“พี่เฟิง ไอ้ไร้น้ำยานี่ยังแกล้งอีก รู้ว่าตัวเองไม่มีหน้าเทียบกับพี่ ก็สร้างความวุ่นวาย”
“ท่าทางไร้น้ำยาอย่างมัน เห็นสถานที่ใหญ่โตหรูหราแบบนี้ คงตกใจหมดแล้ว ฉันนี่นับถือความหน้าด้านของมันจริงๆ ยังมีหน้ามาท้าทายกับพี่อีก”
คนที่ติดตามอยู่ข้างกายซือหม่าเฟิงหลายคน ต่างก็พากันพูดจากเสียดสี สายตาที่มีหลินอิ่งนั้นดูถูกอย่างขีดสุด
ถึงจะเป็นคนโง่คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนี้ ก็ยังสามารถดูออกได้ ซือหม่าเฟิงเขาเป็นคนที่มีอำนาจเงินทองมากมายแค่ไหน ความหรูหราวางอยู่ตรงนี้ ไอ้แซ่หลินน่าโง่นี่ยังปากแข็งอวดดีตรงนี้อีก?
ไม่รู้จักดู ของสะสมเหล่านี้มูลค่าสูงขนาดไหน พูดตามตรง แม้แต่พวกคุณชายตระกูลดังเหล่านั้น ก็เล่นแบบนี้ไม่ได้
มีเพียงซือหม่าเฟิงแบบนี้ ซึ่งเป็นคุณชายตระกูลชั้นสูงในตี้จิงที่ได้รับความรักใคร่เป็นพิเศษ ถึงมีปัญญาเล่นของสะสมล้ำค่าขนาดนี้ได้
เพราะว่า คุณชายตระกูลมหาเศรษฐีที่เอาเงินพันล้านมาเล่นของสะสม ทั่วประเทศหลุงก็มีเพียงไม่กี่ตระกูล
มีเพียงเมืองใหญ่อย่างตี้จิงแบบนี้ ถึงมีคุณชายระดับซือหม่าเฟิงแบบนี้ พวกคุณชายมหาเศรษฐีในเมืองเล็กๆเหล่านั้น ไม่รู้ว่าต่างกันกี่ระดับ
“คุณถามผมว่ามีปัญญาซื้อไหม? เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ส่ายหัว
“นี่ก็คือสิ่งที่คุณพูด อะไรที่คนเก่งเขาเล่นกัน?” หลินอิ่งถาม “นี่ก็คือระดับของคุณ?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ? นายนี่อยากให้ฉันหัวเราะตายหรือไง ไม่รู้จักดูสภาพตัวเอง ยังกล้ามาแสดงต่อหน้าฉันอีก?” ซือหม่าเฟิงโมโหจนหัวเราะ พูดอย่างเย็นชา “นายก็ไม่รู้จักดูว่าตัวเองอยู่ระดับไหน?”
แค่ไอ้แซ่หลินนี่ ช่างเป็นอีกาที่ไม่รู้ว่าตัวเองดำจริงๆ
แค่ดูก็รู้ว่าเป็นแค่พนักงานรับเงินเดือนทั่วไปเท่านั้น ยังมาเทียบระดับกับคุณชายอย่างเขาอีก?
ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะจนฟันร่วง
“ฉู่ฉู่ ตอนนี้เธอดูเข้าใจหรือยัง? ไอ้หน้าโง่ที่ยืนข้างเธอ มันมาเล่นตลกชัดๆ อยู่กับผู้ชายแบบนี้ ทำให้เธอขายหน้าเปล่าๆ” ซือหม่าเฟิงมองไปที่ฉู่ฉู่แล้วถาม “ฟังคำเตือนจากเพื่อนเก่าสักคำ ไอ้ไร้น้ำยานี่ ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่ ลดระดับตัวเองไปเปล่าๆ”
“จากนี้ไป ฉู่ฉู่ ในตี้จิง เธอรู้จักฉันซือหม่าเฟิงก็พอ ในดินแดนตี้จิงแห่งนี้ ยังไม่เคยมีเรื่องอะไรที่ฉันจัดการไม่ได้” ซือหม่าเฟิงเอามือตบหน้าอก พูดอย่างอวดดี
เขาอยากเอาทุกอย่างที่ตัวเองมีโชว์ออกมาให้หมด
ฟังคำพูดของซือหม่าเฟิงแล้ว ฉู่ฉู่สีหน้านิ่งเฉย เพียงแค่แอบมองหลินอิ่ง สายตาอยู่ในตัวของหลินอิ่งทั้งหมด ท่าทางหลงใหล
เธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยเข้าสังคม เกิดในตระกูลฉู่ แนวคิดทัศนคติตั้งแต่เด็กก็ไม่เหมือนคนทั่วไป
อีกอย่าง พ่อของเธอฉู่สงซาน ทำธุรกิจใหญ่โตในเมืองก่าง รถหรูนาฬิกาหรูอะไรพวกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น สำหรับเธอแล้วมันไม่มีความหมายอะไรเลย
ตรงกันข้าม หลินอิ่ง เธอรู้สึกชอบเสน่ห์ในตัวของหลินอิ่งมาก ขอแค่ได้อยู่ข้างกายผู้ชายคนนี้ ฉู่ฉู่ไม่รู้เพราะอะไร ในใจก็รู้สึกถึงความสบายอบอุ่น
สายตาของซือหม่าเฟิงเย็นชาลง จ้องหน้าหลินอิ่ง ทนไม่ไหวที่จะระเบิดความโกรธออกมาแล้ว
ปกติ ขอแค่ผู้หญิงที่เขาอยากจีบ ขอแค่เขาแสดงอำนาจเงินทองออกมาเล็กน้อย ผู้หญิงก็เข้ามาติดเขาเองแล้ว อย่างน้อยทัศนคติก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉู่ฉู่ไม่สะทกสะท้านเลย ในสายตามีเพียงไอ้ขยะแซ่หลินนั่น
“ไอ้แซ่หลิน ฉันสงสัยมาก ว่านายมีความสามารถแค่ไหนกัน? ฉันว่านายไม่มีปัญญาซื้อรถพวกนี้ นายไม่พอใจ ก็ให้ฉันดูหน่อยว่านายมีความสามารถแค่ไหนกัน?” ซือหม่าเฟิงพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ไม่ใช่ฉันดูถูกนาย นายมันก็แค่ผู้ชายไร้น้ำยาที่ขี้โม้เท่านั้น รู้ไหม?”
“กูดูถูกนายแบบนี้ นายก็ลองพิสูจน์ความสามารถของนายเลย? นอกจากขี้โม้ ยังมีความสามารถอะไร? บอกฉันมา นายทำงานที่ไหน? ฉันจะเรียกประธานบริษัทนายมาสั่งสอนนายเดี๋ยวนี้” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างอารมณ์เสีย โมโหมาก วันนี้ต้องทำให้หลินอิ่งมันขายหน้าต่อหน้าฉู่ฉู่ให้ได้
“ผมทำอะไรเหรอ ขอเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่าไปสืบ” หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อคุณจะคิดว่าของสะสมของตัวเองนั้นมูลค่าล้ำค่า ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกคุณ ของที่คุณสะสม มันไร้ค่า”
“เมื่อเทียบกับสะสมรถหรูนาฬิกาหรู ผมชอบความรู้สึกในการทำลายมากกว่า” หลินอิ่งหัวเราะ พูดอย่างเย็นชา
พูดไป หลินอิ่งก็โบกมือ เพื่อส่งสัญญาณให้ฮาเดสที่ยืนข้างหลัง
“ทุบทำลายเศษเหล็กพวกนั้นของเขาซะ”
“ครับ ประธานหลิน”
ฮาเดสพูดอย่างเคารพ จากนั้นก็เดินไปด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย หาที่นั่งแล้วนั่งลงพร้อมฉู่ฉู่
เขายกแก้วไวน์ขึ้นมาจีบไปคำหนึ่ง แล้วจุดบุหรี่ มองซือหม่าเฟิงด้วยความสนใจ
สีหน้าซือหม่าเฟิงตกใจ จากนั้นก็ยิ้มอย่างรู้สึกสนุก
“ไอ้แซ่หลิน นายคงไม่ได้ซื่อบื้อหรอกนะ? ให้บอดี้การ์ดทุบทำลายของสะสมฉัน?” ซือหม่าเฟิงหัวเราะอย่างดูถูก รู้สึกว่าหลินอิ่งก็เป็นแค่ตัวตลกที่อวดดี “ยังพูดว่าของสะสมของฉันไร้ค่า? นายอิจฉาตาร้อนมากกว่า ไร้ความสามารถได้มาครอบครองใช่ไหม? นายนี่มันผู้ชายไร้น้ำยาจริงๆ”
“ตลกสิ้นดี พี่เฟิง ฉันว่าผู้ชายคนนี้สมองมีปัญหา ทั้งๆที่เป็นแค่คนไร้น้ำยา ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโต”
“ใช่ นี่มันคนสติไม่สมประกอบชัดๆ พูดแบบนี้ต่อหน้าพี่เฟิง มันคงบ้าไปแล้วมั้ง?”
คนที่ยืนข้างซือหม่าเฟิง ต่างก็ผ่านกันหัวเราะเยาะขึ้นมา
พวกเขารู้สึกว่ามันช่างตลกจริงๆ หลินอิ่งคนนี้ เป็นตัวตลกที่มาสร้างเสียงหัวเราะหลังอาหารชัดๆ
ปัง
ปัง
เวลาเดียวกันนั้น ภายในงานก็มีเสียงดังโครมคราม
เห็นเพียง ฮาเดสเดินเข้าไปอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งแตะทั้งถีบพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เฝ้าของสะสม
จากนั้น ก็ถีบโต๊ะไม้หลายตัวพังทลาย จนเครื่องหยกเครื่องปั้นดินเผาแต่ละชิ้นที่ตั้งโชว์ แตกกระจายไปทั่วทุกทิศ
แม้แต่ตู้กระจกที่ตั้งโชว์นาฬิกานับร้อย ก็ถูกฮาเดสถีบจนกระเด็น เสียงแตกแพร่งพรายเต็มพื้น
ทันใดนั้น ทุกคนในงานต่างก็ตกตะลึงตาค้าง รู้สึกว่าได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นตรงหน้า
ซือหม่าเฟิงหันไปดู ทันใดนั้นสองตาแดงก่ำ รู้สึกปวดใจและเสียดายอย่างยิ่ง เลือดไหลในใจ
เวลาเดียวกัน เขาก็แสดงสายตาที่ไม่อยากเชื่อ เมื่อเรียกสติกลับมาได้ ก็หันไปจ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความโมโห
“ไอ้แซ่หลิน แกนี่มารนหาที่ตายใช่ไหม?”
ซือหม่าเฟิงมองหน้าหลินอิ่ง ตะโกนเสียงดังขึ้นมา สายตานั้นเหมือนจะฆ่าคนแล้ว อารมณ์บ้าคลั่ง