ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 430 อยากได้เงินเท่าไหร่หยิบเองเลย

บทที่ 430 อยากได้เงินเท่าไหร่หยิบเองเลย

“หมายความว่ายังไง? นายปิดสัญญาณทั้งอาคาร นานอยากทำอะไร?”

รองหัวหน้าสมาคมมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในใจรู้สึกไม่ดี

สีหน้าของทุกคนที่นั่งในนี้ ต่างก็หวาดกลัวสงสัย

คราวนี้ คนหน้าโหดเข้ามาเยอะขนาดนี้ ท่าทางแบบนี้ ทำพวกเขาชะงักกันทุกคน

จากสายตาของพวกเขา ก็ต้องดูออกอยู่แล้ว คนที่หลินอิ่งพามากลุ่มนี้ แต่ละคนก็คือนักฆ่าโหดมือเปื้อนเลือดกันทั้งนั้น

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย นั่งพิงเก้าอี้ ดีดนิ้วดัง

ทันใดนั้น มีทีมงานการตลาดกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ในมือต่างถือกระเป๋าสีเงินทุกคน

ฮวั๊ก

กระเป๋าสีเงินกว่าสี่สิบใบโยนไว้บนโต๊ะประชุม

คั๊กคั๊ก

ทีมงานการตลาดเปิดกระเป๋าออกอย่างถนัด ข้างในเป็นธนบัตรสีเขียวเต็มกระเป๋า

ในกระเป๋าทุกใบมีเงินดอลลาร์เป็นก้อนๆวางอยู่ในกระเป๋า

ตรงหน้าของสมาชิกทุกคนวางกระเป๋าเงินดอลลาร์สองใบ ทุกใบอย่างน้อยห้าสิบล้าน

เงินสดหนึ่งร้อยล้าน วางอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ผลกระทบแรงขนาดไหน ไม่บอกก็รู้

“คำพูดไร้สาระผมไม่อยากพูดกับพวกคุณแล้ว” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “อยากได้เงินเท่าไหร่ พวกคุณหยิบเอง”

“คนที่สนับสนุนเรื่องนี้ เอาเงินออกไปได้ ที่ลานจอดรถยังมีเงินอีกสองคันรถ เงินสดสองพันล้าน”

“พวกคุณคิดว่าตัวเองสามารถทำงานได้มากแค่ไหน ก็ไปเอาเอง ถ้าคิดว่าน้อยไป ค่อยมาเอากับผม”

หลินอิ่งพูดจบ

ทันใดนั้น ในห้องประชุมเงียบสงบ

ทุกคนที่นั่งในนี้ กลืนน้ำลาย ในสายตาเต็มไปด้วยความโลภ

พวกเขาตะลึงกับความกล้าในการจ่ายเงินของหลินอิ่ง

พวกเขาต่างก็เป็นอภิมหาเศรษฐีแห่งเมืองก่าง ทรัพย์สินกว่าพันล้าน แต่ก็ต้องตะลึงกับความใจป้ำของหลินอิ่ง

เงินสดพันล้าน บอกเอามาแจกคนก็แจกแบบนี้ ความใจกล้าของหลินอิ่ง ทำให้พวกเขาอึ้งไม่เบา

ทำงานทุ่มเทมากเกินไปแล้ว

“นี่……คุณหลิน เรื่องที่คุณเสนอนี้ มันยากที่จะให้พวกเราสนับสนุน” รองหัวหน้าหนีสีหน้าเปลี่ยนไป ไม่กล้าดูถูกหลินอิ่งแล้ว คำนำหน้าที่เรียกก็เปลี่ยนไป พูดอย่างระมัดระวัง “คุณหลินคุณอยากคุยธุรกิจอะไร ก็คุยได้ แต่ว่า จะให้พวกเราล้มตำแหน่งหัวหน้าของคุณท่านจี้ เกรงว่าจะยากเกินไป……”

“ใช่ คุณหลิน หรือไม่คุณเปลี่ยนข้อเสนออื่น จากความจริงใจของคุณ อยากจะเข้าร่วมสมาคมธุรกิจเมืองก่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” รองหัวหน้าสมาคมโจ๋ปรับแว่นตา พูดอย่างเชื่องช้า “แต่ว่าจะล้มตำแหน่งคุณท่านจี้ พูดตามตรง ไม่ใช่พวกเราไม่ไว้หน้าคุณ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้”

ทุกคนที่นั่งต่างก็ถูกเงินที่หลินอิ่งเอามาดึงดูด แต่ก็ยังเกรงกลัวต่ออำนาจของจี้ฉงซาน ไม่กล้าสนับสนุนข้อเสนอของหลินอิ่ง

เพราะว่า นั่นคืออภิมหาเศรษฐีแห่งเมืองก่างจี้ฉงซาน

ถึงแม้พวกเขาจะเอาเงินของหลินอิ่ง สนับสนุนเรื่องที่หลินอิ่งเสนอปฏิเสธตำแหน่งหัวหน้าสมาคมเมืองก่างของจี้ฉงซาน

แต่ว่า รับเงินนี้ไปก็ต้องมีชีวิตใช้

กลับไปแล้วต้องถูกจี้ฉงซานเอาให้ตายแน่

“เหอะ ค่อนข้างน่าสนใจ หลินอิ่ง ฉันนึกขึ้นได้แล้ว คุณก็คือเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังหลินซื่อกรุ๊ป นายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคริส?”

ทันใดนั้น รองหัวหน้าหลี่ที่ไม่พูดสักคำ หัวเราะเย็นชาพูดขึ้นมา จ้องหลินอิ่งสายตาเย็นชา

“คุณรู้ไหม หลินซื่อกรุ๊ปของคุณผิดระเบียบธุรกิจเมืองก่าง และอยู่ในบัญชีดำของสมาคมธุรกิจเมืองก่างเราแล้ว ถูกต่อต้านแล้ว” รองหัวหน้าหลี่ค่อยๆพูด “คุณยังกล้ามาเจรจาธุรกิจในเมืองก่างอีก? ทำไม? กลัวจนเต้นแร้งเต้นกาแล้วเหรอ กลัวสมาคมของพวกเราทำให้ล้มละลาย?”​

หลินอิ่งขมวดคิ้ว สายตาเย็นชามองไปที่รองหัวหน้าหลี่

“ประธานหลิน รองหัวหน้าสมาคมหลี่ท่านนี้ เป็นคนที่จี้ฉงซานจัดไว้ในสมาคมเมืองก่าง เป็นเลขาคนสำคัญรับผิดชอบด้านธุรการการเงินทั้งหมดของจี้ฉงซาน” หยินต้าชิวพูดแนะนำอยู่ข้างหลินอิ่ง

หลินอิ่งพยักหน้า มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา

“คุณคิดว่า ลำพังคุณ สามารถต่อต้านหลินซื่อกรุ๊ปของผมได้?” หลินอิ่งมองรองหัวหน้าสมาคมหลี่อย่างเรียบเฉย

หัวหน้าสมาคมหลี่หัวเราะเย็นชา ท่าทางไม่ใส่ใจ

“ทุกท่าน ผมเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้ว คุณหลินท่านนี้ ก็คือประธานของหลินซื่อกรุ๊ปที่ก่อนหน้านี้สมาคมของพวกเราประกาศปิดกั้น” หัวหน้าสมาคมหลี่พูดด้วยสีหน้าสนุก “คุณหลินท่านนี้ ไม่มีธุรกิจอะไรทำในเมืองก่างแล้ว บริษัทของเขาในตลาดหุ้นเสียหายวันละเป็นร้อยล้าน พวกคุณรู้ไหมว่านี่เป็นเพราะอะไร?”

“คุณหลิน คุณไม่รู้ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นผมมาบอกคุณ” หัวหน้าสมาคมหลี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เพราะว่าคุณต่อต้านกับคุณท่านจี้อย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คุณท่านจี้ให้ผมควบคุมตลาดหุ้น บริษัทของคุณ จากการควบคุมของผม สูญเสียเงินทุนทุกวันวันละเป็นร้อยล้าน”

“ออ?” หลินอิ่งมองรองหัวหน้าสมาคมหลี่อย่างสนใจ “เสียหายวันละร้อยล้าน ผมกล้าเล่น ถ้าอย่างนั้นจี้ฉงซานที่อยู่เบื้องหลังคุณ เขากล้าเล่นไหม?”

ดูแล้ว รองหัวหน้าสมาคมหลี่ ก็คือคนสำคัญที่ช่วยจี้ฉงซานควบคุมธุรกิจ

ส่วนเขาเองให้คริสจ่อจงธุรกิจทั้งหมดของจี้ฉงซาน สงครามการเงินของทั้งสองฝ่าย ต่างก็เสียหายอย่างรุนแรง เสียหายร้อยล้านทั้งสองฝ่าย สิ่งที่สู้กันก็คือพื้นฐาน ดูว่าใครทนรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ออกจากเมืองก่างก่อน

“คุณรู้ไหม? ในเมืองก่าง ไม่มีใครมีเงินกว่าคุณท่านจี้?” รองหัวหน้าสมาคมจี้พูดอย่างเย็นชา

“คนที่ใกล้ล้มละลาย วิ่งมาอวดรวยอะไรที่สมาคมธุรกิจเมืองก่าง? คุณคิดว่าเอาเงินแค่นี้มา ก็สามารถซื้อสมาชิกทั้งหมดในสมาคมธุรกิจได้เหรอ?”

“อยากล้มคุณท่านจี้? คุณสามารถเสนอราคานี้ได้ คุณท่านจี้ก็ออกได้”

“ในฐานะตัวแทนของคุณท่านจี้ในสมาคม ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบ เงินของหลินอิ่ง พวกคุณรับได้หรือไม่ ในใจพวกคุณรู้ดี”

หัวหน้าสมาคมหลี่สีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางมั่นใจแจ้งเตือนทุกคนในนี้

ทันใดนั้น ทุกคนที่นั่งในห้องประชุม สีหน้าต่างก็ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด

พวกเขารู้เหตุผลที่หลินอิ่งมาแล้ว

พูดตามตรง พวกเขาไม่เห็นดีกับเรื่องที่หลินอิ่งจะต่อต้านกับจี้ฉงซาน

“คุณหลิน หัวหน้าสมาคมหลี่พูดถูก คุณให้เงินเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ คุณมีปัญญาออกเงิน คุณท่านจี้ก็มีปัญญา เพราะฉะนั้น คุณก็อย่าคิดว่าพวกเราจะถูกคุณซื้อได้ง่ายๆ” รองหัวหน้าสมาคมหนีพูด “อีกอย่าง พฤติกรรมของคุณตลกสิ้นดี ยังเอาบอดี้การ์ดทั้งกลุ่มมาหาเรื่องที่สมาคมอีก ทุกคนในนี้มีใครไม่ใช่คนใหญ่โตมีชื่อเสียง? ใช้อำนาจข่มขู่ ไม่มีประโยชน์”

“ใช่แล้ว คุณหลิน พฤติกรรมของคุณทำให้ผมสงสัยในปัญญาสมองของคุณ” รองหัวหน้าสมาคมหลี่พูดจาหัวเราะเยาะ “เอาเงินสดมารับซื้อคนในสมาคม? ยังเรียกทีมบอดี้การ์ดมายึดสถานที่? คุณคิดว่าเป็นเรื่องเด็กเล่นเหรอ?”

“เหอะเหอะ การกระทำต่ำต้อยแบบนี้ ใช้ในสถานที่อื่นอาจจะมีประโยชน์ ใช้วิธีนี้ในสมาคมเมืองก่าง มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี เท่าที่ฉันดูแล้ว นายก็แค่หมดหนทางแล้ว หมดปัญญาสู้กับคุณท่านจี้แล้ว ถึงได้รีบร้อนจนใช้วิธีแบบนี้?”

หลังจากรู้เรื่องราวความเป็นมาแล้ว ในใจพวกเขาก็มีเพียงแค่ความดูถูก

หลินอิ่งเอาเงินออกมามากมายขนาดนี้แล้วยังไง? เงิน? ทุกคนในนี้มีใครขาดบ้าง?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า หลินอิ่งจะต่อต้านจี้ฉงซาน ใช้วิธีการแบบนี้ ก็อยากล้มอภิมหาเศรษฐีเมืองก่าง ตลกสิ้นดี

“ออ? รองหัวหน้าสมาคมหลี่ คุณไม่ขาดเงินใช่ไหม?” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณคิดว่าวิธีของผมตลก?”

“หรือว่าไม่ตลกเหรอ? พูดตามตรง วิธีการของคุณ ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการเป็นคู่ต่อสู้กับคุณท่านจี้เลย” หัวหน้าสมาคมหลี่พูดอย่างเย็นชา

หลินอิ่งพยักหน้า ไม่ได้พูดมาก ดีดนิ้วดังส่งสัญญาณให้ฮาเดส

ปัง

ฮาเดสพุ่งเข้าไป ตบหน้ารองหัวหน้าสมาคมหลี่ กดตัวเขาไว้บนโต๊ะขยับไม่ได้

“แก ไอ้แซ่หลิน แกอยากทำอะไร?”

ปัง

ฮาเดสสีหน้าโหดเหี้ยม หยิบปืนDesert Eagleออกมาจี้อยู่บนขมับของรองหัวหน้าหลี่ ลั่นไกทันที

เลือดสาดกระจาย รองหัวหน้าสมาคมหลี่ไร้ลมหายใจทันที ล้มนอนอยู่บนโต๊ะ

“พวกคุณคิดว่า ผมมาเพื่อถามความเห็นของพวกคุณเหรอ?” หลินอิ่งมองหน้าทุกคนด้วยสีหน้าเฉยชา พูดเสียงเรียบ

ทันใดนั้น ทุกคนที่นั่งในนี้ ตัวสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

พวกเขาทุกคนตกใจหัวใจเต้นแรง แม้แต่วิญญาณยังสั่น มองไปที่หลินอิ่ง เหมือนกับกำลังมองอสูรร้ายตัวหนึ่ง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท