหม ว่าคุณทำให้เป็นปัญหาของชีวิตฉัน สัญญาหมั้นหมายระหว่างตระกูลฉีกับตระกูลจ้าวในอดีต ในสังคมตี้จิงต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมด คุณมีผู้หญิงข้างนอก จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

หลินอิ่งพูดอย่างเรียบง่าย “ถ้าหากตระกูลจ้าวของพวกคุณให้ความสำคัญกับเรื่องหมั้นขนาดนี้ ผมกลับไปแล้ว จะเขียนจดหมายเลิกหมั้นส่งไปให้ตระกูลจ้าว”

สัญญาหมั้นในอดีต คุณปู่ฉีเวิ่นติ่งเป็นคนพยักหน้า

ดังนั้น หลินอิ่งก็ตัดสินใจไว้หน้าคุณปู่ของตัวเองหน่อย ตระกูลจ้าวจะมาติดใจกับเรื่องนี้ แบบนี้ก็ฝืนตัวเองเสียเวลาเสียหมึกเขียนจดหมายเลิกหมั้นให้กับจ้าวหลินเอ๋อร์

“คุณพูดอะไร? ฉีหยิ่น คุณดูถูกกันเกินไปแล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ โกรธจนปวดหัว ถ้าหากฉีหยิ่นอยู่ตรงหน้า เธอคงอยากถีบเขาให้ตายไปเลย

“ฉีหยิ่น อย่าคิดว่าคุณมีอำนาจในตระกูลฉีแล้ว ฉันจะกลัวคุณ คุณกล้าดูถูกฉันแบบนี้…..” จ้าวหลินเอ๋อร์สายตาโมโห โกรธจนพูดอะไรไม่ถูก “คุณมาจงเทียนซิงเฉิงเดี๋ยวนี้ วันนี้ต้องพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน”

หลินอิ่งส่ายหน้า เขาไม่มีเวลาไปสนใจผู้หญิงที่ทำนิสัยเหมือนคุณหนู

“สิ่งที่ควรพูด ผมพูดไปหมดแล้ว ผมไม่ไปเจอคุณแน่” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ

จ้าวหลินเอ๋อร์กำหมัดไว้แน่น พูดว่า “ฉีหยิ่น วันนี้คุณไม่มาหาฉันที่จงเทียนซิงเฉิง ฉันจะรออยู่ที่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“ไม่ ไม่ใช่” จ้าวหลินเอ๋อร์คิดอะไรขึ้นมาได้ รู้สึกว่าแบบนี้ดูเหมือนตัวเองค่อนข้างอ่อน จึงรีบพูดแก้ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉีหยิ่น ถ้าคุณไม่มา ฉันเอาลูกน้องคุณถูซานตายแน่”

พูดจบ เธอก็ดีดนิ้ว บอดี้การ์ดสาวสองคนก็ต่อยไปที่หน้าของถูซานสองหมัด ต่อยจนเขาหน้ามืดตามัว จากนั้นก็ปืนสองกระป๋องจ่อไว้บนหัวเขา

ถูซานเหงื่อท่วมหัว รู้สึกอึดอัดใจ เจอเรื่องแบบนี้ เรื่องระหว่างท่านอิ่งกับจ้าวหลินเอ๋อร์ เขาไม่มีวิธีอะไรแม้แต่นิดเดียว

คุณหนูใหญ่อย่างจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่มีเหตุผลเลย

“ความอดทนฉันมีขีดจำกัด ฉีหยิ่น ให้เวลาคุณสิบนาที รีบมาหาฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอธิบายให้ฉันอย่างชัดเจน เรื่องที่คุณบอกว่าคุณแต่งงานแล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา

“ทำไมไม่พูด? หรือว่า คุณกลัวที่จะเจอหน้าฉัน?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถาม รู้สึกว่าในโทรศัพท์ หลินอิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย

“ก่อนที่ผมจะจริงจัง จ้าวหลินเอ๋อร์ พาคนของคุณ ออกจากจงเทียนซิงเฉิงเดี๋ยวนี้”

“ถ้าคุณกล้าฆ่าคนของผม ผมจะทำให้ตระกูลจ้าวของพวกคุณชดใช้ด้วยเลือด”

ฝั่งโน้นในโทรศัพท์ เป็นเสียงของหลินอิ่งที่เย็นชา จากนั้น เสียงติ๊ด สายถูกตัดไปแล้ว

จ้าวหลินเอ๋อร์แววตากะพริบ ในน้ำเสียงของหลินอิ่ง มีแววอาฆาต ทำให้เธอตัวสั่น

เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกกลัวฉีหยิ่นเหรอ?

“คุณหนู ต่อไป เราจะทำยังไงต่อ?” บอดี้การ์ดสาวสีหน้าเย็นชาถาม

“ปล่อยถูซาน พวกเราไป”

จ้าวหลินเอ๋อร์ลุกขึ้น พิมพ์ข้อความในมือถือด้วยสีหน้าตื่นเต้น ส่งข้อความให้หลินอิ่ง เนื้อหาคือ ฉีหยิ่น ฉันต้องหาคุณเจอแน่

บอดี้การ์ดสาวทั้งสองก็ปล่อยตัวถูซานที่เหงื่อท่วมหัว ตามจ้าวหลินเอ๋อร์ออกจากออฟฟิศ

เมื่อออกจากอาคารซิงเฉิงแล้ว จ้าวหลินเอ๋อร์จากการคุ้มครองของบอดี้การ์ดเป็นแถวๆ นั่งกลับไปยังรถของเธอ

จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าหนักใจ กำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอพบว่า มีมือถือกั้นกลาง ฉีหยิ่นยังให้ความกดดันกับเธอได้ขนาดนี้

ในใจเธอไม่สงสัยแม้แต่น้อย กับน้ำเสียงการพูดของหลินอิ่งในโทรศัพท์ ต้องเอาจริงแน่ ผู้ชายคนนี้ มีความกล้าที่จะลงมือต่อตระกูลจ้าว

เพราะว่า นี่คือฉีหยิ่นแห่งตี้จิงที่ฆ่าล้างตระกูลเหวินด้วยตัวเอง ตำนานของเขาเหมือนเรื่องเล่าที่ลือกันไปทั่วทุกทิศในตี้จิง

“กล้ามาดุฉัน อวดดีต่อหน้าฉัน สักวันต้องหาคุณเจอให้ได้” จ้าวหลินเอ๋อร์แววตากะพริบ พูดพึมพำเอง

เวลานี้จ้าวหลินเอ๋อร์รู้สึกว่า มีเพียงฉีหยิ่นเท่านั้นที่คู่ควรกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างเธอ ดังนั้น ถึงแม้ฉีหยิ่นจะหลบหน้าตัวเอง ก็ต้องหาจนเจอให้ได้

“ชิงสุ่ย ชิงเหอ เธอสองคนกลับไปแล้ว จับตามองจงเทียนซิงเฉิงไว้ จับตาดูพวกหยูจื๋อเฉิง ต้องหาฉีหยิ่นออกมาให้ได้” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดกำชับ

แค่คิดถึงฉีหยิ่นบอกว่ามีภรรยาแล้ว จ้าวหลินเอ๋อร์รู้สึกไม่พอใจมาก รู้สึกถูกเหยียดหยามและโกรธ ทั้งอิจฉาตาร้อน ความรู้สึกในใจมากมาย

ไม่หาฉีหยิ่นจนเจอ พากลับตระกูลจ้าว เธอไม่มีวันหยุดแน่ ฉีหยิ่นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวอย่างเธอมีสัญญาหมั้นหมายอยู่ ยังกล้ามีผู้หญิงข้างนอก ไร้ระเบียบไร้มารยาท ไม่มีเธออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท